px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 111 - ความงดงามที่สามารถโค่นล้มราชวงศ์


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/

บทที่ 111 - ความงดงามที่สามารถโค่นล้มราชวงศ์

"ข้าได้ข่าวมาว่าตระกูลกงหยางและตระกูลหยางจากเมืองธาราสวรรค์ กำลังเดินทางไปยังเมืองร้อยไมล์และข่าวนี้ค่อนข้างได้รับการยืนยัน"ชิงสุ่ยขมวดคิ้วในขณะที่เขาได้รับข่าวจากชิงหลาง

ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขและพอใจอย่างมากในตัวชิงหลาง เพื่อนแท้ยังคอยช่วยเหลือเพื่อนเสมอในยามที่เพื่อนสิ้นหวัง กลุ่มหมาป่ามรกตไม่เพียงแต่จะไม่รังเกียจเขา ชิงหลางยังคงคอยส่งข่าวสารการเคลื่อนไหวที่อยู่ในเมืองธาราสวรรค์ให้กับชิงสุ่ยอีกด้วย

"ข้าขอบใจเจ้ามาก ชิงหลาง ภายในระหว่างนี้ เจ้าอย่าติดต่อกับข้าอีกและเจ้าจงออกหากจากเมืองร้อยไมล์แห่งนี้ชั่วคราวเถิด" ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหนักแน่นในขณะที่เขาใช้มือของเขาจับบ่าของชิงหลาง

ชิงหลางหยุดนิ่งแล้วถอนหายใจก่อนที่เขาจะเดินจากไป

"มันใกล้เข้ามาแล้ว เพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้นคนจากเมืองธาราสวรรค์ก็จะมาถึง ข้าควรจะทำเช่นไร!!!"ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจ

เมื่อกำลังสิ้นหวัง ชิงสุ่ยกลับเข้าไปในดินแดนยกยุพราชอมตะ และจ้องมอง กระบอกเพลิงเมฆาที่ไป๋ลี่ จิงเว่ยเคยมอบให้กับเขา

ชิงสุ่ยยังจำคำพูดของไป๋ลี่จิงเว่ยได้อย่างชัดเจน "ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในอาณาจักรชางหลาง ภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน จะมีคนมาช่วยเจ้า และหลังจากนั้นข้าจะเร่งรีบไปหาเจ้าเท่าที่จะทำได้"

ชิงสุ่ยรู้ว่าไป๋ลี่จิงเว่ยน้ำเป็นคนที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขานำกระบอกเพลิงเมฆาออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ

"ฟิ้วววววว!!!"เสียงที่แหวกออกจากอากาศดังกึกก้องไปทั่ว มันทะลุผ่านก้อนเมฆและส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า และใช้เวลานานในการกระจายออก

แม้ว่าเมฆที่ถูกสร้างขึ้นจากการยิงกระบอกเพลิงเมฆา จะไม่ได้สูงถึงขนาดที่ทุกคนในอาณาจักรชางหลางจะมองเห็น แต่ถึงกระนั้น ชิงสุ่ยก็เชื่อว่าจะต้องมีคนในกลุ่มของไป๋ลี่จิงเว่ยรับรู้ได้ถึงมัน

"กระบอกเพลิงเมฆา ของนิกายกระบี่นภา(นิกายกระบี่สวรรค์) นานแค่ไหนกันแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นมัน"ชายวัยกลางคนจากตระกูลชางห่ายที่อยู่ในอาณาจักรชางหลางกำลังมองดูภาพเมฆที่ถูกสร้างขึ้นจากกระบอกเพลิงเมฆา

"หืมมมม กระบอกเพลิงเมฆา? เหตุใดจึงปรากฏอยู่เหนือเมืองร้อยไมล์?" ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเหยี่ยวมหาเนตรอินทนิลกำลังบ่นพึมพำ อยู่บนฟากฟ้า

ผู้คนมากมายจากเมืองร้อยไมล์กำลังมองดูเมฆที่ถูกสร้างขึ้น และคาดเดากันว่ามันเป็นอุปกรณ์อัญเชิญบางสิ่งบางอย่าง ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนิกายขนาดใหญ่  นิกายกระบี่นภาจากอาณาจักรชางหลาง

"เมฆนี้ช่างสวยยิ่งนัก"

"ทำไมคนจากนิกายกระบี่นภา ถึงได้เผชิญอันตรายภายในเมืองร้อยไมล์ของเรา? แล้วเหตุใดคนผู้นั้นถึงมีอุปกรณ์ ที่มีได้เฉพาะสมาชิกระดับสูงของนิกายแห่งนี้"

"มีคนกล้าที่จะท้าทายนิกายกระบี่นภาเรื่องจริงหรือ? มันเป็นโชคร้ายจริงๆ ที่พวกมันได้รนหาที่ตายซะแล้ว"

--------------------------

ชิงสุ่ยยิ่งตกใจไม่ได้ยินเสียงพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ยิงออกไป  จริงๆแล้วกระบอกเพลิงเมฆาเป็นของนิกายกระบี่นภาจริงๆหรือ? แล้วตัวตนที่แท้จริงของไป๋ลี่จิงเว่ยบนโลกจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน?

"นี้อาจจะเป็น…….เส้นทางสุดท้ายที่เหลืออยู่"จิตใจของชิงสุ่ยเริ่มสงบลง

"เพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่ว่าข้าต้องจ่ายสิ่งใดข้าก็ยอม" ชิงสุ่ยแสดงความมั่นใจให้ครอบครัวเขาได้รับรู้เช่นเดียวกับอวี้ต่งห่าวและอวี้เหอเพื่อลดความกังวลของพวกเขา

"จากคำอธิบายของเจ้า ดูเหมือนว่าชายที่เจ้าพูดถึงนั้นคือ ไป๋ลี่จิงเว่ย และเขาน่าจะเป็นผู้นำนิกายกระบี่นภา ซึ่งชื่อจริงของเขานั้นคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้ แต่ส่วนใหญ่จะรู้จักเขาในชื่อ "กระบี่เทวะนภา" อวี้ต่งห่าวอธิบายข้อมูลต่างๆให้ชิงสุ่ยฟัง

เวลาเป็นรูปแบบหนึ่งของการทรมาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างชิงสุ่ย เมื่อภัยพิบัติคุกคามชีวิตเข้ามาเรื่อยๆ ในเที่ยงวันของวันที่ 2  เสียงแห่งความเกลียดชังดังขึ้นเหนือพื้นแผ่นดินเมืองร้อยไมล์

ในช่วงเปิดใจเดียว เสียงต่ำและสะท้อนกึกก้องดังไปทั่ว "ตระกูลอวี้ ตระกูลชิง ฟังคำของข้าไว้ พวกเจ้ากล้าสังหารลูกชายของข้า ข้าให้เวลาพบเจ้าสองชั่วยาม จงปรากฏตัวต่อหน้าข้า และถ้าหากถึงเวลาที่กำหนดแล้วพวกเจ้ายังไม่ปรากฏตัวออกมา อย่าได้ตำหนิข้า เพราะข้าจะย้อมถนนทั้งหมดในเมืองแห่งนี้ด้วยเลือด"

"ว้าววว นั่นมันเหยี่ยวมหาเนตรอินทนิล สัตว์อสูรระดับ 3" ชายวัย 30 ปีผู้มีประสบการณ์โชกโชนร้องโหด้วยความอิจฉา

"ผู้คนจากเมืองธาราสวรรค์มาทีนี้เพื่อรอคอยการแก้แค้น"บุคคลผู้หนึ่งตะโกนออกมา

ขณะที่ชิงสุ่ยและอวี้ต่งห่าวปรากฏตัวขึ้นและมองเห็นเหยี่ยวมหาเนตรอินทนิล อวี้ต่งหาวถอนหายใจเบาๆ " แม้ว่าเขาจะฟื้นฟูพลังได้อีก สามส่วน หรือห้าส่วนก็คงไม่อาจเอาชนะสัตว์อสูรตัวนี้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับเจ้าของสัตว์อสูรตัวนี้"

ชิงสุ่ยประมาณขนาดความกว้างของนกอสูรตัวนี้เอาไว้อย่างน้อย 100 เมตร แววตาที่คมกริบจากดวงตาสีม่วง พร้อมด้วยกรงเล็บเหล็กที่หนาประมาณต้นขาของมนุษย์ มันเป็นสัตว์ที่มีพลังอำนาจมากกว่า แร้งหยกขาวทมิฬที่เขาเคยเจอในหุบเขาล้านลี้

"ข้าคือ อวี้ต่งห่าวจากตระกูลอวี้ ข้าขอถามว่า ผู้สูงส่งเหตุใดถึงได้กล้ากล่าวหาว่าพวกข้า ตระกูลอวี้และตระกูลชิงเป็นผู้สังหารบุตรชายของพวกเจ้า?"

"อวี้ต่งห่าว? ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าจะสามารถฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนได้ งั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกชายของข้าและผู้อารักขาลูกชายข้า ทำไมถึงได้ตายในเมืองร้อยไมล์แห่งนี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เจ้า ก็ไม่มีใครสามารถทำเช่นนี้ได้อีก"

"ผู้สูงส่ง ดูเหมือนท่านประเมินพลังข้ามากเกินไป"อวี้ ต่งห่าวกล่าวโดยไร้ความกลัว และจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนยอดสัตว์อสูร

"ประเมินค่าสูงไปอย่างนั้นหรือ? การกระทำของเจ้าถูกสายลับของข้าจับตามองอยู่ตลอด หรือเจ้าหาว่าข้านั้นโง่เขลา? ด้วยพลังของข้า ข้าสามารถสังหารเจ้าได้ในทันที ข้า กงหยางเสวียนตง ผู้คนที่ฆ่าจะสังหารในวันนี้ต่างล้วนแต่สมควรตาย ข้าจะไม่กลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่า ด้วยพลังของข้า นอกเหนือจากข้าจะสังหารตระกูลอวี้แล้ว ข้าจะกวาดล้างตระกูลชิงให้หมดสิ้นไป!!!"

"ดูเหมือนเจ้าจะไม่กลัวสวรรค์ลงโทษ ถ้าเจ้าต้องการที่จะปลดปล่อยความเกลียดชัง ข้ายินดีจะรับมันคนเดียวทั้งหมด อย่าได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์"อวี้ต่งห่าวรู้สึกโกรธแค้นเมื่อยินคำพูดของกงหยางเสวียนตง

"ผู้บริสุทธิ์  พูดพล่อยๆ เจ้าคงคิดว่าไม่มีใครเห็นเจ้าสังหารลูกชายข้า อีกทั้งยังทำลายร่างของเขา? สำหรับผู้อารักขา  เขาอยู่ในจุดสูงสุดขั้นที่ 1 ของระดับเทวะเซียนเทียน เจ้าก็ยังสังหารเขา ดูเหมือนเจ้าจะปกปิดพลังของเจ้าได้ดียิ่ง"กงหยางเสวียนตง กล่าวด้วยอารมณ์โกรธแค้น

ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ เขาสามารถสรุปในทันทีว่าถ้าเกิดเขาไม่ถูกทรยศโดยคนในตระกูลอวี้ เขาคงต้องยอมรับจริงๆว่าการกระทำของเขานั้น ถูกจับจ้องโดยสายลับจากตระกูลกงหยาง แต่เมื่อชายคนนี้บอกว่าลุงจงถูกสังหารโดยอวี้ต่งห่าว ก็หมายความว่าสายลับคนนี้จะต้องเห็นเพียงแค่ อวี้ตงห่าวสังหารกงหยางอวี้และคาดเดาว่าลุงจงก็คงถูกฆ่าไม่ต่างกัน

"ส่วนเจ้าคือคนที่อยู่ในข่าวลือว่าเป็นคนสังหารผู้อารักขาจง ดูเหมือนเจ้าจะมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตาม ข้าก็เชื่อว่าลุงจงจะต้องถูกสังหารโดยอวี้ต่งห่าว มันเป็นไปไม่ได้ที่ระดับโฮ่วเทียนจะสามารถสังหารเซียนเทียน แต่ยังไงก็ตาม วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปสู่นรก เพราะเจ้ากล้าทำให้คนในตระกูลกงหยางของข้าแปดเปื้อน แต่ข้าจะไม่สังหารเจ้าในทันที ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน และข้าค่อยส่งต้องไปเยือนนรก"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ชิงสุ่ยก็เข้าใจในทันทีว่าชายวัยกลางคนคนนี้ต้องการจะยกเขาเป็นตัวอย่าง และต้องการบอกให้โลกรู้ว่าใครก็ตามที่กล้าสัมผัสกับคนในตระกูลกงหยาง คนผู้นั้นจะต้องจบชีวิตเช่นเดียวกับเขา และคนในตระกูลทั้งหมดของเขาก็จะถูกจัดการเช่นเดียวกัน

"ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง อย่ารังแกผู้อื่นยามเมื่อเขาอ่อนแอ ถ้าข้าเอาตัวรอดไปได้ ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ ข้าจะสังหารเจ้าให้สิ้นทั้งตระกูล"เสียงของชิงสุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง

"อย่ารังแกผู้อื่นยามเมื่อเขาอ่อนแอ? ก็ดี เพราะคำพูดนี้ ข้าคงจะต้องสังหารเจ้า"

"บางทีมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น!!!!!"เสียงที่ไพเราะดังขึ้นเหนือก้อนเมฆ ผู้คนต่างได้ยินเสียงดนตรีของเธอบรรเลงสร้างความเพลิดเพลิน

ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นหันไปในทางที่เดียวกัน นั่นคือเหนือก้อนเมฆที่ไกลสุดลูกหูตา พวกเขามองเห็นจุดขาวๆ วิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และเข้าประกันอยู่ระหว่างกลางชิงสุ่ย อวี้ต่งห่าว และกงหยางเสวียตง

"ว้าว!!! นั้นมัน นกกระเรียนหิมะอมตะ สัตว์ในระดับเทวะเซียนเทียนอีกตัวนึงปรากฎขึ้นแล้ว"หลายคนตะโกนด้วยความประหลาดใจ

นกกระเรียนอมตะตัวนี้มีขนาดพอๆกับเหยี่ยวมหาเนตรอินทนิล แตกต่างกันคือ นกกระเรียนตัวนี้เต็มไปด้วยขนสีขาว และให้ความรู้สึกสวยงามแทนความหวาดกลัว

"มันช่างสวยงาม และเหนือกว่าเมื่อเทียบกับนกเหยี่ยว!!!"หญิงสาวคนหนึ่งร้องตะโกนอยากตื่นเต้น

"นกกระเรียนอมตะ เป็นสัตว์อสูรในระดับที่ 5  ซึ่งระดับพลังของมันนั้นเหนือกว่าเหยี่ยวอสูรอย่างน้อย 2 ระดับ!!!"ชายวัยกลางคนอธิบาย

"เจ้าช่างรู้มากจริงๆท่านลุง ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนอย่างนั้นหรือ?"

"..........................."

"ดูนั้นสิ มีคนยืนอยู่บนกระเรียนอมตะตัวนั้นด้วย"เสียงของเด็กน้อยตะโกนออกมา

ภาพที่อยู่เบื้องหน้านั้นชั่งดึงดูดสายตาและทำให้ชิงสุ่ยถึงกับตกตะลึง บนนกกระเรียนอมตะสีขาวหิมะ ปรากฏเป็นหญิงสาวสวยงาม ที่สวมชุดผู้ฝึกตนที่มีลักษณะเป็นขนสีขาว

สาวงามคนนี้ ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความอ่อนโยนออกมา แม้ว่าลักษณะร่างกายเธอนั้นจะถูกปกคลุมทั้งหมด แต่จากใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมของเธอ สามารถบอกได้เลยว่าเธอนั้นงดงามเหนือกว่าผู้ใดๆ ดวงตาของเธอนั้น คล้ายกับดวงดาวบนฟากฟ้า ผมยาวของเธอนั้นปลิวไสวไปตามแรงลม รวมกับผิวสีขาวเหลืองนวลยิ่งทำให้เธอดูสง่างามและล้ำค่า แม้กระทั่งชุดของเธอก็ไม่อาจปิดบังช่วยส่งรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอได้

"เทพธิดามีตัวตนอยู่บนโลกแห่งนี้จริงๆ"ชิงสุ่ยถอนหายใจและเกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นในหัวใจ

-----------------------------------------

นกกระเรียนหิมะอมตะและเหยี่ยวมหาเนตรอินทนิน อยู่ห่างกันราว 100 เมตร

เหยี่ยวมหาเนตรอินทนิลกระพือปีกของมันอย่างรุนแรง ในขณะที่นกกระเรียนหิมะอมตะส่ายหัวไปมาและปลดปล่อยเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัว

" อีเย่ เจี้ยนเก้อ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?"กงหยางเสวียนตง ขมวดคิ้วในขณะที่จ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่เหนือนกกระเรียนหิมะ

"ชายผู้นี้เป็นคนยิงกระบอกเพลิงเมฆา เจ้ายังจะกล้าถามมากอีกนั้นหรือ?"อีเย่ เจี้ยนเก้อกรอบอย่างไร้ปราณี

"นี้เจ้าคิดจริงๆหรือ ว่าตัวเจ้าเพียงคนเดียวจะสามารถป้องกันพลังทั้งหมดของพวกเราได้"

 

รีวิวผู้อ่าน