px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TX –  84 การมาถึงของท่านอาวุโส !


TXV –  84 การมาถึงของท่านอาวุโส !

 

          คนแบบไหนกันที่อยากจะตรวจสอบเรื่องของเขา? ทำไมหลงบิงจึงไม่สืบสวนเขา? เซี่ยเหล่ยไม่สามารถคิดหาคำตอบให้กับสองเรื่องนี้ได้ แต่เขาก็ไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ความสามารถของเขาซ่อนอยู่ในดวงตา และไม่มีทางที่คนอื่นๆจะค้นพบได้ มันเป็นพลังที่ลึกลับมาก แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แล้วหลงบิงจะสืบสวนเขาจากอะไรได้ ?

 

          ในเช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหล่ยโทรหาหลงบิงแต่โทรศัพท์ของเธอถูกปิดเครื่องและเขาไม่สามารถติดต่อเธอได้ เขาพยายามโทรอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ จริงๆแล้วเขาเองก็ไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนี้มากนัก จึงมาทานข้าวเช้าและออกจากบ้าน

 

          เขาเพิ่งจะเดินออกไปได้เพียงแค่สองก้าวเท่านั้น เมื่อเศษแตงโมถูกขว้างมาใส่หัวของเขา เขาได้ยินเสียงคนหมอบตัวลงอย่างเร่งรีบหลังจากที่เศษแตงโมลอยเฉียดหัวเขาไปแล้ว เซี่ยเหล่ยหันกลับไปดูก็มองเห็นเจียงหยูยี่ยืนอยู่บนระเบียงบ้านของเธอ

 

          เจียงหยูยี่ดูโกรธจัด เธอหยิบเศษแตงโมอีกชิ้นและขว้างมันมาทางเขา

 

          เซี่ยเหล่ยรีบกระโดดหลบระหว่างที่เขาพูด “หยูยี่คุณมาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้าเนี่ย ? ผมไปทำอะไรให้คุณโมโหห๊ะ ?”

 

          “คุณไม่ได้ทำอะไรหรอก แต่ฉันจะปามันใส่คุณเพราะฉันอยากทำ แล้วคุณจะทำไม?” เจียงหยูยี่เหวี่ยงแขนขึ้นและเศษแตงโมชิ้นที่สามกำลังจะถูกขว้างมา เธอเล็งเป้าหมายพลาดทำให้แตงโมชิ้นนั้นกระเด็นไปโดนกำแพงข้างๆ จนน้ำแตงโมกระเด็นโดนใบหน้าและหน้าอกของเธอ ภาพของสีที่ตัดกันระหว่างหน้าอกสีขาวกับน้ำแตงโมสีแดงช่างดูน่าสะดุดตานัก 

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ดูสิ สวรรค์กำลังลงโทษที่คุณทำเรื่องไม่ดีอยู่นะ”

 

          “แล้วคุณจะมาสนใจอะไร?” เจียงหยูยี่หยุดขว้างเศษแตงโมและเธอถามราวกับกำลังสอบสวนเขาอยู่ “ผู้หญิงเมื่อคืนนี้เป็นใคร?”

 

          “เธอเป็นลูกสาวของอาจารย์ผม ชื่อหลางซือเหยา และเธอก็เป็นผู้ช่วยของผมด้วย” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “อาจารย์ของคุณ?”

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังคิดหาวิธีที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้ เขายิ้มและพูด “คุณไม่รู้ใช่ไหม? ตอนนี้ผมกำลังเรียนรู้หวิงชุน อาจารย์ของผมเป็นทายาทของเหยินหยงชุนเขาชื่อ หลางเฉิงชุน”

 

          “ขี้โม้”  เจียงหยูยี่เบ้ปาก “ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวอาจารย์ของคุณเธอก็ต้องเป็นรุ่นพี่คุณสิ เธอจะมาเป็นผู้ช่วยของคุณได้ยังไง?”

 

          “เธอเป็นคนเก่งที่เคยศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจในอเมริกา นี่เป็นความโชคดีของผมที่เธอจะมาช่วยจัดการเรื่องธุรกิจที่กำลังยุ่งเหยิงอยู่ในตอนนี้” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          ทันใดนั้นเจียงหยูยี่ก็ก้มลงและถอดรองเท้าขึ้นมาขว้างไปทางเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยรีบหลบ “คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือ? มาขว้างรองเท้าใส่ผมอีกทำไม?”

 

          “คุณจ้างผู้ช่วยที่สวยและยังเด็กมาก สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือคุณต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่ๆ หน้าไม่อาย อย่าไปบอกใครล่ะว่าคุณรู้จักกับฉัน” เจียงหยูยี่ด่าว่าเขา

 

          เซี่ยเหล่ยพูดไม่ออก...

 

          เจียงหยูยี่เหมือนจะเพิ่งคิดอะไรบางอย่างออก “อ้อใช่แล้วล่ะ ฉันตัดขาดกับคุณไปแล้วนี่ ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว ชิ่ว ชิ่ว”

 

          เซี่ยเหล่ยยักไหล่และหันหน้าเดินตรงไปหาเกรทส์วอร์ H6 ของเขา

 

          “เฮ้ย!” เจียงหยูยี่กล่าวอย่างเดือดจัด “เอารองเท้าของฉันคืนมานะ”

 

          “คุณบอกว่าจะไม่พูดกับผมใช่หรือเปล่า? แต่ตอนนี้คุณกำลังขอให้ผมคืนรองเท้าให้คุณ?” แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังหยิบรองเท้าของเจียงหยูยี่และขว้างมันกลับไปให้เธอ

 

          เจียงหยูยี่สวมรองเท้าและพูดอย่างโกรธจัด “ฉันจะฟ้องเสวียว่าคุณกลายเป็นคนเลวไปแล้ว!”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขำๆก่อนกลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง

 

          “คืนนี้ซื้ออาหารกลับมาให้ฉันด้วย ในตู้เย็นของฉันไม่มีอะไรเลย ซื้อเนื้อวัวหรือเนื้อแกะหรืออะไรก็ได้มา อ้อ คุณจ่ายเงินไปก่อนแล้วกันนะ” เสียงของเจียงหยูยี่ดังมาจากด้านหลังเขา

 

          เซี่ยเหล่ยถึงกับนั่งอึ้งพูดไม่ออก

 

          นี่คือการ ‘การตัดขาดความสัมพันธ์’ ของเจียงหยูยี่ และมันเป็นแบบนี้มานานกว่ายี่สิบปีแล้ว

 

          เมื่อเซี่ยเหล่ยขับรถมาถึงอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป หลางซือเหยาได้มาถึงที่นี่ก่อนเขาแล้ว เธอกำลังคุยอยู่กับจูเสี่ยวหงและคนอื่นๆ

 

          “หัวหน้าเหล่ย คุณจ้างคนงานใหม่ที่สวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? และคุณก็ไม่เคยบอกพวกเรามาก่อนด้วย ขี้โกงจริงๆเลยนะ” เฉินอาเจียวโวยวายใส่เมื่อเธอเห็นเซี่ยเหล่ย

 

          “คนงานอะไรกัน? เรียกเธอว่าผู้ช่วยสิ” จูเสี่ยวหงแก้ไขคำเรียกให้เฉินอาเจียวและหันมาทักทายเซี่ยเหล่ยด้วยเสียงอันไพเราะ "อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่เหล่ย"

 

          จริงๆแล้วเซี่ยเหล่ยตั้งใจจะโทรบอกให้หลางซือเหยามาที่เวิกค์ช็อปตอนที่เขากำลังขับรถมาที่นี่และแนะนำให้เธอรู้จักกับเหล่าพนักงานทุกคน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมาถึงที่นี่ก่อนเขาและเริ่มพูดคุยกับเหล่าพนักงานไปก่อนแล้ว

 

           เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ดูเหมือนตอนนี้ผมคงไม่ต้องแนะนำแล้วสินะ”

 

          “ประธานเซี่ย ฉันจะเริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้ ได้ใช่ไหม?” หลางซือเหยาพูด

 

          เธอเรียกเขาว่า ‘ประธานเซี่ย’ ต่อหน้าคนอื่นๆ แต่เรียก ‘เหล่ย’ หรือ ‘ศิษย์น้อง’ เมื่อไม่มีคนอื่นๆอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าเธอได้ปรับตัวให้เข้ากับบทบาทของศิษย์พี่และบทบาทของผู้ช่วยแล้ว

 

          “ได้สิ ไม่มีปัญหา ใช้โต๊ะทำงานของผมไปก่อนนะ” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย “ผมรู้สึกเหมือนกำลังทำผิดที่ให้คุณมาทำงานที่นี่”

 

          “ไม่มีประโยชน์ที่จะไปพูดถึงเรื่องผิดถูกหรอก” หลางซือเหยาหัวเราะ “ก่อนอื่นฉันจะวางแผนให้คุณก่อน บริษัทนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการเตรียมการ ดังนั้นคุณต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ”

 

          “โอเคครับ ขอบคุณมาก” เซี่ยเหล่ยต้องการการวางแผนจริงๆ

 

          หลางซือเหยาเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างรวดเร็ว มือของเธอเคลื่อนไหวอยู่บนคีย์บอร์ดและนิ้วมือขาวซีดทั้งสิบเหมือนผีเสื้อที่กำลังโบยบินไปมา

 

          “ดูสิ คุณหลางเก่งมากๆเลยนะ” จูเสี่ยวหงได้เรียนรู้วิธีการใช้คอมพิวเตอร์เช่นกันแต่เธอยังคงพิมได้โดยจิ้มทีละนิ้ว เมื่อมาเทียบกับหลางซือเหยาแล้วเธอก็ยังไม่เก่งมากพอ

 

          “เป็นไปได้ไหมที่เธอจะมาเป็นนายผู้หญิงของพวกเราในอนาคต?” เฉินอาเจียวพูดขณะที่เธอกำลังดึงแผ่นโลหะ

 

          “อย่าพูดแบบนั้นสิพี่อาเจียว ถึงแม้ว่าคุณหลางกับพี่เหล่ยจะทำงานด้วยกัน…แต่พวกเขาก็ดูเข้ากันดีนะ” จูเสี่ยวหงพูด

 

          เฉินอาเจียวขยับเข้ามาใกล้เธอและพูดเบาๆว่า “เสี่ยวหง คุณเองก็เข้ากันได้ดีกับหัวหน้าเหล่ยเหมือนกัน และคุณยังมีสะโพกใหญ่ มันอาจจะดูทะลึ่งนะ แต่คุณจะต้องให้กำเนิดลูกชายแก่เขาได้แน่นอน”

 

          ใบหน้าของจูเสี่ยวหงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีและเธอก็ตีเฉินอาเจียว ก่อนจะละล่ำละลักพูด “พี่อาเจียว ฉันจะไม่สนใจคุณแล้วนะถ้าคุณยังพูดเรื่องไร้สาระอีก”

 

          เฉินอาเจียวถอนหายใจ “เฮ้อ ถ้าเสี่ยวอันยังอยู่ที่นี่ เขาจะต้องชอบคุณหลางแน่ เขานี่เป็นคนนิสัยไม่ดีจริงๆเลยนะ ฉันรู้…”

 

          ใบหน้าของจูเสี่ยวหงหม่นลงและความเขินอายก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความเศร้าในทันที

 

          ความเศร้าปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยเหล่ยเช่นกันแต่เขาก็รีบกลบเกลื่อนมันอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะทำงานและเริ่มผลิตชิ้นส่วนให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศจีนแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าพวกเขายังไม่ได้ส่งวัสดุมาให้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถดำเนินการผลิตได้

 

          ‘เมื่อไหร่ที่กลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศจีนจะส่งวัสดุมาให้? ผมควรจะโทรถามจู้งเหว่ยหรือเจียงซินดีไหม? บางทีผมควรจะดูปฏิกิริยาตอบรับของพวกเขา…พอเถอะ ถ้าผมโทรไปหาเขาตอนนี้ พวกเขาจะต้องคิดว่าผมไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าไม่มีพวกเขาคอยช่วยเหลือ ดังนั้นผมจะต้องอดทนและรอให้พวกเขาติดต่อกลับมาเอง’ เซี่ยเหล่ยคิด

 

          อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ายังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการและยังมีปัญหาเรื่องที่ดินที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อน ถัดไปคือเรื่องกำลังคน เฉินอาเจียว,หวางโย่วฟู่ และคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่ามันมีกำลังคนไม่เพียงพอหลังจากที่เขาสร้างโรงงานผลิตเครื่องจักรแห่งใหม่ เขายังไม่มีทางออกสำหรับปัญหาสองเรื่องนี้ แค่เริ่มคิดเกี่ยวกับมันก็ทำให้เขารู้สึกปวดหัวแล้ว

 

          ทุกอย่างล้วนยากลำบากในการเริ่มต้นทั้งนั้น แม้แต่การตั้งแผงลอยข้างถนน นับประสาอะไรกับการเริ่มต้นตั้งบริษัทล่ะ....

 

          เซี่ยเหล่ยเดินไปด้านหลังของหลางซือเหยาและมองดูแผนการของเธอ

 

          หลางซือเหยารู้สึกว่ามีใครมายืนด้านหลัง เธอจึงหันหลับไปและเห็นเซี่ยเหล่ย “อย่าเพิ่งไปกังวลเรื่องที่ดินเลย เราไม่มีทางทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ในระหว่างนี้เราต้องจัดการเรื่องอื่นๆไปก่อน จ้างคนงานเพิ่มหรือสั่งซื้ออุปกรณ์ให้มากขึ้น เราควรทำสิ่งไหนก่อนล่ะ?”

 

          เซี่ยเหล่ยนิ่งคิดไปสักพัก “ผมคิดว่า…ก่อนอื่นเราน่าจะจ้างคนงานเพิ่ม ความสามารถเป็นหนึ่งในกุญแจที่จะทำให้ธุรกิจใหม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้คน”

 

          หลางซือเหยายิ้ม “มันดีนะที่คุณคิดแบบนี้ ฉันก็เหมือนกัน งั้นตอนนี้ฉันจะร่างใบประกาศการจ้างงานและส่งให้หลังจากนี้นะ”

 

          “คุณจะส่งมันไปที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างสงสัย

 

          “โรงเรียนเทคนิคและมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” หลางซือเหยาตอบ “เราสามารถหาคนงานที่มีทักษะพื้นฐานได้จากโรงเรียนเทคนิคและคนงานที่มีความสามารถและทักษะสูงได้จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสามารถของคนเหล่านี้จะทำให้บริษัทของเราเติบโตและสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆในตลาดได้หรือแม้แต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เราพวกเขาก็สามารถทำได้”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “นี่คุณวางแผนไว้หมดแล้วสินะ”

 

          “แน่นอน หลังจากฉันไปส่งคุณที่บ้านเมื่อคืน ฉันกลับมาบ้านและนั่งคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท อ้อ จริงสิ เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงเมื่อคืนนี้…”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเจียงหยูยี่

 

          “ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากพูดเรื่องเกี่ยวกับคนไม่มีมารยาทแบบนั้น” หลางซือเหยาเปลี่ยนประเด็นกลับมาคุยเรื่องงานต่อ “เด็กจบใหม่ไม่จำเป็นสำหรับเรานักในสถานการณ์แบบนี้ แต่เราก็ต้องจ้างพวกเขา และเราก็ต้องมีบางอย่างที่พิเศษเพื่อจะดึงดูดคนที่มีพรสวรรค์ให้สมัครเข้ามาทำงานกับเรา”

 

          “คุณจัดการไปตามที่คุณเห็นว่าเหมาะสมได้เลย คุณชำนาญเรื่องนี้มากกว่าผมเสียอีก” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “ตกลง ฉันจะรับผิดชอบเรื่องการจ้างงานและคุณก็ดูแลในส่วนของการจัดซื้อที่ดินและการสร้างโรงงานผลิตเครื่องจักร แบ่งกันแบบนี้ดีไหม?” หลางซือเหยาพูด

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “จัดการตามนี้ได้เลย”

 

          หลางซือเหยาหันกลับไปหาคีย์บอร์ดและเริ่มพิมพ์ใบประกาศรับสมัครงาน

 

          การเห็นหลางซือเหยาตั้งใจทำงานอย่างหนักทำให้เซี่ยเหล่ยมีความสุข เขารู้ดีว่าคนที่มีความสามารถแบบหลางซือเหยาคงไม่ได้มาทำงานที่บริษัทเล็กๆอย่างบริษัทของเขาแน่ถ้าไม่ใช่เพราะหลางเฉิงชุนพบว่าเขาเหมาะสมที่จะฝึกศิลปะการต่อสู้และเลือกเขาเข้ามาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายที่จะได้ฝึกหวิงชุนฉบับดั้งเดิม....

 

          ขณะนั้นเอง รถฮงฉี่สีแดงเข้ามาจอดที่ข้างถนนและมีผู้ชายสองคนลงมาจากรถ คนหนึ่งคือเจียงซินและอีกคนเป็นชายชราที่ดูท่าทางคุ้นตา ชายชราคนนั้นน่าจะมีอายุราวๆหกสิบปี มีผมหงอกและใบหน้าผอมแห้ง เขามีสายตาที่ค่อนข้างระมัดระวังตัวและดูเหมือนจะเป็นคนที่ได้ฝึกสอนมารยาทมาอย่างดี

 

           หลังจากเจียงซินและชราคนนั้นลงจากรถ ก็มีรถบรรทุกคันเล็กขับเข้ามาจอดข้างถนนเช่นเดียวกัน

 

          ‘บางทีพวกเขาอาจจะเอาวัสดุที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนมาส่ง’ เซี่ยเหล่ยคิดก่อนจะออกไปต้อนรับพวกเขา    

 

          “คุณเซี่ย” เจียงซินยิ้มทักทายเขา “ผมตั้งจะโทรหาคุณก่อนที่เราจะมาถึงแต่ ท่านอวุโสมู๋ ไม่อนุญาต ดังนั้นเราจึงต้องมาโดยไม่ได้บอกกล่าวเช่นนี้”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่า ท่านอวุโสมู๋อยู่ในสถานะอะไร แต่เขาสามารถเดาได้ว่าชายชราคนนี้คงไม่ใช่คนธรรมดา เซี่ยเหล่ยจึงพูดอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ ท่านอวุโสมู๋” เขายื่นมือทั้งสองข้างออกไปเพื่อจับมือกับ ท่านอวุโสมู๋

 

          หลังจาก ท่านอวุโสมู๋จับมือกับเซี่ยเหล่ย เจียงซินจึงแนะนำ “นี่คือผู้นำคนเก่าของกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศจีน มู๋เจียนเฟิง” เขาพูดอีกครั้ง “ท่านอวุโสมู๋นี่คือเซี่ยเหล่ยคนที่ผมเคยบอกคุณ”

 

          เซี่ยเหล่ยและมู๋เจียนเฟิง ได้ทำความรู้จักกันในตอนนี้

 

          มู๋เจียนเฟิง ประเมินเซี่ยเหล่ยอย่างระมัดระวัง และมองไปยังอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปเล็กๆที่ตั้งอยู่ด้านหลัง และพูดว่า “พ่อหนุ่ม คุณมีแค่เวิกค์ช็อปเล็กๆนี้ข้างถนนและคุณยังกล้าที่จะขอให้เรา กลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศจีน จัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องจักรให้กับคุณงั้นหรือ?”

 

          เซี่ยเหล่ยตัวแข็งทื่อและรู้สึกอึดอัดใจ เขาอยากรู้ว่า มู๋เจียนเฟิง กำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ แต่เขาก็กลายเป็นเหมือนนกแก่ๆที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อีกต่อไปแล้ว

 

          ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังมีสีหน้าลำบากใจ มู๋เจียนเฟิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของคุณ ความกล้าหาญของคุณ และความกล้าที่คิดจะแบล็กอัพต่อกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศจีนเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องชื่นชมคุณจริงๆ คุณเป็นเด็กดี คุณเป็นคนมีความสามารถที่แท้จริง และคุณมีอนาคตที่สดใสกำลังรออยู่ข้างหน้า”

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณที่เมตตาผมมากครับ ท่านอวุโสมู๋”

 

          ติดตามตอนต่อไป....

รีวิวผู้อ่าน