px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV – 61 การขู่ที่ยอมไม่ได้ !


TXV – 61 การขู่ที่ยอมไม่ได้ !

 

          “เสวีย พี่กลับมาแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดเมื่อเขาเปิดประตูบ้าน

 

          แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา

 

          เซี่ยเหล่ยเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเซี่ยเสวียไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงตู่ ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เขาจึงยิ้มขำๆกับตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลืมเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่ที่เธอไม่อยู่ เขาคิดถึงเธอมาก

 

          เซี่ยเหล่ยปิดประตูและเดินไปยังห้องนั่งเล่น แล้วก็พบว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่

 

           ทุกอย่างในบ้านยังคงดูปกติดี แต่เขารู้ว่ามีบางคนบุกรุกเข้ามาที่นี่… ของบางอย่างในบ้านไม่ได้วางอยู่ในตำแหน่งเดิม แม้จะเป็นแค่การเคลื่อนย้ายตำแหน่งเล็กๆก็ไม่สามารถเล็ดลอดไปจากตาซ้ายของเขาได้…

 

          คนที่บุกเข้ามาที่นี่ เขาได้ค้นของหลายอย่าง และพยายามจัดมันเข้าที่ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิม อย่างเช่นชั้นวางทีวี เขาจำได้ว่าชั้นมีช่องว่างหนึ่งเซนติเมตร และสามารถมองเห็นไขควงผ่านช่องนั้นได้ แต่ตอนนี้มันกลับมีช่องว่างเพิ่มขึ้นเป็นสองเซนติเมตร…

 

          “เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นโจรสาวคนนั้น?” เซี่ยเหล่ยได้นึกถึงหัวขโมยคนนั้นขึ้นมาทันที “ถ้าป็นเขาจริงๆ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับกู๋เค่อเหวินแน่ เธออยากได้อะไรล่ะและทำไมต้องส่งหัวขโมยมาที่บ้านฉัน ? สิทธิบัตรก็ได้รับการอนุมัติไปแล้ว และมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาขโมยแบบแปลนกระดานโต้คลื่นอัตโนมัติเลยเพราะมันไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้ามันไม่ใช่แบบแปลน แล้วเธอต้องการอะไรกันแน่ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยคิดแล้วคิดอีก เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ากู๋เค่อเหวินส่งโจรสาวคนนั้นมาขโมยอะไร ?

 

          ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยเหล่ยเดินไปที่หน้าต่าง ตาซ้ายของเขากระตุก และรอยเท้าของหัวขโมยก็ปรากฏขึ้นในสายตา รอยเท้านี้มีขนาดเล็กดูเหมือนจะเป็นเท้าของผู้หญิง จากนั้นเขาจึงสแกนทั่วทั้งห้อง ก็พบรอยเท้าจางๆกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบสถานที่เกิดอาชญากรรมยังต้องใช้ผงเรืองแสงหรือไม่ก็ผงแป้งเพื่อดูรอยนิ้วมือนิ้วเท้า แต่เซี่ยเหล่ยเขาเพียงแค่ใช้ความสามารถของตาซ้ายเท่านั้น!

 

          นี่เป็นความสามารถในการปรับภาพให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นด้วยตาซ้ายของเขา เขาสามารถมองเห็นสิ่งเล็กๆที่คนทั่วไปมองไม่เห็นได้

 

          รอยเท้าเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปยังห้องนอน มันมีรอบเท้าทั้งในห้องของเขาและในห้องของเซี่ยเสวีย....

 

          เซี่ยเหล่ยเดินตรงไปยังห้องของเขา ทุกที่ในห้องเต็มไปด้วยรอยเท้า ลิ้นชักข้างเตียงและในตู้เสื้อผ้ามีร่องรอยการถูกค้น....

 

          หลังจากตรวจสอบห้องแล้ว เซี่ยเหล่ยพบว่านอกจากโดนรื้อเสื้อผ้าแล้ว ไม่มีอะไรถูกขโมยไป เงินสด 1000 หยวนในตู้เสื้อผ้าของเขาก็ยังอยู่ที่เดิม แปลว่าหัวขโมยต้องการของอย่างอื่น หลังจากนั้นสายตาของเซี่ยเหล่ยก็จ้องไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของเซี่ยเสวียซึ่งอยู่ใต้หน้าต่าง โต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยและกรอบรูป เป็นรูปงานรับปริญญา แต่สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่รอยยิ้มสดใสของเธอ แต่กลับเป็นรอยกากบาทสีแดงเล็กๆที่อยู่บนกรอบรูป

 

          เครื่องหมายกากบาทมีขนาดเล็กมากไม่เกินไปกว่าหนึ่งเซนติเมตร แต่เซี่ยเหล่ยกลับมองเห็นมันมีขนาดใหญเท่าบ้านผ่านความสามารถจากตาซ้ายของเขา กากบาทถูกวาดลงบนกรอบรูปด้านขวาบนหน้าผากของเซี่ยเสวีย และแน่นอนว่านี่มันคือการข่มขู่!

 

          สีหน้าของเซี่ยเหล่ยโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที เขากำหมัดแน่นและกัดฟันพูด “กู๋เค่อเหวิน กูไม่สนว่ามึงจะเป็นใคร ถ้ามึงกล้าแตะต้องน้องสาวฉันแม้แต่ปลายผม กูจะฆ่ามึงซะ!”

 

          หลังจากพ่อของเขาหายตัวไป เซี่ยเหล่ยเป็นทั้งพี่และพ่อให้เซี่ยเสวีย ถ้าใครมาทำให้น้องสาวเขาเจ็บ เขาจะบุกไปเล่นงานมัน แม้แต่ลูกสาวคนลำดับที่ 2 ของตระกูลกู๋ก็ไม่มีข้อยกเว้น!

 

          รอยเท้าของหัวขโมยหายออกไปทางหน้าต่าง

 

           เซี่ยเหล่ยตัดสินใจตามรอยเท้าหัวขโมยออกจากบ้านของเขาลงมาที่ชั้นล่าง และตามรอยเท้าที่หัวขโมยทิ้งร่องรอยไว้…

 

          รอยเท้านั้นค่อยๆจางลงเรื่อยๆ บ้างก็ถูกทับด้วยรอยอื่นๆ เขาตามมาจนถึงซอยหลังหมู่บ้านและรอยเท้านั้นก็หายไป มันติดไปกับยางรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับออกไปจากซอย

 

          เจ้าหัวขโมยมมันขับมอเตอร์ไซค์หนีไป เซี่ยเหล่ยตามหาต่อไปโดยเดินตามรอยจากยางรถมอเตอร์ไซค์....

 

          เขาตามมาจนสุดซอย รอยนั้นยังคงมีอยู่บนถนน มีทั้งส่วนที่เห็นชัดและไม่ชัด เขาเดินตามไปอีก 200 ถึง 300 เมตรและตัดสินใจหยุดตาม พื้นถนนเต็มไปด้วยร่องรอยยางรถมากมาย ไม่สามารถบอกได้ว่ารอยไหนเป็นของรถคันไหนบ้าง นอกจากนั้นเขายังได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ตาซ้ายเป็นเวลานาน ทำให้เขาเห็นภาพหลอนและรู้สึกหมดแรง...

 

          หลังจากหยุดพักครู่หนึ่ง เซี่ยเหล่ยจึงกลับไปที่หมู่บ้าน เขาไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับไปเคาะประตูบ้านของเจียงหยูยี่

 

          เจียงหยูยี่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จ เธออยู่ชุดรัดรูปพอดีตัว เหงื่อเกาะตามใบหน้าและลำตัว เธอมีเหงื่อชุ่มจนเสื้อผ้าแทบจะโปร่งแสง ทำให้มองเห็นสัดส่วนบางอย่างที่เขาไม่ควรพูดถึง มันทำให้เธอดูมีสเน่ห์และน่าดึงดูดใจมาก

 

          เซี่ยเหล่ยไม่รู้จะเอาสายตาเขาไปมองตรงไหนของเธอดี

 

          เจียงหยูยี่มีท่าทางปกติมาก เธอเช็ดหน้าผากและหน้าอกด้วยผ้าเช็ดตัวและถามว่า

 

          “นี่มันมืดแล้ว และนายมาเคาะประตูบ้านฉัน เพื่อนบ้านจะคิดยังไงถ้าเขามาเห็น?”

 

          เซี่ยเหล่ยกระแอมอย่างเคอะเขินและพูด “ผมทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว พวกเขาคงชินกับมันแล้วล่ะ เอากุญแจรถมาให้ผม ผมต้องออกปำธุระข้างนอกหน่อย”

 

          “คุณจะทำอะไร?” เจียงหยูยี่ถามด้วยความสงสัย

 

          “มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอ เอากุญแจมาให้ผมก็พอ” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “นายจะออกไปหาผู้หญิงคนนั้นหรอ? อย่าเที่ยวไปบอกใครว่าเรารู้จักกันล่ะถ้าเกิดนายโดนจับขึ้นมา” เจียงหยูยี่พูด

 

          เซี่ยเหล่ยไม่พูดตอบ....

 

          “ใจเย็นๆนะ ฉันจะไปเอากุญแจมาให้เดี๋ยวนี้แหละ” เจียงหยูยี่เข้าไปเอากุญแจ

 

          เซี่ยเหล่ยมองตามหลังเธอไป เอวคอดเล็ก สะโพกสวย ขาเรียวยาวเหมือนหยก และความสวยที่ไม่สามารถบรรยายได้ ทันใดนั้นกางเกงขาสั้นและเสื้อของเจียงหยู่ยี่ก็หายวับไป

 

          เซี่ยเหล่ยรีบหลับตาและก้มหน้าของเขาลง ‘ทำไมฉันควบคุมตาของฉันไม่ได้เลยเมื่ออยู่กับเธอ ?’

 

          ถ้าเป็นเรื่องความสวย เฉินตู เทียนหยิน ยังสวยกว่าเจียงหยูยี่อีก แต่เขาไม่เคยอยากใช้ความสามารถมองทะลุกับเธอเลย  แต่กับเจียงหยูยี่เขากลับไม่สามารถควบคุมมันได้ ดูเหมือนเขาจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้

 

          เจียงหยูยี่กลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกุญแจในมือ แต่มันไม่ใช่กุญแจของรถแฮเว้าส์ H6 แต่เป็นกุญแจของโฟล์คสวาเก้น โปโล ซึ่งมันเป็นรถคันเก่าของเธอ

 

          “นี่มันกุญแจรถเธอ ผมต้องการของรถของผม”

 

          “จะเอาอันนี้หรือจะออกไปจากที่นี่” เจียงหยูยี่พูดอย่างหงุดหงิด “ทุกคนที่สถานีพูดว่าฉันมีรถคันใหม่ และฉันก็ยอมรับไปแล้ว ฉันเป็นถึงหัวหน้าตำรวจเชียวนะ คุณจะให้ฉันขับรถเก่าๆไปทำงานได้ยังไงกัน ให้ฉันยืมรถคุณสักปีสองปีแล้วกันนะ”

 

          “สองสามปีหรอ?” เซี่ยเหล่ยไม่รู้จะพูดกับเธอต่อไปยังไงดี เขายืนนิ่งอย่างตกตะลึง

 

          “สัญญากันแล้วนะ ไปทำสิ่งที่คุณจะทำเถอะ ฉันจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว คุณคือชายโสดและเธอก็คือหญิงโสด จบนะ ! ” เจียงหยูยี่พูดจบก็ปิดประตูโดยไม่รอให้เซี่ยเหล่ยตอบโต้อะไรแม้แต่น้อย

 

          เซี่ยเหล่ยยังคงยืนงงๆอยู่หน้าประตู “ชายโสดกับหญิงโสด? ชายโสดกับหญิงโสด บ้าเอ๊ย ! รู้อย่างนี้ผมไม่ให้เธอยืมรถหรอก”

 

          รถคันใหม่ราคาหลายแสนบาท ที่เขาเพิ่งจะขับไปได้แค่ 15 กิโลเมตรเท่านั้น ตอนนี้ได้ถูกหัวหน้าเจียงยึดไปแล้ว เขาลองคำนวณการใช้งาน 10000 หยวนสำหรับทุกๆกิโลเมตร และพบว่าแม้แต่รถบูการ์ติ เวส์รอนยังไม่แพงขนาดนี้เลย !

 

          หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยเหล่ยขับโฟล์คสวาเก้น โปโล คันเก่าของเจียงหยูยี่ออกจาหมู่บ้านอย่างช้าๆไปในทางที่เขาได้ตามร่องรอยคนร้ายไปก่อนหน้านี้

 

          มันไม่มีเส้นทางที่แน่ชัด แต่เขาก็จะลองเสี่ยงดวงดู การตามหาหัวขโมยแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการงมเข็มในมหาสมุทร แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้....

 

          เขาไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร คนที่กล้าใช้เซี่ยเสวียเพื่อข่มขู่เขา พวกมันจะต้องชดใช้!

 

          มันยังไม่ดึกมากทำให้มีรถอยู่เต็มถนน เซี่ยเหล่ยขับรถด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อสำรวจเส้นทางต่างๆ และทางเดินเท้าที่อยู่ข้างถนนด้วย เขาไม่รู้ว่าขโมยรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แต่มีใครบางคนที่เขาสงสัยอยู่ นั่นก็คือโจรสาวที่เคยบุกเข้าบ้านหลิวหยิง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ทันใดที่เขาเห็นบางคนที่มีลักษณะเหมือนสาวประเภท 2 เขาจะขับรถเข้าไปดูใกล้ๆ และขับออกไปหลังจากพบว่านั่นไม่ใช่หัวขโมยคนนั้น

 

          เซี่ยเหล่ยเลือกขับตรงไปอย่างเดียวโดยไม่เลี้ยวกลับ เขาหวังว่าหัวขโมยจะขับรถตรงไปและทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างถนน ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ ความหวังของเขาที่จะหาตัวขโมยเจอคงเป็นไปไม่ได้....

 

          แสงไฟนีนอนกระพริบ ป้ายร้านค้าข้างถนน และ รอยเท้าคนเดินมากมายปรากฏอยู่ในสายตาของเซี่ยเหล่ย สองชั่วโมงผ่านไปเขาขับมาจนสุดถนน และมีทางแยกอยู่ข้างหน้า ทางหนึ่งเลี้ยวซ้าย อีกทางหนึ่งเลี้ยวขวา เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าเขาควรไปทางไหนดี เขาจึงตัดสินใจหยุดรถ

 

          ติดตามตอนต่อไป........

 

         

         

           

รีวิวผู้อ่าน