px

เรื่อง : Iam in Hollywood
Chapter 12  - YOU ARE SO SHAMELESS


Chapter 12  - YOU ARE SO SHAMELESS

 

" เอริค...คุณคิดว่าฉันควรลดน้ำหนักไหม?" อนิสตันนั่งอยู่ที่เบาะรถด้านข้างถามขึ้น ในขณะ

แสร้งมองไปที่หน้าต่างดูรถผ่านไปผ่านมา

 

เอริคยกริมฝีปากขึ้นรวบรวมความคิดแล้วพูดขึ้นว่า "แอนนี่ ในสายตาของผมไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง

คุณก็ดูสวยที่สุดสำหรับผมเสมอ แต่อันที่จริงผมคิดว่าหากคุณต้องการจะอยู่ในฮอลลีวู้ดจริงๆ

คุณควรจะลดน้ำหนักลงให้เหลือซักประมาณ 100 ปอนด์ (45 กก.) ก็คงจะดี"

 

"ฮึ! คนหยาบคาย ในที่สุดคุณก็พูดมันออกมา! คุณคิดว่าฉันอ้วนเหรอ!" อนิสตันกรีดร้อง

 

เอริคไม่รู้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือแย่กันแน่

 

"ผมขอโทษ ให้ผมเลี้ยงอาหารอิตาเลี่ยนคุณ เป็นการไถ่โทษนะ ?"

 

อนิสตันลังเลก่อนจะกระซิบว่า " หรือจะไปที่พักของฉันล่ะ มีอาหารหลายอย่างที่อยากให้คุณลองชิม"

 

เอริคตอบอย่างตรงไปตรงมา" ให้ผมได้รับเกียรติเถอะ"

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขา เข้ามาที่พักของอนิสตัน ห้องของเธอทาสีเป็นโทนอบอุ่นและตกแต่งด้วย

ตุ๊กตาสัตว์ขนฟู อากาศในห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิง

 

เอริคต้องการจะช่วยทำอาหารแต่อนิสตันไล่เขาออกจากห้องครัว ดังนั้นเขาเลยนั่งรออยู่ใน

ห้องนั่งเล่นและอ่านนิตยสารแฟชั่นที่วางไว้รอ

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมาอนิสตันก็ยกอาหารมาวางบนโต๊ะเธอตบมืออย่างภูมิใจแล้วกล่าวว่า" เป็นไงบ้าง?"

 

เอริคสูดดมกลิ่นและสรรเสริญ " หอมมาก ผมอดใจรอไม่ไหวแล้ว "

 

"ขอบคุณ เอริค"

 

พวกเขานั่งลงอย่างเป็นกันเองและเพลิดเพลินไปกับอาหาร เอริคต้องยอมรับเลยว่าฝีมือของแอนนี่

นั้นอร่อยมาก หลังจากทานอาหารเสร็จอนิสตันก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า " เออใช่!เอริค ตอนที่ฉันเดินลงไป

ซื้อเครื่องปรุงก่อนหน้านี้ ฉันเห็นอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับคุณ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะแสดงให้คุณดู"

 

อนิสตันหยิบเอาหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าและกางไว้บนโต๊ะด้านหน้าเขา

 

เอริคมองไปที่เธอด้วยความสงสัย อนิสตันเริ่มอ่านข้อความในหนังสือพิมพ์อย่างภาคภูมิใจ

" 'เอริค วิลเลี่ยม ' อัจริยะผู้ได้สร้างสรรค์ผลงาน 'จูราสสิก พาร์ค' อันเต็มไปด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์

อันยอดเยี่ยมที่สามารถนำไปสู่การฟื้นคืนชีพไดโนเสาร์ ทฤษฎีดังกล่าวถูกทดสอบโดย ดร.แฮมมอนด์

ผู้เปลี่ยนเกาะนูบลาร์ ให้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติอันเต็มไปด้วยไดโนเสาร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทฤษฎีความโกลาหลของมัลคอมจะนำไปสู่... "

 

อนิสตันอ่านถึงตรงนี้ก็ข้ามไปอ่านช่วงท้ายของการรีวิวหนังสือ

 

"ที่น่าแปลกใจก็คือนักเขียนนวนิยายเล่มนี้ เอริค วิลเลี่ยมนั้นเป็นเพียงเด็กอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น

และตามแหล่งข่าวของเราเด็กอัจฉริยะคนนี้มีชีวิตค่อนข้างลำบาก...."

 

เอริคทำหน้าตาหน้าเกลียด แน่นอนว่าเขารู้เรื่องราวที่จะเขียนถัดไปในนั้น มันถูกเขียนมาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้รู้สึกเห็นใจ โดยเน้นที่อดีตอันเศร้าหมอง เขาเข้ามาใกล้แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ออกจากมือแอนนี่

" แอนนี่ พอแล้วคุณไม่จำเป็นต้องอ่านต่อ"

 

อนิสตันไม่พอใจแล้วพยายามจะคว้าหนังสือพิมพ์กลับมา "เอามานี่! พวกเขาเขียนแต่เรื่องราวดีๆของคุณน่ะ พวกเขากำลังสรรเสริญคุณ! อ่ะ มีอะไรผิดปกติรึเปล่าทำไมคุณทำท่าทางแปลกๆแบบนั้นล่ะ ?"

 

"เกี่ยวกับเรื่องนั้น" เอริคขยำหนังสือพิมพ์แล้วโยนมันลงถังขยะจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะกินข้าวแล้วพูดว่า  "ถ้าคุณอยากรู้เนื้อหาในนั้น ผมสามารถบอกคุณได้"

 

"อ้ะ!" ปากของอนิสตันเปิดขึ้นเล็กน้อยเธอเหลือบมองไปที่ถังขยะ "ฉันอุตส่าอยากให้คุณเห็นมัน

คนบ้า! ทำไมคุณไม่ให้ฉันอ่านต่อหละ"

 

" ผมรู้เนื้อหาที่อยู่ในนั้นเพราะผมเป็นคนที่เขียนมันเองไงล่ะ"

 

อนิสตันตกใจ "อะไรนะ!"

 

เอริคค่อนข้างรู้สึกผิด เขาพูดว่า "มันเป็นเพียงแค่บางสิ่งที่ทางสำนักพิมพ์ทำเพื่อเสริมยอดขายหนังสือ

พวกเขามักจะจ้างคนมาเขียนรีวิวในหนังสือพิมพ์ ผมไปพบไมเคิลเมื่อไม่กี่วันก่อนและเขาบอกว่าไม่มีใครเข้าใจหนังสือเล่มนี้ได้ดีกว่าผม ดังนั้นเขาก็เลยให้ผมเขียนบทวิจารณ์สองสามฉบับและที่คุณอ่านก็เป็นหนึ่งในนั้น"

 

"โห"

 

เอริคยักไหล่แล้วพูดอย่างทะเล้นว่า

" เอาจริงๆนะ นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรการโฆษณาชวนเชื่อพวกนี้มันเป็นแค่เรื่องธรรมดา"

 

"เอริค..."

 

"หืม?"

 

"....คุณไร้ยางอายมาก" หลังจากพูด อนิสตันไม่สามารถทนต่อไปได้ เธอหัวเหราะจนน้ำตาไหล

 

การกระทำที่ไร้ยางอายของเอริคได้แสดงออกมาอีกครั้ง เมื่อแอนนี่ไปส่งเขาหน้าห้องหลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว แต่เขายืนกรานว่าอยากจะอยู่ต่อและรบเร้าเธอ ในที่สุดเธอก็จูบลงบนริมฝีปากเขาอย่างน่าไม่อายๆ

ก่อนจะรีบปิดประตูห้องเธออย่างรวดเร็ว

 

สามวันต่อมาอนิสตันได้ถ่ายทำฉากในโรงเรียนหมดแล้ว ฉากที่เหลือเธอต้องรอก่อน

ดังนั้นเธอเลยกลับไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อชั่วคราว

 

เอริคพบว่าแอนนี่ดูซีดเขียวกว่าแต่ก่อน เมื่อถามถึงเรื่องนี้ เธอก็บอกเขาว่าเธอเริ่มอดอาหารลดน้ำหนัก

เขาแนะนำให้เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะอาจทำให้ร่างกายเธอได้รับอันตราย แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์



ในกองถ่ายวันนี้นั้น ดรูวส์ดูเหมือนเสือที่กำลังออกล่าเหยื่อนั่นทำให้เอริคแอบตัวสั่น

ยิ่งตอนที่อนิสตันอยู่ ดรูวส์มักจะเดินมาใกล้ๆแล้วเยาะเย้ยเกี่ยวกับการแสดงของเขา เอริคทำได้เพียงยิ้ม

แล้วปล่อยให้มันผ่านไป แม้กระทั่งในตอนที่เธอด่าเขา เขาก็ยังคงไม่ได้ใส่ใจ

 

แต่เมื่อเห็นเธอในตอนนี้เขาสงสัยจริงๆ ว่าโลกนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นสิ่งใดทำให้เทพธิดาแห่งภัยพิบัตินี้เศร้ากัน


วันถัดไปอนิสตันได้ออกจากกองถ่ายไปแล้ว

 

"เอริคหิวน้ำไหม ? อ่ะ ฉันให้คุณ " ในช่วงพักดรูวส์ยิ้มหวานขณะที่ถามเขา

 

เอริคปฎิเสธเป็นนัยๆ"ไม่เป็นไร ขอบคุณดรูวส์ ตอนนี้ผมไม่ได้หิวน้ำ"

 

ดรูวส์ยืนกรานแล้วส่งขวดน้ำสองขวดที่เธอถือในมือมาให้เอริคขวดหนึ่ง "รับมันไป"

 

เอริคตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในไม่ช้าร่างกายของเขาก็แข็งทื่อเมื่อดรูวส์คว้าเก้าอี้มานั่งข้างๆ

แล้วเอนตัวมาพิงบนไหล่เขา


"นี่..ดรูวส์ เธอกำลังทำอะไร ฉันมีแฟนอยู่แล้วเธอก็รู้" คำพูดเหล่านี้มันเป็นเพียงข้อแก้ตัว

ความจริงก็คือเอริคไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องกับดรูวส์และชีวิตที่แสนวุ่นวานของเธอ

 

"ฉันชอบคุณ" ดรูวส์ไม่ได้เปลี่ยนท่าทาง เธอพูดออกมาห้วนๆ

 

พรูดด-

 

เอริคพ่นน้ำออกมา เหลือเกินจริงๆยัยเด็กคนนี้

 

"แต่ว่าผม...." คำสารภาพนี้ออกมาจากปากสาวสวยคนหนึ่ง ทำให้เขาพูดไม่ออก

และไม่ต้องการจะลุกไปไหน

 

ตั้งแต่ที่ดรูวส์มีเป้าหมายชัดเจน เธอวางแผนไว้อย่างดี ในตอนนี้อนิสตันไม่อยู่

แล้วก็ไม่มีใครผ่านมาทางนี้สักคน

 

เธอเอียงลงไปขณะถูหน้าอกเล็กๆของเธอขึ้นลงบนแขนเอริคเบาๆแล้วกล่าวอย่างนิ่มนวล

"เอริค...ฉันขอเป็นแฟนคุณได้ไหม? ความจริงฉันเคยมีแฟนมาก่อนแต่เขาเป็นคนที่สุดจะทนจริงๆ"

 

"ดรูวส์อย่าทำแบบนี้" เอริคเริ่มเหงื่อตกแล้วพยายามจะหาคำพูด จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพนนี มาร์แซล

ร้องตระโกนเรียกเขาว่า "เฮ้ พวกเธอสองคนหยุดทำตัวน่าเกียจ แล้วเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปได้!"

 

เอริครีบสบัดแขนดรูวส์แล้วเดินไปเข้าฉาก

 

ใบหน้าของดรูวส์เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "อนิสตัน รอก่อนเถอะ ฉันอยากจะให้

เธอเห็นจริงๆ เมื่อฉันได้สิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอมาแล้ว ฉันสงสัยจริงๆ ใครกันแน่ที่เป็นคนน่าสงสาร"

 

 

รีวิวผู้อ่าน