Chapter 23 – GENIUS, MADMAN
ที่นั่งอยู่ข้างๆเจฟฟรีย์คือเอริค เขารู้สึกว่าอาจเจรจาต่อรองเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว
"ผมขอโทษด้วย คุณโคเฮน ผมไม่ได้ตั้งใจจะขาย Home Alone แต่ยังสามารถ
พูดคุยเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทำสัญญาร่วมกันได้ ?"
เบล้าท์ โคเฮนขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุขนัก" เอริคถ้าเราแบ่งปันร่วมกัน ฉันสามารถให้
คุณได้เพียง 18% เท่านั้นนะ "
"คุณโคเฮน เมื่อครู่คุณบอกว่าจะให้เรา 20% นะ" เจฟฟรีย์โต้กลับ
เบล้าท์ โคเฮนกล่าวเบาๆ"นั่นเป็นเพียงในสถานการณ์ทั่วไปเท่านั้น หากเราจะปล่อย Home Alone
ต้นทุนการประชาสัมพันธ์แน่นอนว่าจะสูงกว่าต้นทุนการผลิต ดังนั่น 18% จึงเหมาะสมมากๆ"
เจฟฟรีย์กำลังจะถกเถียงแต่เอริคห้ามเขาไว้และกล่าวว่า "ดี! ถ้าอย่างนั้นคุณโคเฮน ผมมีข้อเสนออีกข้อหนึ่ง คุณคิดอย่างไรบ้าง ถ้าเราจะทำสัญญาแบบเดิมพันกัน"
ถึงแม้ข้อตกลงในรูปแบบการเดิมพัน การพนันนั้นจะเป็นที่แพร่หลายในอุตสาหกรรม เบล้าท์ โคเฮน
หัวเราะในใจของเขา อะไรที่ทำให้เจ้าหนูนี่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มาเล่นพนันกับโคลัมเบียกัน ?
เบล้าท์ โคเฮน ทำเป็นสนใจในข้อเสนอของเอริค เขาอยากรู้ว่าเจ้าหนูคนนี้คิดอะไรอยู่
เอริคทำเป็นไม่เห็นใบหน้าของเบล้าท์ที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย เขายิ้มและพูดขึ้นว่า
"ให้ทางโคลัมเบียใช้เงิน 5 ล้านในการโปรโมทหนัง หาก Home Alone สร้างรายได้น้อยกว่า
50 ล้านในบ็อกออฟฟิศ ผมจะให้สิทธิ์ทั้งหมดแก่คุณฟรีๆเลย"
หลังจากเอริคพูดจบ มันคงจะตลกถ้าพวกเขาไม่ตอบตกลง ทางบริษัทคาดการณ์แล้ว่า Home Alone
จะทำเงิน 50 ล้านในบ็อกออฟฟิศ หากเขาตอบรับข้อตกลงการเดิมพันนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
การควบคุมบ็อกออฟฟิส เพื่อไม่ให้มันเติบโตเกินกว่าล้านนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก เบล้าท์ โคเฮน
รู้สึกว่าเอริคโง่มาก แต่เขาก็ยังแอบชื่นชมชายหนุ่มที่มีความกล้าหาญ
เจฟฟรีย์ แฮนสันลุกขึ้นและตะโกนด้วยความไม่เชื่อ "เอริค คุณบ้าไปแล้วหรอ ?!"
เอริคมองเห็นความกลัวของเจฟฟรีย์และบอกให้เขานั่งลงก่อนและพูดว่า "ถ้ารายได้ในบ็อกออฟฟิศ
อยู่ระหว่าง 50-100 ล้าน ผมต้องการ 20% ของรายได้ และถ้าหากรายได้ในบ็อกออฟฟิส สูงกว่า 100ล้าน ทุกๆ 10 ล้าน ผมต้องการให้ส่วนของผมเพิ่มขึ้นครั้งล่ะ 1%"
เอริคพูดจบก็ยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างใจเย็นและไม่ได้พูดอะไรต่อ เจฟฟรีย์ แฮนสันกวาดตามองระหว่าง
ทั้งสองคน เขารู้สึกกลัวว่า เบล้าท์ โคเฮนจะเห็นด้วยกับข้อตกลงไร้สาระของเอริค ถ้าทำอย่างนั้น
เขาจะเสียเงินกว่า 10 ล้าน อ้า 10 ล้านดอลล่า จะมีสักกี่คนที่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ ?
น่าเสียดายที่ เบล้าท์ โคเฮนนั้นขาดความกล้าหาญไปจริงๆเขาลังเลนานกว่าห้านาที ก่อนจะพูดว่า
"เอริค ฉันต้องบอกในที่ประชุมก่อน ฉันจะให้คำตอบในวันพรุ่งนี้ได้ไหม ?"
เอริคพนักหน้าและลุกขึ้นเดินออกไป
ในลานจอดรถเจฟฟรีย์ไม่ได้อยู่ในรถเขา แต่นั่งข้างที่นั่งคนขับของรถเอริคแทน
"เอริคคุณบ้าไปแล้ว นั่นมันเงิน 10ล้านดอลเลยนะรู้ไหม ? ดูตลอดหลายปีมานี้สิ แม้แต่หนังตลกที่ดีในบ็อกออฟฟิศ ก็ยังยากที่จะได้ข้อเสนอแบบนี้เลย และมันมักจะมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ วันพรุ่งนี้เราจะเสนอขายอีกครั้ง เราอาจจะต่อรองราคาเพิ่มได้บ้าง ฟังผมนะ ทั้งชีวิตคุณอาจจะมีโอกาศแบบนี้แค่เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ถ้าคุณพลาดในเรื่องนี้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นอีก ด้วยเงิน 10 ล้าน เราสามารถถ่ายทำภาพยนตร์ได้มากมาย
เอริคคิดถึงข้อเสนอของโคลัมเบีย พิคเจอร์ เขารู้สึกเดือดเล็กน้อย ในชีวิตที่แล้ว Home Alone
ได้รับการบันทึกว่าเป็นหนังตลกที่ขายดีที่สุดในปีที่เข้าฉาย เขาไม่เชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือ
ของยักษ์ใหญ่อย่างโคลัมเบีย พิคเจอร์ รายได้ของเรื่องนี้จะเลวร้าย เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาจึงพยายามลุกขึ้นสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ตามปกติแล้วหนังต้นทุนต่ำของเขานั้นควรจะได้ 20% ของรายได้ แต่เมื่อเบล้าท์ได้ยินว่าเอริค
อยากจะทำสัญญาร่วมกัน เขาได้ลดส่วนแบ่งลงเหลือ 18 % เอริครู้ว่าในบ๊อกออฟฟิศรายได้
นั้นจะสูงกว่าที่พวกเขากล่าวในขณะนี้ ในขณะนั้นเองก็จุดประกายความคิดของเอริคขึ้น
เขานึกวิธีที่จะทำข้อตกลงแบบอื่นได้ ใช่ แบบการเดิมพันไงล่ะ
ในวงการภาพยนตร์การเดิมพันรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศเป็นเรื่องปกติ เพราะภายในสถานการณ์
ร่วมกันพวกเขาต้องการจะได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย พวกเขาพร้อมจะต่อสู้เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วย
เมื่อลองมองดูจาก Home Alone จากอดีตของเขา สุดท้ายมันทำเงินทะลุ 280 ล้านดอลล่าในอเมริกาเหนือ ถ้าเป็นไปตามนี้ ข้อตกลงแบบการเดิมพันของเอริคจะได้รับส่วนแบ่ง 38% ซึ่งมากกว่า 3% ของที่ผู้ผลิตได้รับซะอีก เมื่อเห็นปฎิกิริยาของเบล้าท์ โคเฮน เขาคิดว่าทางโคลัมเบียพิคเจอร์ มีแนวโน้มที่จะเห็นด้วย
"นี่เอริค ผมพูดมาเยอะแล้วนะ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ฟังเลย ?" เจฟฟรีย์ แฮนสันพบว่าตัวเองพูดจนกระหายน้ำ แต่เอริคไม่ได้พูดตอบสักคำ
"เจฟฟรีย์ ผมรู้ว่าคุณหวังดีต่อผม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผมไม่มีอะไรเลยนอกจากความกล้าเท่านั้น ผมเชื่อว่า Home Alone มีโอกาสที่จะทำเงินทะลุ200ล้านในบ็อกออฟฟิส ลองคิดดูถ้าเป็นไปตามข้อเสนอแล้วผมจะได้เท่าไหร่"
เจฟฟรีย์มองไปที่เอริค ราวกับมองผู้ป่วยทางจิต
เอริคไม่คิดมากและหัวเราะออกมาว่า"เจฟฟรีย์คุณต้องมีความเชื่อมั่นในตัวผมบ้าง ในฐานะที่คุณเป็นโปรดิวเซอร์ แน่นอนว่า ผมต้องให้ส่วนแบ่งคุณ นั่นอาจทำให้คุณกู้บริษัทของคุณกลับคืนมาได้ เอาล่ะตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณนิดหน่อย ?"
เจฟฟรีย์ฝันที่จะกู้บริษัทที่เขาสร้างร่วมกับภรรยา แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อในคำพูดของเอริคอย่างจริงๆจังๆ แต่ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาถามว่า "เอริคคุณต้องการให้ผมช่วยอะไร ? "
" ช่วยผมติดต่อกับบริษัทกฎหมาย มันไม่แปลกเลย ถ้าทางโคลัมเบียยอมรับข้อเสนอของผม ผมต้องการคนช่วยกำกับดูแลและตรวจสอบการปฎิบัติตามข้อตกลงนี้ และถ้าเกิดข้อพิพาท ผมต้องการคนว่าความคดีให้ "
เจฟฟรีย์กล่าว " นี่ไม่ใช่ปัญหา แต่เอริคคุณยังมีเงินเหลืออยู่รึเปล่า ? ค่าจ้างของคนพวกนี้ ค่อนข้างสูง"
"แน่นอน" เอริคเปิดช่องเก็บของในกระเป๋าเขาออกและนำเอาสำเนาจูราสสิก ปาร์ค ออกมาแล้วพูดต่อว่า
"ผมยังมีลิขสิทธิ์ฉบับภาพยนตร์ของจูราสสิก ปาร์ค อยู่มูลค่าของมันไม่น้อยกว่า 1 ล้านดอลเป็นอย่างต่ำ ถ้าการเดิมพันล้มเหลวผมจะยกลิขสิทธิ์นี้ให้กับบริษัทกฎหมายแทนค่าจ้าง ผมไม่เชื่อว่าพวกเขาจะปฎิเสธลง"
"เอริคเอาจริงหรอ...คุณบ้าไปแล้ว!"
"คนที่เป็นอัจฉริยะมักสนุกกับงานของเขา เขายังคงทำงานต่อไปแม้จะเจอกับนรกหรือคลื่นสูงพัดเข้ามา"
เจฟฟรีย์ยกมือขึ้นยอมแพ้" ผมเห็นมันแล้วคุณไม่ใช่แค่บ้าแต่ยังหยิ่งมาก แม้แต่อริสโตเติลยังอาย"
"อริคโตเติลไม่ว่าง เอาเป็นสเตนฮัลล่ะกัน"
"......"
ในที่สุดเจฟฟรีย์ก็ตกลงจะติดต่อบริษัทกฎหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ในขณะเดียวกันภายในห้องประชุมของโคลัมเบียพิคเจอร์ ผู้บริหารหลายคนกำลังประชุมกัน
"เอาล่ะในเมื่อพวกคุณรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ผมขอฟังความคิดเห็นของทุกคนหน่อย" เบล้าท์ โคเฮน อธิบายถึงเงื่อนไขในการเดิมพันของเอริค เขามองไปที่เหล่าผู้บริหารและรอให้พวกเขาแสดงความเห็น
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเบล้าท์ โคเฮน เหล่าผู้บริหารไม่อยากจะเชื่อว่า เด็กคนนั้นโง่เขลาจริงๆ ?
ในที่สุดหนึ่งในผู้บริหาร เลสเตอร์ รีดได้เป็นคนนำกล่าวว่า" คุณโคเฮน นี่เป็นโอกาสที่ดี ตามการคาดการณ์ของเรา หนังเรื่องนี้จะทำเงินในบ๊อกออฟฟิศได้สูงสุดอยู่ที่ 50 ล้านดอล ถ้าเป็นไปตามข้อลง ด้วยการปรับนิดหน่อยๆเราสามารถควบคุมบ๊อกออฟฟิศไม่ให้ได้เงินมากกว่า 50 ล้านได้ไม่ยาก แล้วเรายังไม่ต้องเสียเงิน 10 ล้าน ในการซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้อีกด้วย"
เมื่อเลสเตอร์ รีดพูดเสร็จ ข้อความเหล่านี้ก็สะท้อนในหัวของทุกคน