px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 109 - สังหารเทวะเซียนเทียน


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/

บทที่ 109 - สังหารเทวะเซียนเทียน

"ไม่ทราบว่าเจ้ามีนามว่าอะไร ส่วนเจ้าสามารถเรียกข้าว่ากงหยางอวี้ ตัวข้านั้นมาจากเมืองธาราสวรรค์ ที่พวกเรามาที่แห่งนี้ในวันนี้นั้นเพียงเพื่อต้องการลิ้มลองรสชาติปลาดำที่เลื่องลือ จากโรงเตี๊ยมอวี้เหอ โปรดยกโทษให้น้องชายข้า เยียนชี ที่ได้กระทำการไม่ดีออกไป"กงหยางอวี้ยิ้มและยืนขึ้นในขณะที่เขาอธิบาย

อวี้เหอค่อนข้างงุนงงกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ความโกรธและจิตสังหารหายไปเพียงชั่วขณะ และแทนที่ด้วยรอยยิ้ม

"ข้ามีนามว่าอวี้เหอ เพื่อไม่เป็นการรบกวน ข้าขอตัวลา"

"เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนนัก? ทำไมเจ้าไม่ร่วมโต๊ะกับพวกข้าก่อน? พวกเราสามารถเพลิดเพลินสังสรรค์ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันได้หรือไม่?"หยางเยียนชี เข้าใจความหมายในสายตาของกงหยางอวี้ เขารู้ว่าพี่ชายของเขานั้นสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ และมันไม่ใช่อยู่แค่ในระดับความสนใจทั่วไปเท่านั้น  แต่กงหยางอวี้นั้นต้องการตัวของอวี้เหอ

อวี้เหอขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่เธอเริ่มมองด้วยสายตาที่รังเกียจไปยังหยางเยียนชี

"เจ้ามองหาสิ่งใดกัน? หรือว่าเจ้าไม่มีความสุข? เจ้าคงไม่รู้สถานะของพี่ชายข้าที่อยู่ในเมืองธาราสวรรค์สินะ? ถ้าพี่ชายข้าต้องการเจ้า มันถือได้ว่าเป็นเกียรติสำหรับเจ้าแล้ว นางร่าน!!!!"หยางเยียนชียิ้มออกมา ตระกูลหยางนั้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และได้รับการยกย่องในเมืองธาราสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจะสนใจตะกูลเล็กๆอย่างตระกูลอวี้อยู่ในสายตาได้อย่างไร?

เขานั้นรู้อยู่แล้วว่าตระกูลอวี้นั้นมีผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียน เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับ เทวะเซียนเทียนกำลังบาดเจ็บอยู่ส่วนผู้เชี่ยวชาญคนอื่นยังมีอยู่อีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลหยางของพวกเขานั้นต่างได้รับการสนับสนุนจากผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนจำนวนมาก

"ที่นี่คือโรงเตี๊ยมอวี้เหอ ข้านั้นให้ความเคารพลูกค้าของข้า และข้าก็ให้ความเคารพพวกเจ้าด้วยเช่นกัน โปรดระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย หรือจะให้ข้าขับไล่พวกเจ้าออกจากโรงเตี๊ยมของข้า"อวี้เหอกล่าวอย่างเย็นชา

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!! ระวังคำพูดเช่นนั้นรึ? ถ้าข้าไม่ทำล่ะเจ้าจะทำเช่นไร? วันนี้ไม่เพียงแต่ข้าต้องการให้เจ้าร่วมโต๊ะอาหารกับพวกข้า คืนนี้ เจ้าจะต้องหลับนอนกับพี่ชายข้าด้วย"

ในที่สุดความโกรธของอวี้เหอก็ถึงขีดสุด แต่แล้วเสียงด่าก็ดังลอยมาแต่ไกล "ทำไมพวกสุนัขตระกูลหยางถึงได้ดีแต่เห่า? มันช่างฟังดูน่ารำคาญยิ่ง ทำไมพวกมันถึงไม่ขังสุนัขไว้ที่บ้าน แทนที่จะให้มันออกมาเห่าคนภายนอก แม้พวกมันจะกล้าเห่าเสียงดัง แต่ข้ามั่นใจว่ามันไม่กล้ากัดใคร มันจะยิ่งดีถ้าพวกมันกล้ากัดคน ข้าจะได้มีเหตุผลในการลงมือฆ่าพวกมันทิ้ง"แม้ว่าภายใต้เสียงนั้นจะมีความเบื่อหน่าย แต่มันกลับเต็มไปด้วยพลัง ชิงสุ่ยก้าวเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมอวี้เหอ พร้อมทั้งพูดโดยไร้ซึ่งรอยยิ้ม

ในวันนี้ชิงสุ่ยตั้งใจมาที่โรงเตรียมอวี้เหอเพื่อส่งปลาและเต่าให้กับอวี้เหอ ในช่วงเวลาที่เขากำลังจะก้าวเข้ามาข้างใน เขาได้ยินคำเย้ยหยันของหยางเยียนชี และเมื่อเขาเห็นอวี้เหอไม่อาจต่อกรได้ เขาจึงก้าวเข้ามาอย่างวีรบุรุษที่คอยช่วยสตรีงาม

"ชิงสุ่ย!!!"เมื่อเห็นชิงสุ่ย อวี้เหอก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าเขานั้นย่อมต้องช่วยเหลือเธออย่างแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

"ไอ้เด็กสารเลว ดูเหมือนเจ้ากําลังรนหาที่ตาย?"หยางเยียนชีไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อน เขาเป็นนายน้อยจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขาไม่เคยได้รับการตำหนิเช่นนี้มาก่อนเลย

"ต้องขอโทษด้วย แต่ข้าไม่พูดคุยกับลูกสุนัขเช่นเจ้า ได้โปรดไปเห่ากับเพื่อนเจ้าเถิด แต่ถ้าเจ้าไม่เข้าใจ สงสัยข้าจะต้องตีเจ้าสักหน่อยแล้ว"ชิงสุ่ยยิ้มกว้างออกมา

"ไอ้เด็กนรก ไปตายซะ"หยางเยียนชีพูดด้วยความโกรธ ชิงสุ่ยเรียกเขาว่าสุนัขครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเขาไม่ได้อัดชิงสุ่ยให้ฟันร่วง เขาก็คงไม่อาจระบายความเกลียดชังในใจของเขาได้

"เยียนชี ระวังตัวด้วย อย่าทำพลาดล่ะ"กงหยางอวี้จ้องมองชิงสุ่ย เขารู้สึกว่าชิงสุ่ยนั้นค่อนข้างแตกต่างจากคนทั่วไป และเขาอาจซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อของเขา

"เจ้าสุนัขชั่ว ข้าจะต้องสั่งสอนให้เจ้าเชื่อฟังโดยวิธีการอย่างไรดี"ชิงสุ่ย หัวเราะออกมาดังๆ ในขณะที่เขายืนนิ่งอยู่ที่จุดเดิม และเฝ้ามองเยียนชีที่กำลังพุ่งตัวมา ก่อนที่เขาจะสวนกลับด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว

หมัดที่ถูกส่งออกมาจากชิงสุ่ยนั้นเชื่องช้าและถูกปล่อยออกมาหลังจากเยียนชีโจมตี แต่ที่น่าแปลกคือเขากลับเลือกที่จะกระแทกมันเข้าสู่หมัดของคู่ต่อสู้

ตูมมมมมมม!!!!!

"อร๊ากกกกกกกกกกกกกก"

ด้วยการชกแบบสบายสบาย มันกับส่งผลให้ไหล่ของเยียนชีหลุดออกจากข้อต่อในทันที อีกทั้งกระดูกของเขายังป่นปี้อีกด้วย

"ห๊ะ ทำไมเจ้าช่างอ่อนแอเช่นนี้? ยังมีหน้ามาแสดงอาการหยิ่งยโสภายในเมืองร้อยไมล์แห่งนี้ด้วย ถ้าไม่ได้อยู่ในระดับเทวะเซียนเทียน อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์ขั้นสูงสุด?" ใบหน้าที่งุนงงปรากฏขึ้นบนหน้าของชิงสุ่ย

ความเจ็บปวดจากอาการแขนหักที่หยางเยียนชีได้รับทำให้เขาหมดสติในทันที

ตอนนี้กงหยางอวี้และลุงจงได้ให้ความสำคัญกับชิงสุ่ยเพิ่มขึ้น หยางเยียนชีเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปราณบัญชาสวรรค์ มันไม่ควรมีใครที่จะสามารถเอาชนะเขาได้แม้กระทั่งในหมู่รุ่นเยาว์ของเมืองร้อยไมล์

แต่ใครจะคาดคิด เมื่อรุ่นเยาว์คนนั้นจะปรากฏตัวขึ้น อีกทั้งยังใช้เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้นในการเอาชนะหยางเยียนชี

"เจ้าหนูน้อย หมัดของเจ้าช่างยอดเยี่ยมมาก"ชายที่ชื่อว่าท่านลุงจงกล่าวขึ้นมาพร้อมเผยรอยยิ้มบนใบหน้า

"ขอบคุณสำหรับคำชมของเจ้า ไอ้สุนัขก่อนหน้านี้มันช่างไร้ประโยชน์ยิ่ง รู้เพียงแต่วรู้วิธีการเห่า แต่กลับไม่รู้วิธีการกัด มันก็เป็นเพียงสุนัขโง่ๆตัวนึงเท่านั้น" ชิงสุ่ยพูดจาถากถาง เนื่องจากชายทั้งสามคนนั้นได้สร้างปัญหาให้กับอวี้เหอ เขาจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับพวกมัน

"เจ้านั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งนัก แต่คนในครอบครัวเจ้าไม่ได้สั่งสอนเลยรึว่าอย่าสามห้าวกับผู้ที่อาวุโสกว่า?"ชายที่ชื่อว่าท่านลุงจงปลดปล่อยอารมณ์บางอย่างมาในขณะที่เขาพูด

หลังจากคำสุดท้ายคำว่า "ผู้อาวุโส" ที่เขากล่าวมานั้น กลิ่นอายคลื่นลมปราณสีขาวกระจายอยู่รอบๆตัวของท่านลุงจง และเริ่มสร้างแรงกดดันมหาศาลออกมา

"ผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียน" อวี้เหอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ 10 ปีที่แล้ว เธอเคยเห็นปู่ของเธอแสดงสิ่งแบบนี้ขึ้นมา คลื่นพลังปราณสีขาวมันคือพลังปราณเทวะเซียนเทียนจากผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียน

"แม่นางตัวน้อย ดูเหมือนเจ้านั้นค่อนข้างจะมีความรู้  แต่อย่างไรก็ตาม มันก็สายไปแล้วสำหรับไอ้หนูคนนี้"ใบหน้าที่เคร่งขรึมของลุงจงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่หมายจะยุติชีวิตของชิงสุ่ยลง

"ได้โปรดจะฆ่าเขาเถอะ เขาไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องเลย ข้ายอมแบกรับผลที่เกิดขึ้นเอง"อวี้เหอดึงชิงสุ่ยไปไว้ข้างหลังของเธอ ในขณะที่เธอเดินขึ้นไปอีกสองก้าว ขวางทางผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียน

"อวี้เหอ………."ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่าอวี้เหอห่วงใยเขาแค่ไหน เธอยินดีที่จะเป็นโล่และยอมสละชีพเพื่อเขา เพียงเพื่อให้เขาสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย ความบอบช้ำเกิดขึ้นภายในจิตใจ เขาทำได้เพียงแค่ด่าสาปแช่งตัวเองว่าเป็นคนโง่  ผู้หญิงที่ดีๆอยู่ตรงหน้าของเขา แต่เขากลับทำสิ่งเลวร้ายกับเธอได้ยัง?

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เขาจะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร และจะเกิดกับน้องชายข้ามันคืออะไรกันล่ะ? เจ้าจะบอกว่าน้องข้าล้มลงและแข็งหักเองอย่างนั้นหรือ?"กงหยางอวี้แววตาที่ช่วยและเผยแววตาที่ดุร้ายออกมา

"ก็เพื่อนของเจ้าจู่โจมออกมาก่อน…………."

" ไอนางแพศยา วันนี้ไม่เพียงแต่ข้าจะรื้อถอนโรงเตี๊ยมของเจ้า แต่ข้าจะค่อยๆเล่นร่างกายของเจ้าตอนหน้าเขาด้วย"แววตาที่สวยงามของกงหยางอวี้ เปลี่ยนจากเทวทูตกลายเป็นปีศาจในทันที

"เจ้าพึ่งจะเขียนป้ายฝังศพของเจ้าเอง"ชิงสุ่ยดึง อวี้เหอกลับไปพร้อมทั้งแสดงความโกรธออกมา เขาไม่เคยรู้สึกอยากฆ่าใครมาก่อนเลย แม้กระทั่งตอนเจอกับซือถูปูฝานเองก็ตาม

"ข้าว่าเจ้ามากกว่า?"กงหยางอวี้หัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้ยินคำพูดนั้น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องตลกขบขันที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมาในชีวิต

สายตาของชิงสุ่ยมองอย่างเยือกเย็นไปยังใบหน้าของกงหยางอวี้ ในขณะที่ความเกลียดชั่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ

" ท่านลุงจง ฆ่ามันซะ"กงหยางอวี้พูดและหัวเราะออกมา

"อย่าฆ่าเขาเถอะ พวกเจ้าทุกคนไม่อาจฆ่าเขาได้ ถ้าไม่เช่นนั้นท่านปู่ของข้าจะไม่ให้อภัยพวกเจ้าอย่างแน่นอน"อวี้เหอกระวนกระวายใจในขณะที่เธอมองไปยังลุงจง

"ปู่ของเจ้า?  ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้ารู้ว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วอวี้ต่งห่าวเคยเป็นผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียน แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็เป็นเพียงชายชราพิการเท่านั้น"ลุงจงหัวเราะมาอย่างสนุกสนาน

"เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดูถูกปู่ของข้า"

"ดูถูก? ถ้าเขาอยู่ที่นี่ตอนนี้ ข้าจะฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง"ลุงจงพูดอย่างเย็นช้าและกดดัน

"เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเพียงแค่เจ้าบรรลุในระดับเทวะเซียนเทียน แล้วเจ้าจะสามารถแสดงท่าทางหยิ่งยโสออกมาได้?"ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบในขณะที่เขาจ้องมองไปยังลุงจง

"ไอ้เจ้าหนูน้อย แม้ว่าเทวะเซียนเทียนอาจจะมีนับไม่ถ้วนในสถานที่อื่น แต่ภายในเมืองนี้ ข้านั้นเปรียบดังพระเจ้า ใครจะสามารถหยุดข้าได้บ้างล่ะ? ลองดู ข้าจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ และให้เหล่าอีกาได้ลิ้มรสเลือดเนื้อของเจ้า"หลังจากสิ้นเสียง คลื่นพลังสีเงินปรากฏขึ้นมาเคลือบบริเวณฝ่ามือของเขา และพุ่งตรงไปยังหัวใจของชิงสุ่ย ด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่งกว่าภูตผี

"ผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนที่แท้จริงนั้นไม่ได้เป็นกันง่ายๆ"ชิงสุ่ยบ่นพึมพำ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขากินผลไม้เสริมความเร็วเข้าไปถึง 2 ผล ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ เขาคว้าตัวอวี้เหอและพุ่งไปข้างหน้า ทำให้เขาสามารถหลบฝ่ามือที่โจมตีออกมาได้อย่างฉิวเฉียด

"เยี่ยม เยี่ยม"

การเคลื่อนไหวของชิงสุ่ยเป็นไปอย่างราบรื่นราวกับปลาที่อยู่ในน้ำ และการเคลื่อนไหวของเขาถึงแม้จะถูกจำกัด แต่สุดท้ายเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงกระบวนท่าทั้ง 10 ของลุงจงได้ ชิงสุ่ยที่ไม่มีที่ว่างมากพอ มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะทำได้เพียง มองฝ่ามือของลุงจงใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรื่อยเรื่อยๆ เช่นเดียวกับรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคู่ต่อสู้ จากนั้นเขาจึงโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลไปสู่แขนของเขา  จากนั้นเขาก็ส่งฝ่ามือทั้งสองข้างเขาเพื่อปะทะเข้ากับการโจมตีของคู่ต่อสู้

ตูมมมมมม!!!!!!!! เพล้งง!!!!!!

ร่างกายของชิงสุ่ยกระเด็นลอยไปบนอากาศ และค่อยๆกระแทกเข้ากับกำแพงหินหนาของโรงเตี๊ยมอวี้เหอ ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น และกระอักเลือดสดๆออก

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่น แม้แต่ผู้ที่มีรากฐานแห่งเทวะเซียนเทียนก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้ หากใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาแล้ว แต่กับสามารถบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นถอยหลังไปได้เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น?

ลุงจงรักคนอื่นต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้าการปะทะ เขาคิดว่าเขาได้ใช้ความแข็งแกร่งมากกว่า 80%  แต่มันกลับไม่สามารถฆ่าไอ้สารเลวตัวนี้ได้ ร่วมสร้างเขายิ่งเปิดกว้างมากขึ้นเมื่อเขาเห็นชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนและเช็ดคราบเลือดบริเวณปากของเขา ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใดๆเลย เจตนาสังหารของเขายิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากเขาไม่อาจจัดการชิงสุ่ยตั้งแต่ตอนนี้ บางทีในอนาคต ชิงสุ่ยที่อยู่ในวัยเดียวกันกับเขาอาจจะกลายเป็นคนที่เหนือกว่าระดับเทวะเซียนเทียนก็เป็นได้!!!!!!

เมื่อมองดูสายตาของลุงจง ชิงสุ่ยรู้ว่าในวันนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะต้องสังหารชายที่ชื่อว่าลุงจงให้จงได้

เขาหยิบผลไม้เสริมความว่องไวออกมาจากดินแดนห้วงมิติ และกินมันไปอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วจนแทบไม่มีใครมองเห็นว่าเขาได้กินสิ่งใดเข้าไป อวี้เหอที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา วิ่งไปทางด้านของชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยจ้องมองอวี้เหอ ในขณะที่เขาบรรจงจูบหน้าผากของเธอ ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดของเขานั้นได้ทิ้งรอยเลือดเอาไว้บริเวณที่เขาจูบ

ผลลัพธ์จากการกินผลเสริมความว่องไวจะอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วยาม โดยที่ความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และเขาเชื่อว่าด้วยความเร็วของเขาในตอนนี้  แม้ว่าเขาจะไม่อาจสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำร้ายเขาให้สาหัสได้

"เห้อ แม้ว่าระดับเทวะเซียนเทียนจะถูกพิจารณาว่าเป็นคนประหลาด เพราะพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป" เพียงชั่วพริบตา เข็มสีทองก็ปรากฏขึ้นภายในมือของเขา

"ไอ้เด็กเหลือขอ เตรียมตัวตายซะเถอะ!!!!"

ชิงสุ่ยรับรู้ได้ว่ากลิ่นอายรอบๆชายวัยกลางคนคนนี้ มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น บัตรที่ถูกเคลือบด้วยปราณเทวะเซียนเทียนหนาขึ้นกว่า 1 นิ้ว นั่นก็หมายความว่าลุงจงต้องการที่จะสังหารชิงสุ่ยภายในการโจมตีครั้งนี้

จิตใจของชิงสุ่ยเริ่มสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว ในขณะที่เขามองเห็นหมัดเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเขาก็รีบโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลนักเรียนที่จะเคลื่อนย้ายในทันที

มันช่างน่าแปลกใจ ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าพื้นที่รอบๆตัวเขานั้น ต่างหยุดนิ่งด้วยแรงกดดันที่ประหลาด มันไม่มีทางเลยที่เขาจะหลบการโจมตีที่พุ่งเข้ามา ชิงสุ่ยกัดฟันแล้วจ้องมองสายตาของลุงจงอย่างดุเดือด

ในช่วงที่ปะทะเข้าหากัน ชิงสุ่ยเอียงร่างกายของเขาไปด้านข้างอย่างฉับพลัน เพื่อหลีกเลี่ยงจุดสำคัญของร่างกาย มือขวาของเขายิงเข็มทองคำออกมาอย่างรวดเร็ว และเจาะเข้าไปที่หัวใจของลุงจง จากนั้นชิงสุ่ยก็เริ่มเปิดใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มี และเริ่มโคจรเปลวเพลิงบรรพกาลที่เกิดจากการโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลเข้าสู่เข็มทองคำ

รีวิวผู้อ่าน