px

เรื่อง : advent of the archmage
Chapter 173: การปรากฏตัวครั้งแรกของปีศาจ


ในวันนี้อากาศที่ป่าเกอเวนท์ทั้งดีและแดดจ้าและแสงแดดก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสดชื่นมาก ลิงค์ อยู่ในรถม้าของ วาร์เตอร์ ที่กำลังเดินทางไปเมืองหลวงในขณะที่เขาฟังเสียงนกร้องประสานเสียงจากสองฝั่งของเส้นทางแห่งราชาไปด้วย ทัศนียภาพและเสียงอันน่ารื่นรมย์ภายนอกสถาบันนั้นทำให้เขาผ่อนคลายจากความกังวลที่มาจากจดหมายด่วนของ เอเลนอร์
 

ลิงค์ เล่นไม้คทาของเขาเพื่อบรรเทาความเบื่อและหลังจากนั้นไม่นานจิตใจของเขาก็สงบ ในตอนนี้เขามีเวทย์2บทที่ผนึกอยู่กับอักขระวิญญาณและเวทย์เลเวล 6 อันทรงพลัง 1 บท ดังนั้นถึงแม้เขาจะเผชิญหน้ากับนักฆ่าเลเวล 6 เขาก็มั่นใจว่าเขาจะจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะต้องไปในเมืองฮอทสปริงและ ลิงค์ ก็เชื่อว่าคนที่ทำให้ เอเลนอร์ หวาดกลัวได้นั้นจะต้องใจกล้ามากแน่ๆถึงไล่เธอไปถึงใจกลางของเมืองหลวงได้
 

ระยะทางระหว่างสถาบันอีสโควฟและเมืองฮอทสปริงนั้นค่อนข้างไกล ดังนั้นหลังจากที่ใจเย็นลง ลิงค์ ก็เริ่มที่คุยกับ วาร์เตอร์
 

“ท่านลิงค์ ท่านจะต้องไม่เชื่อแน่ว่าสิ่งประดิษฐ์ของท่านนั้นเป็นที่นิยมมากแค่ไหนในเมืองหลวง” วาร์เตอร์ พูด เขาพยายามที่จะหาเรื่องคุยกับ ลิงค์ เพราะว่าเขาเห็นว่า ลิงค์ นั้นค่อนข้างเงียบในรถม้า “พวกขุนนางที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ได้มาต่อแถวกันยาวเหยียดเพื่อซื้อโชคลาภจากมัน พวกเขาถึงกับส่งคนรับใช้มารอที่หน้าประตูร้านของผมเพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นคนแรกที่ได้ซื้ออุปกรณ์ของท่านในตอนที่ผมนำมันกลับมาถึงร้าน”

“นี่มันดังขนาดนั้นเลยหรอ?” ลิงค์ ถามพลางหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีขึ้น “แต่ถ้าพวกเขาไม่รู้เรื่องเวทมนตร์และไม่ใช่นักสู้ งั้นพวกเขาซื้อสิ่งประดิษฐ์ของผมไปเพื่ออะไร?”


 

“เพื่อใช้พวกมันในการเกี้ยวสาวที่พวกเขารักครับ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ” วาร์เตอร์ ตอบ “งานฝีมือของท่านนั้นใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบมากกว่าทุกสิ่งที่เคยมี นี่ท่านรู้รึเปล่าครับว่าผู้คนในเมืองหลวงต่างก็เรียกท่านว่าจ้าวแห่งวิหกทะยาน?”
 

จ้าวแห่งวิหกทะยานงั้นหรอ? ลิงค์ สงสัย อ๋อ มันต้องมาจากสัญลักษณ์ที่ฉันใส่ไว้ในสิ่งประดิษฐ์ของฉันแน่ๆ  แต่ว่าชื่อมันหยาบคายไปนะ!
 

“แต่ว่า มีลูกค้าบางคนที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์แท้ๆด้วยครับ” วาร์เตอร์ พูดต่อ “บางคนก็เป็นนักเวทย์ บางคนก็เป็นนักรบ พวกเขาบอกว่าแม้ว่างานของท่านจะประณีต แต่เวทย์ที่อยู่ข้างในพวกมันนั้นต่างก็เป็นเวทย์ระดับต่ำ พวกเขาอยากให้ท่านสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใส่เวทย์ระดับสูงด้วย พวกเขาจะเป็นคนจ่ายค่าวัตถุดิบให้เองและอาจจะให้ราคาพิเศษอีกด้วยครับ”วาร์เตอร์ นั้นเป็นคนประเภทที่มักจะกลับมาพูดคุยถึงเรื่องธุรกิจเสมอไม่ว่าจะเป็นในโอกาสอะไรก็ตาม ซึ่งก็เหมือนกับตอนนี้ที่เขายกหัวข้อเรื่องธุรกิจมาคุยเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
 

ลิงค์ คิดพิจารณาอยู่พักนึงและคิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีจริงๆ
 

“พวกเขาเสนอราคามาเท่าไหร่?” ลิงค์ ถาม
 

“สำหรับอุปกรณ์ป้องกันเลเวล 4 อย่างเช่นโล่หรืออะไรทำนองนั้น” วาร์เตอร์ เริ่มพูดอย่างจริงจัง “พวกเขาจะจ่ายให้ท่าน 2,000 เหรียญทองสำหรับการเสริมพลัง โดยไม่รวมกับค่าวัสดุที่ต้องใช้ครับ แน่นอนว่าผมสามารถต่อรองราคาได้อีก และในขณะเดียวกัน สำหรับอุปกรณ์สำหรับโจมตีเช่นดาบและอื่นๆ พวกเขาจะจ่ายให้ 3,300 เหรียญทอง...ผมคิดว่าผมไม่สามารถให้รายละเอียดที่มากพอกับท่านได้ด้วยการพูดเพียงอย่างเดียว ผมขอเวลาซักครู่นะครับ ผมได้เตรียมลิสท์รายการการสั่งซื้อมาให้ท่านด้วย”
 

จากนั้น วาร์เตอร์ ก็เอาคัมภีร์ออกมาและส่งมันให้กับ ลิงค์ เมื่อเขาเปิดมันออกเขาก็ต้องตะลึงกับลิสท์รายการที่เขาถืออยู่ในทันที
 

มันช่างเป็นลิสท์ที่จัดเตรียมมาอย่างมืออาชีพจริงๆ ไม่เพียงแค่มันจะจำแนกชนิดของอาวุธต่างๆออกจากกันเท่านั้น แต่มันยังได้จัดประเภทด้วยเลเวลและชนิดของเวทย์เอาไว้อย่างเรียบร้อยด้วย และมันยังมีค่าจ้างพิเศษให้กับการดัดแปลงด้วยเวทย์ระดับสูงสุดอีก และมีกระทั่งคำขอให้สร้างไม้คทาด้วย

 

สำหรับคทาเลเวล 4 คุณภาพดีที่ถูกดัดแปลงด้วยเวทย์ระดับสูงสุดทำให้มันเพิ่มพลังโจมตีได้ ราคาของมันคือ 5,000 เหรียญทอง ถ้าคุณภาพของมันคือระดับอีพิค ราคาของมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 เหรียญทอง บวกกับ ลิงค์ จะไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับค่าวัตถุดิบเลยแม้แต่เหรียญเดียว
 

ช่างเป็นข้อเสนอที่ดีอย่างไม่น่าเชื่ออะไรอย่างนี้!
 

แต่ ลิงค์ ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น หลังจากที่ตรวจดูลิสท์รายการ ลิงค์ ก็หันมาหัวเราะกับ วาร์เตอร์
 

“เป็นลิสท์รายการที่ดีนี่! มันเพิ่งแค่ 1 เดือนเอง นี่คุณไปเจอกับผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อขนาดนี้ได้ยังไง?”ด้วยรายการที่มากมายขนาดนี้ ลิงค์ ไม่เชื่อว่า วาร์เตอร์ นั้นไม่ได้ใช้ความพยายามพิเศษในการดึงลูกค้ามาด้วยตัวเอง
 

วาร์เตอร์ หัวเราะด้วยความร้อนรนสำหรับคำถามของ ลิงค์ และยอมรับสารภาพตามตรง ยังไงซะ เขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา เขาไม่กล้าที่จะโกหกจอมเวทย์อย่าง ลิงค์
 

“ผมได้จัดการมันด้วยตัวเองครับ” เขาสารภาพ “ผมจะได้เงินจากข้อตกลงพวกนี้เช่นกัน...ประมาณ 100 เหรียญทองสำหรับทุกๆคำสั่งซื้อ...”
 

100 เหรียญทอง นั่นคือสิ่งที่ วาร์เตอร์ จะได้สำหรับการทำข้อตกลงกับ ลิงค์ มันไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่ ลิงค์ ได้จากอุปกรณ์เวทมนตร์ของเขา แต่มันก็ยังคงเป็นปริมาณที่มากสำหรับพ่อค้าธรรมดา
 

วาร์เตอร์ ไม่รู้ว่า ลิงค์ จะคิดยังไง เขาจึงพูดอย่างถ่อมตัวมากๆด้วยความกลัวที่ว่า ลิงค์ จะไม่เห็นด้วย
 

แต่เขาคิดผิดเกี่ยวกับ ลิงค์ แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ แต่ ลิงค์ ก็รู้วิธีการทำธุรกิจเป็นอย่างดี เขารู้และยินดีรับความช่วยเหลือของ วาร์เตอร์ ที่ยอมลงแรงในการหาผู้ซื้อแบบนั้นมาให้เขาซึ่งมันประหยัดพลังงานของ ลิงค์ ได้มาก ลิงค์ รู้สึกว่า วาร์เตอร์ ควรได้รับทุกส่วนของ 100 เหรียญทองนั่น และเขาก็รู้ตัวว่าการร่วมมือกันของพวกเขานั้นจะไปได้ดีและขยายไปได้ไกลถ้าพวกเขาทั้งคู่ได้ประโยชน์จากมัน


 

“ผมชอบแผนการนี้ มันเป็นแผนที่ดีมาก พวกเราจะทำมัน” ลิงค์ พูด “คุณจะต้องเตรียมลิสท์รายการที่เหมือนกับแบบนี้ให้ผมตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แต่ว่าอย่ารับมากเกินไปหล่ะ ผมสามารถรับมันได้แค่ 3 รายการต่อเดือนเท่านั้น และไม่รับเวทมนตร์ที่มากกว่าเลเวล 5”
 

“ไม่มีปัญหาเลยครับ!” วาร์เตอร์ พูด แสดงให้เห็นความดีใจอย่างออกนอกหน้า “ถ้าอย่างนั้นผมจะเตรียมลิสท์รายการไว้ให้คุณในทุกๆเดือนนะครับ”อุปกรณ์เวทมนตร์ 3 ชิ้นต่อเดือน นั่นก็หมายความว่าเขาจะรวยขึ้น 300 เหรียญทองในทุกๆเดือน! และยังไม่ใช่แค่นั้น ถ้าพูดกันตรงๆ การร่วมมือกับ ลิงค์ นั้นจะเพิ่มชื่อเสียงในฐานะพ่อค้าให้กับเขาอย่างมากมายซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาหวังไว้ เขารู้สึกว่ามันได้กำไรหลังจากที่ได้ร่วมงานกับ ลิงค์ มาแค่เดือนกว่าๆเท่านั้น
 

ในขณะเดียวกัน ลิงค์ ก็เริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับการขยายกำลังการผลิตอุปกรณ์เวทมนตร์ของเขา แน่นอน เขาไม่สามารถทำมันด้วยตัวคนเดียวได้  ดังนั้นตอนนี้เขาจะต้องหาผู้ช่วย
 

ผู้ช่วยที่ดีที่สุดนั้นก็น่าจะเป็นนักเวทย์ฝึกหัดหล่ะนะ ลิงค์ รำพึง แต่ในตอนนี้ ฉันมีแค่ ไรไล  คนเดียว ฉันจะไม่ให้พรสวรรค์ของเธอต้องเสียไปกับงานใช้แรงงานพวกนี้ นอกจากนี้ ฉันยังไม่มีหอคอยเวทมนตร์เป็นของตัวเองเลย และคอลเล็คชั่นตำราเวทมนตร์ของฉันก็ยังน้อยเกินไป ดังนั้นฉันน่าจะยังไม่สามารถดึงดูดเหล่านักเวทย์ฝึกหัดที่มีฝีมือมาเป็นลูกศิษย์ได้หรอก...ตอนนี้การก่อสร้างที่ดินของฉันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว มันถึงเวลาแล้วหล่ะที่ฉันจะคิดเรื่องหอคอยเวทมนตร์ของตัวเอง...
 

ตอนนี้ ลิงค์ เป็นนักเวทย์เลเวล 6 เต็มตัวและมีเงินมากกว่า 60,000 เหรียญทองในกระเป๋าตังของเขา ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาเหมาะสมที่เขาจะคิดที่จะสร้างหอคอยเวทมนตร์ของตัวเองและเริ่มที่จะรับลูกศิษย์ของเขาเพิ่ม

 

หลังจากที่คุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจจบ ลิงค์ กับ วาร์เตอร์ ก็กลับไปคุยเรื่องปกติตลอดการเดินทางไปเมืองฮอทสปริง  หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากสงครามทางตอนเหนือ หรือไม่ก็ วาร์เตอร์ จะเป็นคนเดียวที่พูดในขณะที่ ลิงค์ นั่งฟังด้วยความตั้งใจ
 

วาร์เตอร์ นั้นเป็นพ่อค้าที่มีข้อมูลแน่นในการอัพเดตข่าวสารล่าสุดอยู่ตลอดเวลาสำหรับสงครามทางตอนเหนือ  เขาสามารถเล่าถึงความคืบหน้าในสนามรบที่มีรายละเอียดอันมากมายได้
 

“โดยรวมแล้ว ทุกอย่างไปได้ด้วยดีสำหรับฝั่งของพวกเราในตอนนี้ครับ” วาร์เตอร์ พูด “ดูเหมือนว่ากองทัพของพวกเราจะสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกมันได้อย่างแม่นยำและโจมตีพวกมันได้ ผมต้องบอกเลยว่า MI3 ทำงานได้ค่อนข้างดี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชนะฝ่ายตรงข้าม, มือแห่งความตาย อย่างอยู่หมัด! ผมมั่นใจว่าพวกเราจะสามารถขับไล่พวกดาร์กเอลฟ์ให้กลับไปสู่ใต้ดินที่พวกมันมาได้ในเวลาอีกไม่นานนี้ครับ!”
 

ลิงค์ ฟังและหัวเราะเบาๆกับการรายงานนี้ เขารู้ว่าคัมภีร์ถอดรหัสที่เขาเป็นคนพบนั้นได้ทำประโยชน์ให้กับกองทัพไม่มากก็น้อย

ในอีกด้านหนึ่ง วาร์เตอร์ ก็เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้นและความภาคภูมิใจในชัยชนะของอาณาจักร เขานั้นมองโลกในแง่ดีมากเกี่ยวกับการคาดเดาของเขาในผลของสงครามในอนาคต ลิงค์ เองก็หวังอย่างเต็มที่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงสุดท้ายและจนกว่าจะได้รับชัยชนะ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในตอนที่คุยกัน โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว เวลาได้ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วกำแพงสูงของเมืองฮอทสปริงได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นในระยะไกลๆ
 

แม้ว่ามันจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นที่ถนนหยกเมื่อไม่นานมานี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดการสถานการณ์อย่างดี และทุกอย่างก็ถูกซ่อมแซมอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น และรวมกับข่าวชัยชนะอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้ทางตอนเหนือ ก็ได้ช่วยให้ประชาชนในเมืองฟื้นตัวจากอาการตกใจจากโศกกนาฏกรรมและตัดสินใจเดินหน้าต่อไปได้

แต่พวกเขาทำมากว่าการลุกขึ้นเดินต่อ ลิงค์ ได้ยินผู้คนพูดเกี่ยวกับสงครามทางตอนเหนือในทางบวกตลอดทางจากสถาบันจนมาถึงเมืองหลวง และยังมีแม้กระทั่งบรรยากาศการเฉลิมฉลองล่วงหน้าที่ผู้คนต่างมาเต้นรำและฉลองให้กับชัยชนะในอนาคตของอาณาจักรนอร์ตันที่ดูเหมือนว่าจะจัดการดาร์กเอลฟ์ได้อย่างแน่นอน


 

ลิงค์ มองดูการมองโลกในแง่ดีอันไม่มีเหตุผลและใหญ่โตของผู้คนในเมืองฮอทสปริงด้วยความกังวล มันทำให้เขารู้สึกผิดและทำให้เขารู้สึกกังวลมากขึ้นในความโอหังที่ผู้คนแสดงออกมา
 

แต่ ลิงค์ ก็ไม่ได้สนใจขบวนพาเหรดของคนพวกนั้น ดังนั้นเขาจึงทำแค่มองเฉยๆในขณะที่กลุ่มคนต่างก็พากันเดินไปด้วยความสุข
 

ไม่นานนัก รถม้าก็ได้มาถึงโรงแรมบลูเฮอมิทที่ถนนนักเวทย์ที่ๆพวกเขาจะได้พบกับ เอเลนอร์ ลิงค์, ดึงฮู้ดของผ้าคลุมลงมาปิดหน้าของเขา จากนั้นเขาก็บอกลากับ วาร์เตอร์ และลงมาจากรถม้า
 

ลิงค์ ไม่ได้เข้าไปในโรงแรมตรงๆ เขาร่ายเวทย์ตรวจจับเพื่อที่จะตรวจสอบออร่าที่น่าสงสัยในระยะ 300 ฟุตรอบๆโรงแรมก่อน พอเขามั่นใจแล้วว่าปลอดภัยจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในโรงแรมทางประตูหน้า
 

“ผมมาหาผู้หญิงที่ชื่อว่า เอเลนอร์” ลิงค์ พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำในตอนที่เขาพบกับเจ้าของโรงแรมที่อยู่ที่เคาเตอร์ด้านใน “ช่วยบอกผมได้ไหมว่าเธอพักอยู่ห้องไหน?”
 

เจ้าของโรงแรมนั้นเคยชินกับผู้คนที่แต่งตัวแบบ ลิงค์ เพราะว่านี่เป็นแบบที่พวกนักเวทย์ชอบแต่งกัน ดังนั้นเขาจึงสังเกตุเห็นมัน
 

“แน่นอนว่าท่าน เอเลนอร์ ได้พักอยู่ที่นี่ครับ”เขาตอบ “แต่ผมจะถามคำถามกับคุณบางข้อก่อนที่ผมจะบอกเลขห้องของเธอให้กับคุณ”
 

โรงแรมบลูเฮอมิทนั้นมีชื่อเสียงเพราะการรักษาความปลอดภัยสำหรับลูกค้าของพวกเขานั้นเข้มงวด นี่คงเป็นเหตุผลที่ เอเลนอร์ เลือกสถานที่แห่งนี้ในการพักอาศัยอยู่ ลิงค์ คาดเอาไว้แล้วว่า เอเลนอร์ ได้สั่งให้เจ้าของโรงแรมถามคำถามเขาด้วยคำถามที่ ลิงค์ น่าจะรู้คำตอบ
 

“ได้สิ” ลิงค์ พูด
 

“กำไลข้อมืออันไหนที่เป็นที่ชื่นชอบของท่าน เอเลนอร์?” เจ้าของโรงแรมถาม
 

“กำไลนกฟินิกซ์” ลิงค์ ตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
 

“ถูกต้องครับ” เจ้าของโรงแรมพูดพร้อมกับพยักหน้า “เลขห้องของเธอคือ 350 มันอยู่ที่สุดทางเดินของชั้น 3 ถ้าผมจำไม่ผิดเธอไม่ได้ออกจากห้องเลยตั้งแต่เมื่อวาน”
 

จากนั้น ลิงค์ ก็ขึ้นไปที่ชั้น 3 และพบกับห้องที่มีเลขที่เจ้าของโรงแรมบอกมา ลิงค์ หลบไปด้านข้างกำแพงหินที่อยู่นอกห้องและยื่นมือไปเคาะประตูเบาๆ เขาเผื่อไว้ในกรณีที่อาจจะมีใครบางคนมาโจมตีเขาในตอนที่เขายืนรอให้ประตูเปิด  โอกาสที่จะเกิดอย่างนั้นขึ้นมันน้อยมากๆ แต่ว่าคนที่สามารถทำให้นักเวทย์เลเวล 6 อย่าง เอเลนอร์ กลัวได้นั้นต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่เสี่ยงและระวังทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้
 

“ใครหน่ะ?!” เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากในห้อง นั่นคือ เอเลนอร์ อย่างแน่นอน
 

“นี่ผมเอง ลิงค์” เขาตอบ “ตอนนี้เธอปลอดภัยนะ?”
 

ในตอนที่ประโยคสุดท้ายของเขาจบลง ประตูก็เปิดออกและ เอเลนอร์ ก็พุ่งออกมาจากหลังประตู ในตอนแรกสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล แต่หลังจากที่เธอพบว่า ลิงค์ อยู่ตรงนั้นจริงๆเธอก็ใจเย็นลงอย่างมาก
 

“โอ้ ขอบคุณเทพแห่งแสง!” เธออุทาน “ในที่สุดนายก็มา! เข้ามาเลย!”

 

ลิงค์ พยักหน้าและตามเธอเข้าไปในห้อง เขายังคงระวังตัวอย่างเต็มที่

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เขาถามในตอนที่พวกเขานั่งลงที่ห้องนั่งเล่น
 

“ฉันถูกเงาสีดำที่น่ากลัวมากไล่ล่า” เอเลนอร์ ตอบ เธอสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อยในตอนที่เธอพูดถึงมัน “ถ้าไม่ใช่เพราะกำไลนกฟินิกซ์ ฉันคงตายตั้งแต่อยู่กลางป่าเกอเวนท์แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงนี่ ฉันคิดว่า....สิ่งนั้น...คงไม่กล้าที่จะตามฉันมาถึงเมืองฮอทสปริงหรอก”
 

สีหน้าของ เอเลนอร์ ในขณะที่เธอเล่าถึงประสบการณ์ของเธอทำให้ ลิงค์ รู้สึกได้ถึงความกลัวที่เธอยังคงรู้สึกถึงตอนที่ฝ่ายตรงข้ามกับเธอเผชิญหน้ากันที่ป่าเกอเวนท์
 

 “เล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดซิว่าเกิดอะไรขึ้น” ลิงค์ พูด
 

“ได้สิ”เอเลนอร์ พยักหน้า”ครั้งล่าสุดที่พวกเราแยกทางกัน ฉันได้เข้าไปในป่าเกอแวนท์และอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ฉันรู้สึกได้ถึงวิญญาณน่าสงสัย ดังนั้นฉันก็เลยตามมันไปจนเจอ ฉันเห็นวิญญาณเข้าไปในร่างของผู้หญิงที่ตายแล้ว และทำให้เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! ฉันไม่เคยเห็นเวทมนตร์แบบนั้นมาก่อนและฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นฉันจึงตามสืบเธอต่อเพื่อให้รู้เรื่อง ในวันที่ 3 ฉันเห็นเด็กสาวที่ฟื้นคืนชีพกำลังพบเจอกับเงาสีดำอยู่อย่างลับๆ เงาดำนั้นประสาทรับรู้ดีมากๆ ในตอนที่ฉันทำเสียงดังเพียงแค่นิดเดียวมันก็รับรู้ถึงตัวตนของฉันในทันทีและไล่ล่าฉัน เวทย์ของฉันไม่มีผลกับมันเลย ดังนั้นฉันจึงหนีไปต่อจนมันเผลอและฉันก็โจมตีด้วยระเบิดเพลิงที่อยู่ข้างในกำไลนกฟินิกซ์ และมันก็ได้ผล! มันเกือบจะโดนเป่าออกไปไกล ! ฉันคิดว่ามันน่าจะบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นฉันจึงวิ่งหนีมาที่หนีเพื่อที่จะหนีจากมัน ฉันยังคงรู้สึกถึงมันได้อยู่เลย ว่ามันแอบซ่อนตัวรอฉันอยู่ในความมืด ฉันมั่นใจว่าในตอนที่ฉันออกไปจากเมืองนี้ฉันจะต้องถูกจัดการแน่ๆ!”

 

“เธอบอกว่ามันต้านทานเวทย์ของเธอได้งั้นหรอ?” ลิงค์ ถามด้วยความตกใจ “เธอหมายความว่ายังไงเรื่องเงาสีดำ? ที่เธอพูดแทนว่า ‘มัน’ หมายความว่าเธอไม่คิดว่ามันคือมนุษย์งั้นเหรอ?”
 

“มันไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ”เอเลนอร์ ตอบ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันมีตาสีแดงและแขนที่เหมือนกับมีดสีดำ-หัวของฉันเกือบหลุดเพราะมันมาแล้ว!”

 

ในตอนที่เธอพูด เธอก็เงยคางของเธอขึ้นเผยให้เห็นรอยตัดที่เงาปริศนานั้นทิ้งไว้ที่ร่างของเธอ  ลิงค์ ตรวจสอบมันดูและเห็นว่าแผลนั้นค่อนข้างลึกและมีรอยเลือดแปลกๆที่ถูกปกคลุมไปด้วยรอยสีดำคล้ายๆกับใยแมงมุมรอบๆมัน มันช่างเป็นภาพที่สยดสยองจริงๆ
 

เอเลนอร์ ดูเจ็บมากเลยทั้งๆที่เธอแค่เงยคางของเธอขึ้นเท่านั้น และน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลในตอนที่ ลิงค์ ตรวจสอบมัน  เอเลนอร์ ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงอ่อนแอต่อหน้า ลิงค์ และเธอก็อายที่ตัวเธอเองร้องไห้เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้
 

“แผลนี้มันเจ็บมากๆเลย และมันก็เต็มไปด้วยธาตุแห่งความมืด”เธอพูด “ดูเหมือนว่าตัวธาตุมันมีชีวิตอยู่เลย ฉันควรที่จะไปหานักบวชเพื่อที่จะให้เขาดูให้ แต่นายก็รู้ว่ามันจะเกิดปัญหาเพราะตัวตนของฉัน ฉันได้ลองล้างมันออกด้วยน้ำศักดิ์สิทธ์แล้วแต่มันก็ไม่หายเลยซักนิดเดียวในเวลา 3 วันมานี้-แต่มันกลับแย่ยิ่งขึ้นมากกว่าเสียอีก”
 

ลิงค์ เริ่มที่จะตรวจสอบแผลให้ละเอียดกว่าเดิมด้วยเวทย์ตรวจสอบ ภายใต้แสงของเวทมนตร์ ลิงค์ เห็นออร่าความมืดอย่างชัดเจนปรากฏออกมาจากแผล ดูเหมือนว่ามันจะถูกคุกคามจากเวทย์ของ ลิงค์ มันจึงหนีเข้าไปลึกกว่าเดิมภายในผิวหนังของ เอเลนอร์ ซึ่งนั่นทำให้เธอร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
 

ความเจ็บปวดนั้นต้องรุนแรงมากแน่ๆถึงทำให้จอมเวทย์ที่แข็งแกร่งร้องออกมาได้ดังมากขนาดนี้ ในใจของ ลิงค์ นั้นมีเพียงแค่สิ่งเดียวที่สามารถทำให้ เอเลนอร์ บาดเจ็บได้มากขนาดนี้
 

“ฉันเกรงว่าเธอจะถูกปีศาจโจมตีนะ” ลิงค์ พูดพร้อมกับนั่งลง “ไม่ใช่ปีศาจธรรมดาๆทั่วไปด้วย แต่เป็นปีศาจสายเลือดบริสุทธ์ที่มาจากความมืดมิด”

 

“ว่ายังไงนะ?!” เอเลนอร์ กรีดร้องด้วยความตกใจ “แต่ไม่ใช่ว่าปีศาจเป็นสิ่งที่อยู่คนละโลกกับเรางั้นเหรอ?” สีหน้าของ เอเลนอร์ นั้นซีดมากในตอนนี้

รีวิวผู้อ่าน