px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 134 - เดินทางพร้อมกับสาวงาม


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 134 - เดินทางพร้อมกับสาวงาม

"เจ้าว่ามันตลกเหรอ?"ชิงสุ่ยมองไปทางเหวินเหรินอูซวงที่กำลังหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อนในขณะเดินทาง

ชิงสุ่ยและเหวินเหรินอูซวงกำลังเดินทางโดยอาศัยรถม้า ซึ่งมีชิงสุ่ยเป็นผู้ควบคุมม้า และมีเหวินเหรินอูซวงเป็นผู้บอกทาง ดังนั้นผ้าม่านของหน้าต่างคนขับจึงถูกๆดึงลง คนหนึ่งอยู่ข้างในรถลาก อีกคนอยู่ข้างนอก ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเพื่อฆ่าเวลา

พวกเขาจากมาในเวลาตอนเช้า อวี้ช่างกอดชิงสุ่ยและเรียกเขาว่า พ่อ ก่อนที่จะปล่อยให้เขาออกมา เหวินเหรินอูซวงเห็นภาพทั้งหมดและได้รับการกอดจากเด็กน้อยคนนั้น

ในทุกๆครั้งที่เธอพยายามนึกถึงภาพที่ชิงสุ่ยกำลังกล่อมเด็กหญิงตัวน้อย เธอก็รู้สึกตลกยังบอกไม่ถูก พวกเขาเดินทางไปไกลหลายลี้และอูซวงได้หัวเราะออกมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เสียงหัวเราะของเธอนั้นไพเราะมากแม้มันจะเป็นความตั้งใจแต่ยังคงความสง่างามเอาไว้ในทุกอิริยาบถ

"ตลกเกินไปแล้ว มันช่างตลกเหลือเกิน เพียงแค่ข้าคิดถึงภาพของเจ้า ข้าก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ "

ชิงสุ่ยยังคงเงียบ มีเพียงแต่เสียงหัวเราะอันไพเราะ ของเหวินเหรินอูซวงดังไปทั่วบรรยากาศ ภายในขณะที่ชิงสุ่ยตอบแสดงท่าทางห่อเหี่ยว แม้ว่าภายในใจของเขาจะมีความสุขจริงๆก็ตาม

"ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ มันตลกมากเลยหรือไงที่ลูกสาวตัวน้อยของข้าจะเรียกข้าว่าพ่อ"ชิงสุ่ยหันศีรษะและเผลอจ้องมองยอดภูเขาคู่ที่ตั้งตระหง่านออกมาของเหวินเหรินอูซวง

เหวินเหรินอูซวงมองดูสายตาของชิงสุ่ยและตกใจเล็กน้อย "นี้เจ้ากำลังจ้องมองที่ใดกัน?  เจ้าเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวและมีลูกสาวแล้วนะ เจ้าควรจะหยุดเจ้าชู้และดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด แม้แต่ข้าเองยังรู้สึกอิจฉาเด็กตัวน้อยที่น่ารักของเจ้า!!!"

ชิงสุ่ยยิ้มและกำลังจะพูดบางอย่างในขณะที่เหวินเหรินอูซวงก็ดึงผ้าม่านลง

"เจ้าไม่จำเป็นต้องอิจฉา ข้าเจ้าชอบ พวกเราก็สามารถมีได้ เด็กตัวเล็กน้อยจะต้องน่ารักและสวยมากพอๆกันอย่างแน่นอน ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างรักเด็กนะ เออ อย่าเอาผ้าม่านลงสิ!!!.........."

"อู ซวงงงง………"

ความเงียบจะขึ้นอย่างกะทันหัน และชิงสุ่ยก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ หรืออาจเป็นเพราะคำพูดของเขานั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ โดยปกติเขามักจะล้อเล่นกับเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ใช่คนที่โกรธง่าย

เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ชิงสุ่ยยิ่งไม่รู้สึกดีขึ้นเมื่อเหวินเหรินอูซวงนั้นไม่โต้ตอบกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขานั้นไม่ทำร้ายความรู้สึกของเหวินเหรินอูซวง มันยิ่งยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

"อูซวง เส้นทางไหนที่ข้าควรจะไป เรามาถึงทางแยกแล้วนะ"ในที่สุดชิงสุ่ยก็บังคับม้ามาถึงบริเวณทางแยก ซึ่งมันทำให้เขาคิดว่าเธอนั้นควรจะพูดบางสิ่งบางอย่างมา

ผ้าม่านเปิดขึ้นและเธอก็ชี้ทางให้กับชิงสุ่ยก่อนที่ผ้าม่านจะปิดลง ดังนั้นอารมณ์ของเธอในตอนนี้จะต้องแย่มาก แม้แต่ดวงตาที่งดงามของเธอก็มีสีแดงเล็กน้อย

"อูซวง ข้าขอโทษ ในอนาคตข้าจะไม่พูดกับเจ้าเช่นนี้อีก"ชิงสุ่ยกล่าวขอโทษอย่างจริงจัง

เหวินเหรินอูซวงตอนนี้กำลังทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกซับซ้อนก่อนที่เธอจะกล่าวว่า " ขอให้ข้าได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของข้า ข้าไม่เคยเล่าเรื่องนี้กับใครเลยแม้แต่คนเดียว"

"ได้แน่นอน"ชิงสุ่ยมองเหวินเหรินอูซวงด้วยอารมณ์ที่แปลกประหลาด และเขายังคงบังคับอย่างเงียบสงบ

"พี่สาวและข้ามาจากครอบครัวที่ปกติ ในความเป็นจริงพวกเราเป็นครอบครัวที่ยากจนมาก ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเราทั้ง 4 คนก็มีความสุข เมื่อตอนที่พี่สาวข้าอายุ 8 ปี ซึ่งเธอเมื่อตอนนั้นอายุมากกว่าข้า ที่กำลังอายุครบ 2 ปี พ่อของพวกเราก็ได้รับอุบัติเหตุ ครอบครัวที่แสนยากจนและมีความสุข ก็พลันตกเข้าลงสู่สถานการณ์สิ้นหวัง แม่ของข้าพาพี่สาวและข้าออกเดินทางเพื่อหาหนทางแห่งชีวิตเป็นเวลากว่า 3 ปี มันเป็นเรื่องยากมากที่จะฝ่าฟัน 3 ปีอันแสนลำบากนี้ไปได้ ในปีนั้นปีที่ข้าอายุครบ 5 ปี แม่ของข้าก็สิ้นแรงหายใจ พี่สาวของข้าที่อายุ 13 ปี พาเข้าไปทำงานในตลาด ชีวิตของพวกเรานั้นไม่รู้เลยว่าจะมีอาหารมื้อต่อไปรออยู่หรือไม่ จนกระทั่งพวกเราได้พบกับอาจารย์ของเรา

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่แสนโศกเศร้า ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกเศร้าใจตาม เขาคิดว่าตัวเขานั้นไม่เคยได้รับความสุขที่แท้จริง แต่อย่างน้อยในวัยเด็ก เขายังมีแม่ที่รักเขาสุดหัวใจ แต่มันไม่ใช่กับเธอ

"เมื่อข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดมาก่อนหน้านี้ ข้าก็อดคิดถึงอดีตของข้าไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าข้ายังคงเป็นเด็ก เป็นเด็กน้อยที่ต้องรับผิดชอบ และเป็นคนที่ทุกคนจะต้องพึ่งพา ถ้าหากข้าเองนั้นมีลูกในอนาคต ข้าจะต้องทำให้พวกเขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก 9 ทวีปแห่งนี้" เหวินเหรินอูซวงกล่าวคำมั่นสัญญากับตัวเอง

"คำพูดของข้า มันช่างไร้ซึ่งความรับผิดชอบอย่างแท้จริง"ชิงสุ่ยคิดด้วยความขมขื่น

"อูซวง เจ้าอย่าเศร้าไปเลย มันจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต เหตุการณ์ที่ผ่านมาของข้านั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจ้าเลย เจ้าได้โปรดลองไปร้านโอสถตระกูลชิงอีกสัก 2-3 ครั้ง ข้าขอสัญญา จะไม่มีชายใดคู่ควรให้เด็กสาวคนนั้นเรียกว่าพ่อยกเว้นข้า"

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย เหวินเหรินอูซวงทำได้เพียงมองใบหน้าของชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยค่อยๆเล่าเรื่องราวที่เขาได้ฝ่าฟัน รวมทั้งเรื่องราวชีวิตของเขาจากตระกูลเยียน

"นี้เจ้าวางแผนที่จะไปยังตระกูลเยียนเพื่อให้พวกเขาได้ชดใช้สิ่งที่พวกเขาทําจริงๆหรือ?" หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มของเหวินเหรินอูซวงขณะที่เธอได้ฟังเรื่องราวของชิงสุ่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเรื่องที่ชิงสุ่ยนั้นมีพี่สาวที่ถูกพลัดพรากจากกันก่อนที่เธอจะอายุครบ 1 ปีเสียอีก

"ข้าไม่สนใจว่ามันจะเป็นใคร คนที่กล้ารังแกแม่ของข้า ข้าจะให้มันชดใช้คืนในสิ่งที่พวกมันทำ ในทุกๆหนึ่งปีที่ข้าเสียไป ข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนเป็นหนึ่งเท่า และถ้าหากอีก 10 ปีผ่านไป นั่นก็หมายความว่า พวกมันจะต้องชดใช้คืนมากกว่า 10 เท่า!!!"ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเย็นชาภายใต้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

"แม่ของเจ้าจะต้องภูมิใจมากที่มีลูกชายเช่นเจ้า ในอนาคตข้าก็ขอให้เจ้าสามารถหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้"เหวินเหรินอูซวงทิ้งความโศกเศร้าของเธอไป และกล่าวคำพูดด้วยความจริงใจ

"อูซวง เหตุใดกันพี่สาวของเจ้าถึงยังไม่แต่งงาน"ชิงสุ่ยจำได้ว่าเหวินเหรินอูกั่วนั้นยังคงเป็นคนไร้คู่ครอง

เหวินเหรินอูซวงถอนหายใจ "พี่สาวของข้าเคยบอกข้าว่า นางนั้นยังไม่เจอชายที่นางชอบ นางบอกว่านางอยากใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่าที่จะต้องดูแลคนที่นางไม่ต้องการ "

"อูซวง แล้วเจ้าล่ะ? ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว เจ้ามีชายใดที่เจ้าชอบแล้วหรือยัง? บอกพี่ชายคนนี้เธอ เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะช่วยดูชายคนนั้นให้!!!!"

"ไม่"เหวินเหรินอูซวงไม่ได้โกรธที่ชิงสุ่ยเรียกตัวเองว่าเป็นพี่ใหญ่ ทั้งๆที่เขาเองนั้นอายุน้อยกว่าเธอ แต่เธอนั้นปฏิเสธอย่างจริงจัง

"  เจ้ายิ่งเป็นคนลึกลับ ข้ากังวลว่าถ้าหากข้ามีชายที่ข้าชอบ เจ้าคุณคงเอาเข็มของเจ้าทำร้ายเขาจนพิการเป็นแน่ ซึ่งมันคงเป็นผลร้ายกับข้า"ใบหน้าของเหวินเหรินอูซวงถูกย้อมสีแดง บางทีมันอาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นได้นึกถึง เหตุการณ์ที่เธอได้สัมผัสเข็มจากฝามือชิงสุ่ย

"ฮ่าๆๆๆ ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักข้าดี ถ้าหากข้ารู้ว่าใครคิดร้ายกับเจ้า ข้าจะทำให้มันมีสภาพเดียวกับรุ่นเยาว์ที่มาขอการรักษาจากข้าเมื่อวานนี้"

เหวินเหรินอูซวงตกตะลึง เธอจำได้ว่าชิงสุ่ยนั้นได้กล่าวว่า รุ่นเยาว์คนนั้นถูกกีดกันจากพลังหยางหรืออะไรสักอย่าง ส่งผลให้เขานั้นอ่อนแอจนไม่อาจมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวได้

"อูซวง ข้ามีบางสิ่งบางอย่างที่จะพูดกับเจ้า !!"หลังจากนั้นไม่นาน ชิงสุ่ยก็ถามต่อ

"เออ ในภายภาคหน้า!!"

"เจ้าสนใจที่จะเข้าร่วมนิกายกระบี่นภาหรือไม่"ชิงสุ่ยเล่าว่า อาจารย์แสนสวยของเขาเคยบอกว่าผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนสามารถเข้าร่วมนิกายกระบี่นภาได้เลยในฐานะตำแหน่งผู้พิทักษ์

"นิกายกระบี่นภา ที่เป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรชางหลาง ใครกันที่ไม่อยากจะเข้าร่วม? แต่มันคงไม่ดีหรอก ถ้าหากจะขอร่วมคงต้องได้คำเชิญอย่างน้อยก็ต้องตำแหน่งผู้พิทักษ์จากสาขาหลักเท่านั้น"เหวินเหรินอูซวงถอนหายใจขณะที่เธอพูด

"ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่ได้เป็นผู้พิทักษ์ แต่ข้าก็สามารถเชิญเจ้าได้ บางทีในอนาคต ทำไมเจ้าไม่ไปนิกายกระบี่นภากับข้าล่ะ?"ชิงสุ่ยต้องการนิกายกระบี่นภาในการแสดงจุดยืน

"เออ ถ้าลืมไปเลยว่าเจ้าเป็นสาวกของนิกายกระบี่นภา เอาล่ะ หวังว่าชื่อเสียงของเจ้าจะยิ่งใหญ่มากพอ!!!"เหวินเหรินอูซวงมองใบหน้าของชิงสุ่ยก่อนกล่าวมา

รอยยิ้มนั้นช่างงดงามเกินกว่าจะพรรณนาเป็นคำพูดใดๆ

3 วันต่อมา พวกเขาเดินทางเขาใกล้หุบเขาวงแหวนทองคำ ชิงสุ่ยมองเห็นสภาพภูเขาที่คดเคี้ยวและตลอดเส้นทางปกคลุมไปด้วยพืชพรรณ ต้นไม้ เถาวัลย์ และวัชพืชในทุกหนแห่ง

ต้นไม้ยืนต้นตั้งตระหง่านสูง ลำต้นเต็มไปด้วยเถาวัลย์ชนิดเช่นองุ่นหนา ขนาดใหญ่เท่าแขนคน ทำให้ยิ่งมองดูชิงสุ่ยยิ่งรู้สึกสยดสยอง

หุบเขาวงแหวนทองคำถูกตั้งขึ้นตามชื่อของอสรพิษวงแหวนทองคำที่อาศัยอยู่ภายในหุบเขาแห่งนี้ หลายๆสถานที่บนโลก 9 ทวีปแห่งนี้ ต่างก็ตั้งชื่อตามสัตว์อสูรหรือชื่อของสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ตัวอย่างเช่น เทือกเขาหมูป่าเป็นต้น

"อูซวง เจ้าช่างดูฉลาดยิ่งนัก ดังนั้นเดี๋ยวข้าจะสอนเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายให้กับเจ้า"ชิงสุ่ย นึกถึงเคล็ดวิชากวางย่างก้าว ที่อยู่ภายในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร

ชิงสุ่ยเอื้อมมือของเขาออกมา!!

เหวินเหรินอูซวงลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายเธอก็จับมือของชิงสุ่ยเอาไว้

ชิงสุ่ยค่อยๆสงบลงและเริ่มแบ่งปันความรู้หลักการสำคัญให้ เหวินเหรินอูซวงคิดตาม และเข้าก็ค่อยๆเริ่มเคลื่อนไหวดุจการก้าวเดินของกวาง

หลังจากนั้นชิงสุ่ยเริ่มแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับจุดชีพจรต่างๆให้กับเหวินเหรินอูซวง เพื่อช่วยให้เธอเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น เขาจึงใช้นิ้วมือของเขานั้นชี้ลงบนจุดชีพจรแต่ละจุดบนตัวของเหวินเหรินอูซวง แม้ว่ามันจะรู้สึกเขินอาย แต่ความรู้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีประโยชน์อย่างมาก

เหวินเหรินอูซวงเป็นคนที่มีความจำดีและสามารถเก็บรายละเอียดทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นเธอก็คงไม่อาจก้าวเข้าถึงระดับเทวะเซียนได้เร็วยิ่งนัก

"สุดยอด เคล็ดวิชานี้ช่างลึกลับยิ่งนัก มันสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นได้สูงมาก แต่กลับใช้พลังปราณเทวะเซียนเทียนน้อยลง!!!"เหวินเหรินอูซวงมีความสุขที่ได้ใช้เคล็ดวิชากวางย่างก้าวมันทำให้เธอ กระโดดโลดเต้นไปมา ซึ่งเป็นภาพที่ดูน่าประทับใจ

ชิงสุ่ยมองดูอย่างมีความสุข และเขาคิดว่าเคล็ดวิชากวางย่างก้าวนั้นจะต้องไม่เหมือนกันในแต่ละผู้ใช้งาน สำหรับเขาทุกย่างก้าวราวกับอากาศที่เลื่อนลอย ในขณะที่เหวินเหรินอูซวงนั้นดูมีความสง่างาม แต่เพียบพร้อมไปด้วยความว่องไว

หลังจากใช้เวลาครึ่งวันในการฝึกซ้อมภายในหุบเขาวงแหวนทองคำ

ชิงสุ่ยก็พบว่าเวลานี้นั้นเข้าใกล้ยามราตรี เขาจึงเริ่มกล่าวว่า "อูซวง พวกเราพักผ่อนที่มีเถิดในคืนนี้ และค่อยออกเดินทางในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้"

"อืม ก็ได้!!!"เหวินเหรินอูซวงยังคงมัวเมาในความสุข หลังจากได้เรียนรู้เคล็ดวิชาที่ช่วยในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่ทุกคนจะต้องไปฝันถึง

ชิงสุ่ยยิ้มจนเกือบละเลยหน้าที่ที่เขาต้องทำ โดยเฉพาะสำหรับการย่างเนื้อย่าง เมื่อเนื้อย่างทุกย่างจนเสร็จ เหวินเหรินอูซวงก็หยุด แล้ววิ่งตรงมานั่งข้างๆชิงสุ่ยยังมีความสุข ชิงสุ่ยยังคงบรรจงปรุงเครื่องปรุงบางอย่างเพิ่มเติม มันยิ่งทำให้กินหอมกระจายดึงดูดน้ำย่อยให้ไหลออกมา

"เจ้าจะเอาส่วนใดดีล่ะ? ขาหน้า ขาหลัง หรือจะเอาอัณฑะของมัน?"ชิงสุ่ยชีกขาของลูกแกะป่าออกจากกัน ขณะถาม

"อี้ย น่าขยะแขยง!!"เหวินเหรินอูซวงยิ้มขณะที่เธอหยิบขาหน้าขึ้นมา

กลิ่นหอมและความชำนาญในการย่างเนื้อของชิงสุ่ยก็ไม่เลวนัก เครื่องปรุงทุกอย่างเป็นสิ่งที่เขาทำขึ้นเอง แม้ว่ามันยังมีช่องว่างระหว่างทักษะการทำอาหารกับรสชาติของเครื่องปรุง แต่โดยรวมมันยังคงมีความอร่อยอย่างมาก

ลูกแกะป่าทุกอย่างเป็นสีเหลืองทอง เนื้อมีรองรอยคราบมันและหนังเหลืองกรอบ ส่งกลิ่นหอมดึงดูดด้วยยวนใจ ถึงแม้ว่าเหวินเหรินอูซวงจะค่อยค่อยบรรจงกัดเนื้อกรอบคำเล็ก แต่เธอนั้นก็กินอาหารได้อย่างว่องไวมาก

"ขออีก?"

ชิงสุ่ย หันหน้าจนเกือบพุ่งอาหารที่อยู่ในปากออกมา

เขารีบส่งเนื้อแกะชิ้นใหญ่บริเวณต้นขา ไปให้กับเธอ

"เจ้าย่างเนื้อได้ดีกว่าที่ข้าทำซะอีก!!"หลังจากกินเสร็จสิ้น เหวินเหรินอูซวงก็ได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประทับใจมาก

เขาสร้างที่พักเอาไว้ใกล้ๆแนวภูเขา อ้างอิงอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารเพียงลำพัง แม้ว่ามันจะมีสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการทำแต่มันก็เป็นได้เพียงความคิดเท่านั้น

แสงจันทราส่องสง่าเหนือเมฆา ฟื้นชีวาคล้อยแสงจันทร์ลำพึงใจ ชิงสุ่ยและเหวินเหรินอูซวงยืนอยู่ในจุดที่สูงสุดของแนวเขาบริเวณนั้นเพื่อจ้องมองแสงไฟสลัวๆในยามค่ำคืน

"นี่มันก็ดึกมากแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนเถอะ!!!"ชิงสุ่ยช่วยเอาผ้าคลุมมาคลุมร่างกายของอูซวง ในขณะที่เขามองความงามที่น่าหลงไหลเบื้องหน้า เธอนั้นราวกับหยกภายใต้แสงจันทร์

"อืม!!"นี่เป็นครั้งแรกที่เหวินเหรินอูซวงไม่ต้องมองใบหน้าชายอย่างใกล้ชิดในยามราตรี

"อูซวง เจ้าช่างสวยเหลือเกิน โอ้ ข้ากำลังคิดเลยว่า ข้าจะหาวิธีใดเพื่อที่จะได้จะกอดเจ้า!!!!"ชิงสุ่ยยิ้ม

เหวินเหรินอูซวงเอียงศีรษะเล็กน้อยและพริบตาคู่สวยของเธออย่างเขิลอาย และสร้างความประหลาดใจแก่ชิงสุ่ย เธอค่อยๆ เคลื่อนย้ายแขนของเธอไปบริเวณรอบๆคอของชิงสุ่ย และค่อยๆวางใบหน้าลองให้อ้อมกอดของชิงสุ่ย

หญิงงามภายใต้อ้อมแขนของเขา ความนุ่มนวลและความรู้สึกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้วนเวียนรอบรอบตัวของชิงสุ่ย มือของเขาเพื่อคอยเอื้อมไปกอดบริเวณเอวเล็กๆของเหวินเหรินอูซวง

ผิวสัมผัสที่เรียบเนียนจากการรับรู้ได้ผ่านฝ่ามือ กลิ่นหอมราวกับดอกกุหลาบภายใต้จมูก มันทำให้ชิงสุ่ยกอดเธอโดยแน่น

 

รีวิวผู้อ่าน