px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV –  39 รูปปั้นแห่งความรัก ?


TXV –  39 รูปปั้นแห่งความรัก ?

 

          เซี่ยเหล่ยได้รับข้อความจากหนิงเหยี่ยซานเมื่อเขาได้มาถึงอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป อาหารมื้อค่ำพวกเขาจะไปทานที่โรงแรมโพลาริสเวลา 19.00 นาฬิกา

 

          ‘ เห้อ ลุงหนิงไม่ได้ถามความคิดเห็นของเราเลย เราคงต้องไปสินะ พวกเราสองคนอาจจะต้องทำงานด้วยกันในอนาคต แล้วก็ถ้าเราไม่ไปอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ที่จะปฏิเสธคำชวนของลุงเขา เราจะพาเสี่ยวอันกับเสี่ยวหงไปกับเราด้วยเพื่อให้พวกเขามีประสบการณ์กับโลกภายนอกด้วย ’ เซี่ยเหล่ยคิด....

 

          หม่าเสี่ยวอันเป็นช่างเชื่อมและจูเสี่ยวหงเป็นผู้ช่วย เนื่องจากหม่าเสี่ยวอันกำลังทำงานอยู่เหงื่อออกจึงเป็นเรื่องธรรมดาและจูเสี่ยวหงก็เช่นกัน เหงื่อของเธอได้ทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่ม และเหงื่อเหล่านั้นก็ได้ไหลย้อยไปยังกางเกงของเธอทำให้เห็นเนื้อที่แนบติดกับก้นของเธอได้เป็นอย่างดี มันให้เห็นถึงอวบแน่นของเธอ และมันยังสามารถปลุกเร้าอารมณ์ของเขาไปพร้อมๆกัน

 

          “ ได้เวลาพักแล้ว ” เซี่ยเหล่ยปรบมือ

 

          ตอนนั้นเองที่หม่าเสี่ยวอันและจูเสี่ยวหงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเซี่ยเหล่ยได้กลับมาแล้ว หม่าเสี่ยวอันวางที่เชื่อมที่อยู่ที่มือของเขา ส่วนจูเสี่ยวหงได้ยืนขึ้นและเดินไปยังตู้กดน้ำ

 

          “ ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำให้ผมหรอก ” เซี่ยเหล่ยหยุดการกระทำของเธอ “คุณเหนื่อยแล้วตัวเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่จะเอาน้ำมาให้ผม คุณควรจะกดน้ำเพื่อดื่มเองมากกว่านะ ”

 

          “ ฉันยังไม่เหนื่อยหรอกพี่เหล่ย เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้ ” จูเสี่ยวหงเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเธอด้วยหลังมือและรอยคราบปรากฎอยู่ที่หน้าผากสีขาวซีดของเธอ

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้กระหายน้ำแต่เมื่อจูเสี่ยวหงนำน้ำมาให้ถึงที่ เขาจึงกระดกน้ำรวดเดียวหมดแก้ว.....

 

          หม่าเสี่ยวอันล้างมือเสร็จก็เดินมาหาเซี่ยเหล่ย “ เหล่ย ทำงานที่บูรพาอุตสาหกรรมเสร็จแล้วหรอ? ”

 

          “ เสร็จแล้ว ” เซี่ยเหล่ยกล่าว “ หัวหน้าหนิงของบูรพาอุตสาหกรรมได้ชวนผมไปเลี้ยงมื้อคำเพื่อแสดงความยินดีที่งานเสร็จ มันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าผมไปคนเดียว ดังนั้นผมอยากพาพวกเธอทั้งสองคนไปด้วย ”

 

          หม่าเสี่ยวอันส่ายหัวของเขาทันที “ เหล่ย ผมไม่ควรไปสถานที่สำคัญแบบนั้น แค่เหล่ยพาเสี่ยวหงไปด้วยก็พอแล้วแล้ว บอกพวกเขาว่าเธอเป็นเลขา ”

 

          “ ปกติเสี่ยวอันก็หน้าหนาแล้วทำไมวันนี้ถึงเกิดปอดแหกขึ้นมา ? หรือเพราะว่าหนิงเหยี่ยซาน ? เขาจะทำอะไรคุณหรอ ? ”  เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ หนิงเหยี่ยซานเป็นคนใหญ่คนโต ส่วนผมเป็นผู้น้อย ผมจะรู้สึกไม่สบายใจถ้าไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำกับเขา มันจะดีกว่าถ้าผมไม่ไปด้วย ”

 

          “ พี่เหล่ย ฉันก็จะไม่ไปด้วย...  ” จูเสี่ยวหงดูจะกังวลและขี้อายเป็นอย่างมาก เธอกล่าวออกมาอย่างติดๆขัดๆ “ ฉันก็แค่เด็กชนบทและไม่เคยเห็นโลกภายนอก พี่เหล่ยถ้าจะพาฉันไปด้วย มันจะทำให้ฉันอึดอัด เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่อยากไป ฉันจะไม่ไปด้วยอย่างแน่นอน ”

 

          “ ทั้งสองคนเลย มันก็แค่ไปทานอาหาร? ทำไมทั้งสองคนถึงจะต้องกลัวขนาดนั้นด้วย ? ”

 

          “ ผมไม่ได้กลัว ผมแค่ไม่อยากไป  เสี่ยวหงเธอไปได้นะในฐานะเลขาของเหล่ยไปเพื่อไปเปิดโลกกว้าง พวกคุณไปกับเหล่ยเถอะ ! ” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

          จูเสี่ยวหงส่ายหัวอันน่ารักของเธออย่างรวดเร็วจนทำให้เหมือนกับเธอกำลังสั่นไปทั้งตัว “ ฉันจะไม่ไปและฉันไม่ใช่เลขาของพี่เหล่ยด้วย ”

 

          เมื่อคำพูดไม่ได้ผลเซี่ยเหล่ยจึงวางเงิน 50,000 หยวนไว้บนโต๊ะ “ ไม่เป็นไรถ้าพวกคุณทั้งสองไม่อยากไป นี้เป็นเงิน 50,000 หยวน ผมจะให้พวกคุณทั้งคู่คิดซะว่าเป็นโบนัสแล้วกัน จะใช้เงินซื้ออะไรก็ได้ที่พวกคุณต้องการ ”

 

          “ เหล่ย ทำอะไรหน่ะ? ” หม่าเสี่ยวอันมองไปยังเซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้แตะต้องเงินที่อยู่บนโต๊ะเลย

 

          จูเสี่ยวหงก็กล่าวด้วยความกังวล “ พี่เหล่ย ฉันดีใจที่พี่รับฉันเข้าทำงาน ฉันทำงานยังไม่ครบหนึ่งเดือนเลยแล้วทำไมพี่ถึงให้โบนัสเยอะขนาดนี้ ? ฉันรับมันไม่ได้หรอก ”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มและกล่าวว่า “ งานผมที่บูรพาอุตสาหกรรมได้เงินตั้งหนึ่งล้านหยวน จริงๆผมตั้งใจจะให้มากกว่าโบนัสแต่ว่าพวกเราจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน มันก็แค่ 50,000 เอง อย่าเสียใจไปเลยเงินจำนวนนี้เป็นเงินจำนวนเล็กน้อย.... รับเงินส่วนนี้ไว้ซะเถอะ  ”

 

          “ น้อย น้อยตรงไหน! ลืมๆมันไปเถอะ ผมไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้อีกแล้ว ผมเอาเงินตรงนี้ก็แล้วกัน โอเคนะ? ” หม่าเสี่ยวอันหยิบเงินไปสองก้อนและเขาก็พูดต่อ “ เซี่ยเสวียกำลังจะย้ายไปจิงดูเพื่อไปเรียนที่นั้น ผมจะไปที่ห้องเหล่ยเพื่อทานอาหารค่ำและตรวจดูว่าเธอต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหมเพื่อการเรียนของเธอ ”

 

          เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “ เสี่ยวอันจะให้เงินเธออีกแล้วหรอ แบบนี้จะทำให้เธอเสียคนนะ ”

 

          “ เธอจะเสียคนยังไงไหนลองอธิบายมาสิ? เหล่ยเป็นพี่ชายของเธอนะ และผมก็เป็นพี่ของเธออีกคน ทำไมผมจะซื้อของขวัญให้เธอไม่ได้? ” หม่าเสี่ยวอันอธิบายความคิดของเขา

 

          “ จะทำอะไรก็แล้วแต่ จำไว้ด้วยว่ามันต้องมีความพอดีด้วย แล้วก็อย่างให้เธอติดนิสัยใช้เงินเยอะๆละ ไม่อย่างนั้นมันจะแย่แน่ๆ ” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          หม่าเสี่ยวอันหัวเราะ “ ครับ ครับ เหล่ยบ่นมากกว่าแม่ผมอีก ”

 

          จูเสี่ยวหงพูดขึ้นมา “ พี่หม่า พาฉันไปด้วย ฉันจะไปบ้านของพี่ใหญ่เหล่ยด้วยเพื่อไปกินมื้อค่ำ เออ...  ฉันต้องการซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้เซี่ยเสวีย ”

 

          “ ได้เลย แต่เธอต้องเช็ดโต๊ะก่อนที่เธอจะไปนะ ”  หม่าเสี่ยวอันกล่าวด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย.....

 

          “ โอเค ” จูเสี่ยวหงยิบผ้าขึ้นมาและมุ่งหน้าเพื่อเช็ดโต๊ะ

 

          “ เอาเงินนี้ไปด้วยและเก็บไว้ดีๆ อย่าวางไว้แบบนั้น ” เซี่ยเหล่ยยัดเงินเข้าไปยังมือของจูเสี่ยวหง

 

          ดวงตาของจูเสี่ยวหงมีน้ำตาคลอ เธอพูดไม่ออก เมื่อเธอออกจากหมู่บ้านมาเพื่อหางาน เป้าหมายสูงสุดของเธอคือการเก็บเงินให้ครบ 10,000 หยวนและส่งเงินนั้นกลับบ้านและจากที่เธอคำนวณเธอต้องทำงานเป็นปีกว่าจะทำตามเป้าหมายได้ แต่เธอทำงานที่อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปไม่ถึงเดือนเซี่ยเหล่ยก็ได้ให้เงินโบนัสมาจำนวน 20,000 หยวน เป็น 20,000 หยวนที่มีความหมายต่อเธอมาก แล้วแบบนี้เธอจะพูดอะไรออกมาได้ล่ะ ?

 

          “ ไปทำงานได้แล้ว ทำงานดีๆละ ” เซี่ยเหล่ยไม่อยากเห็นเธอร้องให้

 

          “ ค่ะ ” จูเสี่ยวหงเก็บเงินก้อนโตไว้ในกระเป๋าและกลับไปทำงานของเธอที่โต๊ะโดยใจที่เต็มเปี่ยม มือของเธอขยับอย่างจริงจัง ซ้ายขวา ซ้ายขวา และภูเขาสองลูกก็ขยับไปมาอย่างจริงจังเช่นกัน ซ้ายขวา ซ้ายขวา จนภูเขา2ลูกนั้นแทบจะกระทบกับโต๊ะ

 

          ดวงตาของหม่าเสี่ยวอันจ้องไปยังหน้าอกของจูเสี่ยวหง เขาจ้องไปที่นั้นราวกับว่าเวลาของโลกนี้หยุดลง เขาไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว !

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆและส่ายหัวเบา เขาเดินไปยังหม่าเสี่ยวอันและกล่าวด้วยเสียงเบาๆ “ เธอเป็นคนซื่อสัตย์ ขยันทำงาน ผมบอกไว้นะว่าอย่าทำอะไรเธอเด็ดขาด ”

 

          หม่าเสี่ยวอันก็กล่าวด้วยเสียงที่เบาเช่นกัน “ เหล่ยคิดว่าผมเป็นคนยังไง? คนแบบผมเนี้ยไม่เหมาะกับเธอหรอก ผมไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว ผมแค่มอง แค่มองเฉยๆ มันไม่ผิดกฎหมายซะหน่อยแล้วก็แค่มองไม่ทำให้เธอท้องหรอกน่า ใช่ไหม? ”

 

          “ ยังจะมาใช่ไหมอีก! ” เซี่ยเหล่ยตบเข้าไปยังหลังศีรษะของหม่าเสี่ยวอัน

 

          แม้หม่าเสี่ยวอันจะโดนตบก็ไม่ได้ทำให้เขาโกรธแต่อย่างใด และเขาก็ยังจ้องมองจูเสี่ยวหงเช็ดโต๊ะต่อไปพร้อมๆกับหัวเราะคิกคักไปด้วย....

 

          ในตอนเย็นเซี่ยเหล่ยเรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรมโพลาริส

 

          ก่อนที่เขาจะไปถึงที่นั่น หนิงจิงก็ได้โทรมา

 

          “ มีอะไรหรอครับพี่หนิง? ” เซี่ยเหล่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง

 

          “ มันต้องแย่แน่ๆ ” น้ำเสียงของหนิงจิงฟังดูเหมือนเธอจะเป็นกังวลอย่างมาก

 

          “ มีอะไรเกิดขึ้นหรอ?  ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดก็ได้ ”

 

          “ ลุงหนิงบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องของคุณ พ่อของฉันก็จะมาทานมื้อค่ำด้วย ”

 

          “อะไรนะ!” เซี่ยเหล่ยตกใจ

 

          “ ลุงของฉันเขาพูดถึงคุณเหมือนกับว่าคุณมีพลังเหนือมนุษย์ และเขายังพูดอีกว่าคุณเป็นลูกเขยที่สมบูรณ์แบบ พ่อของฉันตั้งใจฟังอย่างจริงจังและเขายิ้มพร้อมๆกับพูดว่า ‘ทำไมเรื่องใหญ่ๆแบบนี้ไม่บอกกันบ้าง’  ฉันควรทำยังไงดี? ” หนิงจิงกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเหมือนกัน  ! ”

 

          “ ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน อ้าก! มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรบอกลุงว่าคุณเป็นแฟนของฉันโดยที่เราสองคนไม่ได้ปรึกษากันก่อน ” หนิงจิงจนปัญญาแล้ว.....

 

          “ อย่าเพิ่งกังวลไป คุณแค่ช่วยผมให้เจอกับลุงของคุณและช่วยผมให้หารายได้ ผมจะโทษคุณได้ยังไง? ” เซี่ยเหล่ยกำลังปลอบใจหนิงจิง

 

          “ ไม่เป็นไร อะไรที่เป็นอดีตก็ปล่อยให้มันไปไม่ต้องไปขุดคุ้ยขึ้นมาอีก พ่อของฉันหัวใจเขาไม่ค่อยแข็งแรง เขาจะโกรธไม่ได้ พวกเราสองคนต้องร่วมมือกันมาหลอกเขาอีกครั้ง  !”

 

          เซี่ยเหล่ยก็ต้องตามน้ำไป “ โอเค เรามาแกล้งเป็นแฟนกันอีกรอบ ผมแสดงไม่ค่อยเก่ง ถ้ามีคนมองออกละก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน ”

 

          “ ไม่เป็นไรๆ คุณแค่ต้องไหลไปตามสถานการณ์แค่นั้นเอง โอเคนะ มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ ฉันจะรอคุณที่โรงแรมนะ ” หนิงจิงวางสายไป

 

          เซี่ยเหล่ยยังคงถือโทรศัพท์มือถืออยู่ เขากำลังหมกมุ่นกับความคิดอยู่ เขาคิดว่างานนี้จะเป็นงานฉลองหลังจากทำงานเสร็จแต่กลับกลายเป็นงานดูตัวของเขาเฉยเลย เขาไม่ใช่แฟนของหนิงจิงแต่ต้องไปเจอพ่อของเธอในฐานะแฟน เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาปวดหัวเมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้....

 

          “ พี่ชาย ไปเจอพ่อตาหรอ ? ” คนขับรถแท็กซี่มองกลับไปที่เขาแล้วยิ้ม

 

          เซี่ยเหล่ยกลับมายังโลกแห่งความจริง “ คุณรู้ได้ไง ”

 

          “ ผมได้ยินที่คุยเมื่อกี้ ” คนขับรถแท็กซี่กล่าว “ คุณไปทั้งๆแบบนี้ไม่ได้นะ คุณต้องหาของขวัญที่เหมาะสมไปด้วย ”

 

          เซี่ยเหล่ยปวดหัวมามากพอแล้วแต่คำพูดของคนขับรถแท็กซี่ทำให้เขารู้สึกวุ่นวายเข้าไปใหญ่ “ มันจะยุ่งยากซับซ้อนขนาดไหนเนี้ย? จริงๆแล้วผม.... ผมลืม จอดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างหน้าด้วยครับ ผมจะไปซื้อของขวัญซักหน่อย ”

 

          คนขับรถแท็กซี่หัวเราะ “ เป็นสิ่งที่ต้องควรทำอยู่แล้ว... ”

 

          รถแท็กซี่หยุดข้างหน้าของวอลมาร์ท เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปยังวอลมาร์ท ขณะที่เขาเข้าไปในร้ายมือของเขาว่างเปล่า แต่เมื่อเขาออกมามือซ้ายกำลังถือถุงใบใหญ่และถุงใบอื่นๆที่มือขวา หนิงจิงไม่ได้บอกว่าแม่ของเธอจะมาด้วยแต่สถานการณ์แม่ของเธอต้องมาด้วยอย่างแน่นอนเพื่อมาดูว่าที่ลูกเขย ฉะนั้นเขาจึงเตรียมกระเช้าของขวัญไว้สองอัน อันหนึงสำหรับพ่อของเธออีกอันสำหรับแม่ของเธอ

 

          “ พี่ชาย ทำดีมาก ไปหาพ่อเม่เขาด้วยของขวัญ มันทำให้พี่ชายเป็นลูกเขยที่ดี ” คนขับรถแท็กซี่พูดอย่างตรงไปตรงมา

 

          เซี่ยเหล่ยไม่มีอารมณ์ที่จะตลกเขาจึงอยู่เงียบๆ เขาบอกแท็กซี่ให้รีบขับไป

 

          เมื่อมาถึงโรงแรมโพลาริส เซี่ยเหล่ยจ่ายค่าแท็กซี่และเดินไปยังล็อบบี้ เขาเห็นหนิงจิงรอเขาอยู่

 

          หนิงจิงใส่ชุดมางานวันนี้โดยเฉพาะ เธอใส่ชุดแบบดั้งเดิมลายครามสีฟ้าและขาว พร้อมกับเจคเก็ตน่ารักตัวเล็กๆสวมทับไว้และร้องเท้าของเธอก็เป็นคู่ที่ดูเรียบง่ายและสง่างามอีกทั้งเป็นส้นสูงที่ไม่สูงมาก ทำให้โดยรวมของเธอมีออร่าแผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในลอบบี้ยังมีผู้หญิงที่แต่งตัวสวยๆหลายคนแต่เธอเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดในโรงแรมแห่งนี้ เซี่ยเหล่ยอดไม่ได้ที่จะชมเชยความงามของเธอตั้งแต่ครั้งแรกเห็น

 

          เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาหนิงจิงพร้อมกับกระเช้าสองอัน ยิ้มทักทาย “ ผมของโทษที่มาสายไปหน่อย พี่หนิง รอนานหรือเปล่า? ”

 

          หนิงจิงเดินไปหาเขา เธอดูกังวล “ หยุดเรียกฉันว่าพี่หนิงได้แล้ว ลุงฉันบอกพ่อแม่ว่าคุณอายุ 25 คืนนี้เรียกฉันด้วยชื่อเล่น เรียกฉันว่าจิง”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “โอเค รับทราบ”

 

          “ ไหนลอง... ไหนลองเรียกดูสิ ” หนิงจิงกล่าวด้วยความเขินอาย

 

          เซี่ยเหล่ยเปิดปากของเขาและสั่นนิดๆก่อนจะพูดชื่อ “ จิ.. จิง ”

 

          “ น่าจะใช้ได้ รอบหน้าให้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้ อย่าให้มันดูแข็งๆ ” หนิงจิงสั่งเหมือนทหารสั่งเมื่ออยู่ในสนามรบ “ แล้วก็พ่อฉันชื่อหนิงหยวนฮ่าย แม่ชื่อชางฮ่วยหลาน พ่อของฉันรับมือได้สบายๆ แค่คุณดื่มกับเขาสองสามแก้ว เขาจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเขาดื่ม ส่วนแม่ของฉันจะรับมือยากหน่อย เธอจะถามคำถามเยอะ คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมดีๆ ไม่งั้นเธอจับได้แน่ๆที่พวกเราโกหก  ”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกกังวลเขาจึงถามต่อ “ แม่ของคุณจะถามคำถามแบบไหนหรอ? ”

 

          หนิงจิงตอบทันที “ บ้าน รถ หน้าที่การงาน รายรับ สมาชิกครอบครัวและอื่นๆคุณควรจะเตรียมตัวตอบคำถามดีๆด้วย ”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆ “ เหมือนกับคุณเคยผ่านมันมาแล้วเลย ”

 

          ใบหน้าที่บ่งบอกว่าช่วยไม่ได้ปรากฏบนหน้าของหนิงจิง “ แม่ฉันบังคับไปนัดดูตัวมากกว่าสิบครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่รู้ว่าแม่ฉันจะถามอะไรบ้าง ”

 

          ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาทันที

 

          “ เราไปกันเถอะ ฉันจะควงแขนด้วย ” หนิงจิงถือกระเช้าด้วยมือข้างหนึง และควงแขนด้านหนึ่ง

 

          พวกเขาทั้งคู่รู้สึกเป็นกังวลอย่างอธิบายไม่ได้และเขินอายในจังหวะที่พวกเขาต้องควงแขนกันแต่ต้องทำให้เป็นธรรมชาติและเดินเขาไปยังร้านอาหารด้วยกัน....

 

          แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักปลอมๆ แต่ผู้คนที่เห็นก็ต่างชื่นชมพวกเขาอยู่เงียบๆ พวกเขาควงแขนกัน

 

          พวกเขาเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันจริงๆควรสร้างรูปปั้นแห่งความรักให้พวกเขาเลย...

 

          ติดตามชมตอนต่อไป…….

 

รีวิวผู้อ่าน