Chapter 6 – ข่าวดี
หลังจากเรื่องเกี่ยวกับจูราสสิก ปาร์ค เสร็จสิ้นแล้ว เอริคใช้เวลาว่างทั้งวัน
ในการเขียนและแก้ไขบทของเรื่อง 17 Again เนื้องเรื่องนั้นมุ่งเน้นไปที่ ครอบครัว ความรัก มิตรภาพ
ทางเลือกในชีวิต ในส่วนนี้ไม่มีปัญหา แต่เขาต้องแก้เกี่ยวกับทุกอย่างที่เป็นเทคโนโลยีในอนาคต
อย่างพวกโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับยุคนี้
หลังจากเขียนบทหนังเสร็จสิ้นเอริคก็ไปหาเจฟตามที่ได้สัญญาไว้ก่อนหน้านี้
นับตั้งแต่ได้อ่านเรื่องจูราสสิก ปาร์ค เจฟนั้นก็ไม่ได้ดูถูกเพื่อนตัวน้อยคนนี้อีกแล้ว
เมื่อเจฟอ่านบทหนังอย่างจริงจังแล้ว เขาก็พบความไม่สอดคล้องบางอย่างเช่น
เมื่อตอนตัวเอกกลับไปที่โรงเรียนเขาสวมเสื้อยืดเป็นรูปของเควิน เฟเดอร์ไลน์ เจฟได้ถามว่าคือใครกัน
เอริคค้นข้อมูลจากความทรงจำก็พบว่าเป็นสามีคนที่สองของบริคนีย์ สเปียส์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นเพียงเด็กสิบขวบ
หลังจากค่อยๆปรับเปลี่ยนจุดที่เจฟแนะนำเสร็จแล้ว เอริคก็ได้ส่งมอบบทหนังให้แก่ไมเคิล
หลังจากหมดเรื่องนวนิยายและบทหนัง เอริคก็ไม่รีบร้อนที่จะเริ่มงานใหม่ เขาฝึกเล่นบาสเก็ตบอลแทน เพราะมีฉากที่ต้องเล่นบาสด้วยทักษะหลายฉาก เอริคเล่นได้แค่แบบพื้นๆ เขาจึงต้องฝึกเพิ่มเติม
ในฉากเกี่ยวกับบาสแม้ว่าแชค แอฟรอนจะเล่นได้ไม่เลว แต่ตัวแสดงแทนของเขานั้นเล่นได้อย่างน่าทึ่งมากโดยเฉพาะฉากในโรงอาหารที่เขาเลี้ยงลูกบาสล้อเลียนเจ้างั่งอย่างสแตน
สัปดาห์ต่อมาหลังจากกลับจากการใช้เวลาสองชั่วโมงฝึกบาสเก็ตบอลที่สนาม เอริคก็กลับบ้าน
เมื่อกำลังคิดอะไรเพลินๆก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ หลายวันมานี้เอริคได้รับโทรศัพท์
หลายสายจากไมเคิลที่แจ้งให้เขารู้ความคืบหน้าของจูราสสิก ปาร์คกับบทหนังเรื่อง 17 Again
สำหรับเรื่องจูราสสิก ปาร์คทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี แต่สำหรับ 17 Again ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น
แม้ว่าหลายบริษัทจะให้ความสนใจหลังจากอ่านบทหนัง แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับการที่นักเขียนจะขอแสดงนำในภาพยนต์ พวกเขาตอบปฎิเสธในทันที แน่นอนหนังแต่ละเรื่องต้องลงทุนหลายล้าน ใครจะอยากรับความเสี่ยงเช่นนี้กัน ?
เอริคบอกไมเคิลว่า ไม่จำเป็นที่เป้าหมายต้องเป็น 6 บริษัทหนังยักษ์ใหญ่ เท่านั้น ลองหาดูผู้ลิตรายย่อย
"สวัสดี นี่บ้านวิลเลี่ยมครับ" เอริคปรับลมหายใจแล้วรับสาย
"สวัสดีเอริค นี่ไมเคิลเอง"
เอริคยิ้มอย่างใจเย็น "ไมเคิล? คุณโทรหาผมเกือบสิบครั้งแล้วในวันนี้ การที่คุณโทรมาหาผมกลางดึกแบบนี้หรอจะมีข่าวดี ?"
ไมเคิลได้แต่บ่นผ่านทางโทรศัพย์ว่า "อย่าพูดเรื่องนี้ เอาจริงๆนะ ฉันโทรไปตั้งหลายครั้ง คุณก็ไม่เคยรับเลย !"
"เกี่ยวกับเรื่องนั้นผมต้องขอโทษด้วยไมเคิล ตอนนั้นผมกำลังซ้อมบาสที่สนามบาสเก็ตบอลในชุมชน"
"ฝึกบาสเก็ตบอล? ว้าว คุณมีความตั้งใจที่ดีนะเอริค ในหนังเรื่องนี้ฉันจำได้ว่ามันมีฉากเล่นบาสเก็ตบอลหลายฉาก"
"ถูกแล้ว นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ฝึกที่สนาม ผมยังฝึกหน้ากระจกตอนเช้าชั่วโมงหนึ่งด้วย"
"ฉันต้องบอกเลยนะว่า ฉันชื่นชมในตัวคุณ น้อยคนนักที่จะมีความพยายามอย่างนี้ แล้วก็พรุ่งนี้เรามีนัดกัน"
เอริคมือสั่นเล็กน้อยทำให้ลูกบาสที่กำลังหมุนอยู่บนนิ้วชี้ตกลงบนพื้น หลังจากเสียงลูกบาสตกหยุดลง
เขาก็ถามขึ้นว่า "หรือว่านี่จะเป็น....ข่าวดี ? "
"แน่นอนคุณเป็นคนที่โชคดี ฉันได้รับโทรศัพท์จาก เจม บรูค จาก 20th Century Fox พวกเขามองบทของคุณในแง่ดี และไม่ได้ปฎิเสธเงื่อนไขของคุณ แต่คุณต้องเข้าการออดิชั่น"
"ขอบคุณ ไมเคิล"
"ยินดีเป็นอย่างยิ่ง" ไมเคิลหัวเราะ " แน่นอนว่าคุณต้องเข้าใจก่อนนะว่าทางนั้นได้ตกลงให้คุณออดิชั่น
หากคุณทำได้ดีก็จะได้บทไป แต่ถ้าคุณแสดงได้แย่.... ฉันคงได้แต่แสดงความเสียใจด้วย "
"ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวล ผมฝึกซ้อมมาเยอะมาก"
เอริครู้สึกนอนไม่หลับทั้งคืน ในตอนเช้าเขารีบขับรถไปสถานที่ที่ได้นัดกันไว้กับไมเคิล ไครช
"ที่นี่คือสตูดิโอของ Twentieth Century Fox ?" เอริคมองไปที่โกดังขนาดใหญ่อย่างเต็มไปด้วยความปรารถนา
ไมเคิลปิดประตูรถแล้วเดินไปด้านข้างของเอริคแล้วเงยหน้าพูดขึ้นว่า "ใช่มันน่าประทับใจมาก....อ่า แต่ของวอร์เนอร์ มันน่าประทับใจยิ่งกว่านี้อีกรู้ไหม ? คุณควรใช้เวลาไปเยี่ยมชมพวกเขานะ ถ้ามีโอกาส"
เอริคย้อนกลับไปนึกถึงภาพยนต์บางเรื่องที่ผลิตโดยวอร์เนอร์ และพยักหน้า "แน่นอน ผมจะไป"
เจ้าหน้าที่เดินนำพวกเขาทั้งสองเข้าไปในประตูสำนักงาน พวกเขาเคาะประตูเบาๆจากนั้นก็ถูกเชิญเข้าไปด้านใน
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องก็เห็นคนสองคนเป็นผู้ชายกับผู้หญิง สองคนนั้นลุกขึ้นแล้วทักทายพวกเขา
ไมเคิล ไครช จับมือกับพวกเขาแล้วแนะนำว่า "เจม , เพนนี ทางนี้คือ เอริค วิลเลี่ยม
เอริค ทางนี้คือ เจม บรูค เขาเป็นโปรดิวเซอร์ และทางนี้คือเพนนี มาร์แซล ผู้กำกับ "
หลังจากการแนะนำตัว ไมเคิลยิ้มให้เพนนีแล้วกล่าวว่า "เอริคคุณรู้ไหม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพนนี
นั้นได้เป็นผู้กำกับหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกาที่ทำเงินได้มากกว่าร้อยล้านดอลล่าในบ็อกออฟฟิศ"
เอริคยื่นมือไปจับกับเจมบรูคเบาๆ และชักมือกลับโดยเร็ว
เอริคตะหนักได้ว่าโปรดิวเซอร์คนนี้ดูเหมือนจะไม่ชอบเขานัก บางทีอาจเป็นเพราะการที่เอริคขอแสดงบทนำด้วยตัวเอง
เอริคไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อหันไปหาทาง เพนนี มาร์แชล เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวผมสีทอง อายุราวๆ40 ปี
เมื่อครั้งเธอเป็นนักแสดง เธอตัวอวบอ้วนเล็กน้อยจึงเป็นเรื่องยากเมื่อเข้าการคัดเลือกบท
"สวัสดี คุณเพนนี ผมชอบหนังของคุณเรื่อง BIG มากครับ"
"ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมเอริค" การแสดงออกของเพนนี มาร์แชล นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเอริค พูดถึงเรื่อง BIG หนังเรื่องนี้ยังคงเข้าโรงอยู่ ทุกคนรู้สึกว่าเมื่อหนังเรื่องนี้ทำรายได้ร้อยล้านใน
บ๊อกออฟฟิศแล้วรายได้มันจะลดลง
แต่ในความจริงมันกลับเพิ่มขึ้น ยังไงก็ตามมันก็เป็นการฉายในอาทิตย์ที่ 4 แล้ว มีภาพยนต์จำนวนมากกำลังจะเข้าฉายเร็วนี้ๆ
ดังนั้นเร็วๆนี้มันคงได้ออกจากโรง
หลังจากที่พวกเขาแนะนำตัวกันเสร็จแล้ว เจม บรูค เพนนี มาร์เชลและเอริคก็ได้แยกย้ายกันนั่ง
ในไม่ช้านี้พวกเขาต้องร่วมมือกันทำให้หนังเรื่อง 17 Again ประสบความสำเร็จ เอริคยิ้มอย่างมั่นใจและนั่งลงข้างไมเคิล
ผู้ช่วยสาวสวยคนหนึ่งยกกาแฟมาบริการก่อนจะเดินจากออฟฟิศไป
เจม บรูคไม่ได้แตะถ้วยของเขา เขายกมือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะแล้วกล่าวว่า
"เอริค บทหนังของตุณมันดีมาก แต่ฉันต้องบอกเลยว่าเงื่อนไขของคุณนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยๆ...แต่คุณเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย
ที่ไม่มีประสบการณ์การแสดง ดังนั้นทางเราเลยอยากจะปฎิเสธ แต่คุณแบรี่ ดิวเลอร์เป็นคนพบบทหนังของคุณ แล้วเขาชอบมาก และเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณ แน่นอนว่าในกรณีที่คุณผ่านการออดิชั่น คุณต้องยอมรับการเรียนการแสดงขั้นพื้นฐานเสียก่อน "
เอริคพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วย เขาแปลกใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับ แบรี่ ดิวเลอร์ เป็นคนอนุมัติบทหนังของเขาเอง
แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จัก แบรี่ ดิวเลอร์ เขาเคยเป็น CEO ของทั้ง' Disney และ Dreamworks, ทั้งเจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก และไมเคิล ไอส์เนอร์ ก็เคยทำงานเป็นผู้ช่วยของเขาเมื่อตอนยังอยู่ที่ Paramount
แบรี่ ดิวเลอร์ โลดแล่นในฮอลลีวู้ดมากว่าสามสิบปี เขาเริ่มจากอยู่ใน Paramount และ Twentieth Century Fox จากวงการภาพยนต์จนไปถึงเครือข่ายโทรทัศน์ทั่วประเทศเขาได้ทิ้งอะไรไว้มากมายไว้เบื้องหลัง
เมื่อเขาจมไปกับห้วงความคิด ไมเคิลสกิลเขาเบาๆให้รู้ตัว
เอริคตะหนักว่าเขายังอยู่ในออฟฟิสและเจม บรูคก็กำลังมองมาที่เขาอย่างไม่พอใจ
ตั้งแต่แรกเจมไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรกับเอริคอยู่แล้ว การสร้างภาพยนต์ในฮอลลีวู้ดทุกอย่างจะได้รับการตัดสินใจโดยโปรดิวเซอร์ ตั้งแต่การคัดเลือกนักแสดงจนถึงฉากจบนาทีสุดท้าย เงื่อนไขที่เอริคเสนอนั้นมันเป็นเพียงแค่ภัยคุกคามสำหรับเขา
"ผมขอโทษ ผมฟุ่งซ่านไปหน่อย" เอริครีบขอโทษ
"ไม่เป็นไร เจ้าหนู" เมื่อพูดกับชายหนุ่มคนนี้นั้นน้ำเสียงของเจมก็ได้เปลี่ยนไปแล้วพูดขึ้นมาว่า
"ก่อนจะพูดเรื่องอื่น เอาเป็นว่าเรามาเริ่มการทดสอบกันก่อนเถอะ...."