px

เรื่อง : Iam in Hollywood
Chapter 10 – จุดเริ่ม


Chapter 10 – จุดเริ่ม

 

เจนนิเฟอร์ อนิสตันกำลังยืนรอรถเมล์อยู่ เธอนั้นไม่ได้ผิดหวังจริงๆตัวเธอเพิ่งจบมาจากโรงเรียนการแสดงเมื่อปีที่แล้วได้เล่นละครมาสองสามเรื่อง เมื่อได้ยืนเกี่ยวกับการออดิชั่นนี้โดยบังเอิญ   เธอได้ส่งใบสมัครไปโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้บทเลย


เมื่อเธอกำลังจะโบกมือเรียกรถก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง เธอหันกลับไปและเห็นชายหนุ่มที่มองเธออย่างแปลกประหลาดในระหว่างการออดิชั่น


"สวัสดี คุณเป็นใคร ?" เจนนิเฟอร์เพิ่งนึกออกว่ายังไม่รู้ชื่อของเลย


เอริคยื่นมืออกมาแล้วกล่าวว่า"สวัสดีคุณอนิสตัน ผมเอริค เอริค วิลเลี่ยม"


เจนนิเฟอร์ อนิสตันจับมืออย่างสุภาพแล้วยิ้ม "สวัสดีค่ะ คุณวิลเลี่ยม"


เอริคจ้องมองรอยยิ้มของเธออย่างเหม่อลอยและลืมที่จะปล่อยมือของเธอ


"คุณวิลเลี่ยม เอ่อ...คุณ" อนิสตันรู้สึกถึงความอบอุ่นที่กำลังห่อมือของเธออยู่

เธอตำหนิเขาด้วยสายตา

 

"อ๊ะ ขอโทษที โปรดเรียกผมว่าเอริคเถอะ คุณคิดยังไงบ้างถ้าผมจะเรียกคุณว่าแอนนี่?"

เอริคเอามือเกาหลังหัวแล้วตำหนิตัวเองในใจ ในชีวิตที่แล้วของเขานั้นไม่ได้เป็นเพลย์บอย แต่ก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ที่แสดงอาการเมื่อครู่ออกมาต้องเป็นเพราะฮอร์โมนหนุ่มของร่างใหม่แน่ๆ!

อนิสตันมองเขาด้วยความสงสัย "เอริคดูเหมือนพวกเราจะไม่รู้จักกันมาก่อนนะ ?"


เอริคจัดท่าทางตัวเองเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้จักกันก็จริง แต่เพื่อนๆทุกคน ก็เริ่มจากการเป็นคนแปลกหน้ากันมาก่อนไม่ใช่หรอ ? นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วแอนนี้เราไปทานมื้อเที่ยงกันไหม ?"


"มันกระทันหันเกินไปเอริค เราแทบจะไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยนะ" อนิสตันตอบปฎิเสธ

"งั้นโปรดให้ผมไปส่งคุณกลับบ้านนะ" เอริคพูดต่ออย่างราบรื่น


"เอ่ออ....เอาแบบนั้นก็ได้" เธอมักปฎิเสธผู้คนเก่ง แต่เธอก็ยังตอบตกลงคำขอของเขาโดยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  จริงๆแล้วทำหมดเป็นแผนของเอริค เขาจะถามในสิ่งที่เธอน่าจะตอบปฎิเสธไปก่อน จากนั้นก็ชวนเธอกลับบ้าน


หลังจากขึ้นไปบนรถเอริคก็ถามที่อยู่เธอแล้วขับรถมุ่งหน้าไป

แอนนิสตันไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นได้เลยถามขึ้นว่า

"เอริค คุณเป็นสตาฟของ 17 Again งั้นหรอ ?"

 

"ใช่ผมเป็นนักเขียนบท แล้วตอนนี้ผมก็เป็นนักแสดงด้วย" เอริคพูดขณะหมุนพวงมาลัย

"โอ้ว มันน่าอัศจรรย์มาก คุณคงจะแก่กว่าฉัน ตอนนี้ ฉันมีเพียงบทบาทเล็กๆในละครเวทีเท่านั้น"

เอริคยิ้ม"ผมก็แค่โชคดีมาก เออใช่คุณเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับละครเวทีที่คุณแสดงได้ไหม ?"

"ได้แน่นอน" อนิสตันเริ่มพูดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในขณะพวกเขาคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เธอชอบ เธอมักจะหัวเราะคิกคักเมื่อเขาแสดงความคิดเห็นออกมา

เด็กผู้หญิงวัย 19 ปีเจอกับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเอริคผู้มีวิญญาณเป็นชายวัยกลางคน อนิสตัน ค่อยๆเปิดใจของเธอมากขึ้นแล้วเริ่มเล่าเกี่ยวกับชีวิตของเธอในลอสแองเจลิส


"ฉันต้องเหนื่อยจากการทำงานร้านสะดวกซื้อกว่า 8 ชั่วโมงทุกวัน นอกจากแสดงละครเวทีก็มีแค่ไปออดิชั่นเป็นครั้งคราว ฉันเชื่อว่าไม่จำต้องพึงพ่อที่ขาดความรับผิดชอบเพื่อที่จะประสบความสำเร็จได้"

เอริค รู้ว่าในชีวิตที่แล้วของเขา พ่อของอนิสตันได้เริ่มแนะนำเธอเข้าสู่วงการภาพยนต์ในปี 1990 ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งควรจะเป็นในอีก2ปีถัดไปจากตอนนี้ถ้าประวัติศาสตร์ไม่ได้เปลี่ยนแแปลง

 

ในขณะเดียวกันเขาก็จำได้ว่าเจนนิเฟอร์ อนิสตันนั้นไม่พอใจที่พ่อทิ้งเธอกับแม่ไป แต่ในท้ายที่สุด จอร์น อนิสตันก็เป็นคนที่ทำลายกำแพงระหว่างพวกเขาได้ เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ ระหว่างตัวเขากับลูกสาว เขายืนกรานว่าจะช่วยเด็กผู้หญิงหัวแข็งคนนี้อย่างถึงที่สุดจนเธอได้รับบทบาท

ในซีรี่ย์เรื่อง Friends ตอนนั้นอนิสตันอายุใกล้จะ25ปีแล้ว ในฮอลลีวู้ดเป็นที่รู้กันดีว่าหากอายุ30แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จคุณก็หมดหวังได้แล้ว อนิสตันนั้นโชคดีมาก


เอริคพยายามทำตัวให้ดูดีแล้วพูดว่า "การออดิชั่นของคุณทำได้ดีแล้ว แค่เพียงผู้หญิงที่ออดิชั่นก่อนหน้าคุณ เธอทำได้ดีมากจริงๆเท่านั้น"


เมื่อพูดถึงเรื่องการออดิชั่น อนิสตันก็เงียบไปหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถามอย่างนุ่มนวลว่า

"เอริคบทของแม็กกี้มันได้ถูกตัดสินก่อนที่จะถึงตาฉันเข้าออดิชั่นแล้วใช่ไหม ?"

"ผมต้องบอกเลยนะว่าแอนนี่คุณเดาเก่งๆจริง"

"มันก็แค่ทุกคนดูฟุ้งซ่านคุณก็ด้วยทั้งหมดดูเหมือนจะทำให้มันจบๆไป"

เอริคพูดขึ้นว่า "ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดรูวส์ แบร์รีมอร์ น่าจะได้รับบทแม็กกี้"

 

"ดรูวส์ แบร์รีมอร์ สาวน้อยน่ารักจากเรื่อง E.T ? เธอน่าจะอายุแค่ 13ปีนี่ แม็กกี้เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังจะเรียนจบไม่ใช่หรอ ?"


เอริคถามด้วยความแปลกใจ "แอนนี่คุณไม่ได้เห็นดรูวส์ในห้องพักหรอ?ถึงจะอายุแค่13ปี แต่เธอก็ดูโตมากเลย"


อนิสตันยิ้มอย่างขมขื่น"เอ่อ เพื่อให้มาได้ในวันนี้ฉันเลยเปลี่ยนกะกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ฉันทำงานจนถึงช่วงสายวันนี้เลยหละดังนั้นก็เลยมาสาย"

"ผมเข้าใจล่ะ ผมมีอะไรจะบอกคุณ แต่ผมไม่ทราบว่าจะเริ่มพูดยังไงดี...."

อนิสตันมองเขาอย่างแปลกใจ "มันคืออะไรหรอ?"

"หลังจากที่คุณออกไป...คนอื่นๆเขาสังเกตเห็นว่า ผมชอบคุณมาก"

ริมฝีปากอนิสตันโค้งเป็นรอยยิ้มเธอพูดว่า" แล้ว....ไงต่อหละ?"

 

"เจมที่เป็นโปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้เขาบอกว่า โลกนี้มันกว้างใหญ่และถ้าคุณพลาดโอกาสจากผู้หญิงคนหนึ่งบางทีคุณอาจจะไม่ได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง  ดังนั้น เขาก็เลยสนับสนุนให้ผมไล่ตามคุณไปเขายังบอกอีกว่าเขาจะให้บทเล็กๆน้อยๆกับคุณ เพื่อให้สามารถติดต่อกันได้อีก"

 

เอริดคิดอย่างเงียบๆในใจว่า ขอโทษที่ขายคุณนะพี่ชายเจม เพื่อคว้าหัวใจหญิงสาวให้ได้มันไม่ใช่ง่าย

"อ้ะ.นั่นมันก็....ฉะ..ฉัน-" อนิสตันได้รับคำสารภาพอย่างกะทันหันจากเอริคเธอรู้สึกหวานเล็กน้อยในใจ

 

เมื่อเห็นความตื่นตะหนกของเธอเอริครีบพูดเพิ่มว่า "นี่คุณไม่ต้องรู้สึกลำบากใจแอนนี่ เราเป็นเพื่อนกันเพื่อนต้องช่วยเพื่อนมันเป็นเรื่องปกติ บทเล็กๆที่ผมพูดถึงคือบทหนึ่งในเพื่อนสนิทของแม็กกี้ที่มีฉากออกเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น ถ้าคุณยอมรับมันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เมื่อคุณไปออดิชั่นที่อื่น เพราะผมเชื่อมั่นว่า

ผลงานของผมจะทำได้ดีในบ็อกซ์ออฟฟิศ"


"ขอบคุณจริงๆเอริค ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี"

 

พวกเขาขับรถต่อไปอีกประมาณสิบนาที อนิสตันชี้ไปที่สี่แยกแล้วพูดว่า "เอริคจอดรถตรงนั้น"

 

รถหยุดลงตรงซอยแคบๆทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ ที่จริงอนิสตันยังไม่อยากออกไปตอนนี้และเอริคก็ไม่โง่พอที่จะปล่อยเธอหลุดมือไป พวกเขานั่งเงียบๆบรรยากาศนั้นดูครุมเครือ

ในที่สุดหลังจากรวบรวมความกล้าอนิสตันก็พูดว่า "เอริคไปทานมื้อเที่ยงกัน ฉันจะขอเลี้ยงอาหารคุณนะมีร้านอาหารเล็กๆใกล้ๆนี้ฉันมักจะไปกินที่นั้นบ่อยๆ"


เอริคถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตอบว่า"ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผมจะจ่ายเงินเองไปกันเถอะ"

.......

ในท้ายที่สุดอนิสตันยอมรับบทบาทนี้และในระหว่างการเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำ

ทั้งสองคนได้คุยโทรศัพท์กันทุกวัน เธอบอกเขาเกี่ยวกับคนที่ถูกจับได้ว่าขโมยของ

ในร้านสะดวกซื้อที่เธอทำงานอยู่และบอกเขาว่าวันนั้นเธอจามทั้งวันเลย


เอริคไม่ได้พูดถึงปัญหาชีวิตของตัวเองและพูดปลอบโยนเธอ เด็กสาวนั้นออกจากบ้าน

มาอยู่ตัวคนเดียวแม้จะติดต่อกับคนมากมายแต่เธอก็ไม่มีใครไว้วางใจได้อย่างเอริค

เขากลายเป็นที่พึ่งทางใจให้เธอ เอริครู้ว่าถ้าเขาชวนเธอมาอยู่ด้วยเธอจะมาอย่างแน่นอน

 

แต่เขาไม่ต้องการเร่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอนิสตัน มันอาจสร้างความอึดอัดได้

ในช่วงเวลานี้อีกโครงการหนึ่งก็ได้เสร็จสิ้น: นวนิยายจูราสสิก พาร์ค ครึ่งเดือนให้หลังจากที่เขากับไมเคิลเซ็นสัญญากัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้พิมพ์หน้าปก เป็นรูปทีเร็กขนาดใหญ่เขาได้ดูรูปภาพนี้จากฉบับภาพยนต์และไมเคิล ไครชเองก็ชอบ

ในนั้นเป็นภาพนั้นดูเหมือนเป็นการปะทะกันของยุคดึกดำบรรพ์และยุคสมัยใหม่

เอริคขอสำเนาเล่มหนึ่งและได้มอบให้กับอนิสตัน การกระทำที่สุภาพและดูเอาใจใส่ของเขาทำให้หญิงสาวที่ขาดพ่อตอนเด็กนั้นรู้สึกเติมเต็ม


หลังจากได้รับหนังสือเรื่องจูราสสิก พาร์ค อนิสตันรู้สึกตกตะลึงกับพรสวรรค์ของเอริค  เขาทั้งสามารถเขียนและแสดงได้ ในหัวใจของเธอเอริคถูกติดป้ายว่าเป็นอัจฉริยะ เมื่อเธอมองมาที่เขามันดูมีความเคารพบูชาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

.........


ขณะที่ 17 Again กำลังเตรียมการถ่ายทำ เอริคได้ช่วยคัดเลือกนักแสดง

บทบาทลูกชายของไมค์นั้นตกไปอยู่ที่ แบรด พิตต์ ในที่สุดพวกเขาไม่ได้เลือก เบรค ควินน์

 

ตั้งแต่ที่เขาได้พบกันอนิสตันเอริคไม่เคยคิดจะปล่อยให้เบรด พิตต์ได้แต่งงานกับเธอ

เช่นเดียวกับในชีวิตที่แล้วของเขา


เอริคคิดว่าถ้าได้เป็นผู้กำกับเขาก็จะไม่ให้เขาได้แสดงร่วมกับแองเจลิน่า โจลี่ด้วย


16 สิงหาคม 1988 หลังการเกิดใหม่ของเอริค การถ่ายทำภาพยนต์เรื่องแรกในชีวิตของเขาได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

Chapter 11 BURNT

 

Cut ! เอาหล่ะเอริคคุณพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับฉากต่อไปได้" เพนนี มาร์แชล

โบกมือของเธอ ในตอนนี้เหล่าทีมงานกำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง

 

ฉากที่กำลังจะถึงคือไมค์สวมชุดสูทตัวใหญ่ที่กำลังเปียกโชกเดินไปรอบโรงเรียน

เพื่อค้นหาภารโรงลึกลับมันเป็นช่วงบ่ายของวันแรกในการถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้ พวกเขายกกองถ่ายไปที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเบเวอร์ลีฮิลส์ เมื่อทางโรงเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของภาพยนต์ พวกเขาก็พร้อมจะให้ถ่ายสถานที่ฟรีโดยมีขอแลกเปลี่ยนว่าชื่อโรงเรียนในภาพยนต์นั้นต้องถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของพวกเขา

 

นี่เป็นผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายโดยทางทีมงานก็ได้ประหยัดงบประมาณและทาง

โรงเรียนก็ได้รับการประชาสัมพันธ์ที่ดี ทีมงานคุยกันไม่นานก็เห็นด้วยอย่างรวดเร็ว


พวกเขาถ่ายฉากทั่วไปง่ายๆหลายฉากในตอนเช้า พวกเขาตัดสินใจถ่ายฉากของไมค์

ที่กำลังมองหาภารโรงในตอนบ่าย

"เอริค คุณแต่งตัวตอนนี้มันดูแย่มากๆ คุณดูยังกับลูกโป่งสกปรกในสลัมเลย"

ดรูวส์ แบร์รี่มอร์หัวเราะเยาะเอริคขณะเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้

 

(TL: เพื่อคนไม่เคยดูหนัง ฉากนี้เป็นฉากที่ตัวเอกที่เพิ่งตกน้ำแล้วจากเป็นเด็กหนุ่ม ทำให้หลวมและก็เปียก

ซึ่งสูทนั้นตัวใหญ่กว่าร่างหนุ่มแล้วก็เปียกน้ำทำให้สกปรก ดรูวส์เลยเปรี่ยบแบบนั้น)

 

เอริคไม่สนใจเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงสิบสามปีเขาตอบอย่างไม่แยแสว่า

"เฮ้ แม็กกี้เธอไม่ควรพูดกับพ่อของเธอแบบนี้นะ"

 

ดรูวส์เยาะเย้ย "เจ้าเวอร์จิ้นวัยสิบแปด นายใช้เวลานานไปนะ"

(TL:ไม่เก็ตคำด่านี้อ่ะโทษทีครับ)

 

อนิสตันที่ถือผ้าเช็ดตัวให้เอริคอยู่ในตอนนี้ ได้ยินดรูวส์เยาะเย้ยคนรักของตัวเอง

เธอก็โต้แย่งขึ้นมาในทันที "เขาก็ยังดีกว่าใครบางคนเป็นร้อยเท่า"

 

ดรูวส์มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของอนิตตัน เธอเผยรอยยิ่มเยาะเย้ยเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเอง

และจงใจทำท่าทางโชว์หุ่นและเอวอันบอบบางของเธอ

 

เอริคมองไปที่การเคลื่อนตัวนั้น

 

ร่างอวบๆของอนิสตันนั้นเป็นจุดอ่อนของเธอ จุดเดือดของเธอปะทุขึ้นเล่นมาล้อเลียนหุ่นเธอต่อหน้า

ผู้ชายที่เธอชอบแบบนี้ อนิสตันเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง เธอโยนผ้าขนหนูและประจัญหน้ากับดรูวส์

ไม่ใข่แค่ผู้หญิงที่มีรอยยิ้มหวานมีเสน่ห์และดูบริสุทธิ์ แอนนี่ยังเป็นผู้หญิงที่ทำงานตัวคนเดียว

ในลอสแองเจลิส ทำไมคนอย่างเธอจะไม่รู้การป้องกันตัว ?

 

เมื่อฉากสงคราวกำลังจะเกิดขึ้น เอริคได้มารีบหยุดยั้งอนิสตัน เขากุมมือและเอามืออีกข้างวางไว้ที่บ่าเธอ

อย่างนุ่มนวลและกระซิบอะไรบางอย่าง อนิสตันรู้สึกได้ถึงลมหายใจจองเอริคที่ต้นคอ เธอหัวเราะคิกคัก

แล้วเอากำปั้นเธอกระแทกไหล่เขาออก "เอริคคุณแย่มาก พูดแบบนั้นได้ยังไง"

 

ดรูวส์โน้มหูของเธอแต่ไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เอริคพูด เธอย่นจมูกของเธอแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจ



 

"เอริค เตรียมพร้อมถึงฉากของคุณแล้ว"

 

"โอเค เพนนี" เอริคลูบมือน้อยๆของแอนนี่แล้วลุกขึ้นเดินไปเข้าฉาก

 

ส่วนเหตุผลที่ดรูวส์แหย่เอริคตั้งแต่เช้านั้น มันจากที่เอริคและแอนนี่ทุกคนไม่รู้เกี่ยวกับ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใกล้ชิดกันมาก บางคนอาจรู้สึกสนุก

บางคนอาจจะอิจฉา ส่วนดรูวส์นั้นรู้สึกรำคาญ

 

เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เมื่อเธอเห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม

มันทำให้ดรูวส์รู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่เห็นอนิสตันเผยรอยยิ้ม

อย่างมีความสุขในฐานะผู้หญิง ดังนั้นเธอจึงแหย่เอริคทุกครั้งที่เจอ ยกเว้นตอนที่เข้าฉากด้วยกัน

 

ทีมงานทุกคนรู้ว่าเอริคกับดรูวส์เป็นเหมือนน้ำกับไฟเมื่อเผชิญหน้ากัน แต่เมื่อเข้าฉากแสดงด้วยกัน

ทั้งคู่มีความเป็นมืออาชีพพวกเขาแทบจะไม่เคยแสดงผิดพลาดเลย เพราะถ้าหากท่าทางของดรูวส์

ไม่ส่งผลกระทบต่อการถ่ายทำเพนนีกับเอริคก็ไม่ได้สนใจอะไร

 

ทั้งๆที่เมื่อครึ่งเดือนก่อนธอยังดูเป็นผู้ใหญ่อยู่แท้ๆแต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเด็ก

 

"เฮ้ ยัยสาวไซต์ยักษ์ ผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเธอ ?" ดรูวส์ไม่สามารถแสร้งไม่สนใจได้อีก

เธอถามออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

 

"เธอรู้ไหม เธอดูน่าสงสารมากๆ" หลังจากเอริคออกไป อนิสตันก็สงบใจลง แต่คำพูดของเธอ

รุนแรงขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่เขาไม่อยู่

 

"น่าสงสาร ? ฉันเนี่ยนะ ?" ดรูวส์มองไปที่อนิสตันด้วยสายตาเบิกกว้าง

 

"ฮ่าฮ่า" ตางที่น่ารักของอนิสตันขยับเมื่อเธอหัวเราะ

 

"ห้ะ เรื่องตลกน่า! ฉันเป็นนักแสดงนำของหนังเรื่องนี้ในขณะที่เธอเป็นแค่ตัวประกกอบ ที่โผล่มา

หน้าจอไม่กี่นาที เธอประสาทรึเปล่าที่พูดแบบนั้นออกมา"

 

อนิสตันกล้าววาส"แล้วไงหละถึงเธอจะเป็นนักแสดงนำแต่ก็เป็นได้แค่กระเป๋าสตางค์ของแม้ บทฉัน

อาจจะเล็ก แต่อย่างน้อยฉันก็มีอิสระ แล้วฉันยังมีแฟนที่มีพรสวรรค์และอ่อนโยนเป็นคนเขียนบทหนัง

ทั้งที่เพิ่งอายุ 18 เท่านั้น และเป็นนักแสดง อ่อแล้วนิยายเล่มใหม่ของเขาก็ได้วางขายแล้วด้วย

แล้วเธอหละ ? พ่อของเธอทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนและในสายตาแม่ก็เป็นแค่ครื่องมือในการหาเงิน

เธอไม่สามารถรับความจริงได้ก็เริ่มดื่มเหล้าและเสพยาเพื่อหนีความเป็นจริง ฉันเห็นเอริคไม่ค่อย

แยแสเธอ พอเห็นฉันกับเขาก็เลยทำให้เธออิจฉาสินะ เด็กผู้หญิงที่เจ็บปวดและไร้อิสระ สาวน้อยผู้น่าสงสาร "

 

ตู้มมม -

 

ราวกับมีระเบิดขึ้นในหัวใจเธอ ดรูวส์รู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางฤดูอันหนาวเหน็บ

 

แม้ว่าเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ในความจริงเธอก็ยังเป็นแค่เด็กอายุ13ปีเท่านั้น เด็กหญิงวัยนี้

นั้นส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและคาดหวังในความรักครั้งแรกของพวกเขา

ถ้อยคำของอนิสตันได้ฉีกแผลในใจที่ดรูวส์พยายามจะปิดมันเอาไว้

 

เมื่อเห็นดรูวส์เงียบ อนิสตันก็แสดงรอยยิ้มพอใจ ถ้าหากเอริคอยู่ที่นี่แน่นอนว่าเขาต้องทำ

ทุกอย่างเพื่อไม่ให้เธอพูดคำพูดโหดร้ายออกมาอย่างแน่นอน

 

หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำ เอริคก็เดินเข้ามาบริเวณที่พักและรู้สึกประหลาดใจที่เห็นดรว์นั่ง

ขดตัวกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องแล้วเอาหัวเล็กๆซุกไปยังแขนของเธอด้วยความอยากรู้เขาถามว่า

 

"แอนนี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณสองคนเงียบกันจัง"

 

อนิสตันตอบอย่างภูมิใจ"ฉันชนะเธอได้ด้วยคำพูด เธอถึงกับพูดไม่ออกไม่สามารถโต้แย่งได้"

 

"โห น่าทึ่งแฮะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับปากของดรูวส์ เอาหละถึงฉากของเธอแล้วนะ

รีบไปกันเลยเพื่อให้ผู้กำกับประทับใจ"

 

"ฉันจะไป"

 

เมื่อเห็นฉากทั้งสองคนเดินกันอย่างใกล้ชิดออกไปจนลับสายตา พายุในใจก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะผ่านไป

หรือว่าที่จริงแล้ว......

 

ในการถ่ายทำฉากต่อไปดรูวส์ก็หยุดยั่วยุเอริค และเงียบผิดปกติ เอริคและอนิสตันกำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายทำ

เลยไม่ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมผิดปกติของเธอ

 

"เยี่ยม ทำได้ดีมากทุกคน!" ในช่วงท้ายของกำหนดเวลาถ่ายทำ ฉากสุดท้ายของวันได้เสร็จสิ้นลงไป

 

เพนนี มาร์แชลถือปากกาในมือเธอพูดกับเอริคว่า "ตอนแรกเราวางแผนจะถ่ายให้เสร็จสมบูรณ์ภายในสิบวัน

แต่ตัดสินจากที่ดูวันนี้ ดูเหมือนจะใช้เวลาแค่สัปดาห์เดียวก็น่าจะทัน ฉันรู้ตั้งแต่ได้เห็นการออดิชั่นของคุณ

แต่ว่าฉันต้องบอกเลยนะเอริค ผลงานการแสดงของคุณมันยอดเยี่ยมจริงๆทั้งที่ไม่มีประสบการณ์คุณทำได้ยังไง?"

 

เอริคหัวเราะ "จริงๆแล้วเพนนี ผมโกหก ผมเคยเล่นภาพยนต์หลายเรื่องในชีวิตที่แล้วของผม แล้วดูเหมือนผมยัง

คงเก็บรักษาประสบการณ์นั้นไว้อยู่"

 

"ชีวิตที่แล้ว ? อ่อ คุณกำลังพูดถึงทฤษฎีการกลับชาติมาเกิดของพุทธศาสนาสินะ " แพนนี มาร์แขล นั้นคิดว่า

ความจริงที่เอริคพูดนั้นเป็นเพียงเล่นมุขตลก "ดูเหมือนแฟนตัวน้อยของคุณกำลังรออยู่ แล้วพรุ่งนี้อย่ามาสายหล่ะ"

 

"เจอกันพรุ่งนี้เพนนี"

 

"เจอกันพรุ่งนี้"

 

เอริคสตาร์ทรถและออกไปพร้อมกับอนิสตัน

 

ไม่มีใครสังเกตถึงร่างอันโดดเดี่ยวของดรูวส์ แบร์รี่มอร์ ที่ยืนในมุมจอดรถแล้วมองรถที่ออกไปด้วยความไม่พอใจ

แล้วพึมพัมว่า "รอดูเถอะ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ยัยสารเลวน้อย เราจะได้เห็นดีกัน ฉันจะทำให้เธอเสียใจกับสิ่งที่เธอพูดวันนี้"

 

 

Ch.12 - CH 12 YOURE SO SHAMELESS

 

CH 12 YOURE SO SHAMELESS

 

"เอริค...คุณคิดว่าฉันควรลดน้ำหนักไหม?" อนิสตันที่นั่งอยู่บนเบาะรถด้านข้างถามขึ้น ในขณะ

แสร้งมองไปที่หน้าต่างดูรถผ่านไปมา

 

เอริคยกริมฝีบากขึ้นรวบรวมความคิดแล้วพูดขึ้นว่า "แอนนี่ ในสายตาของผมไม่ว่าคุณจะดูเป็นยังไง

คุณก็ดูสวยที่สุดสำหรับผมเสมอ แต่อันที่จริงผมคิดว่าหากคุณต้องการจะอยู่ในฮอลลีวู้ดจริงๆ

คุณควรจะลดน้ำหนักลงให้เหลือซักประมาณ 100 ปอนด์ (45 กก.) ก็คงดี"

 

"ฮึ! คนหยาบคาย ในที่สุดคุณก็พูดมันออกมา! คุณคิดว่าฉันอ้วน!" อนิสตันกรีดร้อง

 

เอริคไม่รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือแย่กันแน่

 

"ผมขอโทษ ให้ผมเลี้ยงอาหารอิตาเลี่ยนคุณเป็นการขอโทษนะ ?"

 

อนิสตันลังเลก่อนจะกระซิบว่า "หรือเราอาจจะไปที่พักของฉันกันมีอาหารบางอย่างที่อยากให้คุณลองชิม"

 

เอริคดอบอย่างตรงไปตรงมา" ให้ผมได้รับเกียรติเถอะ"

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่เขามาที่พักของอนิสตัน ห้องของเธอทาสีเป็นโทนอบอุ่นและตกแต่งด้วย

ตุ๊กตาสัตว์ขนฟู อากาศในห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิง

 

เอริคต้องการจะช่วยทำอาหารแต่อนิสตันโยนเขาออกจากห้องครัวดังนั้นเขาเลยนั่งรออยู่ใน

ห้องนั่งเล่นและอ่านนิตยสารแฟชั่นที่วางไว้รอ

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมาอนิสตันก็วางอาหารลงบนโต๊ะเธอตบมืออย่างภูมิใจแล้วกล้าวว่า"เป็นไงบ้าง?"

 

เอริคสูดดมกลิ้นและสรรเสริญ "มันมีกลิ่นที่ดี ผมอดใจรอที่จะกินมันไม่ได้เลย"

 

"ขอบคุณ เอริค"

 

พวกเขานั่งลงอย่างเป็นกันเองและเพลิดเพลินไปกับอาหาร เอริคต้องยอมรับเลยว่าฝีมือของแอนนี่

นั้นอร่อยมาก หลังจากทานอาหารเสร็จอนิสตันก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า "เออใช่เอริค ตอนที่ฉันเดินลงไป

ซื้อเครื่องปรุงก่อนหน้านี้ ฉันเห็นบางอย่างเกี่ยวกับคูณ ไม่เป็นไรนะที่ฉันจะแสดงให้คุณดู"

 

อนิสตันหยิบเอาหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าและกางไว้บนโต๊ะด้านหน้าเขา

 

เอริคมองไปที่เธออย่างสงสัย อนิสตันเริ่มอ่านข้อความในหนังสือพิมพ์อย่างภาคภูมิใจ

" 'เอริค วิลเลี่ยม' อัจริยะผู้ได้สร้างสรรค์ผลงาน 'จูราสสิก พาร์ค' อันเต็มไปด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

อันยอดเยี่ยมที่สามารถนำไปสู่การฟื้นคืนชีพไดโนเสาร์ ทฤษฎีดังกล่าวถูกทดสอบโดย ดร.แฮมมอนด์

ผู้เปลี่ยนเกาะนูบลาร์ ให้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติอันเต็มไปด้วยไดโนเสาร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างไรก็ตาม

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทฤษฎีความโกลาหลของมัลคอมจะนำไปสู่... "

 

อนิสตันอ่านถึงตรงนี้ก็ข้ามไปอ่านช่วงท้ายของการรีวิวหนังสือ

 

"ที่น่าแปลกใจก็คือนักเขียนนวนิยายเล่มนี้ เอริค วิลเลี่ยมนั้นเป็นเพียงเด็กอายุสิบแปดปีเท่านั้น

และตามแหล่งข่าวของเราเด็กอัจฉริยะคนนี้มีชีวิตค่อนข้างลำบาก...."

 

เอริคทำหน้าตาหน้าเกลียด แน่นอนว่าเขารู้สิ่งที่เขียนถัดไปในนั้นมันถูกเขียนมาเพื่อดึงดูดความสนใจ

ของผู้อ่านให้รู้สึกเห็นใจ โดยเน้นที่อดีตอันเศร้าหมอง เขาเข้ามาใกล้แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ออกจากมือแอนนี่

"แอนนี่ พอแล้วคุณไม่จำเป็นต้องอ่านต่อ"

 

อนิสตันไม่พอใจแล้วพยายามจะคว้าหนังสือพิมพ์กลับมา "เอามาให้ฉันดูสิ! พวกเขาพูดในสิ่งที่ดี

พวกเขากำลังสรรเสริญคุณนะ ! อ่ะ มีอะไรผิดปกติรึเปล่าทำไมคุณทำท่าทางแปลกๆแบบนั้นล่ะ ?"

 

"เกี่ยวกับเรื่องนั้น" เอริคขยำหนังสือพิมพ์แล้วโยนมันลงถังขยะจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะกินจ้าวแล้วพูดว่า

"ถ้าคุณอยากรู้เนื้อหาในนั้น ผมสามารถบอกคุณได้"

 

"อ้ะ!" ปากขอบอนิสตันเปิดขึ้นเล็กน้อยเธอเหลือบมองไปที่ถังขยะ "ฉันอุตส่าอยากให้คุณเห็นมัน

คนน่าเกลียด ! ทำไมคุณไม่ให้ฉันอ่านต่อหละ"

 

"ผมรู้เนื้อหาที่อยู่ในนั้นเพราะผมเป็นคนที่เขียนมันเองไงล่ะ"

 

อนิสตันตกใจ "อะไรนะ!"

 

เอริคค่อนข้างรู้สึกมีความผิดเขาพูดว่า "มันเป็นเพียงแค่บางสิ่งที่ทางสำนักพิมพ์ทำเพื่อเสริมยอดขายหนังสือ

พวกเขามักจะจ้างคนมาเขียนรีวิวในหนังสือพิมพ์ ผมไปพบไมเคิลเมื่อไม่กี่วันก่อนและเขาบอกว่าไม่มีใคร

เข้าใจหนังสือเล่มนี้ได้ดีกว่าผม ดังนั้นเขาก็เลยให้ผมเขียนบทวิจารณ์สองสามฉบับและที่คุณอ่านก็เป็นหนึ่งในนั้น"

 

"โหเฮะ"

 

เอริคยักไหล่แล้วพูดอย่างทะเล้นว่า

" เอาจริงๆนะ นี่ไม่ใข่เรื่องผิดปกติอะไรการโฆษณาชวนเชื่อพวกนี้มันเป็นแค่เรื่องธรรมดา"

 

"เอริค..."

 

"หืม?"

 

"....คุณไร้ยางอายมาก" หลังจากพูด อนิสตันไม่สามารถทนต่อไปได้เธอทิ้งและหัวเหราะจนน้ำตาไหล

 

การกระทำที่ไร้ยางอายของเอริคได้แสดงออกมาอีกครั้ง เมื่อแอนนี่ไปส่งเขาหน้าห้องหลังจากกินอาหาร

เสร็จแล้ว แต่เขายืนกรานว่าอยากจะอยู่ต่อและรบเร้าเธอ ในที่สุดเธอก็จูบลงบนริมฝีปากเขาอย่างอายๆ

ก่อนจะรีบปิดประตูห้องเธออย่างรวดเร็ว

 

สามวันต่อมาอนิสตันได้ถ่ายทำฉากในโรงเรียนหมดแล้ว ฉากที่เหลือเธอต้องรอก่อน

ดังนั้นเธอเลยกลับไปทีงานที่ร้านสะดวกซื้อชั่วคราว

 

เอริคพบว่าแอนนี่ดูซีดเขียวกว่าแต่ก่อน เมื่อถามเรื่องนี้ดูเธอก็บอกเขาว่าเธอเริ่มอดอาหารลดน้ำหนัก

เขาแนะนำให้เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะอาจทำให้ร่างกายเธอได้รับอันตราย แต่ดูเหมือนไร้ประโชน์



 

ในกองถ่ายวันนี้นั้น ดรูวส์ดูเหมือนเสือที่กำลังออกล่าเหยื่อนั่นทำให้เอริคแอบตัวสั่น

เมื่อตอนที่อนิสตันอยู่ ดรูวส์มักจะเดินมาใกล้ๆแล้วเยาะเย้ยเกี่ยวกับการแสดงของเขา เอริคทำเพียงยิ้ม

แล้วปล่อยให้มันผ่านไป แม้กระทั่งในตอนที่เธอด่าเขา เขาก็ยังคงไม่ได้ใส่ใจ

 

แต่เมื่อเห็นเธอในตอนนี้เขาสงสัยจริงๆ ว่าโลกนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นสิ่งใดทำให้เทพธิดาแห่งภัยพิบัตินี้เศร้ากัน

 

วันถัดไปอนิสตันได้ออกจากกองถ่ายไปแล้ว

 

"เอริคต้องการน้ำบ้างไหม ? ฉันให้ขวดนี้คุณ" ในช่วงพักดรูวส์ยิ้มหวานถามเขา

 

เอริคปฎิเสธเป็นนัยๆ"ไม่เป็นไร ขอบคุณดรูวส์ ตอนนี้ผมไม่ได้หิวน้ำ"

 

ดรู์ยืนกรานแล้วส่งขวดน้ำสองขวดที่เธอถือในมือมาให้เอริคขวดหนึ่ง "รับมันไป"

 

เอริคตอบรับอย่างข่วยไม่ได้ แต่ในไม่ช้าร่างกายของเขาก็แข็งทื่อเมื่อดรูวส์คว้าเก้าอี้มานั่งข้างๆ

แล้วเอนตัวมาพิงบนร่างเขา

 

"นี่..ดรูวส์ เธอกำลังทำอะไร ฉันมีแฟนอยู่แล้วเธอก็รู้" คำพูดเหล่านี้มันเป็นเพียงข้อแก้ตัว

ความจริงก็คือเอริคไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องกับดรูวส์และขีวิตแสนวุ่นวานของเธอ

 

"ฉันชอบคุณ" ดรูวส์ไม่ได้เปลี่ยนท่าทางเธอพูดมันออกมาห้วนๆ

 

พรูดด-

 

เอริคพ่นน้ำออกมา เหลือเกินจริงๆยัยเด็กคนนี้

 

"แต่ว่าผม...." คำสารภาพนี้มาจากสาวสวยคนหนึ่ง คงจะโกหกหากเขาบอกว่าเขา

ไม่ต้องการจะลุกออกไป ในตอนนี้เขาอับจนคำพูด

(TL: ไม่ใช่สาวสวย แต่มันมาจากเด็กอายุ 13 ต่างหาก ไอ้เจ้าโลลิค่อน!)

 

ตั้งแต่ที่ดรูวส์มีเป้าหมายขัดเจน เธอวางแผนไว้อย่างดี ในตอนนี้อนิสตันไม่อยู่

แล้วก็ไม่มีมาทางนี้สักคน

 

เธอเอียงลงไปขณะถูหน้าอกเล็กๆของเธอขึ้นลงบนแขนเอริคเบาๆแล้วกล่าวอย่างนิ่มนวล

"เอริค...ให้ฉันเป็นแฟนคุณได้ไหม? ความจริงฉันเคยมีแฟนมาก่อนแต่เขาเป็นคนที่สุดจะทนจริงๆ"

 

"ดรูวส์อย่าทำแบบนี้" เอริคเริ่มเหงื่อตกแล้วพยายามจะหาคำพูด จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพนนี มาร์แซล

ร้องตระโกนเรียกเขาว่า "เฮ้ พวกเธอสองคนหยุดทำตัวขี้เกียจ แล้วเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปได้!"

 

เอริครีบหนีออกจากแขนดรว์แล้วเดินไปเข้าฉาก

 

ดูแผ่นหลังเขาหายไป ใบหน้าของดรูวส์เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "อนิสตัน รอก่อนเถอะ ฉันอยากจะให้

เธอเห็นจริงๆ เมื่อฉันได้สื่งที่มีค่าที่สุดของเธอมาแล้ว ฉันสงสัยจริงๆ ใครกันแน่ที่เป็นคนน่าสงสาร"

 

Ch.13 - CH 13 MEETING A GOBLIN

 

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาการถ่ายทำฉากที่โรงเรียนก็เสร็จสิ้นลง

ทางทีมงานได้ยกกองถ่ายไปถ่ายทำยังสถานที่อื่นๆ

 

"ว้าว !" ซูซาน ซาแรนดอน เข้ามาหาเอริคยื่นมือออกไปบีบหน้าเขา

และร้องขึ่นว่า "เธอดูคล้ายสามีฉันมากเลย"

 

"ฮะๆๆ"

 

"แปลก มันแปลกมาก"

 

"ใช่แปลกจริงๆ" เอริคเห็นด้วย

 

"เกิดอะไรขึ้น ?" ซูซานพูด

 

(TL: นี่เป็นฉากในหนังครับ ซูซานคือคนที่เล่นเป็นเมียของไมค์ที่เอริคแสดง ในตอนวัยผู้ใหญ้)

 

เมื่อมองไปยังหน้าจอมอนิเตอร์เพนนี มาร์แซลตะโกนว่า"Cut! เอริคคุณหลุดหัวเราะอรกแล้วนะ

นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วนะ ครั้งที่ห้า ! หัดควบคุมตัวเองหน่อยสิ"

 

คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับมันจะอารมณ์ไม่ดี เพราะพวกเขามีคาดมุ่งหวังในผลงาน ทุกครั้งที่นักแสดงถ่ายพลาด

พวกเขาเสียทั้งเงินทั้งเวลา มันเป็นช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะหงุดหงิดหากปล่อยให้พวกเขาเป็นให้อย่างนี้ต่อไปก็อาจจะคลั่งได้

 

เมื่อเป็นเช่นนี้เอริคได้แต่ขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า "ผมขอโทษด้วยเพนนี ผมสัญญาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก"

 

เพนนี มาร์แซลกรอกตาไปมานี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอริคให้สัญญาเช่นนี้

 

"ทุกคนเตรียมพร้อม เราจะเริ่มกันอีกครั้ง !"

 

ซูซาน ซาแลนดอน ที่นืนอยู่ข้าวเอริคพูดขึ้นว่า "เอริคครั้งต่อไปที่ฉันบีบหน้าคุณ พยายามอย่ามองมาที่ฉัน"

 

"คุณซาแลนดอน ผมจะพยายามลองทำดู"

 

ทั้งๆที่เนื้อเรื่องในฉากนี้ไม่ได้ตลก แต่ไม่รู้ว่าทำไมเอริคถึงหลุดหัวเราะออกมาทุกครั้ง

 

เมื่อพวกเขาเริ่มถ่ายทำกันอีกครั้ง เขาพยายามทำตามคำแนะนำของซูซาน ซาแรนดอน แม้ว่าเขาเกือบ

จะหลุดขำออกมาหลายครั้ง แต่เขาก็พยายามจะยับยั่งตัวเอง แล้วในที่สุดเขาก็ผ่านมันไปได้ในครั้งที่หก

 

ระหว่างช่วงพักเอริคเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วกล่าวว่า "คุณซาแรนดอลขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณครับ"

 

"แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอกเอริค แต่คุณมีพรสวรรค์มากจริงๆรู้ไหม ฉันไม่เคยเห็นใครแสดงเป็นครั้งแรกได้ขนาดคุณ"

 

"ขอบคุณมากครับซูซาน เอิ่ม ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย ? "

 

"หืมม ?"

 

เอริคกล่าว"คือว่าแบบนี้รูปร่างของคุณมันดูดีมาก คุณทำได้ยังไง ?"

 

"โอ้ว้าว เอริคคุณกำลังจะจีบฉันหรอ?" ซูซานยักคิ้วแล้วยิ้ม

 

เอริคเข้าใจความหมายของสิ่งที่เธอพูดในฮอลลีวู้ดดาราหญิงที่มีอายุมักมองหาแฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่า

มันไม่ใช่เรื่องหายากที่ผู้หญิงวัย 60ปี พยายามยื่นมือไปแตะต้องหนุ่มวัย 30 ปี

 

(TL: -___- เอาจริงดืเห้ย )

 

"ไม่ใช่แบบนั้นซูซาน....จริงๆแล้วแฟนผมกำลังพยายามลดน้ำหนักเมื่อไม่นานมานี้

ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำจากคุณ"



 

"อ่อ ฉันเข้าใจล่ะ การลดน้ำหนักมันไม่ใช่เรื่องงายเลย พอดีฉันรู้จักเทรนเนอร์ฝีมือดีในเบเวอร์ลีฮิลส์

เธอเปิดฟิตเนสออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะและยังเป็นนักโภชนาการมือฉกาจอีกด้วย

คุณสามารถลองให้แฟนของคุณไปรับคำแนะนำที่นั้นได้ เธอจะให้โปรแกรมการลดน้ำหนักที่เหมาะสม

แก่แฟนของคุณ"

 

"คุณช่วยบอกที่อยู่ของที่นั่นหน่อยได้ไหม?"

 

ซูซาน ซาแรนดอน ขอกระดาษและปากกาจากผู้ช่วยของเธอ จากนั้นเธอก็ทำการเขียนแล้วมอบให้เอริค

เขาบอกขอบคุณเธอแล้วเดินจากไป

 

เมื่อเขากลับไปยังจุดพักและกำลังนั่งลง ดรูวส์รีบเข้ามาดึงเก้าอี้เขาไปนั่งแล้วถามว่า

"นี่เอริค ซูซานเขียนอะไรให้คุณ ? หรือมันจะเป็นจุดนัดกันไปเดท ? "

 

เอริคสังเกตเห็นดรูวส์ทำตัวเป็นยัยหนูเจ้าเล่ห์ เขาพูดว่า "เธอนี่ฉลาดดีจริงๆนะ สำหรับเด็กอายุสิบสาม"

 

"ฮะๆ!" ดรูวส์หัวเราะออกมาเสียงดัง เธอพยายามกวนประสาทเอริคหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ได้ตอบสนอง

เธอพูดว่า "ฉันเคยได้ยินว่าคุณโตขึ้นมาโดยไม่มีแม่ นั่นอาจจะส่งผลทำให้คุณกลายเป็นโรคติดแม่ก็ได้นะ"

 

แน่นอนว่าเอริคเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของดรูวส์

 

"เฮ้ดรูวส์ อย่าพูดเรื่องนั้นออกมาดีกว่านะ"

 

ดรูวส์คิดว่าเขาโกรธเพราะเธอพูดถึงแม่ของเขาออกมา เธอแลบลิ้นใส่เขา

 

(TL: ในบทนี้ดรูวส์ล้อว่า เอริคโตขึ้นมาโดยขาดแม่ จะทำให้เป็นโรคติดแม่ ในต้นฉบับเขาใช้คำว่า Oedipus complex

ซึ่งเป็นการล้อเลียนเอริคกับซูซาน, ส่วนที่เอริคไม่อยากให้ดรูวส์พูดเรื่องพวกนี้เพราะกลัวว่าเรื่องที่พูดจะเข้าตัวดวรู์เอง)

 

"ฉันจะพูดมันทั้งเลยเอริค ยกเว้นคุณจะชวนฉันไปกินอาหารเย็นด้วยกัน โอเคมั้ย ?"

 

เอริคส่ายหัว "ผมต้องถามแอนนี่ก่อน"

 

"ยัยสาวไซต์ยักษ์นั่นอีกแล้ว! คุณวางแผนจะรับ T-Rex มาเลี้ยงหรอไงห้ะ ?"

 

เอริครู้สึกประหลาดใจที่ว่ายุคนี้เริ่มใช้คำแสลงเกี่ยวกับไดโนเสาร์กันแล้ว

(TL: ไม่ต้องแปลกใจเลยเป็นเพราะเอ็งนั่นหละ หนูดรูวส์คงจะอ่านจูราสสิก ปาร์คแล้วเอามาใช้แหงๆ)

 

"Tyrannosaurus Rex ? ดรูวส์เธอไม่ควรพูดแบบนั้นต่อหน้าผมนะรู้ไหม ? ถ้าคุณเป็นผู้ชายผมคงได้อัดคุณไปแล้ว "

 

"คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะเหยุผลเดียวที่ยัยนั่นได้บทนี้ ก็เพราะเห็นแก่หน้าคุณ เพราะว่าคุณชอบเธอ แต่ด้วยความศักดิ์ศรีโง่ๆ

ของยัยอ้วนนั่น เธอเลยไม่ยอมเป็นแฟนอย่างเป็นทางการกับคุณจนกว่าจะปิดกองถ่าย ฮึ! ยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์"

 

"ดรูวส์"ท่าทางของเอริคดูเคร่งขรึมขึ้น "ถ้าคุณพูดอะไรแบบนี้อีก ผมจะไม่สนใจคุณอีกต่อไป"

 

"ก็ได้ ก็ได้" เธอยกมือขึ้นยอมแพ้ "แต่หลังจากเราไปกินข้าวกันที่ไหนซักแห่งแล้วคุยกันเกี่ยวกับหนังสือที่คุณแต่ง

จูราสสิก ปาร์คมันยอดเยี่ยมจริงๆ มันทำให้ฉันกลายเป็นแฟนคลับชองเอริค วิลเลี่ยม"

 

เอริคกล่าว"หยุดก่อนดรูวส์ แม่คุณเห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือยัง?"

 

"ผู้หญิงคนนั้น?"ดรูวส์แสดงสีหน้ารังเกียจ "ตราบเท่าที่เธอได้รับเช็คของฉัน เธอก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับฉันแม้แต่น้อย"

 

ดูเหมือนดรูวส์จะมีอคติเกี่ยวกับแม่ของเธอเข้ากระดูกดำ ไม่แปลกใจเลยที่ในอดีตเธอตัดความสัมพันธ์ทั้งหมด

กับครอบครัว

 

วันนี้เอริคมีฉากที่ต้องถ่ายหลายฉากจนเขาถ่ายจนหมดแรง แม้ตอนนี้เขาจะจะมีร่างกายที่เยาว์วัยก็ตาม



 

หลังเสร็จจากการทำงานยุ่งทั้งวัน เขาก็เดินอย่างเหน็ดเหนื่อไปที่ลานจอดรถ ไม่นานนักเขาก็พบดรูวส์เดินตามมา

 

"เอริคคุณสัญญาแล้วว่าจะทานอาหารเย็นกับฉัน คุณไม่ได้รับอนุญาติให้ไปไหนทั้งนั้น"

 

เอริคหยุดเดินแล้วพูดว่า"ดรูวส์อย่าเข้าใจผิดสิ ผมไปสัญญากับคุณตอนไหนกัน ? นึกดูดีๆสิ"

 

"ไม่เอา" ดรูวส์รีบคว้าแขนของเอริค ท่าทางหยิ่งของเธอยามปกติได้กลายเป็นท่าทางน่าสงสารแทน

"ฉันให้ผู้ช่วยของฉันกลับไปแล้ว คุณจะปล่อยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันกลับบ้านคนเดียวหรอ

ถ้าฉันเกิดถูกข่มขืนแล้วถูกฆ่าตายขึ้นมาจะทำไง ?"

 

เอริคได้พัฒนาภูมิต้านทานต่อดรูวส์ขึ้นแล้ว เขาบอกเธอโดยไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่า "ไม่ คุณกลับบ้านคนเดียวเถอะ

วันนี้ทำงานหนักมาทั้งวัน ผมอยากรีบกลับไปพักผ่อนเต็มทีแล้ว"

 

ดรูวส์ตระหนักว่าแผนของเธอล้มเหลวแล้ว เธอยกมือขึ้นขยี้หัวจนยุ่งและฉีกเสื้อผ้าออกเล็กน้อย

แล้วค่อยๆขูดผิวของเธอจนเป็นรอยแดง เธอต้องมองเอริคพร้อมปรากฎน้ำตาแล้วพูดว่า

 

"ถ้าคุณไม่ยอม ฉันจะนั่งอยู่บทพื้นและตะโกนขอความช่วยเหลือ มาดูกันว่าตำรวจจะว่ายังไงกับคุณ"

 

เอริคตบหน้าผากของเขาแล้วกุมขมับตอนนี้เขากำลังถูกขู่

 

อมิตตาพุทธ ผมจะจัดการกับวิญญาณร้ายตัวนี้ได้ยังไง พระพุทธองค์กำลังทดสอบผมอยู่ใช่ไหม ?

 

เอริคเปิดประตูรถแล้วเขาไปนั่งเขาถามดรูวส์ "ก็ได้ เธอชนะดรูวส์ แล้วต้องการจะไปที่ไหน ?"

 

" ไปที่ Mastros ฉันอยากกินเสต๊ก"

 

(TL: Mastro's Steakhouseเป็นร้านอาหารที่อยู่ในย่านเบเวอร์ลีฮิลส์ )



 

"เข้าใจแล้วกับตัน แล้วที่นั่นมันอยู่ที่ไหน ?"

 

คอนแรกดรูวส์มองเอริคอย่างดูถูกก่อนนะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น "งั้นให้ฉันขับพาไปเอง"

 

"ไม่มีทาง ผมไม่อยากมีปัญหาที่หลัง รีบๆบอกที่อยู่ของที่นั่นมา ไม่งั้นผมจะสุ่มเอาสักร้าน"

 

ดรูวส์เม้มปากอย่างไม่เต็มไปและเอริคก็ได้เริ่มขับรถไป

 

 

Ch.14 - CH 14 BAD TIMING

 

CH 14 BAD TIMING



 

"รีบๆกินเร็วเข้า แล้วผมจะพาคุณกลับบ้าน เมื่อกี๊ผมเห็นคุณหาว ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย"

 

ดรูวส์จิบน้ำผลไม้ช้าๆอย่างมีเสน่ห์ "คุณต้องการจะพาฉันกลับไปที่บ้าน(คุณ) ? แน่นอนฉันไม่ได้รังเกียจ"

 

"หาาา..." เอริคตกตะลึงจนอ้าปากกว้างจนผ้าเช็ดที่ถูกไว้ที่คอหลุดออกมา เอริคถลึงตาดุใส่เธอ

ยัยหนูคนนี้พิเรนจริงๆ

 

ไม่กี่นาทีต่อมาเอริคก็พบว่าดรูวส์ค่อยๆกินช้าลงแหละน้อยลงไปอีก จนในที่สุดมือเธอก็สั่น

จนไม่สามารถจับมีดกับส้อมเอาไว้ได้

 

เขากำลังจะถามเธอว่ารู้สึกไม่สบายที่ไหนรึเปล่า แต่เขาก็นึกออกในทันทีจากความจำในชีวิตที่แล้วของเขา

แล้วเห็นเธอตอนนี้ เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดนี่เป็นอาการอยากยาเสพติดของดรูวส์

 

เอริคยิ้มอย่างขมขื่นในขณะมองไปที่ดรูวส์ที่กำลังพยายามอดทนอย่างดีที่สุด เขาตะโกนอย่างเร็วว่า

"พนักงาน ขอเช็คบิลหน่อย!"

 

เขาอยากจะออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แม้ว่าเรื่องยาเสพติดของดรูวส์จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

เพราะได้มีการกล่าวถึงโดยหลายบทความทางหนังสือพิมพ์ แม่จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม

แต่ในใจของใครหลายคนดรูวส์ยังคงเป็นเด็กน้อยน่ารักที่จูบมนุษย์ต่างดาวใน E.T. ถ้าถูกจับได้หรือถูกถ่ายภาพ

ในสถานที่สาธารณะนั่นอาจส่งผลร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของเธอ

 

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เอริคทองไปที่สาวน้อยที่ดูเหม่อลอยและกล่าวว่า "ดรูวส์ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปส่งบ้าน"

 

พวกเขาเดินออกจากร้านอาหารโดยจับแขนกันและกัน เอริครู้สึกได้ว่าร่างกายเล็กกะทัดลัดของเธอกำลังสั่น

เขารู้สึกสงสารอย่างช่วยไม่ได้

 

ในรถดรูวส์นั่งตัวสั่นในที่นั่งผู้โดยสารและทันทีที่เอริคสตาร์ทรถเธอก็พูดว่า "เอริคคุณช่วยฉันซื้อ...ซื้อ..."

 

"ไม่" เอริคปฎิเสธอย่างเด็ดขาด"ดรูวส์อดทนหน่อยนะ บอกที่อยู่ผมมา ผมจะพาคุณกลับบ้าน"

 

"ไม่เอา!" ดรูวส์รีบส่ายหัว เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า "ฉันไม่ต้องการที่จะกลับไป ถ้าผู้หญิงคนนั้นเห็นฉันตอนนี้

เธอต้องส่งฉันไปบำบัดแน่ๆ ฉันจะไม่กลับ ฉันจะไม่กลับ!"

 

เอริครับรับปากดรูวส์"เข้าใจแล้ว เราจะไม่ไปที่นั่น" จากนั้นเขาก็เริ่มขับรถตรงไปยังบ้านของเขา

 

เอริคได้นำรถในจอดในโรงรถและดรูวส์ที่กำลังสับสนเข้าไปในห้องนอนเขา

 

"เอริค เอริค ฉันขอร้องหละ ฉันขอร้องโปรดช่วยซื้อมันให้ฉันที...." ดรูวส์ขดตัวในอ้อมแขนของเขา

เธอคว้าปกเสื้อของเขาแล้วอ้อนวอนทั้งน้ำตา

 

อุววแหวะ –

 

แม้แต่เด็กสาวที่สวยงามก็ดูไม่ค่อยดีเมื่อยามเธออ้วก สเต็กที่เพิ่งถูกกินได้ออกมาอยู่บทเตียงและบางส่วน

ก็เปรอลงบนเสื้อเขา ทั่วทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์

 

เอริคขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่กำลีงดิ้นรนสีหน้าของเขาก็นุ่มนวลลง

 

ความรู้สึกเย็นเยือกผ่านเข้ามาในร่างกายของเธอ ดรูวส์จับตัวเอริคอีกครั้งและพึมพัมในขณะที่ตัวสั่นว่า

"คุณ.....ถ้าคุณไม่ช่วยฉันซื้อ...ฉันจะ...."

 

เอริคกอดดรูวส์และบอกว่า "ดรูวส์ คุณต้องอดทนให้ได้ ฟังนะถ้าผมทำสิ่งเหล่านั้นให้คุณมันจะให้ผลตรงข้าม

พวกมันไม่จำเป็นกับคุณ คุณต้องเข้มแข็ง จำได้ไหมคุณคือสาวน้อยผู้โชคดีที่ได้จูบมนุษย์ต่างดาว ?"

 

"ฉัน...ไม่ใช้...เด็กสาว..ผู้โชค..ดี "

 

เอริคไม่รู้วิธีจัดการเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่าเขาจะได้พบกับคนที่เสพยาหลายคนในชีวิตที่แล้ว

แต่เขาก็ไม่เคยพบว่าตัวเองจะอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ในเวลานี้เขาคิดว่าถ้าอุณหภูมิร่างกาย

ของเธออุ่นขึ้นอาจจะช่วยเธอได้บ้างดังนั้นเขาจึงได้ดึงเธอมากอดในอ้อมแขนของเขาและลูบหลังของเธอ

เขาพยายามจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

 

ดรูวส์นั้นทั้งขอร้องทั้งข่มขู่และสาปแช่งเอริคนานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่หลังจากรั้งตัวเธอไว้แน่น

เขาอดทนพยายามที่จะปลอบโยนเธอ ในที่สุดเขาก็พบว่าเธอนั้นได้หลับลงในอ้อมแขนเขาแล้ว

 

เขาอยู่ตำแหน่งเดิมมานาน ทำให้ขานั้นเริ่มจะแข็งทื่อ

 

เขาพยายามจะวางเด็กสาวลงบนเตียง แต่ใครจะรู้ทันทีที่ปล่อยมือไปเด็กสาวคนที่ก็เริ่มดิ้นรน

ราวกับปลาพ้นจากน้ำ มือของเธอโบกไปมาราวกับพยายามจะหาบางอย่าง

 

เอริคถอนหายใจ เขาหาตำแหน่งที่สะดวกสบายมากขึ้นแล้วนำเด็กสาวเข้าในอ้อมแขนอีกครั้ง

 

เมื่อหัวของดรูวส์แตะที่หน้าอกของเขา ลมหายใจหอบๆของเธอก็กลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง

 

เมื่อกอดเธอเช่นนี้เอริคก็นึกถึงภรรยาและลูกชายของเขาจากชีวิตที่แล้วของเขา

ลูกชายของเขานั้นอายุ 5 ขวบและภรรยาของเขาเคยทำงานเป็นสเมียน แต่เธอลาออก

มาเป็นแม่บ้านเต็มเวลานับตั้งแต่เงินเดือนของเขาพอจะเลี้ยงดูเธอได้ เขาสงสัยว่าตอนนี้

พวกเขาทั้งสองคนจะเป็นเช่นไรบ้างหลังการจากไปอย่างกะทันหันของเขา หวังว่าพวกเขาจะไม่เป็นไรนะ

 

ดรูวส์ฝันว่าตัวเองเป็นนางเอกของภาพยนต์เรื่องหนึ่ง เธอร่วงลงและพบว่าตัวเองอยู่ในป่าที่มืดมิด

เธอสับสนและอยู่เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว จากนั้นเจ้าชายก็โผล่มาช่วยเธอจากแอปเปิ้ลพิษของแม่เลี้ยงเธอ

 

ดรูวส์เข้าร่วมกับเขาและคนแคระต่อสู้กับการกดขี่ของราชินีผู้ชั่วร้าย แล้วพวกเขาก็ได้จัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่

ในพระราชวังที่ตกแต่งด้วยขนมและเค้ก เจ้าชายอุ้มเธอไปที่ห้องหอ เขาวางตัวเธอไว้บนเตียงที่มีฝ้าห่มฝืนหนา

และดึงตัวเธอเข้าในอ้อมอกในขณะที่เธอยิ้มอย่างมีความสุขราวกับดอกไม้บาน

 

จากนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมา

 

เธอพบว่าตัวเองเอนกายอยู่ภายในอ้อมกอดแสนอบอุ่นของชายคนหนึ่งและแขนของเธอก็เกาะแน่นบนเอวเขา

หลังจากเริ่มสับสน เธอก็เริ่มระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม

 

เธอมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเอริคเล็กน้อย สายตาของเธอดูลุ่มหลง เส้นผมสีบลอนด์ของเขากระจายออก

และผิวของเธอก็รู้สึกถึงลมหายใจอันอ่อนโยนของเขา มันทำให้หัวใจของเธอกระหน่ำเต้นเร็วขึ้น

 

ทุกคนคิดว่าดรูวส์เป็นลูกคนโปรดของพระเจ้า เธอเป็นเป็นคนอายุน้อยที่มีชื่อเสียงและมีโอกาสที่ไม่จำกัด

แต่เธอไม่เคยรู้สึกมีความสุข ความไม่แยแสและไม่ใส่ใจของพ่อเธอ ความโลภไม่สิ้นสุดของแม่เธอ

ทำให้เธอรู้สึกหดหู่เหมือนนกที่อยู่ในกรงที่ไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากการเป็นอิสระ

 

ดังนั้นเธอเลยหลงมัวเมาไปกับสิ่งเลวร้ายเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อชีวิตของเธอ

 

หลังจากรู้ว่าหญิงสาวเริ่มใช้สิ่งนั้น แม่ของดรูวส์ไม่ได้เป็นห่วงตัวเธอ แต่กังวลว่าเธออาจจะไม่สามารถทำเงินได้อีกต่อไป

ความเย็นชาเช่นนี้นำไปสู่การติดยาเสพติดที่มากขึ้นของดรูวส์

 

สาวน้อยคนไหนไม่ฝันถึงเจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์ ? แล้วเขาก็ต้องอ่อนโยน ตัวสูง หล่อและมีพรสวรรค์ไม่ทำตัวหยาบคาย

เขาต้องมีความอดทน พัดลมให้เวลาเธอร้อน กอดเธอเมื่อรู้สึกหนาว และเมื่อเธอเป็นหวัดก็ต้องดูแลเธอ แม้ว่าเธอ

กำลังจะตายเขาก็จะขี่มังกรของเขามุ่งไปยังขุมนรกแล้วนำเธอกลับมา......

 

(TL: ยัยหนูเอ้ย เพ้อมากช่วยแรกๆนี่ก็ยังกับพวกคนใช้ แต่ช่วงท้ายนี่ไม่ใช่เจ้าชายแล้ว พระเอกนิยายบู๊แฟนตาซีชัดๆ )

 

และตอนนี้เจ้าชายคนนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าจะต่างกับจินตนาการเล็กน้อย ตรงที่คนที่เขารักไม่ใช่เธอ

แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่รายละเอียดเล็กน้อย


 

แผนเดิมของดรูวส์คือแย่งเอริคไปจากเจนนิเฟอร์ อนิสตัน เพื่อโต้ตอบคำพูดแสนร้ายกาจ

แต่ตอนนี้สิ่งนั้นได้พัฒนาไปจนถึงจุดที่ว่าเธอไม่สามารถถอนตัวไปจากเขาได้

 

บางทีเพราะรู้สิ่กได้ถึงบางอย่างเอริคเปิดตาก็เห็นดรูวส์มองเขา เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า "คุณตื่นแล้วต้องหิวแน่ๆ

ผมจะทำอาหารเช้าให้ ในระหว่างนี้คุณไปอาบน้ำก่อน กลิ่นพวกนี้มันเหม็นเหลือทนจริงๆ"

 

"เอริคทำไมคุณถึงทำดีกับฉัน ?"

 

"เอิ่มมม..." เอริคสะดุ้ง เขาเอื้อมออกไปแล้วลูบหัวดรูวส์เบาๆ "เพราะเราเป็นเพื่อนกัน"

(TL: เพื่อน ? ไม่เชื่อเฟ้ยยย ไอ้คนหลอกลวงงง)



 

เขาลุกขึ้นนั่งลง ดรูวส์ได้เข้ามาจูบที่ใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

 

"อ้ะ ดรูวส์ปากคุณเหม็น" เอริคกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ดรูวส์คล้องไปที่คอเขา "เอริคฉันรักคุณ"

 

"ก็ดีฉัน..." เอริควางดรูวส์ลงและเปิดม่านออกแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงเข้ามา

 

ดรูวส์มองไปที่แผ่นหลังของเขาแล้วบุ้ยปาก "ฉันแค่อยากให้คุณรู้ไว้"

 

"อ่า ผมรู้แล้ว" เอริคบีบใบหน้าที่น่ารักของดรูวส์

 

"เอริคฉันเพิ่งรู้บางสิ่ง"

 

"อะไรหรอ ?"

 

"คุณกอดฉันทั้งคืนโดยไม่ได้ทำอะไร ฉันคิดว่าคุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับตรงนั้น

ถ้าคุณต้องการให้ฉันจะตรวจสอบให้ไหม ? ฉันจะทำให้ฟรี !"

 

"คุณใจดีจริงๆ ดร.แบร์รี่มอร์ แต่ผมอยากจะให้คุณรีบไปอาบน้ำก่อนพวกเราจะไปสาย"

 

"คุณต้องการจะเข้าด้วยกันกับฉันไหม?"

 

"ไม่ล่ะ ผมจะไปอาบข้างล่าง"

 

"อ้ะ นี่มันไม่ถูกต้องเอริคเราควรใช้ทรัพยากรน้ำอย่างประหยัด เราต้องไม่สิ้นเปลือง คุณลองคิดเกี่ยวกับ

คนในแอฟริกาสิ ที่นั่นขาดแคลนน้ำมากจนบางคนขาดน้ำมากๆจนตายได้เลยนะ"

 

"ถูกของคุณ ผมจะเริ่มประหยัดตั้งแต่พรุ่งนี้ ขอให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย"

 

"คุณอ่ะ...."

 

ฤดูร้อนปี 1988 เด็กสาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดได้พบกับแสงสว่างที่แสนอบอุ่น ดั่งเช่นเดียวกับ

เมื้อเด็กที่กำลังจมน้ำ เธอคว้ามันไว้แน่นด้วยแรงนั้นหมดที่เธอสามารถรวมมันได้

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน