px

เรื่อง : เนตรเนรมิต - Tranxending Vision
TXV – 113 อาหารอันโอชะและคำสั่งที่ปฏิเสธไม่ได้ !


TXV – 113 อาหารอันโอชะและคำสั่งที่ปฏิเสธไม่ได้ !

 

          “นายมันคนดีจริงๆ นายคงระแคะระคายเรื่องนี้เล็กน้อยสินะ ถ้าเซี่ยเสวี่ยไม่โทรหาฉัน ฉันคงไม่รู้ว่ามีเรื่องขึ้นกับคุณ”หลงบิง เซี่ยเหล่ยได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธ์ เวลาที่พูดมุมปากของเธอแสดงออกถึงความสุข.....

 

          เธอยิ้มได้มากกว่า2วันที่ผ่านมา

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไร เซี่ยเสวี่ยวิ่งมาแล้วกล่าวขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ พี่หลงบิง มันไม่เกี่ยวกับพี่เหล่ยเลย คือฉัน....... ฉันไม่ควรพูดกับเด็กผู้หญิงคนนั้น”

 

          หลงบิงจับที่หัวของเซี่ยเสวีย “เธอเป็นคนดีและใสซื่อเกินไป บางสิ่งบางอย่างถ้าเธอไม่ต้องการจะหลบหนี เธอสามารถหลีกเลี่ยงได้”

 

          เซี่ยเสวียไม่ได้โต้แย้งอะไร เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเธอกับหลงบิงเป็นไปในทางที่ดีมาก

 

          เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น “เสี่ยวเสวียเธอออกไปก่อน พี่กับพี่หลงบิงจะพูดกัน” เหมือนบางอย่างหยุดทำงาน แล้วหลังจากนี้คงต้องเกิดการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับเซี่ยเสวี่ย

 

          “อืมม” เซี่ยเสวี่ยตอบรับคำขอ รถออฟโรดแบบทหารซึ่งมีหลงบิงมาด้วยได้ขับมา

 

          เซี่ยเสวี่ยได้ออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยจึงกล่าวขึ้น “เรื่องทั้งหมดนี้ซู่หล่างเป็นคนทำ เขาพบคนที่ทำร้ายน้องสาวของผม เขาต้องการจองจำผมและทำเหมือนว่าผมเป็นนักโทษ”

 

          หลงบิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายรู้ได้ยังไงว่าซู่หลางเป็นคำทำ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยตอบ “ผมได้ยินตอนที่หวางคุยโทรศัพธ์โดยบังเอิญน่ะ” แต่เหตุผลจริงๆคือเขาอ่านปากตอนหวางคุยโทรศัพท์เอา แต่ใครจะพูดเหตุผลนี้ออกไปกันหล่ะ

 

          หลงบิงย่นคิ้วเข้าหากัน “คุณว่าซู่หลางต้องการควบคุมคุณใช่หรือไม่ แต่คุณทำแบบนั้นกับนักโทษเก่าในวังต้องห้ามได้อย่างไรกัน นายจัดการพวกนั้นปางตาย?”

 

          เซี่ยเหล่ยฝืนยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “เขาจะทำร้ายผม เขาทำได้ แต่เขาจะทำร้ายน้องสาวของผม ผมจะไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นแน่นอน

 

          หลงบิงถอนหายใจ “จริงๆแล้วเซี่ยเสวี่ยเป็นคนที่ฉลาดมากๆ และฉันก็ชอบเธอด้วย แต่อย่างไรก็ตาม นายปกป้องเธอได้แต่ต้องไม่ใช่จนขาดสติแบบนี้ แค่นายคิดว่าคนอื่นทำร้ายเธอ ตบหน้าเธอ นายก็สูญเสียการควบคุม ซ้อมพวกนั้นเกือบตาย ถ้ามีคนทำให้เธอบาดเจ็บ นายไม่ฆ่าพวกนั้นตายเลยเหรอไง? ”

 

          เซี่ยเหล่ยเงียบ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่จริงๆแล้วเขารู้ว่าสิ่งที่หลงบิงพูดมีเหตุผล ซู่หลางบีบจุดอ่อนนี้ของผมไว้ เขาจึงกล้าที่จะใส่ร้ายเขาด้วยวิธีการที่ชั่วกว่านี้

ถ้าในภายหลังมีบางคนจับตัวเซี่ยเสวี่ยมาข่มขู่เขาอีกครั้ง หรือทำให้เซี่ยเสวี่ยบาดเจ็บสาหัส เขาคงทำอะไรขาดสติอีกแน่

 

          “ซู่หลาง จะทำให้คุณทำอะไรบ้าบิ่นได้มากกว่านี้ มันไม่ใช่เรื่องดี คุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง” หลงบิงกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณจะสอนผมเป็นบทเรียนที่สองใช่รึเปล่า?”

 

          “นายสนใจบทเรียนนี้?” หลงบิงพูดต่อ “ฉันต้องเตือนนาย เราจะเดินกลับบ้าน นายรับผิดชอบเรื่องการทำอาหารไป ส่วนฉันกับเสี่ยวเสวี่ยจะรับผิดชอบเรื่องกินเอง”

 

          “อืม กลับบ้านไปเตรียมอาหาร” เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างเฉยเมย

 

          คำพูดเหล่านี้ ทำให้เขาและหลงบิงแสดงท่าทางอึดอัดออกมา หลงบิงกล่าวคำว่ากลับบ้านได้เป็นปกติมากๆ เพราะว่ากลับไปหาครอบครัวจริงๆ แต่กับเซี่ยเหล่ยคำพูดเหล่านี้ค่อนข้างจะผิดปกติ ถ้าบ้านของหลงบิงเป็นบ้านเขา เขาดีพอสำหรับเธอเหรอ?

 

          อย่างไรก็ตาม ความอึดอัดนี้ถ้าเทียบกับความอึดอัดเมื่อวานตอนเย็น ตอนที่หลงบิงทำให้เขาสนใจในบททดสอบ ความอึดอัดนี้แทบจะเทียบไม่ได้เลย

 

          เมื่อหลงบิงเปิดประตูรถ แล้วออกจากสถานีตำรวจ หวางเว่ยได้เดินออกมา หลังจากที่จ้องจนรถของหลงบิงขับไปลับสายตาแล้วเขาเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาเบอร์ของซู่หล่าง

 

“สวัสดี สำเร็จมั้ย?” ซู่หล่างส่งเสียงจากโทรศัพท์มือถือ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี

 

          เมื่อได้ยินเสียงของซู่หล่าง หวางเหว่ยก็ไม่สามารถทนกัดฟันได้อีกต่อไป เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ซู่หลาง! ไอ้เด็กเหลือขอนายต้องการฆ่าผม ? ทำไมคุณกับผมแบบนี้ พูดออกมา!”

 

          เกิดความเงียบขึ้นหลายวินาที หลังจากนั้นมีเสียงของซู่หล่างลอยมาตามสาย “หวางเหว่ย คุณเป็บบ้าอะไรเนี๊ย ? ผมอยากทำร้ายคุณทำไม ทำร้ายคุณแล้วผมจะได้อะไร คุณพูดให้ชัดๆดิ มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

          หวางเหว่ยพูดอย่างดุดันว่า “คุณให้ผมจับเขา ข่มขู่เขาให้รู้สึกผิดกับอนาคตของน้องสาวของเขา แต่อยู่ดีๆก็มีผู้หญิงคนนึงมาช่วยเขาไว้ นายรู้มั่ยว่าผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นใคร? เธอเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่งคงแห่งชาติ!”

 

          “อะไรนะ? สำนักงานความมั่งคงแห่งชาติ? มันจะเป็นไปได้ยัง เจ้าเด็กเหลือขอนั้นเป็นคนงานที่เพิ่งย้ายมา มันจะไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไง?” ซู่หล่างรู้สึกประหลาดใจมากๆ

 

          “ผมอ่านประวัติของเธอแล้ว เธอชื่อว่า หลงบิง! ยิ่งไปกว่านั้น เธอเป็นระดับหัวหน้าหน่วย!”

 

          “หลงบิง? เดิมทีเธอ .......” ซู่หลางจำที่ซู่เจิงยี่เตือนเขาได้ ว่าเงิน 10 ล้านไม่สามารถซื้อตัวผู้หญิงคนนี้ได้ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลงบิงจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่งคง

 

          “ซู่หลาง ต่อไปนี้มิตรภาพของพวกเราจบกัน ” ไม่ทันที่ซู่หล่างจะพูดอะไร หวางเวยก็วางสายโทรศัพท์ไป

 

          การที่มีเรื่องกับหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ถ้าให้เลือกระหว่างมิตรภาพในอดีตกับความเมตตา ? หวางเหว่ยสารภาพว่าเขาจะไม่เลือกทำสิ่งโง่ๆอีก

 

          จากนั้นไม่นานถึงก็ถึงเวลาทานข้าว หลงบิงหยุดรถ เซี่ยเหล่ย และเซี่ยเสวี่ย ถือถุงของต่างๆที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตออกมา ภาพนี้ดูเหมือนเป็นภาพครอบครัวจริงๆ สามีภรรยาใหม่เพิ่งแต่งงานน้องสาวฉลาดชาญฉลาดมีความกลมกลืนกันเป็นอย่างมาก

 

          อย่างไรก็ตาม ภาพๆนี้ได้ถูกทำลายลงด้วยการมาของบุคคลปริศนา

 

          เมื่อคน 3 คนได้เข้ามายังลานดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ ก็ได้พบว่ามีบุคคลนึงรอพบพวกเขาอยู่แล้ว เพื่อนเก่าของเรา มู๋เจียนเฟิงนั้นเอง

 

          มู๋เจียนเฟิงไม่ได้มามือเปล่า ในมือของเขายังมีถุงอยู่ด้วย ดูเหมือนจะเป็นชอคโกแลต หรือเค้ก และของทำขนมปิ้ง

 

          อย่างไรก็ตามระดับผู้บริหารกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนจะมาที่หมู่บ้านธรรมดาแบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน หลงบิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายกับ มู๋เจียนเฟิงอย่างสุภาพ “ผู้อาวุธโสมู๋ลมอะไรหอบคุณมาที่นี้กัน?”

 

          มู๋เจียนเฟิงเขายิ้ม “ลมหน้าร้อนหน่ะ”

 

          แน่นอน “ลมหน้าร้อน” ที่เขากล่าวถึง คือ เซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยไม่กล้าที่จะละเลย จึงได้กล่าวสวัสดีพร้อมรอยยิ้ม “ท่านอวุโสมู๋ คุณไม่ต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ โทรหาก็ได้ มาหาผมถึงที่นี้มีอะไรรึเปล่า หรือจะให้ผมไปชมการทำงานของคุณ ว่างานของคุณทำอย่างไร?”

 

          มู๋เจียนเฟิงมองไปที่ เซี่ยเหล่ย แล้วกล่าวด้วยเสียงตำหนิว่า "เจ้าเด็กเหลือขอ นายรู้เหรอว่าบ้านผมอยู่ไหน ทำมาพูดว่าจะไปเยี่ยม ถ้าผมไม่มา นายคงไม่ไปหาผม ผมพูดถูกใช่มั้ย ? "

 

          เซี่ยเหล่ย “…..”

 

          เซี่ยเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างเซี่ยเหล่ยโค้งตัวคำนับหนึ่งครั้งพร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “ท่านอวุโสมู๋ หนูชื่อเซี่ยเสวี่ย เป็นน้องของเซี่ยเหล่ยค่ะ”

 

          เซี่ยเสวี่ยฉลาดที่สุด.....

 

          มู๋เจียนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “อืม ดี ดี เธอเหมือนพี่ชายเธอมาก”

 

          หลงบิงเปิดประตู “ผู้อาวุธโสมู๋ มีอะไรก็เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ วันนี้เซี่ยเหล่ยจะทำอาหารเย็น เชิญคุณมาร่วมรับประทานด้วยกัน ”

 

          มู๋เจียนเฟิงแสดงท่าทางประหลาดใจออกมา "ฉันร่วมรับประทานด้วยแน่นอนอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนทำด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็นต้องกินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม อาหารที่เขาทำสามารถขึ้นโต๊ะได้จริงๆนะเหรอ?"

 

          หลงบิงยิ้ม “เชิญนั่งก่อน”

 

          "คุณจะบอกว่าเขามีท่าทางโหดร้ายมากๆ เซี่ยเหล่ย ผมยอมรับคุณในฐานะช่างเครื่อง แต่คุณไม่ใช่เชฟไม่ใช่เหรอ บางอย่างในตัวของฉันไม่เชื่อนาย"มู๋เจียนเฟิง กล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสมู๋ คุณอยากกินอะไรคุณเลือกได้เลยอย่างอิสระ ผมจะทำมันเพื่อคุณ”

 

          มู๋เจียนเฟิงกล่าวว่า "สเต็กเนื้อวัวออสเตรเลีย, พายเนื้ออิตาเลียน, ญี่ปุ่นซาชิมิ" เขายิ้มกล่าวว่า "ฉันไม่ได้ทดสอบคุณ ทำตามสบาย เอาแค่ให้อร่อยได้ 3 ใน 10 ของอาหารระดับ 5 ดาวก็พอ"

 

          เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก นี้ขนาดไม่ได้ต้องการจะทดสอบอาหาร 3 จานนี้ก็ปาไปครึ่งโลกแล้ว เนี้ยเหรอไม่ทดสอบ?

 

          เซี่ยเสวี่ยหันหน้าไปยู่ปากเล็กน้อย “ท่านอวุโสมู๋ ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าต้องการทดสอบฝีมือการทำอาหารของพี่ชายฉัน ฉันรู้ว่าเขาทำตามที่คุณต้องการไม่ได้ ลองเปลี่ยนเป็นเต้าหู้ทรงเครื่องแทนได้รึเปล่า พี่ชายของฉันถนัดทำมากเลยนะ รับรองว่าคุณต้องชอบมันแน่นอน”

 

          มูยิ่นเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ก็ดี ...... "

 

 

          เซี่ยเหล่ยได้ขัดจังหวะการพูดของ มู๋เจียนเฟิงแล้วกล่าวแทรกขึ้นว่า "ไม่ต้องหรอก ผมสามารถทำอาหารได้ตามที่ผู้อาวุโสต้องการ ไม่มีอะไรจะสั่งให้ผมทำเพิ่มแล้วใช่มั้ย ?"

 

          “นายพูดเองน่ะ” มู๋เจียนเฟิงกล่าว “ถ้านายไม่สามารถทำซาซิมิ รสชาติเหมือนต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ สเต็กเนื้อรสชาตืเหมือนเนื้อออสเตรเลียได้ เงินที่ฉันจะจ้างนายฉันจะจ่ายแค่ครึ่งเดียว”

 

          “ถ้าผมทำได้?” เซี่ยเหล่ยกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจ

 

          “ไม่มีทางที่นายจะทำได้ เงินผมไม่มีทางไปอยู่ที่คุณแน่นอน คุณรู้อย่างนี้แล้วยังจะกล้าท้าผมอีกรึเปล่า ?” มู๋เจียนเฟิงแสดงท่าทางออกมาราวกับผู้ชนะ....

 

          เซี่ยเหล่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ได้เลย ตกลงรับคำท้า”

 

          หลงบิงขยิบตาเตือนเซี่ยเหล่ย “เซี่ยเหล่ย แต่เดิมผู้อาวุโสมู๋มีชื่อเสียงด้านการทำอาหารอยู่แล้ว แต่นอกจากนี้ เขายังเป็นกรรมการการประกวดอาหารระดับโลกอีกด้วย รู้ไว้ซะ”

 

          หลังจากเธอเตือนเขาแล้ว เซี่ยเหล่ยทำเพียงพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปทำอาหารในห้องครัวทันที

 

          ถึงแม้ว่าการเรียนทำอาหารของเซี่ยเหล่ยจะเรียนแบบอิสระ แต่เขายังคงเรียนทำอาหารอย่างต่อเนื่องและขยันขันแข็ง และแน่นอนว่ารสชาติอาหารของเขาต้องอร่อยด้วยบวกกับความสามารถของตาซ้ายเข้าไปอีก ตอนนี้เขาสามารถทำอาหารที่ดีตามที่เขาต้องการได้แน่นอน............

 

          เซี่ยเสวี่ยไม่สามารถทนอยู่เฉยได้ จึงได้เข้าไปช่วยเซี่ยเหล่ยทำอาหารในครัว ในตอนนี้หลงบิงและ มู๋เจียนเฟิงพูดคุยกันในห้องนั่งเล่น

 

          “เธอรู้จักเจ้าเด็กเหลือขอนั้นดี?” นี้เป็นคำถามแรกที่มู๋เจียนเฟิงและ หลงบิงพูดกัน

 

          หลงบิงส่ายหัวอย่างนุ่มนวล “ไม่ดีขนาดนั้นหรอก แต่จากที่รู้จักกันมา ฉันรับประกันได้ว่า เขาไม่ใช่คนไม่ดี”

 

          “เธอรู้มั่ยว่าทำไมผมมาที่นี่วันนี้”

 

          หลงบิงมองไปยังที่มู๋เจียนเฟิง “ท่านอวุโสมู๋ เป็นที่แน่นอนว่าคุณมาที่นี้เพราะเซี่ยเหล่ย”

 

          “ผมมาเติมเต็มความมุ่งมั่นของเขา” มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้น “เขาได้สัญญากับผมหลังจากเขาก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ว่าจะไปตรวจสอบเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูงที่ยุโรป แล้วหลังจากนั้นจะกลับบ้านเกิด แล้วพัฒนาเครื่องจักรภายในประเทศเพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่าอุปกรณ์เครื่องจักรระดับสูงของพวกชาวยุโรปและอเมริกา”

 

          “คุณต้องการให้เขาไปต่างประเทศ?” หลงบิงรู้โดยบังเอิญ

 

          มู๋เจียนเฟิงพยักหน้า "ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นลำดับต้นๆ"

 

          “เขาไปแน่นอน เชื่อในตัวเขาได้ ฉันจะปกป้องเขาอย่างดี” หลงบิงกล่าว

 

          “เธอ” มู๋เจียนเฟิงตอบกลับทันที

 

          หลงบิงหันไปมองทันนที “เรื่องสำคัญขนาดนี้ ฉันต้องทำอะไร?”

 

          มู๋เจียนเฟิงกล่าวว่า "เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญดังนั้นเราจึงต้องการให้คนของคุณไปคุ้มกันเขา ถ้ามีคนของคุณไปทำงานร่วมด้วย เขาจะปลอดภัยมากขึ้น งานก็จะมีโอกาศที่จะสำเร็จมากยิ่งขึ้น

 

          “เรื่องนี้ปรึกษากับผู้บริหารฉือแล้วเหรอ?”

 

          มู๋เจียนเฟิงยิ้ม "ถ้ายังไม่ได้คุยกับเขา ฉันจะกล้ายืมของรักของหวงของหมอนั้นได้ยังไง ห๊ะ?"

 

          หลงบิงกล่าวขึ้น “นับแต่นี้ต่อไป หน้าที่นี้ฉันจะรับผิดชอบเอง”

 

          ไม่ถึง 40 นาที เซี่ยเหล่ยก็เดินออกจากห้องครัวในมือของเขาถือสเต็กเนื้อวัวและพิซซ่า ส่วนเซี่ยเสวี่ยถือซาซิมิมาวางไว้บนโต๊ะ การกระทำของเซี่ยเหล่ยเป็นไปอย่างเงียบสงบมาก ผิดกับเซี่ยเสวี่ยที่ตื่นเต้นมาก เธอเพิ่งรู้ว่าพี่ชายของเธอเป็นปรมจารย์ด้านอาหารในครัวเมื่อกี้นี้เอง

 

          “เขาทำได้จริง เจ้าเด็กเหลือขอนั้นร้ายจริงๆ ” มู๋เจียนเฟิงลุกเดินจากโซฟาด้วยความอดทนต่อการอยากลิ้มรสอาหาร

 

          หลงบิงมองดูอย่างสนุกสนาน......

 

          เซี่ยเหล่ยและเซี่ยเสวี่ยช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร พวกเขาได้วางตะเกียบ ช้อน ส้อมลงบนโต๊ะอาหาร

 

          มู๋เจียนเฟิงคีบซาซิมิไว้ด้วยจะเกียบ ก่อนจะนำไปจิ้มซอสปรุงรส หลังจากนั้นก็นำเข้าปากไปเคี้ยวรับรู้รสชาติอย่างช้าๆ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันจนเกิดรอยย่น

 

          เซี่ยเสวี่ยกล่าวขึ้นอย่างกังวล “เกิดอะไรขึ้นกับอาหารมื้อนี้อย่างนั้นเหรอ ปู่มู๋อาหารนี้พี่ชายของหนูทำเองเลยน่ะ มีอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

 

          มู๋เจียนเฟิงไม่ได้พูดอะไรเขาส่ายหัวแล้ววางตะเกียบลงเพื่อหยิบมีดและส้อมไปตัดสเต็กเนื้อวัวเอาเข้าปากเพื่อรับรู้รสชาติของมัน ทันใดนั้นคิ้วเขาก็ย่นเข้าหากันอีกครั้ง

 

          เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความกังวล “ท่านอวุโสมู๋ สเต็กเนื้อนี้ผมได้ชิมแล้วมันอร่อยมาก คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”

 

          มู๋เจียนเฟิงไม่ได้พูดอะไร ท่าทางของเขาดูสง่างามมากขึ้น จากนั้นเขาก็ตัดชิ้นส่วนพิซซ่าเข้าปากเพื่อรับชาติของมัน

 

          เซี่ยเสวี่ย พูด “ รสนิยมการกินอาหารของคุณปู่นี้สูงจริงๆ คุณจะบอกว่าอาหารนี้ไม่ได้มีรสชาคิเหมือนต้นตำรับสินะ”

 

          ทันใดนั้น มู๋เจียนเฟิงยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย เธอรู้ได้ยังไงว่าผมต้องการพูดอะไร เธอไม่ใช่พยาธิในท้องของฉันซะหน่อย”

 

          เซี่ยเสวี่ยตอบอย่างอาคาตแค้น “ฉันรู้”

 

          มู๋เจียนเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "รสชาติอร่อยจริง! ฉันรู้สึกแปลกมากที่นายสามารถทำให้พิซซ่ามีรสชาติเหมือนพิซซ่าอิตาเลียนแท้ๆ และเนื้อสเต็กของออสเตรเลียให้ออกมารสชาติดีเยี่ยมแบบนี้ได้จากการทำในห้องครัวเช่นนี้ ซาซิมิจากประเทศญี่ปุ่นจานนี้อร่อยพอๆกับมืออาชีพเลย ฉันแปลกใจมากทำไมนายถึงได้มาทำอาชีพช่างเครื่อง อร่อยขนาดนี้จะให้เธอทำอาชีพช่างเครื่องได้อย่างไร? "

 

          คำพูดง่ายๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ถึงความสามารถด้านการทำอาหารของเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มแย้ม “ผู้อาวุโสมู๋ ผมทำสำเร็จแล้ว คุณต้องให้งานผมทำ”

 

           “ที่ผมจะพูด คือ ผมไม่สนใจเรื่องหนี้สินของนายแล้ว” มู๋เจียนเฟิงกล่าว" นอกจากนี้ผมมีเรื่องที่ต้องบอกคุณ.

 

          เซี่ยเหล่ยพูด “ผมรู้ว่าต้องไปต่างประเทศ คุณต้องให้เวลาผมสำหรับการเตรียมตัวสัก 2 วัน”

 

          มู๋เจียนเฟิงมองมาที่เซี่ยเหล่ยอย่างประหลาดใจ แล้วถามขึ้น “นายรู้ได้ยังไง”

 

          เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “เห็นท่าทางของคุณเมื่อครู่ก็รู้แล้ว”

 

          มู๋เจียนเฟิงชี้มาที่เซี่ยเหล่ย โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา

 

          ในเวลานั้นหลงบิงได้พูดขัดจังหวะขึ้น “แค่อาหาร 3 จานนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับฉัน ฉันต้องการเพิ่มอีก 2 จาน ขอมันบดฝรั่งรสชาติแบบอังกฤษ และหมูย่างคั่วรสอิหร่านด้วย!”

 

          เซี่ยเหล่ย “…..”

 

          ติดตามตอนต่อไป........

รีวิวผู้อ่าน