px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV –  94 พยายามปลดล็อค !


TXV –  94 พยายามปลดล็อค !

 

          โดยปกติของคนทั่วไปแล้ว รหัสตัวแรกจะมีร่องรอยการกดที่เห็นได้ชัดมากที่สุด รหัสตัวถัดๆไปก็จะเห็นร่องรอยการกดลดหลั่นกันไปเรื่อยๆจนไปถึงตัวสุดท้าย แน่นอนว่ารหัสตัวแรกจะต้องมีรอยกดที่ชัดและมีร่องรอยของเหงื่อที่สามารถดูออกได้ง่าย ในขณะที่รหัสตัวสุดท้ายจะสามารถสังเกตุได้ยากที่สุด

 

          เซี่ยเหล่ยคิดโดยใช้ตรรกะนี้และเริ่มตรวจสอบอย่างรวดเร็ว รหัสตัวแรกคือเลข ‘9’ และรหัสตัวสุดท้ายคือ ‘1’ ตัวเลขด้านซ้ายมือของเขาคือ ‘2,7,3,5’

 

          จะแบ่งแยกตัวเลขเหล่านี้ยังไงดี?

 

          ข้อมูลบางอย่างที่เขาเห็นมาจากสถานีตำรวจปรากฏในหัวเซี่ยเหล่ย เป็นภาพที่แสดงวันเกิดของฮวงยี่หู่ 9 ธันวาคม 1973

 

          วันเกิดของฮวงยี่หู่มีเลข ‘9’, ‘7’ และ ‘3’ ซึ่งตรงกับร่งรอยบนปุ่มนี้ แต่มันไม่ได้ตรงกันทั้งหมด เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัย ‘นี่หมายความว่าเขาไม่ได้ตั้งรหัสเป็นวันเกิดของตัวเองใช่ไหม? รหัสแบบไหนกันที่คนแบบฮวงยี่หู่ใช้?’

 

          ทันใดนั้นวันเกิดฮวงซู่ ลูกชายของฮวงยี่หู่ก็ปรากฏในหัวของเซี่ยเหล่ย 1 พฤษภาคม 2000 เลข ‘2’ ,‘5’ และ ‘1’ ตรงกับรอยบนปุ่มกด! ตัวเลขจำนวนหนึ่งวิ่งผ่านหัวของเขา ในขณะที่เขาผสมและจับคู่ตัวเลขพวกนั้น ตาซ้ายของเขาทำงานโดยการจับคู่ตัวเลขเหล่านั้นให้ตรงกับร่องรอยบนปุ่มกด และสองนาทีถัดมาเขาก็ได้หมายเลขที่ต้องการ 973251 ตัวเลขชุดนี้เป็นการผสมกันระหว่างวันเกิดของฮวงยี่หู่และฮวงซู่

 

          เซี่ยเหล่ยยื่นมือออกมาและกด ‘973251’ บนปุ่มกดตัวเลข และมันสามารถปลดล็อคตู้นิรภัยได้!

 

          “คุณรู้รหัสผ่านได้ยังไง?” ฉิงเสวียงมองเซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้เห็น

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้อธิบายอะไรและพยายามจะดึงตัวล็อคแผ่นเสียงออก

 

          ในขณะนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคนที่สามารถได้ยินมาจากด้านนอกประตูพร้อมกับเสียงของคนที่กำลังพูดคุยกัน

 

          “จริงๆแล้วหัวหน้าก็กำลังระมัดระวังโดยการให้พวกเรามาตรวจตราสำนักงานในเวลากลางคืนแบบนี้ล่ะ คนที่ถูกเรียกว่าเซี่ยเหล่ยนั่นเขาแข็งแกร่งมากหรือ? เขาทำให้หัวหน้าเริ่มจะเป็นโรคประสาทขึ้นมานิดๆแล้วนะ” เป็นเสียงพูดของผู้ชายคนหนึ่ง

 

          “เซี่ยเหล่ยไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา คุณลืมไปแล้วหรือ? เขาใช้เงินหนึ่งล้านเพื่อซื้อที่ดินที่หัวหน้าต้องการมากที่สุดไป คุณควรจะรู้ไว้นะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของเรา แต่เขาก็ยังต้องจ่ายเงินถึง 81 ล้านเพื่อให้ได้ที่ดินผืนนั้นมา” เสียงดังมาจากผู้ชายอีกคนหนึ่ง

 

          “นั่นเป็นเพราะเขามีคนคอยหนุนหลัง นี่ คุณคิดว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อขโมยของในเวลาแบบนี้หรือ?”

 

          “ผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นนะ เขาไม่น่าจะรู้จักที่นี่ด้วยซ้ำ”

 

          เสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าของคนสองคนกำลังดังเข้ามาใกล้ห้องทำงานของฮวงยี่หู่

 

          เซี่ยเหล่ยและฉิงเสวียงต่างมองหน้ากัน เซี่ยเหล่ยยังมีท่าทางเป็นปกติแต่ฉิงเสวียงกลับมีท่าทางเป็นกังวล

 

          ฉิงเสวียงหยิบมีดออกมา

 

          เซี่ยเหล่ยยกมือมาวางบนมือฉิงเสวียงและชี้ไปที่ห้องนั่งเล่น

 

          ฉิงเสวียงพยักหน้าและตามเซี่ยเหล่ยไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อซ่อนตัว เซี่ยเหล่ยไม่ลืมที่จะปิดประตูตู้นิรภัยก่อนที่เขาจะออกมาจากห้องทำงาน เขาได้ปลดล็อคกุญแจไว้เรียบร้อยแล้ว และคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตุเห็นว่ากุญแจมันถูกปลดล็อคอยู่

 

          พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาหลบใต้เตียงในขณะที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก มีใครบางคนเปิดไฟและกำลังเดินสำรวจไปรอบๆห้อง

 

          “ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไรหรอก แต่หัวหน้าเขาก็ไม่ฟัง” เป็นเสียงบ่นของผู้ชายคนหนึ่ง “ดูสิ เราเสียเวลาเดินมาที่นี่เปล่าๆ”

 

          “มันก็ดีที่เราจะระมัดระวังเอาไว้หน่อย ฉิงเสวียงหักหลังหัวหน้าของเรา เขาเป็นโจรมือเบาและยังขโมยของเก่งดังนั้นหัวหน้าจึงสั่งให้เขาขโมยของบางอย่างมาให้ คุณลืมไปแล้วหรือ? ว่าหัวหน้าได้ข่มขู่เขาไว้”เสียงของผู้ชายอีกคนดังขึ้น

 

          “ก็สมควรแล้วล่ะที่ร้านซาลอนของเขาจะถูกเผา น่าเสียดายที่เขาไม่ถูกเผาไปพร้อมกับร้านนั้น”

 

          “มันก็แค่ต้องรอให้ถึงเวลา คนที่เป็นศัตรูกับหัวหน้าของเรามีจุดจบที่ไม่ดีนักหรอก ฉิงเสวียงจะต้องตายและคนที่ชื่อเซี่ยเหล่ยนั่นก็ไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เหมือนกัน”

 

          พวกเขาสองคนคุยกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าห้องนั่งเล่นและมองสำรวจภายในห้องในขณะที่กำลังพูดคุยไปด้วย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ก้มลงมาสำรวจใต้เตียงนอน หลังจากสำรวจแล้วพวกเขาก็พบว่าทั้งห้องทำงานและห้องนั่งเล่นไม่มีอะไรผิดปกติ

 

           เซี่ยเหล่ยและฉิงเสวียงนอนราบอยู่ใต้เตียง ฉิงเสวียงดูเป็นกังวลมากว่าลูกน้องของฮวงยี่หู่จะเดินมาก้มดูใต้เตียง และชี้กระบอกปืนมาที่เขา แต่ในทางกลับกัน เซี่ยเหล่ยกลับรู้สึกผ่อนคลายเพราะเขายังมองเห็นว่าลูกน้องของฮวงยี่หู่กำลังทำอะไรแม้ว่าเขาจะนอนอยู่ใต้เตียงก็ตาม เขาสามารถมองเห็นสองคนนั้นได้ตลอดเวลา และยังสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลอะไรมาก

 

          ตาข้างซ้ายของเซี่ยเหล่ยมองผ่านแผ่นไม้กระดาน ที่นอน และผ้าห่ม เซี่ยเหล่ยเห็นว่าลูกน้องทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ที่ประตูทางเข้าห้อง พวกเขาทั้งสองถือปืนและน่าจะเป็นลูกน้องคนสนิทของฮวงยี่หู่ แสดงว่าของในตู้นิรภัยนั่นจะต้องสำคัญมากฮวงยี่หู่จึงได้ส่งคนถึงสองคนมาคุ้มกันมันในเวลากลางคืน

 

          “ที่นี่ปลอดภัยดี ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ลูกน้องคนหนึ่งพูด “ทำไมเราไม่ดื่มกันสักหน่อยล่ะ? ไวน์ของหัวหน้าทั้งหมดเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมหมดเลยนะ เขาไม่ให้พวกเราเข้ามาในห้องนี้บ่อยนักหรอก และวันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี”

 

          “ฮ่าๆ คุณนี่รู้ใจผมจริงๆ ผมอยากจะชิมชาโตว์ ลาฟิต ของหัวหน้าสักแก้วมาตั้งนานแล้ว” เสียงหัวเราะของลูกน้องอีกคนดังขึ้น

 

          ลูกน้องทั้งสองคนเดินไปยังห้องเก็บไวน์และหยิบไวน์ราคาแพงอย่างชาโตว์ ลาฟิต และ เหล้าเหมาไถ จากนั้นก็หยิบแก้วออกมาเพื่อจะดื่ม

 

          ‘ให้ตายสิ ถ้าพวกมันไม่ออกไปจากที่นี่เขาก็ต้องหาทางผ่านพวกมันไปให้ได้’ เซี่ยเหล่ยคิด แต่การทำเช่นนี้อาจจะทำให้คนอื่นๆแตกตื่น แต่เขาก็ต้องยอมรับความเสี่ยง เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น

 

          ลูกน้องทั้งสองคนนั้นนั่งลงบนโซฟาและเริ่มดื่มไวน์แดงจากนั้นจึงหันไปดื่มเหล้าจีน คนจีนดื่มไวน์แดงเพื่อให้สนุกสนานและดื่มตามสมัยนิยมเท่านั้น.....

 

          เซี่ยเหล่ยและฉิงเสวียงหลบอยู่ใต้เตียงและรอเวลา

 

          ลูกน้องคนหนึ่งไปเปิดทีวีและใส่แผ่นดีวีดีเพื่อเล่น ดีวีดีแผ่นนั้นเป็นภาพยนต์สำหรับผู้ใหญ่ที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องครวญคราง เสียงพูดภาษาญี่ปุ่นดังมาอย่างต่อเนื่องและตามมาด้วยเสียงแปลกๆ เซี่ยเหล่ยพอจะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นบางคำอยู่บ้าง ‘เบาๆหน่อย’ , ‘พี่ชาย’ หรืออะไรทำนองนั้น บวกกับการที่มีชายใจหญิงอย่างฉิงเสวียงนอนอยู่ข้างๆเขาด้วยแล้วมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจจริงๆ

 

          โชคดีที่สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานนัก ผู้ชายจะเริ่มโลภมากเมื่อได้ดื่มแอลกอฮอล์คุณภาพดี ลูกน้องคนแรกนำชาโตว์ ลาฟิตและเหล้าเหมาไถมาเทรวมกัน การผสมกันของสองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้พวกเขาเมาภายในครึ่งชั่วโมง ลูกน้องทั้งสองคนฟุบลงบนโซฟาและดูเหมือนจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว

 

          เซี่ยเหล่ยคลานออกมาจากใหต้เตียงอย่างระมัดระวัง

 

          ฉิงเสวียงที่ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆจากใต้เตียงได้ทำให้เขายังคงกังวล เขาลังเลและยอมคลานออกมาจากใต้เตียงเมื่อเห็นว่าเซี่ยเหล่ยคลานออกไปแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

          ลูกน้องทั้งสองคนของฮวงยี่หู่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา ขวดเปล่าของชาโตว์ ลาฟิตและเหล้าเหมาไถ วางอยู่บนโต๊ะกาแฟ พวกเขากรนเสียงดังและไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมา

 

          เซี่ยเหล่ยส่งสัญญาณบอกฉิงเสวียงและเดินเงียบๆออกจากห้องนั่งเล่น

 

          เมื่อออกมาได้เซี่ยเหล่ยจึงเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของฮวงยี่หู่

 

          “คุณจะทำอะไร?” ฉิงเสวียงคว้ามือของเซี่ยเหล่ยด้วยความกระวนกระวายและกระซิบถาม

 

          “ถึงคุณจะรู้รหัสตู้นิรภัยแล้วแต่คุณจะดึงตัวล็อคแผ่นเสียงออกมาแบบส่งเดชไม่ได้ ถ้าคุณพลาดมันจะมีเสียงสัญญาณเตือนและลูกน้องทั้งสองคนในห้องนั่งเล่นนั่นพวกเขามีปืน!”

 

          “คุณไม่อยากหนีจากเงื้อมมือของฮวงยี่หู่งั้นหรือ? ถ้าคุณพลาดโอกาสในครั้งนี้เราอาจจะไม่มีทางมาขโมยของที่เราต้องการได้อีกแล้วนะ” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          ฉิงเสวียงปล่อยมือ แน่นอนว่าเขาต้องการหลักฐานว่าฮวงยี่หู่ข่มขู่เขา แต่เขาเองก็รู้เกี่ยวกับลักษณะพิเศษของตู้นิรภัยที่นำเข้าจากเยอรมันตู้นี้ดี ปัญหาของตู้นิรภัยนี้คือตัวล็อคแผ่นเสียง รหัสชุดแรกเพียงแค่ทำให้สามารถเข้าถึงชั้นของตัวล็อคแผ่นเสียงได้เท่านั้น ถ้าเขาใส่รหัสที่ไม่ถูกต้อง ตัวล็อคแผ่นเสียงมันจะมีเสียงสัญญาณเตือนโดยอัตโนมัติ นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องห้ามเซี่ยเหล่ย แต่จากความมั่นใจของเซี่ยเหล่ยกลับทำให้เขารู้สึกลังเลและคิดว่าบางทีเซี่ยเหล่ยอาจจะสามารถเปิดตู้นิรภัยนี้ได้?

 

          เซี่ยเหล่ยนั่งลงและเปิดประตูตู้นิรภัย จากนั้นจึงจับลูกบิดของแผ่นเสียง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เกร็งกระตุกและมองเห็นส่วนประกอบภายในของโลหะผสม ข้างในเป็นตัวล็อคแบบฟันปลา มันจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปเก็บในช่องเก็บตัวล็อคเมื่อเขาหมุนลูกบิด มันอยู่ติดกันราวกับถุงมือ ต่อมาเขาหมุนลูกบิดอีกครั้งทำให้ตัวล็อคฟันปลาเคลื่อนไปอยู่ในช่องเก็บตัวล็อคอีกอันหนึ่งที่เข้ากันได้ เขาทำแบบนั้นต่อเนื่องกันอีกสามครั้ง ตู้นิรภัยเกิดเสียงดัง ‘คลิ๊ก’ และมันถูกปลดล็อคเรียบร้อยแล้ว!

 

          ฉิงเสวียงจ้องเซี่ยเหล่ยตาโตและอ้าปากค้าง ราวกับว่าเขากำลังจ้องมองสัตว์ประหลาดอยู่

 

          ตู้นิรภัย ‘ด็อชโต้ว’ ที่นำเข้าจากเยอรมันที่แม้แต่อาจารย์ของฉิงเสวียงเองก็ยังปลดล็อคไม่ได้ จะมานับประสาอะไรกับตัวฉิงเสวียงเอง  แต่เซี่ยเหล่ยกลับสามารถปลดล็อคมันได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรช่วย !

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของฉิงเสวียง และเขาเปิดประตูตู้นิรภัยออก ของที่อยู่ภายในตู้นิรภัยถูกเผยออกมา เซี่ยเหล่ยดึงสมุดบันทึกปกหนัง, ฮาร์ดดิสแบบพกพาและกองเอกสาร เงินที่ได้แลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินของหลายๆประเทศ ทองคำแท่ง และหนังสือรับรองของฮวงยี่หู่ออกมา

 

          เซี่ยเหล่ยนำของเหล่านั้นใส่ในประเป๋าเป้สะพายหลัง เขาปิดประตูตู้นิรภัยและเดินตรงไปยังหน้าต่าง

 

          ฉิงเสวียงที่ได้สติกลับมาแล้ววิ่งตามเซี่ยเหล่ยมา

 

          ทั้งสองคนเดินมาตามเส้นทางเดิมก่อนหน้านี้และกลับมายืนอยู่บนพื้นถนน จากนั้นจึงกระโดดข้ามกำแพงและออกมาจากอาคารของกลุ่มพระจันทร์เสี้ยว  

 

          เมื่ออยู่ในรถ ฉิงเสวียงไม่สามารถเก็บความแปลกใจและความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้อีกต่อไป จึงพูดกับเซี่ยเหล่ย

 

          “เหล่ย คุณเป็นตัวอะไรกันแน่? คุณปลดล็อคตู้นิรภัยด็อชโต้วได้ยังไง?”

 

          “ไว้ผมจะบอกคุณคราวหน้านะ” เซี่ยเหล่ยพูด เขาสตาร์ทเครื่องยนต์และขับเกรทส์วอร์ H6 อย่างช้าๆไปตามถนนในซอย

 

          “ไม่ คุณต้องบอกผมมาเดี๋ยวนี้”

 

          “ผมจะบอกคุณคราวหน้า” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          ฉิงเสวียงกลอกตามองเซี่ยเหล่ยอย่างรำคาญ

 

          “ผมรู้แม้ว่าคุณจะไม่พูดมันออกมาก็ตาม จริงๆแล้วคุณมีทักษะด้านการขโมยที่ยอดเยี่ยมซ่อนอยู่ใช่ไหมล่ะ?”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้คิดคำอธิบายดีๆสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เอาไว้ แต่ฉิงเสวียงได้ตั้งข้อสมมุติฐานของตัวเองขึ้นมาแล้ว ดังนั้นเซี่ยเหล่ยที่ขี้เกียจจะคิดหาคำอธิบายจึงทำเพียงแค่พยักหน้ายอมรับไปเท่านั้น

 

          “ใช่ ผมไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนมันจากคุณอีกแล้ว แต่คุณต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับนะ”

 

          “ผมรู้น่า!” ฉิงเสวียงให้สัญญากับเซี่ยเหล่ย “ที่คุณทำมันเจ๋งมาก!”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะแห้งๆกับตัวเอง หลังจากรถออกมาจากซอย เขาจึงเหยียบคันเร่งเพื่อมุ่งไปสู่ถนนใหญ่อย่างรวดเร็ว

         

          ติดตามตอนต่อไป....

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน