px

เรื่อง : Iam in Hollywood
Chapter .8   BASKETBALL REFEREE


Chapter .8   BASKETBALL REFEREE

 

 

ช่วงเวลาหลังจากเอริคตื่นขึ้นมาในตอนเช้านั้นหัวหนักราวกับถูกภูเขาทับ เขาส่ายหัวสองสามทีเพื่อขจัดความรู้สึกนั้นออก เขายิ้มแล้วลุกขึ้นนั่งมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าเป็นว่าเก้าโมงเช้าแล้ว


ที่นี่เป็นห้องนอนบนชั้นสองบนบ้านวิลเลี่ยมแสงแดดฤดูร้อนนั้นลอดผ่านหน้าต่างแบบฝรั่งเศสเข้ามา

ภายในเดือนสิงหาคมที่ลอสแองเจอลิสแห่งนี้  คุณจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นตั้งแต่หัววัน


เป็นเวลาครึ่งเดือนนับตั้งแต่เกิดใหม่แล้ว เอริคก็ยุ่งกับหลายสิ่งหลายอย่าง เขาไม่มีเวลา

มาทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวแล้วกระโดดล่อนไปทั่วฮอลลีวู้ด


เขาก้มลงมองไปรอบๆตัวเขา


ห้องชั้นบนนั้นมีขนาดใหญ่กว่า 30 ตารางเมตร แม้ว่าจะมีเตียง โต๊ะและของใช้เก่าๆวางไว้แต่เขาก็ยังรู้สึกว่างเปล่า


ราล์ฟอยากจะแบ่งห้องออกเป็นสองห้อง แต่ก็ยกเลิกไปซะก่อน มีเพียงพ่อและลูกชายที่อยู่ที่นี่

จนเขาตาย ราล์ฟไม่เคยที่จะพยายามแต่งงานใหม่แต่อย่างใด


เอริคนั้นสงสัยว่าคนติดเหล้าทุกคนนั้นจะเป็นแบบเดียวกันไหม


เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดห้องนั่งเล่นที่ถูกทิ้งไว้หลังจากงานเลี้ยงเมื่อคืน

แล้วเขาก็ขับรถออกไป

เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในร้านขายเครื่องดนตรี แล้วสั่งซื้อเปียโนให้ไปติดตั้งที่บ้าน

เขานั่งลงบนที่นั่งเปียโนด้านหน้าของเขานั้นเป็นโน๊ต เพลงเล่มหนา ซึ่งซื้อมาจากร้านหนังสือใกล้ๆ


มันไม่ใช่เพราะว่าเอริคอยากจะเป็นนักร้องอะไรแบบนั้น เขาแค่เตรียมตัวสำหรับเพลงประกอบภาพยนต์ในอนาคต   เขามีภาพยนต์จำนวนมากในใจและเขาต้องการจะสร้างพวกมันขึ้น ในการสร้างนั้นเพื่อความสมบูรณ์แบบ  เขาไม่สามารถละเลยได้แม้แต่จุดเล็กจุดน้อย เขาต้องเตรียมการในระดับหนึ่งเพื่อที่จะไม่ถูกหัวเราะจากนักดนตรีมืออาชีพ

 

ในฮอลลีวู้ดเพลงประกอบนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภาพยนต์ อย่างเช่น “Unchained Melody” จากเรื่อง Ghost,   “New Divide” จาก Transformers,My Heart Will Go On” จาก Titanic, Young and Beautiful” จากเรื่อ The Great Gatsby,    “Let it Go” จาก Frozen, ไม่ต้องเอ่ยถึงจูโนซึ่งอัลบั้มรวมเพลงประกอบ


คนส่งของมาถึงที่บ้านของเขาเร็วๆนี้ เขาอยากจะซื้อเปียโนไปวางไว้ทางทิศตะวันตกของห้องนั่งเล่นที่ว่างอยู่  ที่นั่นมีชั้นวางหนังสือแม้ในชั้นหนึ่งจะมีหนังสือไม่กี่เล่ม และโต๊ะขนาดใหญ่ใจกลางห้อง

ราล์ฟนั้นไม่ได้มีนิสัยรักการอ่านแล้วหนังสือทั้งหมดของเอริคนั้นก็อยู่บนห้องเขาที่ชั้นบน


หลังจากเปียโนถูกติดตั้งลงที่บ้านเขา มันจำเป็นที่ต้องปรับแต่งเล็กน้อย เอริคนั่งบนม้านั่งแล้ววางมือลงบนแป้นเปียโน   คนส่งของไม่ได้ซ่อนสายตาเยาะเย้ยของพวกเขา เอริคเมินพวกนั้นแล้วเริ่มเล่นเพลง Happy Birthday โชว์พวกนั้น 

หลังเล่นเขาเหลือบไปมองพวกพนักงานส่งของที่ประหลาดใจจนตัวแข็งทื่อ ในชีวิตที่แล้วของเอริคทักษะทางเปียโนของเขาก็จัดว่าดี


เพื่อเป็นการแก้แค้นสำหรับการดูถูกนี้ เอริคตัดสินใจเล่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากออกไป  คนส่งของหลายคนไม่ได้สังเกตว่ามีคนหนึ่งในพวกเขาพึมพัมอยู่ในรถว่า "อ้า! ดูมันเล่น เปียโน เปียโนนั่น! ราคาตั้ง 20,000 ดอล" เสียงของเขานั้นดูราวกับผู้หญิงที่ใจสลายเมื่อรู้ว่าคุณปู่ของเธอตายในคืนวันที่เธอแต่งงาน

ถ้าเอริครู้เขาคงต้องอับอายกับการท่าทางก่อนหน้านี้ของตัวเองมากแน่ แต่โชคดีที่เขาไม่รู้

.......

"ออดิชั้น ? ออดิชั่นอะไร ?" เอริคถามด้วยความขุ่นเคือง "เพนนี ไม่ใช่มันถูกตัดสินไปแล้วหรอ ?"


หลายวันมานี้เอริคได้ศึกษาดนตรีและฝึกบาสเก็ตบอลทุกวัน สามวันหลังจากนั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากเพนนี มาร์แซล


"แน่นอนเอริค สิ่งที่ฉันหมายถึงก็คือการออดิชั่นบทอื่นๆ เพราะคุณเป็นคนเขียนเลยอยากได้คำแนะนำจากคุณด้วย"


เอริครู้ว่าถึงแม้เพนนีจะบอกแบบนั้น แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายไม่ใช่ของเขาแต่เขาก็พร้อมที่รับข้อเสนอของเพนนี

มันเป็นวิธีที่ดีที่จะได้รับประสบการณ์


เขาขับรถมุ่งหน้าไปที่สตูดิโดของ FOX เขาเห็นเพนนีและเจม การคัดเลือกนักแสดงนั้นเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง    แน่นอนว่าผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ต้องมีส่วนร่วมด้วย และยังมีสตาฟอีกหลายคน แต่เอริคนั้นเป็นคนที่เด็กที่สุด


เป็นเวลาสิบนาทีก่อนจะเริ่มการออดิชั่น เพนนี มาร์แชลนั้นคิดจะคุยกับเอริคเกี่ยวกับบางเรื่องของ 17 Again

"ด้วยความสำเร็จของเรื่อง BIG ทาง 20th Century Fox นั้นหวังไว้สูงกับเรื่องนี้ พวกเขาได้ให้งบการถ่าย 20 ล้านดอล กับเรา  พวกเขาต้องการปล่อยมันออกไปในวันขอบคุณพระเจ้า พวกเรามีเวลาสองสัปดาห์ในการเตรียมการถ่ายทำและต้องถ่ายให้เสร็จสิ้นก่อนจะถึงวันหยุดของทางโรงเรียน"

 

เอริคขอบคุณสตาฟที่นำรายชื่อผู้เข้าร่วมการออดิชั่นมาให้พวกเขาแล้วบอกเพนนีว่า

"ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมว่าเวลาสามเดือนก็น่าจะเพียงพอ หนังเรื่องนี้แทบจะไม่มีCG เลยดังนั้นจึงไม่ต้องใช้เวลานานนัก"

เพนนี มาร์แซลพยักหน้า "แน่นอน แต่เรายังใช้เวลาสำหรับการโปรโมตหนังเรื่องนี้"

 

"เออใช่ เพนนี เกี่ยวกับการออดิชั่นวันนี้เป็นอย่างไงบ้าง ?" เอริคถาม


"เราได้เชิญแ แดน แอครอยด์และซูซาน ซาแรนดอน ให้รับบทเป็นไมค์กับสกาเร็ตวัยผู้ใหญ่ สำหรับบทบาทของเนทนั้นเจมได้ แนะนำเพื่อนของเขา สำหรับวันนี้การออดิชั่นส่วนใหญ่จะเป็นบทลูกๆของไมค์และเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆเราคิดว่าควรปล่อยให้คุณลองดู "


แม้ว่าเอริคจะรู้ว่าการตัดสินใจส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เป็นของเขา แต่เมื่อได้ยินว่านักแสดงนำส่วนใหญ่

ได้รับการตัดสินใจไปแล้วเขารู้สึกหดหู่ ยังดีที่เพนนีบอกว่าตอนคัดเลือกพวกเขาก็ได้ใช้คำแนะนำที่เอริคเขียนไปในบทช่วยตัดสินด้วย

เจมบรูคนั้นไม่สามารถล้อเล่นกลับโปรเจคที่ใช้เงินกว่า 20ล้านดอลนี่ได้ นักแสดงที่พวกเขาใช้จึงไม่ควรเป็นนักแสดงต๊อกต๋อย


เอริครู้สึกดีขึ้นหน่อยแต่ยังคงไม่เต็มใจ เขาแอบสาบานว่าในใจว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

รสชาติของความรู้สึกเวลาถูกกีดกันนั้นมันไม่ดีจริงๆ


เขาไม่มีอารมณ์จะคุยกับเพนนีอีก แต่ดูเหมือนเพนนีจะไม่ทันสังเกตเห็นความรู้สึกเศร้าหมองของเขา

เธอได้เดินไปหาเจมเพื่อหารือบางอย่างด้วยเสียงเบาๆ


การออดิชั่นได้เริ่มต้นขึ้นมีคน 7 ถึง 8 คนเดินเข้ามาในที่สุดเอริคก็ได้พบกับคนที่เขาคุ้นเคย แบรด พิตต์  เขานั้นมาออดิชั่นในบทของอเล็ก (ลูกของไมค์)


รูปลักษณ์ในต้นฉบับนั้นอเล็กนั้นเป็นคนที่ดูอ่อนแอ เอริคนึกภาพใครบางคนที่เป็นแบบนั้นเปล่งประกายออกมายากเหลือเกิน

 

เขาคิดว่าเหตุผลเดียวที่ต้นฉบับนั้นเลือกเด็กผอมและสูงมาแทนที่ผู้ชายหล่อแล้วสูงนั้น เป็นเพราะพวกเขากังวลว่า

แชค แอฟรอนนั้นจะดูปวกเปียกกว่าอเล็ก สำหรับแชค แอฟรอนนั้นมีรูปร่างสูง 175 เซน ก็ค่อนข้างเตี้ยสำหรับผู้ชายผิวขาว


แบรด พิตต์ ตอนนี้นั้นอายุ 25 ปี แต่เขาสามารถรับบทนักเรียนมัธยมได้อย่างไม่มีปัญหา แล้วเอริคก็สูงและดูแข็งแรง   เขาดูราวกับเจ้าแห่งสนามบาสเก็ตบอล มันห่างไกลจากต้นฉบับเดิม

แล้วที่สำคัญเอริคเชื่อว่าการแสดงของเขานั้นจะไม่ถูกบดบังรัศมีโดย แบรด พิตต์


แล้วหลังจากที่แบรด พิตต์กลายเป็นคนมีชื่อเสียง ก็จะมีคนพูดคุยเกี่ยวกับการที่เขาเคยรับบทเป็นลูกชายของเอริค วิลเลี่ยม

ช่างน่าสะพึงกลัวอะไรอย่างนี้ ?


ในขณะนี้มุมปากของเอริคได้ยิ้มขึ้นเมื่อมองรายชื่อที่เหลือและพยายามหารายชื่อที่คุ้นเคยในชีวิตก่อนหน้านี้


แล้วเขาก็มองไปในส่วนของนักแสดงหญิงที่มีรายชื่อเป็นโหลแล้วหยุดลงที่ชื่อนึงเขาอ้าปากกว้าง

แองเจลิน่า โจลี่ ว้าว ดูเหมือนครอบครัวจะได้พบหน้ากันวันนี้แล้วสิ !


เขาจำได้ว่าโจลี่นั้นเพิ่งจบจากโรงเรียนสอนการแสดงและเริ่มอาชีพการเดินแบบในปีหน้า

เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ในราชชื่อคนออดิชั่นเป็นแม๊กกี้ (ลูกอีกคนของไมค์พี่สาวอเล็ก)

 

ในความจำเขานั้นโจลี่นั้นเธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่ มีผิวขาวผมสียาวและมีริมฝีปากที่โดดเด่น และมีกลิ่นอายสัตว์ป่าที่ดูผยศ

เอริคช่วยไม่ได้ที่จะมองดูคนตรงหน้าอย่างจริงจังในตอนนี้เธอยังดูเด็กมาก

บางทีการที่เธอมาออดิชั่นบทนี้คนต้องขอบคุณพ่อเธอ จอน วอยต์

 

หลังจากนั้นเขาก็ยังคงค้นหาแล้วเจอชื่อหญิงสาวที่น่าสนใจมากๆ


"นี่ เพนนี " เอริคหันไปแล้วถามว่า " เกี่ยวกับ ดรูวส์ แบร์รีมอร์ ? คุณก็รู้นี่หลังจากเธอแสดงพฤติกรรมแย่ๆในช่วง 2-3ปีมานี้ ....ผมไม่คิดว่าเธอจะเหมาะสมกับหนังแนวคอมเมดี้ของเราหรอกนะ"

 

เพนนี หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ "สตีเวนเป็นคนแนะนำเธอ ผู้หญิงคนนั้นพูดขอร้องเขาหลายครั้งเขาเองก็เหนื่อยกับมันเหมือนกัน   ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจแนะนำดรูวส์ นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าไม่ต้องเห็นแก่หน้าเขานักก็ได้ แค่ให้เธออยู่ในรายชื่อแล้วออดิชั่นด้วยก็พอ"


"สตีเวน สปีลเบิร์ก ?"


เพนนีพยักหน้า "ใช่แล้ว เขาเป็นพ่อทูลหัวของดรูวส์"


เอริคถอนหายใจเมื่อเห็นเพนนีพูดด้วยท่าทีดูรังเกียจ คนที่ควรโดนควรจะเป็นแม่จอมโลภของเธอมากกว่า ในการสนธนาไม่กี่วิเกี่ยวกับดรูวส์ แบรี่มอร์ นั้นทำให้เอริคเข้าใจฮอลลีวู้ดมากขึ้นไปอีก

เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้าของเขาไม่มีอะไรยุติธรรมและโปร่งใส ในเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อของบุคคล

 

เพนนี มาร์แซลแตะไหล่เอริคแล้วกล่าวว่า"เอาหละเอริค มาเริ่มกันเถอะ"

 

เอริคหยิบรายชื่อในมือ แล้วการออดิชั่นก็เริ่มขึ้น

ในที่สุดเมื่อนักแสดงคนแรกเข้ามา โดยไม่คาดคิดเพนนีหันหน้ามาหาเขาแล้วยิ้มแล้วกล่าวว่า

"เอริค คุณลองออกไปแสดงฉากนี้ กับคุณวูล์ฟสันดู"


เอริคยักไหล่ยิ้มแล้วเดินไปข้างหน้า


.....

 

เมื่อนักแสดงคนที่ห้าออกไป เอริคก็นั่งที่แล้วบ่น"เพนนีคุณเรียกผมมาเป็นกรรมการผมไม่นึกว่าให้ผมแสดงร่วมด้วยโดยเฉพาะ  ฉากที่สนามบาส"


"ฮ่าๆมันก็เหมือนกันหละเอริค ! เอาน่าอย่าโกรธเลย มันเป็นความคิดของเจม ตอนนี้ฉันยกเลิกชั้นเรียนการแสดงของคุณ  เขาไม่ได้พูดอะไรแล้วเขาก็พูดว่า ให้ถือว่าการทำหน้าที่นี้เป็นการฝึกซ้อมการแสดงของคุณ"


เอริคแสร้งทำเป็นโกรธแล้วมองไปทางเจม บรูคแล้วพูดว่า "ทำไมคุณไม่บอกผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?"


"คุณก็รู้อยู่แล้วนี่น่า" เพนนี มาร์แซลตอบด้วยรอยยิ้ม


"....เอาเถอะ" เอริคพูดไม่ออก

 

 

รีวิวผู้อ่าน