px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV – 46 บททดสอบด่านแรก !


TXV – 46 บททดสอบด่านแรก !

 

          ซิงเทียน เกรซเฮ้าท์ตั้งอยู่ไม่ไกลและนั่งเเท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในการไปถึงที่นั้น เซี่ยเหล่ยก็ลงจากรถเพื่อเข้าไปยังซิงเทียน เกรซเฮ้าท์และถามหาห้อง 201 ที่ล็อบบี้โดยทันที

 

          สือจิงชิวเปิดประตูให้เซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยอึ้งทันทีเมื่อเห็นสือจิงชิว

 

          ตอนนี้เธอสวมแค่ชุดว่ายน้ำบิกีนี่สีขาว ถ้าเอาบิกีนี่มารวมกันเป็นผ้าผืนหนึง มันเล็กกว่าผ้าเช็ดมืออีก นอกจากนี้ในห้องของเธอก็ยังไม่มีใครอยู่สักคน

 

           ชุดว่ายน้ำบีกีนี่สีขาวมันน่าดึงดูดมากกว่าสีดำเพราะสีขาวมันจะโปร่งแสงกว่าเล็กน้อยและในที่มืดๆแบบนี้มันก็เพียงพอทำให้มองเห็นได้ ความคลุมครือของบรรยากาศอาจจะทำให้เกิดความเขินอายได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นทุกอย่างบนร่ายกายของเธอที่บูรพาอุตสาหกรรมแต่ในตอนนี้เขาก็ยังคงถูกเธอดึงดูดด้วยเสน่ห์ของเธอ

 

          “ เข้ามาสิ ” สือจิงชิวยิ้มด้วยความอ่อนหวาน

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ขยับไปไหน “ ลูกค้าอยู่ไหน? ”

 

          สือจิงชิวนำมือไปคล้องคอเซี่ยเหล่ย “ ลูกค้าคือลูกค้าของฉัน คุณต้องการเจอลูกค้าของฉัน? คุณกำลังจะตัดฉันออกเพื่อไปเจอลูกค้าเองหรอ ? ”

 

          เซี่ยเหล่ยวางแผนว่าจะร่วมมือครั้งแรกเพื่อทำความรู้จักกับลูกค้า จากนั้นเขาก็จะปลดสือจิงชิวจากการเป็นนายหน้าและเมื่อทำธุระกิจรอบหน้าเขาจะได้ไปหาลูกค้าตรงๆโดยไม่ผ่านนายหน้า แต่น่าเสียดาย สือจิงชิวเจ้าเล่ห์กว่าเขาและมาพบกับเขาโดยที่ไม่มีลูกค้า....

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ แน่นอนว่าผมไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว ผมแค่ถามเฉยๆ ยังไงผมก็มาแล้ว เรามาคุยกันเรื่องธุระกิจดีกว่า คุยเรื่องธุระกิจอย่างเดียว ! ”       

 

          สือจิงชิวพูดด้วยน้ำหวานๆ “ เราจะคุยกันเรื่องอะไรอีกถ้าไม่ใช่ธุรกิจ? คุยเรื่องความรักหรอ? ”

 

          เซี่ยเหล่ยแกะมือของเธอที่กำลังคล้องคอเขาอยู่ และยิ้มอย่างเก้ๆกังๆจากนั้นกล่าว “ คุณแต่งตัวแบบนี้ตลอดเลยหรอเมื่อคุยเรื่องธุระกิจ? ”

 

          “ ถ้าคุณไม่ชอบสีนี้ ฉันเปลี่ยนได้นะ ” สือจิงชิวกล่าวอย่างเย้ายวน

 

          เซี่ยเหล่ยไม่พูดอะไรออกมา......

 

          “ ถุงเท้าขายาวพร้อมกับชุดนักเรียน? หรือจะผ้ากันเปื้อนผืนเดียว? ” สือจิงชิวยังคงพยายามยั่วยวนเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไปจึงพูดแทรกขึ้นมา “ ผมจะรอที่ลอบบี้แล้วกัน เราไปคุยกันที่ลอบบี้ดีกว่า ” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็หันหลังออกไป

 

          สือจิงชิวเอื่อมมือไปจับชายเสื้อของเขาและดึง “ เราคุยกันที่ลอบบี้ไม่ได้ เพราะว่าฉันทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นถ้ามีบางคนเห็นว่าฉันกำลังแนะนำงานให้ใครสักคนอยู่ ฉันต้องแย่แน่ๆคุณก็จะไม่ได้อะไรเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นฉันจะจองห้องพักไว้ทำไมถ้าไม่ใช่ให้เรามาคุยกัน ”

          เซี่ยเหล่ยหันหลังกลับไปและมองไปยังสือจิงชิวและพูดว่า“ งั้นก็ได้ เราจะคุยกันในห้องนี้แต่ว่าคุณต้องใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดกว่านี้ เสื้อผ้าของคุณตอนนี้เย้ายวนผมมากและผมตั้งสมาธิไม่ได้ถ้าคุณยังใส่เสื้อตัวนี้อยู่ ”

 

          สือจิงชิวหัวเราะคิกคัก “ ดูเหมือนว่าฉันยังคงมีเสน่ห์สินะ !”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้ปฎิเสธหรือยอมรับ มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายที่จะถูกดึงดูดด้วยร่างกายของผู้หญิงและเขาก็เป็นผู้ชายแท้ๆ เขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ได้

 

          ในห้องตอนนี้สือจิงชิวได้ใส่เสื้อผ้าของเธอ กระโปรงสั้นและเสื้อคอวีที่แนบแน่นกับตัวของเธอพร้อกับขาที่ขาว เรียวยาวของเธอ ทำให้เห็นรูปร่างของเธออย่างชัดเจน เซ็กซี่และเย้ายวน แต่ยังไงก็ตามถ้าเทียบกับบีกีนี่เมื่อครู่ เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่ามันดีขึ้นมาก

 

          เซี่ยเหล่ยทราบว่าสือจิงชิวกำลังพยายามหลอกล่อเขา เขาไม่ต้องการที่จะสร้างช่วงเวลาที่มีความสุขกับเธอเพราะว่าเขารู้จักผู้หญิงแบบเธอดี ถ้าเขานอนกับเธอ แน่นอนมันจะทำให้เขามีช่วงเวลาแห่งความสุขแต่หลังจากนั้นเธอจะนำพาปัญหามาให้ไม่รู้จักจบจักสิ้นให้เขา เขาจะไม่นอนกับเธอเด็ดขาดและจะไม่หลงกลกับกับดักของเธอ

 

          สือจิงชิวเปิดประเป๋าเอกสารที่อยู่บนโซฟาและนำสำเนาเอกสารของข้อมูลบางส่วนและใบสัญญาออกมาแล้วยื่นไปให้เซี่ยเหล่ย “ เอาไปอ่านดูถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นสัญญาตรงนี้ ”

 

          เซี่ยเหล่ยได้อ่านข้อมูลต่างๆของใบสัญญา เซี่ยเหล่ยกล่าว “ ผมไม่มีปัญหากับชิ้นส่วนที่ลูกค้าต้องการให้ผมไปทำ ตรงส่วนนั้นผมทำได้อยู่แล้ว แต่ส่วนที่ใบสัญญาบอกว่าเขาจะจ่ายเงินเมื่อทำงานเสร็จเท่านั้น ผมไม่เห็นด้วยกับตรงนี้  ”

 

          “ มีปัญหาตรงไหนที่จะจ่ายเงินเมื่อทำงานเสร็จเท่านั้น? ” สือจิงชิวมองไปยังเซี่ยเหล่ย

 

          “ แน่นอนอยู่แล้วมันต้องเป็นปัญหา ผมเป็นคนออกค่าวัตถุดิบและกำลังคน ผมเป็นคนลงทุนคนเดียวแต่เขาไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย ถ้าทำผมทำชิ้นส่วนเสร็จแล้วเขามาบอกว่าเขาไม่เอาแล้ว ถ้าเป็นแบบนี่ใครจะจ่ายเงินให้ผมล่ะ ! ” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ฉันการันตีได้เลยว่าคุณได้เงินแน่นอนตราบใดที่งานเสร็จ ” สือจิงชิวกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะและกล่าว “ นั้นแหละปัญญหา ผมไม่เชื่อใจคุณ ! ”

 

          “ คุณ... ” ใบหน้าสือจิงชิวเต็มไปด้วยความโกรธ

 

          “ อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ผมแค่พูดความจริง ผมรู้จักคนแบบคุณ รู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง แล้วก็บางส่วนของสัญญามันไม่ถูกต้องรวมถึงควรเพิ่มอีกราคาเพิ่มอย่างน้อย 20% ”

 

          ความเกลียดชังปรากฏในสายตาของสือจิงชิวแต่ว่าเธอได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที และพูดขึ้นมาด้วยเสียงหวานๆของเธอ “ เหล่ย คุณพูดอย่างนั้นได้ยังไง คุณยังเกลียดฉันที่ฉันปฏิเสธคุณเมื่อหลายปีที่แล้วหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราจะทำงานร่วมกันได้ยังไง? ราคานี้มันสมเหตุสมผลสำหรับคุณและเวิกค์ช๊อปเล็กๆของคุณ ถ้าคุณต้องการเพิ่มอีก 20% สัญญานี้จะไม่เกิดขึ้นแน่? ถ้าให้ที่ราคามากกว่านี้ที่คุณต้องการแล้วทำไมลูกค้าเขาจะต้องไปที่เวิกค์ช๊อปเล็กๆ ของคุณล่ะ ? ลูกค้าคงจะไปหาบริษัทใหญ่ๆเลยไม่ดีกว่าหรอ? ”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ เหตุผลง่ายๆเลย ผมเก่งกว่ารวมกับราคาที่ผมขอมันสมเหตุสมผลอยู่แล้วเพราะว่าผมมีข้อมูลวัตถุดิบและอุปกรณ์ ถ้าลูกค้าของคุณไปที่บูรพาอุตสาหกรรม ราคามันต้องเพิ่มอย่างน้อย 50% คุณไม่คิดหรอว่าผมรู้ราคาตลาด? ”

 

          สือจิงชิวขมวดคิ้ว “ เหล่ย คุณทำให้สัญญาขงลูกค้ามันยากขึ้นไปอีก.... ”

          “ อย่าลืมว่าเธอได้ค่านายหน้าอีก 8% ราคาที่อยู่ในสัญญาตอนนี้ลบกับค่านายหน้าของเธอทำให้ผมไม่มีกำไรเลย สิ่งที่ผมต้องการคือ เพิ่มราคาอีก 20% และจ่ายก่อน 50% เป็นค่ามัดจำที่เหลือ 50% จ่ายเมื่อผมเอาชิ้นส่วนมาส่ง นั้นคือข้อเสนอทั้งหมดของผม ไปทำให้สำเร็จแล้วผมก็จะทำตาม หรือไม่ก็เธอก็ไปหาคนอื่นทำ”

 

          สีหน้าของสือจิงชิวแสดงความหนักใจออกมา เธอคิดสักครู่ก่อนจะกล่าว “ ฉันจะโทรไปหาลูกค้าแล้วบอกข้อเสนอของคุณ แล้วมาดูว่าลูกค้าว่าอย่างไรบ้าง ”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ ไปเลย แล้วก็บอกผลให้ทราบด้วย ”

 

          สือจิงชิวลุกขึ้นและเดินไปห้องน้ำแล้วปิดประตู จากนั้นเขาได้ยินเสียงน้ำไหลหลังจากที่เธอเขาไปได้ไม่นาน

 

          ‘ พระเจ้า! นี้เธอทำธุระส่วนตัวในขณะที่คุยกับลูกค้าหรอ? เราต้องยกนิ้วให้เธอเลย ’ เซี่ยเหล่ยคิด เราต้องการฟังว่าสือจิงชิวพูดคุยอะไรบ้างกับลูกค้าของเธอแต่เขาได้ยินแค่เสียงของสือจิงชิวกระซิบกระซากเท่านั้นและเสียงที่ไม่ใช่เสียงของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอลดเสียงของเธอลงเพราะแบบนั้นจึงทำให้เขาไม่ได้ยินอะไร เพื่อที่จะปิดบังไม่ให้เขาได้ยินเสียงที่เธอกำลังคุยกับลูกค้า

 

          ตลาดก็เหมือนกับสมรภูมิ นักธุระกิจที่เก่งกาจจะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้และใช้ข้อมูลต่างๆที่พวกเขามีเพื่อให้รู้ว่าเขากำลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบ จากนั้นจึงใช้ข้อได้เปรียบต่างๆในการเจรธุระกิจเพื่อกำไรมหาศาล ในทางตรงกันข้าม ถ้าพวกเขาไม่รู้อะไรเลย พวกเขาก็เป็นเหมือนเบี้ยตัวหนึ่งและถึงแม้ว่าเขาจะทำกำไรได้ ก็จะเป็นกำไรที่เล็กน้อยและไม่รุ่งเรื่อง.....

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ใช่นักธุรกิจที่เก่งกาจและขาดพื้นฐานของการทำธุรกิจในหลายๆด้านแต่เขามีสิ่งที่เป็นข้อได้เปรียบเฉพาะตัวนั้นคือดวงตาของเขา

 

          เมื่อเขาคิดว่าเขากำลังต้องการข้อมูลของลูกค้า ดวงตาของเขาก็ทำงานทันที ประตูห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับเขาก็หายไปทันทีเสมือนว่าเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติและภาพของสือจิงชิวนั่งอยู่บนโถส้วมก็ปรากฎขึ้นมาในสายตาของเขา

 

          สือจิงชิวนั่งอยู่บนโถส้วมและมีบีกีนี่ของเธออยู่ที่หัวเข่า เธอคงกำลังฉี่อยู่ในขณะที่พูดคุยกับลูกค้า ดูเหมือนว่าเธอจะทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วและเธอดูผ่อนคลายแต่ไม่ได้สวมบีกีนี่เพราะเธอกำลังถือโทรศัพท์ในมือของเธอ เธอนั่งอยู่อย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มบนหน้าและพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ

 

          เซี่ยเหล่ยเห็นเธอกำลังพูดคุยอยู่แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลยที่เธอพูด

 

          ‘ แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์สิ เราเห็นแต่เราไม่ได้ยิน ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้เราได้ข้อมูลของลูกค้าเลย สือจิงชิวเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย เธอเหมือนกับสายลับมืออาชีพมากๆ ’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจ

 

          เมื่อพูดถึงสายลับ เซี่ยเหล่ยก็มีความคิดอื่นขึ้นมา

 

          ‘ ใช่แล้วสายลับไง ในภาพยนตร์มักจะมีสายลับเก่งๆที่จะสามารถอ่านปากของคนร้ายได้ ถ้าเรารู้ว่าอ่านปากยังไงละก็ เราก็จะสามารถรู้รายละเอียดต่างๆของลูกค้าได้ทันทีแม้ว่าสือจิงชิวจะพยายามปกปิดก็ตาม ถ้าเราสามารถเข้าใจข้อความของลูกค้า เราก็จะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากการสนทนาระหว่างเธอกับลูกค้าได้ ความต้องการในการเรียนรู้การอ่านปากของเซี่ยเหล่ยได้เพิ่มขึ้น’

 

          ด้วยความคิดเหล่านั้นที่อยู่ในหัว เซี่ยเหล่ยจึงตั้งใจจ้องสือจิงชิวทิ่อยู่บนโถส้วม เขาไม่ได้แอบดูต้นขาสวยๆหรือส่วนลับของเธอ แต่เขาจ้องปากของเธอ เขาใช้ตาซ้ายเพื่อบันทึกทุกการเคลื่อนไหวของปากของเธอ ในวินาทีนั้นตาของเขาเหมือนกับเป็นกล้องบันทึกวีดีโอผ่านประตูห้องน้ำ ทุกอย่างเกี่ยวกับสือจิงชิวจะถูกบันทึกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ ก็ถูกบันทึกเช่นกัน ไม่มีอะไรที่จะผ่านสายตาเขาไปได้!

 

          สองนาทีต่อมา สือจิงชิวก็ดึงบีกีนี่ขึ้น จากนั้นจึงล้างมือและออกจากห้องน้ำ

 

          เซี่ยเหล่ยปิดตาของเขา ช่วงเวลา 3 ถึง 4 นาทีที่เขาใช้สายตามองทะลุมันทำให้เขาเกิดภาพหลอนขึ้นมา ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก เขามองเห็นเฉินตู เทียนหยินไม่ใช่สือจิงชิว เฉินตู เทียนหยินใส่แค่ชั้นในตาข่ายอย่างเดียวทำให้เธอเซ็กซี่อย่างมากและมันทำให้เขาหายใจลำบาก เขาไม่กล้ามองต่อไป เขาจึงรีบหลับตา....

 

          “ เอาล่ะ คุณชนะ ” สือจิงชิวพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหนาย “ ลูกค้าของฉันตกลงกับข้อเสนอของคุณ ราคาจะเพิ่มขึ้น 50% และเงินมัดจำ 50% จะจ่ายก่อน ยังไงก็ตามลูกค้าของฉันมีข้อแม้ไว้หนึ่งอย่าง ”

 

          เซี่ยเหล่ยยังคงไม่กล้าเปิดตาตอนนี้ “ ข้อแม้อะไร? ”

 

          “ คุณต้องทำชิ้นส่วนชิ้นแรกให้เสร็จก่อน 5 โมงเย็น ถ้าลูกค้าพอใจ ฉันจะนำใบสัญญามาให้เซ็น ” สือจิงชิวกล่าว

 

          นั้นทำให้เซี่ยเหล่ยผ่อนคลายลงและเปิดตาของเขา “ ได้เลย เอาใบสัญญามาก่อน 5 โมงเย็นด้วย ”

 

          สือจิงชิวหัวเราะคิกคัก “ คุณมั่นใจในตัวเองจริงๆแต่ฉันก็รู้ว่าความสามารถของคุณ งานนี้มันง่ายกว่างานที่ทำที่บูรพาอุตสาหกรรมอีก ”

 

          “ โอเค สัญญาก็ตกลงเรียบร้อย ผมไปละ ลาก่อน ” เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นและเดินไปยังประตู

 

          “ นี้คุณ? ฉันช่วยให้ได้งานราคาสามแสนหยวนแล้วคุณจะออกไปทั้งแบบนี้เลยหรอ? ไหนละคำขอบคุณของฉัน? ” สือจิงชิวกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยหันหลังไปมองเธอ “ สามแสนหยวนและเธอได้ไป 24,000 หยวนแค่เธอเปิดปากพูด เอาเป็นว่าถ้าเธอไม่เอาค่านายหน้าและผมตอบแทนเป็นข้าวมื้อหนึ่ง แบบนั้นดีไหม? ”

 

          “ ลาก่อน ! ” สือจิงชิวกล่าว

 

          ติดตามตอนต่อไป......

 

รีวิวผู้อ่าน