px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV –  105 ความจริงถูกเปิดเผย !


TXV –  105 ความจริงถูกเปิดเผย !

 

          เซี่ยเหล่ยลากซู่หลางขึ้นมาจากพื้นแต่ยังคงไม่ปล่อยแขนของเขา

 

          “ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น” เขาพูด

 

          ซู่เจิงเหวิน หู่ฮั่ว และ เฉินตู เทียนหยิน ก็กำลังเดินเข้ามา

 

          ซู่เจิงเหวิน ทำหน้าบึ้งตึงและหันไปถามเซี่ยเหล่ยเสียงเย็นชา

 

          “เกิดอะไรขึ้นคุณเซี่ย?”

 

          เขามีสัญชาติญาณของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่แค่ ซู่เจิงเหวิน ทุกๆคนเองก็กำลังสงสัยเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นงานเลี้ยงระดับสูงและผู้เข้าร่วมทุกคนต่างก็มีหน้าตาในสังคม เหยี่ยนเหวินเฉียนและซู่หลางทั้งคู่ต่างก็เป็นคนมีฐานะ แต่ทำไมพวกเขาถึงได้ทำตัวเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์? และถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะมีอะไรๆกับผู้หญิง พวกเขาก็สามารถเลือกที่จะไปเช่าห้องที่โรงแรมได้ ทำไมพวกเขาเลือกที่จะทำแบบนี้อย่างโล่งแจ้งต่อหน้าแขกทุกคนในห้องโถงใหญ่?

 

          “ผมเพิ่งบอกไปว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วย” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          ซู่เจิงเหวินเหลือบมองโต๊ะที่มีแก้วไวน์สามใบที่มีไวน์แดงเหลืออยู่ก้นแก้วแล้วหัวเราะเยาะ “มีคนดื่มไวน์ทั้งหมดสามคนและมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาสองคนแต่คุณกลับยังสบายดี คุณจะมาอ้างว่าคุณไม่รู้ได้ยังไง?”

 

          เซี่ยเหล่ยพูดอย่างใจเย็น “ผู้บัญชาการซู คุณหมายความว่ายังไง? คุณกำลังสงสัยผมงั้นหรือ?”

 

          ขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนก็เดินเข้ามาและดึงตัวซู่หลางไปจากมือเซี่ยเหล่ย

 

          หนิงเหยี่ยซานมองเซี่ยเหล่ยอย่างโมโห “เซี่ยเหล่ย ผมให้เกียรติคุณเสมอ ผมไม่พูดอะไรเลยตอนคุณขโมยสัญญาของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนไปจากบูรพาอุตสาหกรรม เป็นตัวผมเองที่ไม่สามารถมองเห็นนิสัยที่แท้จริงของคุณได้ คุณกล้ามาวุ่นวายที่นี่และยังทำอะไรบางอย่างกับเครื่องดื่มของคุณเหยี่ยนและคุณซู่”

 

          คำพูดเหล่านั้นทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกผิดหวังและน้อยใจ

 

          เขายิ้มและพูดด้วยความโกรธ “ประธานหนิง ผู้บัญชาการซู คุณกล่าวหาว่าผมทำอะไรบางอย่างกับเครื่องดื่มของพวกเขาโดยที่ไม่แม้แต่จะแยกแยะว่าอะไรถูกหรือผิด คุณรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น? คุณมีหลักฐานหรือเปล่า?”

 

          “คุณยังกล้าอ้างว่าตัวเองไม่มีอะไรน่าสงสัยอีกงั้นหรือ?” หนิงเหยี่ยซานไม่พอใจตั้งแต่เซี่ยเหล่ยขโมยสัญญาของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนไปจากเขาแล้วและเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ทำให้เขาได้มีโอกาสระบายอารมณ์ออกมา

 

          เซี่ยเหล่ยแสยะยิ้ม“คุณกำลังจะพูดว่าผมเป็นคนทำบางอย่างกับไวน์พวกนี้ใช่ไหม?”

 

          ซู่เจิงเหวินหันไปสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “นายไปค้นตัวเขา”

 

          เจ้าหน้าที่พยักหน้าและเดินมาหาเซี่ยเหล่ยและเตรียมจะค้นตัวเขา

 

          “หยุดก่อน” ทันใดนั้นเฉินตู เทียนหยินก็พูดขึ้น “คุณเซี่ยเป็นแขกที่เราเชิญมา เราไม่ควรจะค้นตัวเขาในเมื่อมันไม่มีหลักฐานบอกว่าเขาทำผิด”

 

          คำพูดของเฉินตู เทียนหยินทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังจะค้นตัวเซี่ยเหล่ยหยุดการกระทำลงและหันกลับไปหาซู่เจิงเหวิน

 

          “คุณเฉินตู นี่มันไม่ชัดเจนตรงไหน? จากอาการของคุณเหยี่ยนและคุณซู่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับยาหลอนประสาทเข้าไป เซี่ยเหล่ยดื่มกับพวกเขาและมีเพียงสองคนนั้นที่โดนวางยาในขณะที่เซี่ยเหล่ยยังปลอดภัยดี ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะเป็นฝีมือของซู่หลางหรือคุณเหยี่ยนได้” ซู่เจิงเหวินพูด

 

          เฉินตู เทียนหยินขมวดคิ้ว นั่นมันก็จริง ใครกันที่จะวางยาตัวเอง?

 

          “คุณเฉินตู ถ้าหากเซี่ยเหล่ยเป็นผู้บริสุทธิ์จริงมันก็ไม่มีอะไรเสียหายที่จะให้คนค้นตัวเขานะ ผมจะเป็นคนขอโทษเขาเองถ้าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์” หนิงเหยี่ยซานพูด

 

          ดูเหมือนทุกคนจะเชื่อว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนวางยาสองคนนั้นและพวกเขาต่างก็กระซิบคุยกัน สายตาที่มองเซี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก ราวกับว่าเขาเป็นขอทานสวมชุดผ้าขี้ริ้วที่ได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตงานเลี้ยงของชนชั้นสูง

 

          เมื่อเห็นเฉินตู เทียนหยินเงียบไป ซู่เจิงเหวินก็หันไปสั่งเจ้าหน้าที่คนเดิม

 

          “ไปค้นตัวเขา”

 

          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินมาหาเซี่ยเหล่ยและพูดกับเขาเสียงแข็ง “ขอโทษนะครับ ผมขอค้นตัวคุณ” เมื่อพูดดังนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหาเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยปัดมือเขาทิ้งและพูดเสียงเย็น “คุณมีสิทธิ์อะไรมาค้นตัวผม?”

 

          “คุณคงรู้ตัวว่าผิดแล้วล่ะสิ ค้นตัวเขา!” หนิงเหยี่ยซานชี้ไปที่เซี่ยเหล่ย

 

           สุดท้ายหนิงจิงก็ลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด “คุณลุง เซี่ยเหล่ยไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ใช่คนใส่ยาลงในไวน์”

 

          หนิงเหยี่ยซานหันไปจ้องหนิงจิงเขม็ง “นี่มันไม่เกี่ยวกับคุณ คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”

 

          หนิงจิงพูดต่อไป “ตอนแรกเซี่ยเหล่ยไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ เหยี่ยนเหวินเฉียนเป็นคนเชิญเขามา ฉันเชิญให้เขานั่งดื่มกับเรา เหยี่ยนเหวินเฉียนเป็นคนรินไวน์ให้เซี่ยเหล่ยและซู่หลางเป็นคนรินไวน์ให้เหยี่ยนเหวินเฉียน หลังจากนั้น…มันก็เกิดเรื่องขึ้น แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

 

          แขกผู้หญิงที่ถูกซู่หลางลวนลามก้าวออกมาข้างหน้าและพูดด้วยความโกรธ

 

          “คุณเซี่ยไม่ได้รินไวน์ให้ใครเลย ไวน์ทั้งสามแก้วที่พวกเขาดื่มถูกรินโดยเหยี่ยนเหวินเฉียน ใครจะรู้ว่าไอ้คนชั่วนั่นมันจะทำอะไรบ้างถ้าเซี่ยเหล่ยไม่หยุดเขาเอาไว้!”

 

          คนชั่วที่เธอกำลังพูดถึงคือซู่หลาง

 

          ซู่เจิงเหวินหน้าตึงอย่างพยายามระงับอารมณ์ เขาหันไปจ้องผู้หญิงที่พูดถึงเซี่ยเหล่ย

 

          “คุณควรจะให้ความเกียรติเรามากกว่านี้”

 

          “ให้เกียรติงั้นหรือ?” เธอชี้ไปยังซู่หลางที่ยังคงถูกคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่สองคนและร้องไห้ “ดูสิ่งที่เขาทำสิ! คุณตาบอดหรือไง? ให้เกียรติคนแบบนี้งั้นหรือ? ฉันไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆหรอก ฉันจะฟ้องร้องเขา!”

 

          “คุณ…”  ซู่เจิงเหวินโกรธมากจนพูดไม่ออก

 

          ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมา อนาคตของซู่หลางพังแน่

 

          “เชิญคุณค้นตัวผมได้ตามสบายเลย แต่มันไม่ยุติธรรมที่จะค้นตัวผมแค่คนเดียว คุณต้องค้นตัวซู่หลางและเหยี่ยนเหวินเฉียนด้วย ที่นี่มีกล้องวงจรปิด ดูมันสิแล้วคุณจะได้รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เซี่ยเหล่ยพูด

 

          “ฉันเห็นด้วย” เฉินตู เทียนหยินพูด

 

          ซู่เจิงเหวินและ หนิงเหยี่ยซานไม่ได้พูดอะไรหลังจากเฉินตู เทียนหยิน แสดงความเห็นชอบของเธอ มีคนถูกส่งไปเอาจากกล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้เริ่มค้นตัวซู่หลาง เหยี่ยนเหวินเฉียนและเซี่ยเหล่ย

 

          “ให้ความร่วมมือด้วยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดกับเซี่ยหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยยกแขนขึ้น

 

          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่ของเขาอย่างรวดเร็ว เขาดึงของทุกอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือและอื่นๆ แต่ไม่พบสิ่งที่น่าสงสัย

 

          “ไม่มีครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยค้นตัวเซี่ยเหล่ยเสร็จเรียบร้อย

 

          “คุณแน่ใจนะว่าไม่พบอะไร?” ดูเหมือนซู่เจิงเหวินจะไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา

 

          เจ้าหน้าที่พยักหน้า “ไม่มีครับ ผมได้ค้นอย่างละเอียดแล้ว”

 

          ใบหน้าของซู่เจิงเหวินบึ้งตึงอีกครั้ง ถ้าเซี่ยเหล่ยไม่มีอะไรน่าสงสัย ก็อาจจะเป็นซู่หลางหรือหนิงเหยี่ยซานที่น่าสงสัย เขากำลังลังเลว่าควรจะค้นต่อหรือไม่?

 

          เซี่ยเหล่ยมองไปยังเจ้าหน้าที่ที่ค้นตัวเขาและพูด

 

          “คุณยืนอยู่ทำไมล่ะ? เราตกลงกันแล้วว่าจะค้นตัวทั้งสามคน คุณค้นตัวผมแล้วแต่ยังไม่ได้ค้นสองคนนั้น นี่มันหมายความว่ายังไง?”

 

          “ผม…” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหันไปมอง ซู่เจิงเหวิน อีกครั้งอย่างรอคอยคำสั่ง

 

          ซู่เจิงเหวิน ยังคงเงียบ

 

          แขกผู้หญิงที่ถูกซู่หลางลวนลามตะโกนขึ้นมา “ใช่ ทำไมคุณไม่ค้นตัวพวกเขาทั้งสองคน พวกเขาเองก็เป็นผู้ต้องสงสัย!”

 

          แขกคนอื่นที่อยู่รอบๆห้องโถงต่างก็ส่งเสียงออกมา “ค้นตัวพวกเขา! ถ้าคุณค้นแล้วคุณก็ต้องค้นตัวพวกเขาหมดทุกคน!”

 

          “ผู้อำนวยการซู?” เฉินตู เทียนหยินมอง ซู่เจิงเหวิน สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

 

          ซู่เจิงเหวิน กัดฟันพูด “ค้นตัวพวกเขา!”

 

          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปค้นตัว   ซู่หลางอย่างรวดเร็วและดึงของในกระเป๋ากางเกงเขาออกมา โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และถุงยางอนามัยสองชิ้น

 

          “ทำไมคนๆนี้ถึงได้เอาของพวกนี้มา?” แขกคนหนึ่งพูด

 

          “ฉันได้ยินมาว่าคนๆนี้เป็นตำรวจและมียศสูงซะด้วยสิ ไม่แน่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะพกพาของพวกนี้ติดตัวไว้เสมอก็ได้ อืม บางทีมันอาจจะช่วยให้เขาจัดการกับคนร้ายได้ง่ายขึ้น” ใครบางคนพูดติดตลกออกมา....

 

          “ฉันไม่รู้ว่าคนแบบนั้นมาเป็นตำรวจได้ยังไง น่าอับอายอะไรขนาดนี้” แขกคนหนึ่งพูด

 

          คำพูดเหล่านี้ทำให้ซู่หลางรู้สึกอับอาย

 

          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยค้นตัวซู่หลางเรียบร้อยและพูดว่า “ไม่มีอะไรครับ”

 

          ซู่เจิงเหวิน ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ค้นตัวเหยี่ยนเหวินเฉียน”

 

          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินไปค้นตัวเหยี่ยนเหวินเฉียน

 

          “ผลลัพธ์มันจะต้องออกมาเหมือนกันไม่ว่าเราจะค้นตัวเขาหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าคุณเหยี่ยนไม่ใช่คนแบบนั้น” หนิงเหยี่ยซานพูดขณะมองหน้าหนิงจิง เขาต้องพูดแบบนี้เพราะต้องการให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างบริษัทเหวี้ยนเทียนและบูรพาอุตสาหกรรม และที่สำคัญไปกว่านั้น เหยี่ยนเหวินเฉียนกำลังจะกลายเป็นลูกเขยของครอบครัวหนิงในอนาคต ดังนั้นในฐานะที่เขาเป็นลุง เขาต้องพูดบางอย่างเพื่อปกป้องว่าที่ญาติในอนาคตของเขา

 

          อย่างไรก็ตามหลังจากหนิงเหยี่ยซานพูดจบแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้นำขวดแก้วเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเหยี่ยนเหวินเฉียน มีของเหลวสีน้ำตาลประมาณหนึ่งในสามของขวดเหลืออยู่ในนั้น ฉลากบนขวดถูกเขียนด้วยภาษาอินเดียและเป็นรูปภาพของชายหญิงกำลังมีสัมพันธ์กัน ไม่จำเป็นต้องมีการอธิบายอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีประสบการณ์เมื่อเห็นสิ่งนี้พวกเขาจะต้องรู้แน่นอนว่ามันถูกใช้เพื่ออะไร

 

          แขกในห้องต่างพูดคุยกันอย่างวุ่นวายเนื่องมาจากการปรากฏตัวของน้ำมัน Kamsutram

 

          “สิ่งนี้ใช่น้ำมัน Kamsutram ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่หรือเปล่า? ฉันเห็นมันในอินเตอร์เน็ต ผลกระทบของมันแรงกว่ายาหลอนประสาทเสียอีก ไม่ว่าชายหรือหญิงเพียงแค่ดื่มไปหนึ่งจิบมันจะทำให้ร่างกายร้อนขึ้นและเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้” ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนพูด เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆต่างมองหาว่าเสียงนั้นดังจากตรงไหน เขาก็รีบปิดปากเงียบแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยพูดมันมาก่อน

 

          ทันใดนั้นหนิงเหยี่ยซานก็ชี้ไปที่เซี่ยเหล่ยและพูด

 

          “เซี่ยเหล่ย มันต้องเป็นคุณที่วางยาในไวน์ จากนั้นก็เอาขวดยาไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของคุณเหยี่ยน! คุณเป็นคนทำใช่ไหม!”

 

          เซี่ยเหล่ยโมโหและพูดอย่างฉุนเฉียว “หนิงเหยี่ยซาน! ระวังคำพูดของคุณด้วย! ที่ผมยังคงพูดสุภาพกับคุณเพราะผมเห็นว่าคุณแก่กว่า แต่คุณเริ่มจะไม่มีเหตุผลแล้วนะ! ผมปล่อยให้คุณกล่าวหาผมแต่ตอนนี้ความจริงมันก็ปรากฏออกมาแล้วว่าเป็นฝีมือของเหยี่ยนเหวินเฉียน แต่คุณก็ยังกล่าวหาผม นี่คุณตาบอดไปแล้วงั้นหรือ?”

 

          “คุณ คุณ…” หนิงเหยี่ยซานชี้ไปที่เซี่ยเหล่ย เขาโกรธจนพูดไม่ออก ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ เซี่ยเหล่ยเป็นคนแรกที่พูด และยังพูดต่อหน้าเหล่าผู้มีอิทธิพลอีกไม่น้อยซะด้วย!

 

          ซู่เจิงเหวิน แทรกขึ้นมา “เราพบว่าขวดยาอยู่ที่เหยี่ยนเหวินเฉียนแต่เขาก็คงไม่โง่มากพอที่จะวางยาตัวเอง แต่คุณ คุณยังปลอดภัยดี ใช่ไหมล่ะ?”

 

          เหล่าฝูงชนเริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้งเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคิด

 

          ถ้ามองในความเป็นจริงแล้ว คงไม่มีใครคิดจะวางยาประเภทนั้นกับตัวเองและยิ่งอยู่ในสถานที่แบบนี้ด้วยแล้ว

 

          “คุณสามารถตรวจสอบรอยนิ้วมือบนขวดนั้นได้ มันต้องไม่มีรอยนิ้วมือของผมแน่นอน แล้วคนที่ไปเอาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดอยู่ที่ไหน? เขาเอามันมาหรือยัง?”

 

          ในขณะนั้นบอดี้การ์ดคนหนึ่งของเฉินตู เทียนหยินก็กลับมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในมือ

 

          “ผมได้คัดลอกวิดีโอจากกล้องวงจรปิดไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้แล้ว เชิญดูได้เลยครับ” บอดี้การ์ดคนนั้นปลดล็อคหน้าจอคอมพิวเตอร์และถือคอมพิวเตอร์ไว้บนสองมือเพื่อให้เฉินตู เทียนหยินตรวจสอบ

 

          เฉินตู เทียนหยินขยับเข้าไปใกล้หน้าจอ ซู่เจิงเหวิน และ หนิงเหยี่ยซานเองก็ขยับเข้าไปใกล้เช่นเดียวกัน

 

          ในวิดีโอนั้น เหยี่ยนเหวินเฉียนและซู่หลางต่างกระซิบข้างหูกันและกันและหันมามองเซี่ยเหล่ย จากนั้นเหยี่ยนเหวินเฉียนจึงพูดอะไรบางอย่างกับหนิงจิงและเธอก็ลุกขึ้นและเดินออกไปหาเซี่ยเหล่ย เหยี่ยนเหวินเฉียนหยิบขวดแก้วเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเทของเหลวในขวดนั้นลงในขวดไวน์แดง

 

          ความจริงถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

 

          “นี่มัน…นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” ใบหน้าของหนิงเหยี่ยซานแดงจัดด้วยความโกรธ

 

          ซู่เจิงเหวิน เองก็เหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหยี่ยนเหวินเฉียนและซู่หลางถึงได้ดื่มไวน์ที่ถูกวางยา แต่เซี่ยเหล่ยกลับไม่ได้ดื่มและยังคงปลอดภัยดี

 

          วิดีโอยังคงเล่นต่อไป หนิงจิงพาเซี่ยเหล่ยมาที่โต๊ะและเหยี่ยนเหวินเฉียนเชิญให้เขานั่งลง หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย เซี่ยเหล่ยกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ แต่มันกลับตกลงไปบนพื้น หลังจากเซี่ยเหล่ยเก็บมันขึ้นมา เหยี่ยนเหวินเฉียนได้รินไวน์ให้เซี่ยเหล่ยและเมื่อเขาจะรินไวน์ให้เหยี่ยนเหวินเฉียนบ้าง เหยี่ยนเหวินเฉียนกลับไม่ยอมส่งขวดไวน์ให้เขา แต่ซู่หลางกลับเป็นคนรินไวน์ให้เหยี่ยนเหวินเฉียน จากนั้นก็รินให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้ว พวกเขาทั้งสามคนนั่งคุยกันเล็กน้อยและยกแก้วขึ้นเพื่อดื่มด้วยกัน

 

          วิดีโอไม่มีเสียง แต่เซี่ยเหล่ยไม่ได้แตะขวดไวน์เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ตาบอดจะต้องเห็นว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์และเหยี่ยนเหวินเฉียนกับซู่หลางเป็นคนวางแผนการที่จะทำบางอย่างกับเซี่ยเหล่ยตั้งแต่ต้นและเป็นพวกเขาทั้งสองคนอีกเช่นกันที่วางยาในไวน์!

 

          “คุณ…” ซู่เจิงเหวิน จ้องเซี่ยเหล่ยอย่างโกรธจัด “คุณรู้อยู่แล้ว! คุณแกล้งทำโทรศัพท์ตกและแอบเปลี่ยนขวดไวน์! คุณเป็นคนทำ!”

 

          เซี่ยเหล่ยแสดงใบหน้าที่สำนึกผิดออกมาครู่หนึ่งและหัวเราะในขณะที่พูด

 

          “โอ๊ะ! ขอโทษด้วยนะ ผมเพิ่งจำได้ ผมบังเอิญไปชนกับขวดไวน์เข้าตอนก้มเก็บโทรศัพท์ โชคดีที่ผมจับไว้ได้ทันและมันไม่แตก ผมจึงเอามันกลับมาวางบนโต๊ะอีกครั้ง แต่ใครจะไปรู้ล่ะ…ว่าผมจะวางมันผิดที่?”

 

          “นั่นแปลว่าคุณรู้อยู่แล้ว!” ซู่เจิงเหวิน พูดอย่างโกรธจัด “ทำไมคุณไม่ห้ามพวกเขา!”

 

          เซี่ยเหล่ยเหยียดมือทั้งสองข้างออกอย่างหมดหนทาง

 

          “ขอโทษด้วยครับ ผู้อำนวยการซู ผมผิดเอง ผมไม่รู้ว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรกัน ผมแค่บังเอิญไปชนเข้ากับขวดไวน์ คุณจะจับผมก็ได้นะถ้าหากนี่ถือเป็นการทำผิดกฏหมาย”

 

          “คุณ…” ซู่เจิงเหวิน โกรธจนพูดไม่ออกอีกครั้ง

 

          เซี่ยเหล่ยพูดต่อไป

 

          “ผมไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาวางยาในไวน์ ถ้าผมรู้ ผมคงจะดื่มไวน์ทั้งหมดนั้นไปแล้ว มันคงไม่มีปัญหาอะไรมากถ้าคนที่ทำเรื่องโง่เง่าพวกนั้นจะเป็นตัวผมเอง แต่สำหรับหลานชายของคุณมันกลับต่างออกไป ใช่ไหม?” เขาหันไปมองหนิงเหยี่ยซานและพูด “และคุณ ผู้อำนวยการหนิง เหยี่ยนเหวินเฉียนเป็นญาติในอนาคตที่คุณโปรดปราน และเขายังดำรงตำแหน่งสูงในบริษัทเหวี้ยนเทียน อนาคตและฐานะของเขาย่อมต้องเหนือกว่าลูกปลาตัวเล็กๆแบบผม คุณต้องบอกผมก่อนหรืออาจจะบอกใบ้ผมสักหน่อย แค่บอกให้ผมรู้ว่าพวกเขาจะวางยาผมและผมจะเต็มใจดื่มมันเอง ทำไมต้องสร้างเรื่องน่าอับอายแบบนี้ขึ้น?”

 

          ซู่เจิงเหวิน และหนิงเหยี่ยซานต่างอึ้งจนพูดไม่ออก และใบหน้าของพวกเขาทั้งสองก็อึมครึมราวกับจะมีฝนฟ้าคะนอง

 

          “เฉลิมฉลองกันให้สนุกล่ะ งานเลี้ยงแบบนี้คงไม่เหมาะกับผมและผมไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับคนชั่วช้าที่คิดจะวางยาผม!” เซี่ยเหล่ยเดินออกไปหลังจากพูดจบ

 

          เฉินตู เทียนหยินมองตามแผ่นหลังของเซี่ยเหล่ยและมีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนมุมปากของเธอ ตอนนี้น้ำแข็งกำลังเริ่มละลายแล้ว

 

          ติดตามตอนต่อไป.......

รีวิวผู้อ่าน