px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 139 - ระดับที่ 3 ของดินแดนหยกยุพราชอมตะ


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 139 - ระดับที่ 3 ของดินแดนหยกยุพราชอมตะ

ก่อนที่ชายหนุ่มจะจากไป ชายหนุ่มก็ได้บอกชื่อเขาชิงสุ่ย เขาชื่อว่าหลายชูซ่ง และเขามาจากอาณาจักรเยียนเจี้ยง

แม้ว่าอาณาจักรชางหลางจะเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แต่ชิงสุ่ยก็ยังคงต้องการทำตามเป้าหมาย นั่นคือการออกเดินทางไปทั่ว โลก 9 ทวีปแห่งนี้

ตระกูลหลายถือได้ว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในอาณาจักรเยียนเจี้ยง ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่นี่มีเพื่อนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับตอนพบกับไป๋ลี่จิงเว่ย เพราะถ้าหากเขาไม่ได้พบกับไป๋ลี่จิงเว่ย วันนี้เขาคงกำลังเผชิญแต่สิ่งที่น่ากลัวอยู่

การขอบคุณจากใจจริงของหลายชูซ่งก่อนที่เขาจะเดินทางจากไป มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยประทับใจอย่างมาก เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและน่าชื่นชม

หลังจากไปส่งหลายชูซ่ง ชิงสุ่ยก็ลงกลอนศูนย์รักษาวิทยายุทธ และหยิบกล่องสมุนไพรพันปีทั้งสองกล่องออกมา  "ฮ่าๆ ในที่สุดค่าก็สามารถกลั่นยาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็ก ยาเม็ด 5 มังกรได้เสียที!!!!"

เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมัน ชิงสุ่ยก็รู้สึกตื่นเต้น แต่มันก็ยังมีสิ่งอื่นที่เขาจะต้องทำก่อน เขายังคงต้องค้นหาส่วนผสมที่เหลืออีกประมาณ 3-5 วัน

ชิงสุ่ยกลับเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะพร้อมกล่องไม้ทั้งสอง เพื่อจะนำมันไปเก็บ แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความตกตะลึง

"พัฒนาขึ้น? ดินแดนหยกยุพราชอมตะขั้นที่ 3?"ชิงสุ่ยมองเห็นว่าดินแดนหยกยุพราชอมตะได้ขยายตัวไปค่อนข้างมาก เขาก็ได้คาดคะเนว่าทั้งความกว้างและความยาวนั้นเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 40 เมตร ตอนนี้มันยาวประมาณ 180 เมตร และมีขนาด 50 มู(8 เอเคอร์ หรือ 33000 ตารางเมตร)

มันเป็นธรรมดาที่ชิงสุ่ยจะต้องมีความสุข พวกเขาเพิ่งได้รับสมุนไพรพันปีทั้งสอง และตอนนี้ดินแดนหยกยุพราชอมตะก็ได้พัฒนาขึ้นอีก

ทะเลสาบตรงกลางที่เคยกว้าง 20 เมตร ตอนนี้มันกว้างถึง 30 เมตร และลึกถึง 20 เมตร ปลาดำและเต่าต่างว่ายเวียนวนอย่างมีความสุข และบางครั้งมันก็ยังคงต่อสู้กันเองอยู่เสมอ

"ดูเหมือนปลาดำและต่อของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เออ ดูเหมือนข้าจะเห็นเต่าทองคำ?"ชิงสุ่ยที่กำลังมีความสุขมองเห็นเต่าทองคำขนาดเท่าหัวคนกำลังว่ายน้ำในทะเลสาบราวกับเป็นพระเจ้าของทะเลสาบแห่งนี้

ชิงสุ่ยต้องมองมันด้วยความประหลาดใจ และสงสัยว่ามันมาจากไหน?

"เออ หรือว่าข้าจะลืมอะไรไป? หรือว่านี่คงเป็นรางวัลความสำเร็จที่สามารถเพิ่มระดับดินแดนหยกยุพราชอมตะขึ้นเป็นขั้นที่ 3 ได้?" ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นแล้ววิ่งตรงไปยังศิลาจารึกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามทะเลสาบแห่งนี้

เมื่อมองไปยังคำอธิบายของดินแดนหยกยุพราชอมตะขั้นที่ 3

ดินแดนหยกยุพราชอมตะขั้นที่ 3 ถูกปลดผนึก : เพิ่มต้นเสริมปราการป้องกัน และมันจะออกผลทุกๆ 100 ปี และจะออกผล 10 คนในแต่ละครั้ง ซึ่งผลแต่ละผลสามารถเพิ่มพลังป้องกัน 500 จินแต่ละคนจะสามารถกินมันได้เพียง 2 ผลเท่านั้น ถ้านอกเหนือจากนั้นมันจะไร้ผล และมันยังสามารถนำไปใช้ปรุงยาได้

รางวัลเพิ่มเติม ได้รับเต่าทองคำโบราณ 5000 ปี ซึ่งมันสามารถให้เลือดของมัน เพื่อใช้แทนส่วนผสมสำหรับปรุงยา ตัวแทนส่วนประกอบบางอย่างที่ต้องหาจากสัตว์อสูรเท่านั้น

นี่คือรางวัลจากดินแดนหยกยุพราชอมตะจริงๆหรือ? ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจ "ให้ตายเถอะ สิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้ อายุมากถึง 5000 ปี? ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะสื่อไปในทางปรุงยา?แต่เอาเถอะ ข้าเองก็ชอบมัน"

เขาไม่ได้คาดหวังว่าการที่สามารถพัฒนาดินแดนหยกยุพราชอมตะไปสู่ขั้นที่ 3จะตอบแทนเขาด้วยการมอบสิ่งมี ชีวิตขนาดเล็กๆอายุมากกว่า  5000 ปี ถ้าเต่าตัวนี้เป็นสัตว์อื่นมันคงกลายเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างมาก

"อืม ดูเหมือนจะมีรางวัลอื่นๆอีก?"

ต้นสุคนธ์มอมเมา ผลของมันจะสุกงอมทุกๆ 10 ปี แล้วจะให้ผลสุคนธ์มอมเมา  100 ผล ซึ่งมันสามารถใช้สร้างเครื่องปรุง และสร้างรสชาติที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้

ชิงสุ่ยมองดูต้นไม้ขนาดเล็กที่สูงประมาณ 1 เมตร ผลของมันเป็นสีม่วงและเขาอยู่เต็มต้นประมาณ 100 ผล ขนาดของมันเท่ากับเม็ดถั่วเปลือกแข็ง(วอลนัท) และปล่อยกลิ่นหอมอย่างอันเหลือเชื่อออกมา "เพียงแค่ชื่อ มันก็บอกคุณสมบัติเป็นอย่างดี และข้าจะต้องไปใช้มันได้เกิดประโยชน์อย่างแน่นอน"

ชิงสุ่ยหยิบผลเสริมปราการและผลสุคนธ์มอมเมาออกมาแล้วลองชิมมันด้วยตัวของเขาเอง ชิงสุ่ยกลืนผลเสริมปราการลงไปอย่างรวดเร็ว ผลไม้นี้มีคุณสมบัติเพิ่มพลังความป้องกันซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับผลเสริมปราณ มันจึงเป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยชื่นชอบ แต่หากเทียบระดับพลังที่เพิ่มขึ้นนั้นมันถือว่าเป็นส่วนเล็กน้อยมากสำหรับระดับพลังของชิงสุ่ยในตอนนี้

และหากเมื่อนำผลเสริมปราการมาเปรียบเทียบกับผลเสริมความว่องไว จะพบว่าผลเสริมปราการหนึ่งด้อยกว่าในความคิดชิงสุ่ย เขาเชื่อว่าความเร็วคือพลังอำนาจทั้งหมด ยิ่งมีความเร็วมากก็จะไร้ผู้ต่อกรในโลกใบนี้

ชิงสุ่ยเมื่อเห็นว่าผลเสริมปราณและผลเสริมความว่องไว เกือบจะสุกงอมแล้ว นั่นก็หมายความว่าเวลาได้ผ่านไปเกือบปี

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นนับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่เมืองร้อยไมล์ เขาได้ก้าวผ่านระดับเทวะเซียนเทียนในเวลาไม่ถึงครึ่งปี

ชิงสุ่ยเองยังคงไม่รู้ว่าเขาควรจะเรียกสือฉิงจวงและหมิงเยวียเก้อโหลวว่าเช่นไร เขาทำได้เพียงยืนงง

"จี้หยินหยาง? ดินแดนหยกยุพราชอมตะ? ทำไมทุกครั้งที่มันมีการพัฒนา มันจะต้องเกี่ยวข้องกับการที่ข้าได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอิสตรี ในครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ที่ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสานสัมพันธ์ลึกซึ้ง กับสือฉิงจวงหลังจากนั้น ดินแดนหยกยุพราชอมตะก็พัฒนาขึ้น สู่ขั้นที่ 2  และในครั้งนี้กับหมิงเยวี่ยเก้อโหลวก็เช่นกัน"ชิงสุ่ยยังคงยืนอึ่้งด้วยความไม่อยากเชื่อ

"หรือว่าจี้นี้ ที่ถูกเรียกว่าจี้หยินหยาง ก็เพราะมันอาจจำเป็นต้องมีการผสานระหว่างหยินกับหยางเพื่อก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไป"ชิงสุ่ยวิเคราะห์โดยที่เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกมีความสุขหรือเศร้าดี!!!!

ชิงสุ่ยคิดล่วงหน้าเพื่อหาวิธีพัฒนาดินแดนหยกยุพราชอมตะไปจนถึงขั้นที่ 9  ผลตอบแทนของมันจะต้องดีเยี่ยมอย่างแน่นอน เพียงแค่ ในขั้นที่ 3  มันยังให้ต้นเสริมปราการป้องกัน อีกทั้งยังมีเต่าทองคำ  5000 ปี หรือยังมีต้นสุคนธ์มอมเมา แล้วถ้าหากไปถึงขั้นที่ 9 ล่ะ……….!

จากที่ปรากฏผลเสริมปราณ ผลเสริมความว่องไว และตอนนี้ยังมีผลเสริมปราการ ชิงสุ่ยเชื่อมั่นในทันทีว่ามันจะต้องมี ผลเสริมพลังชีพและผลเสริมวิญญาณอีกด้วยอย่างแน่นอน เมื่อเขาก็สามารถคาดเดาผลลัพธ์ที่มันจะให้พ่อเป็นอย่างไร ผลเสริมกายาจะต้องสามารถยืดระยะเวลาการมีชีวิตบนโลกใบนี้ ส่วนผลเสริมวิญญาณก็คงเป็นผลที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งในจิตวิญญาณ

หลังจากที่กินผลเสริมปราการเข้าไป ในตอนแรกชิงสุ่ยก็ไม่รู้สึกอะไรเลยยกเว้นพลังปราณของเขาที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าพลังปราณของเคล็ดวิชากายาบรรพกาลเริ่มโคจรเร็วขึ้นกว่าเดิม

เมื่อออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น เขารู้สึกสดชื่นอย่างมากขณะที่เขาออกมาเดินในถนนของเมืองร้อยไมล์

ชิงสุ่ย ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ ชื่อของเขานั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วแม้กระทั่งเมืองใกล้เคียงทุกคนต่างเรียกขานเขาว่า ผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนที่อายุน้อยที่สุด และยังเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมานานมากแล้ว

แต่สำหรับกรณีสือฉิงจวง ชิงสุ่ยยังคงรู้สึกอึดอัดใจเกินกว่าจะไขว่คว้าไปถึง

"ตอนนี้ ข้ามีทั้งเงินตราและความสามารถ เหตุใดข้าถึงไม่คิดทำตามใจของข้าแม้แต่ครั้งเดียว? ทั้งที่ข้าใช้เวลามากมายเพื่อคิดแก้ไปปัญหา ที่สามารถแก้ไขด้วยพลังอำนาจได้อย่างง่ายดาย หรือว่าข้าโง่เกินไป?"ชิงสุ่ยรูปศีรษะตัวเองขณะที่มุ่งหน้าไปยังร้านโอสถตระกูลชิง

"เจ้าควรเอาตาของเจ้ามองถนนบ้าง เดี๋ยวเจ้าจะชนข้าอีก"เสียงที่คมชัดและดูน่ารักดังขึ้น

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างข่มขืนเป็นที่เสี่ยวเป่า โดยปกติเขามักจะไม่ได้ออกมาเดินเล่นตามถนน และในทุกครั้งที่เขามาออกมา เขาก็มักจะชนเธอเสมอ ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เขาไม่ได้ชวนเธอในครั้งนี้

"สาวน้อย ทำไมเจ้าถึงต้องแอบตามข้าไปทั่ว"ชิงสุ่ยยิ้มและพูดอย่างนิ่มนวล

"ใครจะไปแอบตามเจ้า เจ้ามันคนหลงตัวเอง!!!"เสี่ยวเป่าหดดวงตาของเธอให้เล็กลง ยิ่งทำให้ใบหน้าที่ปราณีตของเธอนั้นดูน่ารักยิ่งขึ้น

"ทำไมข้าถึงเดินชนเจ้าทุกครั้งที่ข้าออกมาเดินบนถนน?"ชิงสุ่ยยอมแพ้และพยายามเดินเลี่ยงไป

"เฮ้ เฮ้ ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้ ทุกครั้งที่ข้าเจอเจ้าเจ้าก็พยายามหลีกเลี่ยง หรือเจ้ารังเกียจข้า?" เสี่ยวเป่ากล่าวมาพร้อมน้ำเสียงสะอื้น

ชิงสุ่ยหันศีรษะกลับมาแล้วมองไปที่เสี่ยวเป่า หญิงสาวอายุ 18 ปี  คือดอกไม้ที่สวยสด ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดก็ตาม เสี่ยวเป่าเป็นหญิงที่ขึ้นเรื่องความงามในเมืองร้อยไมล์ เธอเป็นหญิงสาวที่สวยกว่า เล่นหน้าอกใหญ่กว่าเสี่ยวหยวน อีกทั้งเธอยังมีใบหน้าที่ดูเด็ก ซึ่งแน่นอนเธอถือได้ว่าเป็นคนที่พิเศษคนหนึ่งในเมืองแห่งนี้

" ทุกคนย่อมไม่อาจซ่อนจากสิ่งที่ต้องเกิด"ชิงสุ่ยถอนหายใจ ตัวเขานั้นโดยทั่วไปไม่ชอบเสียเวลากับหญิงสาวตัวเล็กๆ และเขาก็ไม่ชอบผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เมื่อเสี่ยวเป่าเห็นว่าชิงสุ่ยเงียบไป น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธออย่างไม่อาจควบคุมได้ เธอคิดถึงเรื่องราวในครั้งที่แรก ครั้งที่ 2  และในครั้งนี้ ทุกครั้งที่เขาเจอเธอ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับเธอเลย หัวใจของเธอนั้นปวดร้าว น้ำตาก็ไหลลงมาจากใบหน้าที่ประณีตดุจหยกขาว ราวกับไข่มุกที่กำลังแตกหัก

" ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้ เหมือนกับว่าข้าไปรังแกเจ้ายังไงยังงั้น"ชิงสุ่ยไร้คำพูดใดๆ

"เจ้าต้องการอะไรฦ ทำให้คนอื่นคิดว่าข้าแกล้งเจ้า?"ชิงสุ่ยตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้

"เจ้ารังแกข้า"

ชิงสุ่ย "....................."

"ทำไมทุกครั้งที่เจ้าเห็นข้า เท่าถึงต้องการหลบหน้าข้า เจ้าคงรังเกียจข้าสินะ?"เสี่ยวเป่ากล่าวยังข่มขื่น ดวงตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง

"มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะข้ามีสิ่งที่จะต้องทำ อีกครั้งพวกเราก็ยังไม่ได้สนิทกันสักหน่อย"ชิงสุ่ย รู้สึกไม่พอใจที่เห็นเสี่ยวเป่าร้องไห้แล้วบ่นออกมา แต่เขาก็ยังคงไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้จริงๆ

"โกหก ทุกครั้งทำไมเจ้าถึงปฏิบัติกับข้าเช่นนี้เสมอ เจ้าคงมีความสุขมากสินะ ที่ขับไล่ไสส่งค่าได้แบบนี้เสมอ"เสี่ยวเป่าเช็ดน้ำตาของเธอและพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่น

"เฮ้อ ข้าก็เพียงอยากให้เจ้าเลิกหวังในตัวข้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอันมีค่าของเจ้าเพื่อข้า"ชิงสุ่ยถอนหายใจแล้วจะกล่าวอย่างจริงจัง

"แต่ข้าเต็มใจ และยินดีที่ทำเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะรู้ผลลัพธ์ของมันดี ข้าก็ยังคงทำเช่นนี้อย่างไม่ลังเล ข้าไม่เคยเสียใจในเรื่องนี้เลย ข้าเพียงแค่อยากพูดกับเจ้า" ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเสี่ยวเป่าสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในทุกครั้งที่มองไปทางชิงสุ่ย

"ถ้าหากเจ้ามีความสุขที่จะทำมัน ข้าก็จะไม่ห้าม แต่เจ้าอย่ามาก่อกวนชีวิตของข้า นอกจากนี้ ข้าเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุด เจ้าก็ไม่ใช่คนแบบที่ข้าชอบ"

ทางที่ดีที่สุดคือการไม่ยืดความทุกข์ทรมาน เพื่อให้เสี่ยวเป่าไม่รู้สึกแย่กว่านี้ในอนาคต ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจตัดขาดความคิดของเธอเพื่อไม่ให้ถลำลึกกว่านี้ เพราะชีวิตของเขาในตอนนี้ก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว

ความลังเลมักเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหา!!! ชิงสุ่ยรู้หลักการนี้ดี เขาจึงจากเสี่ยวเป่าที่กำลังตกอยู่ในอาการงุนงง

เสี่ยวเป่าที่กำลังยืนมองเขาห่างออกไปเรื่อยๆ และแม้น้ำตาก็ไหลรินออกจากดวงตาของเธออีกครั้ง เธอยังคงทำอะไรไม่ถูกและยืนอยู่กลางถนน ภาพที่ปรากฏบ่งบอกได้ถึงความน่าสงสารอย่างแท้จริง

 

*****ใจร้ายง่ะ อยากได้แบบในรูป*****

รีวิวผู้อ่าน