px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV – 109   ผู้อาวุโสลึกลับ !


TXV – 109   ผู้อาวุโสลึกลับ !

 

          ภายในบ้านของหลงบิงตกแต่งอย่างเรียบง่าย  เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเป็นแนวย้อนยุค ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ เซี่ยเหล่ยรู้สึกราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของทหารผ่านศึกในละครหรืออะไรทำนองนั้นเลย....

 

          “ของพวกนี้เป็นของพ่อแม่ฉันน่ะ หลายปีมานี้ฉันแทบไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรออกไปเลย” หลงบิงกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยเหลือบไปเห็นรูปที่แขวนอยู่บนตู้ทีวี เป็นรูปของผู้หญิงและผู้ชายในชุดทหารกองทัพยืนใกล้กัน และมีเด็กผู้หญิงจ้ำม่ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งคงเป็นหลงบิงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

          เซี่ยเหล่ยค่อนข้างอยากรู้ แต่ก็ได้เพียงคิดในใจ ‘หลงบิงตอนนี้คงประมาณ 24-25 แต่ในรูปเธอน่าจะอายุประมาณ 4-5 ขวบ อีกอย่าง พ่อแม่เธอ ดูจากรูปแล้วก็คงยังสุขภาพดีอยู่ ไม่มีสงครามในช่วง 20 ปีมานี้ด้วย พวกเขาตายในสงครามหรือการต่อสู้อะไรรึเปล่านะ? หรือไม่ก็อาจจะทำงานเดียวกับหลงบิงตอนนี้ เป็นสายลับหรือนักสืบอะไรแบบนั้นรึปล่าว ?’

 

          แม้เซี่ยเหล่ยอยากจะถาม แต่เขาก็ไม่ปริปากพูดออกมา......

 

          “ฉันจะจัดห้องรับแขกให้คุณ” หลงบิงกล่าว “ส่วนคุณก็ไปเตรียมอาหารนะ”

 

          “หา?” เซี่ยเหล่ยไม่คิดมาก่อนว่าการมาที่บ้านของหลงบิงครั้งแรกก็ต้องเข้าครัวทำอาหารให้เธอเลย

 

          หลงบิงตบไหล่เขาเบาๆ “ฉันรู้ว่าคุณทำอาหารเก่ง เดี๋ยวก็พอมีแขกมาหาคุณอีก คุณก็จะได้โชว์ฝีมือได้เต็มที่เลยไง”

 

          “แล้วแขกของคุณอยากเจอผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม “บอกหน่อยสิว่าเขาเป็นใคร?”

 

          “ไม่บอก !  ไปทำอาหารได้แล้ว ในตู้เย็นมีผักกับเนื้ออยู่” เธอไม่รอให้เซี่ยเหล่ยได้พูดอะไร หลงบิงก็หันหลังไปทันที

 

          เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เดินตรงไปยังห้องครัว พึมพำกับตัวเองเบาๆ “นี่เห็นผมเป็นอะไรกันเนี่ย? พ่อครัวจำเป็นหรือข้ารับใช้นายหญิงกันห๊ะ ? จริงๆเลย......”

 

          ในระหว่างที่เซี่ยเหล่ยกำลังทำอาหาร หลงบิงก็จัดการห้องรับแขกเสร็จเรียบร้อย เธอกลับไปในห้องนั่งเล่น อ่านงานที่เซี่ยเหล่ยทำให้สือจิงชิว หลังจากนั้นก็ถ่ายรูปแล้วส่งให้ใครบางคน ก่อนจะทำตัวปกติอย่างนั่งดูทีวี โดยไม่ได้ไปช่วยเซี่ยเหล่ยที่กำลังวุ่นกับการทำอาหารอยู่ในครัว

 

          ซึ่งการปล่อยให้เขาทำอาหารคนเดียวยิ่งทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่า หลงบิงคือนายหญิงจอมหยิ่งที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา.......

 

          1 ชั่วโมงผ่านไป เซี่ยเหล่ยทำอาหารเสร็จไปหลายจาน ทั้งเต้าหู้ เนื้อสับพริกไทย หม้อไฟปลาสุยจู่ เจี้ยงโร่วซือและซุปไข่มะเขือเทศ โดยทั้งหมดเป็นอาหารเสฉวน เซี่ยเหล่ยจงใจปล่อยให้หลงบิงดูทีวีต่อไป

 

          เซี่ยเหล่ยถือซุปไข่มะเขือเทศมาวางบนโต๊ะกินข้าวเป็นอย่างสุดท้าย เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้น

 

          หลงบิงเดินออกไปที่ประตู ก่อนที่ชายแก่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้ามา เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นหน้าเขาก็นึกถึงนิทานสมัยเด็กนั่นก็คือ ‘Lion King’ เพราะคิ้วของเขายาวเอียงขึ้นด้านบน การปรากฏตัวของคนๆนี้ ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกปลอดภัยเพราะว่าเขาดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร.....

 

          เซี่ยเหล่ยเคารพรูปของหลางเฉิงชุนบ้างเป็นบางครั้ง  ตอนที่ฝึกหวิงุนกับหยงชุนจนสำเร็จ เซี่ยเหล่ยก็รู้ได้ว่าศิลปะการต่อสู้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัส  เพราะเมื่อชายคนนี้เดินผ่านประตูมา เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกว่าเขามีร่างกายของคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้และมีออร่าแบบที่หลางเฉิงชุนมี!

 

          เขาเป็นใครกัน?

 

          เซี่ยเหล่ยไม่กล้าแม้แต่จะเดา ในใจเขาเริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย......

 

          “นี่คือเซี่ยเหล่ยที่พูดถึงบ่อยๆใช่มั้ย?” เมื่อชายคนนั้นเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็มองเซี่ยเหล่ย แล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติ

 

          การพูดของเขาค่อนข้างห่างไกลคำว่าสุภาพหรือทางการ ซึ่ง “ควร” จะได้ยินจากปากของคนมีอายุเช่นนี้

 

          หลงบิงดูกลัวเขานิดหน่อย เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ นี่แหละเซี่ยเหล่ย” เธอกล่าวแล้วหันกลับมาพูดกับเซี่ยเหล่ยต่อ “มานี่เร็ว ฉันจะแนะนำนะ นี่ ฉือโบเหยิยน หรือ ผู้อาวุโสฉือ”

 

          เซี่ยเหล่ยรีบถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินเข้าไปหา พูดทักทายด้วยความสุภาพ “ผู้อาวุโสฉือ สวัสดีครับ” เมื่อเดินมายืนหน้าเขาแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ยื่นมือออกไปทั้งสองข้างเพื่อจับมือกับเขา

 

          ในสายตาของเซี่ยเหล่ยหลงบิงเป็นคนร่างใหญ่แต่ฉือโบเหยิยนคนนี้ก็ตัวใหญ่กว่าหลงบิงอย่างเห็นได้ชัด นั่นยิ่งทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่าต้องเข้าหา ฉือโบเหยิยนแบบสุภาพสุดๆ

 

          “สวัสดี” ฉือโบเหยิยน พยักหน้า ยื่นมือขวาออกมาจับมือกับเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสฉือผมได้ยินว่าคุณจะมาที่นี่ ก็เลยทำอาหารต้อนรับไว้เยอะเลย ทานด้วยกันก่อนสิครับ”

 

          ฉือโบเหยิยนไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วจู่ๆก็ยื่นมือขวาออกมาจับมือเขาไว้ เซี่ยเหล่ยสัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆบางอย่างผ่านฝ่ามือของฉือโบเหยิยนและรู้ได้เลยว่านี่ไม่ใช่ฝ่ามือคนธรรมดาทั่วไป ! เซี่ยเหล่ยตอบโต้โดยสัญชาตญาณ มือขวาของเขาเองก็ส่งพลังตอบโต้กลับไป ทันใดนั้นมือของทั้งสองคนก็กระทบกันตามด้วยเสียงกระดูกลั่นดังก้องออกมาชัดเจน.....

 

          “หืม ! เด็กคนนี้มีอะไรซ่อนอยู่นี่นา!” เพียงพูดไม่กี่คำ ฉือโบเหยิยน ก็ดึงมือซ้ายของเขาออกมาแล้วเปลี่ยนไปจับไหล่เซี่ยเหล่ยแทน

 

          เซี่ยเหล่ยเองก็ยกมือซ้ายขึ้นมาเช่นกัน ใช้ศอกปิดกั้นช่องทางการโจมตีของ ฉือโบเหยิยน ข้อศอกเป็นหนึ่งในส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกายมนุษย์  ฝ่ามือของ ฉือโบเหยิยน พุ่งตรงมาที่ข้อศอก จนเกิดเสียงดัง

 

          สายตาของ ฉือโบเหยิยน ปรากฏความประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะยกเข่าขึ้นตรงเข้าหน้าท้องช่วงล่างของเซี่ยเหล่ย

 

          ร่างกายท่อนบนของเขาพุ่งไปข้างหน้า มือซ้ายลดต่ำลง ทั้งข้อศอกและหัวเข่ากระแทกอย่างจังในครั้งเดียว เกิดเป็นเสียงดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม และในที่สุดทั้งสองคนก็ถอยออกจากกัน

 

          หลงบิงมองเซี่ยเหล่ยอย่างแปลกใจ เขาเป็นคนบ้าระห่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

          “ดีมาก เจ้าหนู ใช้หวิงชุนอย่างงั้นเหรอ อา!” ฉือโบเหยิยน กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าหนู กำลังเรียนหวิงชุนอยู่ใช่มั้ย?”

 

          เซี่ยเหล่ยตอบ “หลางเฉิงชุนเป็นอาจารย์ของผมครับ”

 

          “หลางเฉิงชุน?” ฉือโบเหยิยน นึกขึ้นได้ “ผมรู้จักเขานะ ผู้สือทอดเพียงหนึ่งเดียวของเหยินหยงชุน ผมเคยได้ยินเรื่องของเขามานานแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอสักที”

 

          เซี่ยเหล่ยกล่าว “ครูของผมเปิดโรงเรียนในเมืองห่ายจู เขาชอบใช้ชีวิตแบบสมถะน่ะครับ”

 

          ฉือโบเหยิยน จ้องเซี่ยเหล่ยราวกับว่ากำลังพยายามอ่านใจเขาอยู่ “คุณเรียนมานานแค่ไหนแล้วล่ะ?”

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังจะพูดว่า 1 เดือน แต่คิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนใจตอบว่า “ก็สักพักแล้วครับ”

 

          ฉือโบเหยิยนขมวดคิ้วดูไม่พอใจกับคำตอบของเซี่ยเหล่ยเท่าไหร่

 

          หลงบิงขัดจังหวะขึ้น “ตีก็ตีกันแล้ว คุยก็คุยกันแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะไปกินกันล่ะ? เมื่อคุณได้ประมือกับหวิงชุนของเขาแล้ว คุณน่าจะลองอาหารฝีมือเขานะ อาจจะดีกว่าทักษะการต่อสู้ของเขาเลยก็ได้”

 

          “หืม? นั่นมันแน่อยู่แล้ว” ฉือโบเหยิยน หัวเราะออกมา “ไปกินกันเถอะ”

 

          เซี่ยเหล่ยแอบรู้สึกผ่อนคลายอยู่ลึกๆ แล้วคิดในใจว่า “ก่อนหน้านี้ หลงบิงเรียกเขาว่า ผู้อาวุโสฉือโบเหยิยน คนนี้คงเป็นเจ้านายของเธอแน่ๆ หลงบิงที่ว่าบู๊ระห่ำแล้ว ฉือโบเหยิยน ก็ยิ่งระห่ำกว่าอีก คนพวกนี้อยู่หน่วยงานแบบไหนกันแน่นะ?”

 

          ประเด็นนี้ บางคนก็อยู่ในสถานะที่เป็นความลับของประเทศ คนธรรมดาอย่างเซี่ยเหล่ยจะสามารถสอบถามความลับของชาติตรงๆได้เหรอ?

 

          ที่โต๊ะอาหาร ฉือโบเหยิยน กินอย่างมีความสุข “นานแล้วนะเนี่ยที่ไม่ได้กินอาหารเสฉวนอร่อยๆแบบนี้ น่าประทับใจจริงๆ”

 

          หลงบิงเผยรอยยิ้มที่เห็นได้ยากออกมา “ฉันบอกแล้ว บางจานนี่เหมือนได้กินอาหารเสฉวนแท้ๆเลยล่ะ”

 

          เซี่ยเหล่ยยืดขาออกไปแตะที่ข้อเท้าของหลงบิงเบาๆ  หลงบิงจ้องเขากลับ เซี่ยเหล่ยจึงขยิบตาให้ครั้งหนึ่ง

 

          เซี่ยเหล่ยอยากบอกว่าปกติเธอแทบจะไม่ยกยอเขา ตอนนี้เขาจึงรู้สึกค่อนข้างอึดอัด บางครั้งเธอเองก็ทำตัวเข้าใจยากด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เซี่ยเหล่ยขยิบตาแล้ว แก้มของหลงบิงก็แดงขึ้นมาทันที ตอนแรกเธอนิ่งเงียบ จากนั้นก็เตะเซี่ยเหล่ยคืนบ้าง  การขยิบตาแบบนี้มันเป็นคำใบ้ไม่ชัดเจนตรงไหนกัน?

 

          “อืม......” รอยยิ้มมุมปากของ ฉือโบเหยิยน แสดงออกถึงความสุขแปลกๆอย่างชัดเจน “รอผมกลับมาที่นี่ แล้วทำอาหารพวกนี้ให้อีกได้มั้ย?”

 

          เซี่ยเหล่ยเริ่มอึดอัดมากกว่าเดิม

 

          แก้มหลงบิงแดงขึ้นอีก แต่ครั้งนี้เธอจ้องเซี่ยเหล่ยด้วยความโกรธ

 

          แปลกจริงๆ ตอนแรกหลงบิงยังแสดงท่าทีน่าอายแบบลูกสาวอยู่ นั่นจึงทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกเขินๆนิดหน่อย จนกลายเป็นความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นทำเอาเซี่ยเหล่ยเสียการควบคุมตาซ้ายของเขาไปชั่วขณะ เขาเผลอมองทะลุผ่านเสื้อผ้าของหลงบิงไป ต้นคอขาว ภูเขาสูงตระหง่านอวบอิ่มที่ขาวราวกับหยกล้ำค่า และยอดเขาธรรมชาติที่เต็มไปด้วยหิมะก็ปรากฏแก่สายตา.....

 

          โชคดีที่โต๊ะอาหารปกปิดส่วนอื่นอยู่ เซี่ยเหล่ยจึงรีบควบคุมพลังของตาซ้ายทันที เพื่อไม่ให้ตัวเองแอบมองส่วนอื่นๆของหลงบิงไปมากกว่านี้ และถึงแม้ว่านี่จะเป็นการแอบดูเงียบๆ แต่ความรู้สึกตกตะลึงก็รุนแรงมากพอควร เมื่อมองไปยังยอดเขาภูเขาหิมะทั้งสองแล้ว เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกได้ถึงบ่อน้ำพุร้อนที่เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาทันที

 

          ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะมองผ่านเสื้อผ้าหลงบิงแบบนี้ แต่ตอนนี้เซี่ยเหล่ยไม่รุ้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จู่ๆความคิดนี้ก็มาอย่างลึกลับและไม่ทันได้ตั้งตัว

 

          แต่โชคดีที่เซี่ยเหล่ยรู้ว่าหลงบิงและ ฉือโบเหยิยน ยังไม่รู้ตัว

 

          เมื่อมื้ออาหารจบลง หลงบิงก็ทำความสะอาดโต๊ะ ฉือโบเหยิยน เรียกเซี่ยเหล่ยไปคุยในห้องนั่งเล่น

 

          “เจ้าหนูเซี่ย” น้ำเสียงของฉือโบเหยิยนสุภาพขึ้นนิดหน่อย “ผมเป็นคนพูดตรงนะ ไม่ค่อยชอบอ้อมค้อมเท่าไหร่”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ผมเองก็ไม่ชอบครับ ผู้อาวุโสฉือ พูดตรงๆได้เลยครับ”

 

          “ดี” ฉือโบเหยิยน กล่าว “จริงๆแล้วผมให้หลงบิงคอยเก็บข้อมูลคุณ ผมสนใจในตัวคุณมากเลย”

 

          ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยพยายามถามหลงบิงอยู่เสมอว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอมาคอยจับตาดูเขาตลอดเวลาและเมื่อได้คำตอบที่เขาต้องการมาตลอด เซี่ยเหล่ยตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อรู้ความจริง.......

 

          “คุณฉลาดดีนะ มีฝีมือด้วย ผมได้ยินมาว่าเธอพูดภาษาอื่นได้เยอะนี่......” ฉือโบเหยิยน ส่ายหัวเบาๆแล้วฝืนยิ้มออกมา “ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมีความสามารถขนาดนี้ เคยทดสอบ IQ ตัวเองรึยังล่ะ?”

 

          เซี่ยเหล่ยส่ายหน้า “ไม่เคยครับ”

 

          ฉือโบเหยิยน กล่าว “เธอควรลองทดสอบนะ ผมว่าต้องสูงมากแน่ๆ”

 

          เหตุผลที่เซี่ยเหล่ย “เก่งรอบด้าน” ไม่ใช่เพราะ IQ ของเขา มันเป็นเพราะความสามารถของตาซ้ายเขาต่างหาก แต่เหตุผลนี้จะบอกฉือโบเหยิยนไม่ได้เด็ดขาด !

 

          ในที่สุดฉือโบเหยิยนก็ยอมพูดความตั้งใจจริงของตัวเองออกมา “เธอมีความสามารถที่หาได้ยากนะ ผมอยากให้คุณเข้าร่วมหน่วยงานของผม รับใช้ประเทศไงล่ะ คิดว่าไงบ้าง?”

 

          เป็นขณะเดียวกับที่หลงบิงทำความสะอาดโต๊ะเสร็จ และกำลังออกมาจากครัวพอดี เธอเดินมายืนข้าง ฉือโบเหยิยน มองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาคาดหวัง ราวกับว่าเธอรู้จุดประสงค์ที่ ฉือโบเหยิยน มาที่นี่เป็นอย่างดีเพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น

 

          ในใจเซี่ยเหล่ยเองก็มีคำตอบอยู่แล้ว แต่คิดไตร่ตรอง ก่อนจะพูดต่อ “ผู้อาวุโส ฉือ ผมขอโทษจริงๆครับ แต่ผมมีบริษัทและพนักงานจำนวนมากที่ต้องดูแล ผมจะทิ้งทุกอย่างไปไม่ได้ ผมขอปฏิเสธข้อเสนอของคุณด้วยความเสียใจนะครับ ถ้าผมมีโอกาส ในอนาคตผมจะร่วมรับใช้ชาติกับคุณแน่นอนครับ”

 

          เมื่อฟังจบ ฉือโบเหยิยน ก็ขมวดคิ้วทันที

 

          หลงบิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสฉือ ฉันบอกคุณแล้วว่าเขาน่ะหัวดื้อ เขาคงไม่ทำตามเราง่ายๆหรอก ตอนนี้เชื่อรึยังล่ะ? ถ้าฉันดึงตัวเขาไปได้ ป่านนี้ฉันก็คงทำไปแล้ว”

 

          ฉือโบเหยิยน กล่าว “ไม่ลองคิดต่ออีกหน่อยเหรอ?”

 

          เซี่ยเหล่ยทำสีหน้าจริงจังแล้วพูดต่อ “ผู้อาวุโสฉือ ผมคิดดีแล้วจริงๆครับ ผม......”

 

          ฉือโบเหยิยนพูดแทรกขึ้น “ดี ผมไม่บังคับคุณหรอกนะ ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป แต่ครั้งหน้าเธอปฏิเสธอีกไม่ได้แล้วนะ”

 

          “อะไรนะ?” เซี่ยเหล่ยคิด

 

          “เป็นที่ปรึกษาให้เราสิ” ฉือโบเหยิยน กล่าว “เราไม่ได้ขอให้เธอมาเข้าร่วมกองทัพ แต่ยังมีบางส่วนที่ต้องการให้คนที่มีฝีมือแบบเธอไปช่วยเหลือน่ะ”

 

          “มีปัญหาอะไรเหรอครับ?” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          ฉือโบเหยิยนตอบว่า “ก็เหมือนครั้งก่อนที่เธอไปช่วยเจียงหยูยี่เอาไว้ ถ้าเรามีกรณีแบบนี้ให้เธอช่วยเหมือนกัน คุณก็ต้องไปช่วย ถ้าเราอยากปรับปรุงอาวุธเราให้ดีขึ้นคุณก็ต้องไปช่วย ถ้าเราอยากซ่อมสิ่งของอะไรคุณก็ต้องไปช่วยเหมือนกัน”

 

          “ครับ ตกลง” เซี่ยเหล่บตอบรับ

 

          ใครคือ ฉือโบเหยิยน? แม้ชื่อเสียงเขาจะใช้เป็นหลักประกันอะไรไม่ได้ และไม่ใช่หน้าที่หลักอะไร แต่เขาก็คิดมาอย่างดีแล้วที่เลือกเซี่ยเหล่ย คนอื่นๆต้องการโอกาสนี้ เขาจึงปฏิเสธไม่ได้อีก ไม่ว่าจะกรณีใดๆ

 

          “ดี ตัดสินใจได้ดี” ฉือโบเหยิยน เดินออกไป

 

          เซี่ยเหล่ยเดินตามไปส่ง “ผู้อาวุโสฉือ ผมขอขอบคุณจากใจผมเลยครับ”

 

          จู่ๆ ฉือโบเหยิยนก็นึกอะไรออกแล้วพูดว่า “ผมไม่มีเงินเดือนให้นะ ห้ามพูดอะไรต่อ !”

 

          เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “ผมไม่มีอะไรจะพูดต่อครับ !”

 

          “ดี  คุณต้องปฎิบัติตามคำสั่งของผม !”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เช่นเดียวกับหลงบิง

 

          ฉือโบเหยิยน ปล่อยให้ทั้งสองคนยืนอึดอัดอยู่แบบนั้น ส่วนตัวเองก็เปิดประตู เดินออกไป

 

          ติดตามตอนต่อไป.......

 

 

รีวิวผู้อ่าน