Chapter 18 - DRASTIC MOVE
แอนนี่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการนัดหมายของเอริค จึงได้ส่งเธอกลับบ้าน
และวางแผนที่จะไปหาเจ้าของบริษัทภาพยนต์ที่ล้มละลายคนเดียว
อนิสตันก้าวออกจากรถแล้วกล่าวว่า"เอริคคุณสามารถทิ้งบทเรื่อง Home Alone ไว้กับฉันสักชุดได้ไหม? บางทีฉันอาจช่วยเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆได้บ้าง?"
เอริคพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่มีปัญหา ผมมีสำเนาหลายชุด"
อนิสตันเอาต้นฉบับไปและโบกมือลาเมื่อเอริคขับรถจากไป เธอเดินกลับเข้าห้องพัก
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ในร้านกาแฟแถวเบอร์แบงค์ (เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของลอสแอนเจลิส) เอริคได้พบกับเจ้าของ
บริษัทภาพยนต์ขนาดเล็กที่เรียกว่า Fireflies ที่ดรูสว์ได้แนะนำ เจฟฟรีย์ แฮนสัน เขาเป็นชาวผิวขาว
อายุประมาณ 50 ปี เขามีใบหน้าค่อนข้างเศร้า ดูเหมือนการล้มเหลวของบริษัททำให้เขาผิดหวังอย่างมาก เอริครับรู้ได้จากประสบการณ์ของเขา คนประเภทนี้ต้องระบายอารมณ์ออกมาเล็กน้อยเสียก่อนถึงจะดีขึ้น เขาไม่รีบร้อนในการคุยเรื่องธุรกิจและอดทนฟังเขา
"ภรรยาของผมโซลินา เป็นตัวแทนกล่าวสุนทรพจน์ในวันรับประกาศนียบัตรของ Southern California Film Academy เลยนะรู้ไหม? เธอและฟรานซิส คอปโปลา (ผู้กำกับ The godfather ตระกูลคอปโปลา ก็เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในฮอลลีวู้ด) เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน
แต่เธอเป็นเพียงเด็กสาวจากแมรี่แลนด์ พื้นหลังครอบครัวของเธอเทียบกับเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความสำเร็จในวงการภาพยนต์จะมากกว่าฟรานซิส เธอได้รับรางวัลมากมายตอนอยู่ที่สถาบัน"
"ในขณะที่ผมเป็นนักศึกษาทางการเงิน คุณรู้ไหมผมเป็นพวกที่เรียกว่าเนิร์ด พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม
ผู้หญิงที่สวยงามและมีพรสวรรค์แบบนั้นถึงมารักกับผมได้ เธอบอกว่าอยากจะเป็นผู้กำกับ ผมบอกเธอให้เธออาศัยอยู่ในแอลเอเพื่อที่เราจะสามารถทำมันด้วยกันได้ ผมจำได้ทุกอย่างตั้งแต่ความพยายาม
ในการลงทุนในหนังเรื่องแรกของเรา ความสุขและรอยยิ้มของเธอที่ได้กลับมานั้น มันสดใสมาก
วันแต่งงานของเราเมื่อผมใส่แหวนที่นิ้วของเธอ ต่อมาเราเปิดบริษัทหนังด้วยกัน เราตั้งชื่อมันว่า Fireflies เธอเป็นผู้กำกับแล้วผมเป็นโปรดิวเซอร์ ผมช่วยเธอดูแลทุกอย่าง เราถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องด้วยกัน เรายังได้รับรางวัลขวัญใจกรรมการพิเศษจากเวนิซฟิล์มเฟสติวัล น่าเสียดายที่เมื่อปีที่แล้ว โซลิน่าขับรถกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอที่แมรี่แลนด์และเกิดอุบัติเหตุขึ้น.... "
เสียงของเจฟฟรีย์ แฮนสันเริ่มสั่นภายใต้เคราหนาๆของเขา ไม่ว่าใครก็จะเห็นว่าเขานั้น
รักภรรยาของเขาอย่างสุดซึ้ง เอริคส่งกระดาษทิชชูให้และคอยให้ชายคนนั้นพูดต่อไป...
"หลังจากภรรยาของผมจากไป ผมคิดว่าควรจะสืบทอดความฝันของเธอ และต้องการทำให้
บริษัทของเราเติบโตขึ้น และได้รับรางวัลผู้กำกับจากออสการ์จนเป็นที่ยอมรับ ผมคิดว่า
ผมทำมันได้ ผมเป็นโปรดิวเซอร์มาหลายปี ดังนั้นการกำกับไม่ควรเป็นเรื่องยากเกินไป ดังนั้น
ผมเลยจำนองบริษัทเพื่อระดมทุนถ่ายภาพยนต์ แต่ผลที่ได้ไม่เป็นอย่างที่หวัง...."
"ไม่เป็นไรเจฟฟรีย์ มันเป็นแค่การล้มเหลวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีผู้กำกับในฮอลลีวู้ด
คนไหนไม่เคยไม่ล้มเหลวจริงไหม ?"
เจฟฟรีย์ เช็ดน้ำตาที่เปียกชื้นของเขาและกล่าวว่า "ขอบคุณเอริค ขอบคุณที่ทนฟังผมมาตั้งนาน
ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว เมื่อบริษัทล้มละลาย ลูกชายผมแทบจะตัดความสัมพันธ์กับผม
เขาตำหนิว่าผมทำลายความพยายามอย่างหนักของแม่เขา...ผมไม่ได้โกรธเขา ผมเพียงได้แต่เสียใจ
อย่างไรก็ตาม ดรูสว์บอกว่าคุณต้องการคนทำหนังให้ ?"
เอริคพยักหน้า " ใช่แต่มันเป็นเพียงโครงการ 1 ล้านดอลล่าเท่านั้น"
เจฟฟรีย์ส่ายหัวและพูดว่า" 1ล้าน แค่นี้ก็พอแล้ว ภาพยนต์เรื่องแรกของผมและภรรยาที่เสียไป
ใช้งบประมาณ 700,000 ดอลเอง อ่า! ใช่ผมถามหน่อยคุณอายุเท่าไหร่?"
" ผมอายุ 18 ปี เจฟฟรีย์คุณคงไม่คิดว่าผมเด็กเกินไปหรือรีบร้อนเกินไปใช่ไหม ?"
"ไม่ใช่! ผมแค่ต้องการแน่ใจว่าคุณกำลังจะทำไรอยู่ เงินหนึ่งล้านดอลนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ"
"โอ้?"
เจฟฟรีย์กล่าว "ผมไม่มีอคติกับคนหนุ่มสาว มีผู้กำกับอายุน้อยหลายคนที่หนังของพวกเขาทำรายได้ถึงปานกลาง เยาวชนมักเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์เสมอ ผมเชื่อว่าทีมงานของเราจะช่วยคุณได้อย่างเต็มที่แน่นอน พวกเขาถูกเลี้ยงดูมาโดยภรรยาของผม พวกเขาขยันและมีความเป็นมืออาชีพมาก แต่เพราะผมพวกเขาถึงต้องตกงาน ดังนั้นการที่คุณมาอยู่ที่นี่ มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ อ่าใช่ๆขอผมดูบทหนังของคุณหน่อย?"
"แน่นอน" เอริคดึงปึกกระดาษออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เจฟฟรีย์และรออย่างเงียบๆ
สิบนาทีต่อมาเจฟฟรีย์ปิดต้นฉบับแล้วส่งคืนเอริค เขากล่าวว่า "เป็นเรื่องตลกที่ดีจริงๆ การถ่ายทำก็ถือว่าไม่ยุ่งยากเกินไป การเลือกเรื่องนี้มาทำหนังเรื่องแรก เป็นทางเลือกที่ฉลาดมากๆ"
เอริคเก็บบทหนังเข้ากระเป๋าสะพายแล้วมองไปที่เจฟฟรีย์และถามว่า
"เจฟฟรีย์คุณจะเป็นโปรดิวเซอร์ของภาพยนต์เรื่องนี้ได้ไหม?"
เจฟฟรีย์ แฮนสันถามอย่างไม่แน่ใจนัก "เอริคคุณแน่ใจหรอ ? บริษัทของผมมันเคยล้มละลายเพราะผมนะ...."
เอริคกล่าว"เจฟฟรีย์คุณอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นผู้กำกับ แต่จากสิ่งที่ผมเห็น คุณเป็นโปรดิวเซอร์ที่ดีมาก ถ้าภาพยนต์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ผมจะตั้งบริษัทของตัวเอง คุณสามารถช่วยงานผมได้ และผมก็ยังจะรับทีมงานที่ภรรยาของคุณทิ้งไว้ให้อีกด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องตกงาน"
เจฟฟรีย์รู้สึกดีใจ เขาท้อแท้เพราะความล้มเหลวและกำลังวางแผนที่จะกลับบ้านเกิดไปทำฟาร์มในช่วงชีวิตที่เหลือ ข้อเสนอของเอริคไม่ใช่เป็นประโยชน์ของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทีมงานทุกคนอีกด้วย คนเหล่านี้ได้ร่วมงานกับพวกเขาสามีภรรยามานานหลายปี ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ใช่แค่ลูกจ้างกับนายจ้างเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีอีกด้วย ความผิดพลาดของเขาทำให้ทุกคนต้องตกงาน เขารู้สึกผิดมากจริงๆ
เจฟฟรีย์ไม่ต้องคิดนานเขาพยักหน้าและกล่าวว่า "มันดีมากเอริค ผมขอสัญญากับคุณ"
"แด่ความร่วมมือของเรา" เอริคตื่นเต้นเขาชนถ้วยกาแฟของเขากับเจฟฟรีย์เพื่อฉลองการเป็นหุ้นส่วนกัน
หลังจากนั้นชายทั้งสองก็คุยเกี่ยวกับเรื่อง Home Alone
ในระหว่างการพูดคุยเจฟฟรีย์ได้รู้ถึงแผนที่เอริควางเอาไว้ เขารู้สึกประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้
"ผมต้องการถ่ายทำให้เสร็จผ่านในหนึ่งเดือน แล้วใช้ประโยชน์จาก จูราสสิก ปาร์คและ 17 Again
ที่จะเข้าฉายในช่วงวันหยุด ขอบคุณพระเจ้า 20th Century Fox พูดเกินจริงเกี่ยวกับผมไว้มาก
เนื่องจากเป็นการโปรโมทหนังที่ดี ดังนั้นตราบเท่าที่เราสร้างภาพยนต์ที่ดีได้ เราน่าจะอาศัย
ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ "
เอริคจำได้ว่าในชีวิตที่แล้ว Home Alone ได้รับการบันทึกว่าเป็นภาพยนต์ตลกคอมเมดี้ที่ทำเงินสูงสุด
ในบ็อกออฟฟิสอีกด้วย มันทำให้เขาเต็มไปด้วยความปรารถนา แม้ว่าในโลกนี้ Home Alone จะทำ
รายได้ ได้เพียงครึ่งหนึ่งของชีวิตที่แล้ว แต่มันก็ยังคงถือว่ามากพอสำหรับเขาในตอนนี้แล้ว
ทั้งสองคนยังคงพูดคุยอยู่ในร้านกาแฟ พวกเขาพูดคุยนานมากและทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้
ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปและเอริคก็ขับรถกลับบ้าน
เขาเพิ่งจะมาถึงก็ได้รับข่าวดี คู่สามีภรรยารันเคิลตกลงที่จะให้สจ๊วตเล่นในบทเควิน พวกเขาพูดคุยรายละเอียดกันและเหฺ็นด้วยกับข้อเสนอของเอริคที่จะให้ค่าตัว 50,000 ดอลล่า และ 1%ของรายได้ใน บ็อกออฟฟิส
แม้ว่าจะเป๋นเพียง 1 ใน 10 จากที่เอริคได้รับจากเรื่อง 17 Again แต่ถ้าภาพยนต์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้าของเขา แค่เพียง 1% ก็ทำกำไรให้มากพอแล้ว คู่สามีภรรยายิ้มกว้างจนถึงหู เอริคไม่คิดอะไรมาก ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือให้สจ๊วตเป็นตัวชูโรง
ในวันรุ่งขึ้นเอริค เจฟฟรีย์ ฮัตสันและคนในบ้านรันเคิลก็ได้ลงนามทำสัญญากัน ทั้งคู่ได้ยินว่าเอริคเป็นคนกำกับ พวกเขาสงวนท่าทีอยู่บ้าง แต่เมื่อได้รับเช็ค 50,000 ดอลล่าที่เอริคได้เตรียมไว้ล่วงหน้าพวกเขาก็รีบลงนามสัญญาทันที
จากนั้นก็พูดเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ เอริคมีเงินประมาณ 600,000 และจากการคุยกับไมเคิล ไครช เขาจะได้รับอีก200,000 ภายในสิบวัน นอกจากนั้น เขาได้ส่งเปียโนวคืนทางร้านอีกด้วย เจ้าของร้านนั้นฝืนที่จะยอมรับ ทำให้ราคาของเปียโนนั้นตกลงไปประมาณ 2000 ดอล จากราคาเดิม
เงินจำนวนสุดท้ายอีก 200,000 ดอล เอริคนำเอาบ้านของเขาไปจำนองด้วยดอกเบี้ย 10% ต่อเดือน
และถ้าไม่มีการจ่ายเงินภายใน 6 เดือน บ้านจะไม่เป็นของเขาอีกต่อไป นี่มันเป็นการกู้เงินที่ขูดเลือด ขูดเนื้อสุดๆ
เอริคตรวจสอบเช็คในมือเขา แผนนี้เขาทุ่มสุดตัว ในกรณีที่เขาล้มเหลวเขาไม่รู้ว่าอนิสตันจะให้เขาไปพักอยู่ด้วยไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เขานึกถึงดรูสว์ขึ้นมาทันที เขาเป็นชายวัย 40 ปี เขามีประสบการณ์มามาก เขาเห็นว่าโลลิน้อยนั้นชอบเขาเพียงใด ถ้าเป็นไปได้เขาไม่ต้องการติดต่อเธอโดยตรง โดยเฉพาะหลังการถ่าย 17 Again จบลง
ตอนนี้เขาแคร์เธอมาก แต่มันเหมือนกับพ่อและลูกสาวมากกว่าที่จะเป็นคนรัก
มันอาจจะต้องใช้เวลาในการรับมือกับความรู้สึกของเธอ แต่ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอจริงๆ เพื่อให้ Home Alone นั้นเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขายังต้องมีปฎิสัมพันธ์กันอีกมาก
เมื่อพวกเขามีเงินพอแล้ว พวกเขาก็พร้อมสำหรับการถ่ายทำ ดังนั้นเอริคและเจฟฟรีย์จึงได้เริ่มการคัดเลือกนักแสดง เอริคได้วางแผนที่จะคัดเลือกบทโจรทั้งสองคน จากนักแสดงตลกทางทีวีหลายคน แต่หลังจากส่งคำเชิญไป ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ เพราะค่าตัวต่ำเกินไป
สองสามวันต่อมาเอริคได้รับโทรศัพท์จากอนิสตัน
"อะไรนะ? คุณบอกว่า พ่อของคุณชวนผมไปทานอาหารมื้อค่ำงั้นหรอ ?"
เสียงอนิสตันผ่านทางโทรศัพท์นั้น ฟังดูตื่นเต้น"ใช่ๆ คุณผิดหวังในช่วงหลายวันมานี้เพราะไม่สามารถหานักแสดงสำหรับเรื่อง Home Alone ได้ใช่ไหม? พอฉันบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตกลงจะช่วยหาให้ "
เสียงของแอนนี่ฟังดูเหมือนสบายๆ แต่เอริครู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อแท้ๆ ของเธอ จอห์น อนิสตันนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อเขาได้ทิ้งแม่ของเธอและตัวเธอเพื่อไปหาโอกาศในอาชีพของเขา ซึ่งทำให้อนิสตันเสียใจอย่างมาก ในชีวิตที่แล้วของเขา จอร์น อนิสตันดิ้นรนที่จะแก้ความสัมพันธ์ของเขากับลูกสาวอย่างมาก ดังนั้น เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก ที่เธอจะขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอ
เอริคตอบอย่างรู้สึกขอบคุณ "ขอบคุณแอนนี่ ผมจะหาเวลาไป"