Chapter 24 – THE BET IS ON
เอมี่ ปาสคาลก็นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย แต่เธอรู้สึกว่าสิ่งต่างๆนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
แม้เธอจะติดต่อพูดคุยกับเอริคเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาต่างจากคนอื่นๆ
เขาเป็นคนสุภาพและดูใจเย็น ไม่ใช่คนที่ใจร้อนและผลีผลามพอที่จะเสนอข้อตกลงบ้าๆนี่
เหตุผลเดียวที่เธอคิดออกก็คือข้อเสนอนี้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบของเอริค วิลเลี่ยมแล้ว
เอมี่ ปาสคาลไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับคนที่สนับสนุนให้ยอมรับข้อตกลงแบบการเดิมพัน หลังจากคิด
สักครู่เธอก็กล่าวว่า "คุณโคเฮน ฉันรู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าจะระมัดระวังไว้ก่อน ไม่มีของฟรีในโลก
บางทีเราควรเพิ่มส่วนแบ่งเล็กน้อยให้กับเอริค วิลเลี่ยม ด้วยศักภาพของหนังเรื่องนี้ในบ็อกออฟฟิศ
เป็นที่แน่นอนว่าทางเราจะไม่ขาดทุน"
"เอมี่ ฉันคิดว่าเธอหัวโบราณเกินไป แม้แต่เด็กนั่นยังมีความกล้ากว่าเธอเลย " เลสเตอร์โต้แย้งขึ้น
"เธอรู้ศักภาพของหนังเรื่องนี้แล้ว แล้วทำไมไม่คิดอยากให้ทางเราได้รับลิขสิทธิ์ล่ะ ? นอกเหนือ
จากรายได้จากการเข้าโรงภาพยนตร์แล้ว ยังมีรายได้จากการจำหน่ายวีดีโอเทปและทางช่องโทรทัศน์อีก ซึ่งมันจะเป็นผลกำไรให้ทางเราอีกหลายล้าน ถ้าเราเลือกที่จะแบ่งปันรายได้ ลิขสิทธิ์ก็ยังอยู่ในมือ
ของเจ้าหนูนั่น และในครั้งต่อไปถ้าเราต้องการสร้างภาคต่อ เขาจะจะดูดรายได้เราอีกครั้ง "
เอมี่ ปาสคาลกล่าวว่า "เรายังต้องดูผลกำไรระยะยาว เอาอย่างงี้ เพิ่มเงินให้เขาเป็น 15 ล้านดอลล่าเป็นไง ? ฉันแน่ใจว่าเอริคจะเห็นด้วย"
"ศักยภาพของหนังตลกต้นทุนต่ำอย่างเรื่องนี้ทำรายได้ในบ๊อกออสฟิศได้ 50 ล้าน ก็เรียกว่าเป็นม้ามืดแล้ว ในขณะที่หนังประเภทเดียวกัน(ต้นทุนต่ำ)ส่วนใหญ่ได่แค่ประมาณ 2 ล้าน มีโอกาสเกิน 80% ที่เราจะได้ลิขสิทธิ์นั่นฟรีๆ ทำไมเราต้องจ่ายเงิน 15 ล้านด้วย ในเมื่อเจ้าหนูนั่นมีโอกาศแค่ 20% ที่ชนะข้อตกลงได้ เขากล้าที่จะเล่นพนันบ้าๆที่แทบจะไม่มีโอกาสชนะเอง ทำไมเราต้องไปต่อรองกับเขา เธอจะกลัวอะไรกัน ?"
"แต่ว่า..." เอมี่ ปาสคาลมองไปที่สายตาของเพื่อนร่วมงานของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโลภ
ทว่าสัมผัสพิเศษของผู้หญิงบอกเธอว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับการเดิมพัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่ๆ
"เอมี่"เบล้าท์ โคเฮนพูดขัดจังหวะเธอพูด"เจฟฟรีย์ แฮนสันและเอริค วิลเลี่ยมอาจเป็นเพื่อนของคุณ
แต่ว่าคุณเป็นพนักงานของโคลัมเบียพิคเจอร์ คุณต้องทำงานและให้ความสนใจผลประโยชน์ของบริษัท"
คำพูดของเบล้าท์ โคเฮน ทำให้เอมี่ตกตะลึง จริงอยู่ที่เธอเป็นเพื่อนกับเจฟฟรีย์ แต่เธอก็มีความเป็นมืออาชีพและจริยธรรมของวิชาชีพอยู่เสมอ
ตอนนี้ เธอดูเหมือนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลง ทำให้หลายคนสงสัยว่าเธอกำลังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ ของบุคคลภายนอก เอมี่รู้สึกอับอายมือที่ถือปากกาอยู่ของเธอสั่นเล็กน้อย เธอลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างเย็นชาว่า
"คุณโคเฮน ในเมื่อตอนนี้คุณได้ตัดสินใจไปแล้ว ฉันคิดว่าคุณคงไม่ต้องการอะไรจากฉันอีก ฉันขอตัวก่อน"
เอมี่ ปาสคาลรีบเก็บข้าวของเงียบๆและหันหลังเดินออกไปจากที่ประชุม
ห้องประชุมจมสู่ความเงียบในช่วงสั้นๆ
"เฮ้อ ผู้หญิงก็งี้แหละ!"
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถอนหายใจ คนอย่างเอมี่ ปาสตาล ได้มีตำแหน่งสูงในสภาพสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่
แน่นอนว่าต้องมีการเลือกปฎิบัติอย่างช่วยไม่ได้
เบล้าท์ โคเฮนรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเกี่ยวกับความสามารถในการทำงานของเอมี่ แต่เธอขาดความเป็นมืออาชีพอย่าง เห็นได้ชัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะอยู่ในห้องประชุมนี้ต่อ แม้ว่า เบล้าท์ โคเฮนจะขาดความกล้า แต่เขาเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเองมากแม้ว่าเขาจะพูดอย่างผลีผลามขึ้น แต่การที่เอมี่ลุกออกไปจากที่ประชุม นั้นกระทบต่อศักศรัดิ์ของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย ว่าเธอเป็นฝ่ายผิด
หลังจากเงียบนับสิบวิ ในที่สุด เบล้าท์ โคเฮนก็กล่าวขึ้นว่า"เอาล่ะดูเหมือนพวกเราจะเห็นด้วยกับข้อตกลงการเดิมพันนี้ นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปให้ เลสเตอร์เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ Home Alone แต่เพียงผู้เดียว"
ท่ามกลางความอิจฉาของทุกคน เลสเตอร์ยอมรับหน้าที่ด้วยความตื่นเต้น ถ้าหากพวกเขาชนะในการเดิมพัน ผลงานนี้จะถูกพิจารณาในการเลื่อนตำแหน่งของเขาในอนาคตอย่างแน่นอนและเงินเดือนของเขาก็จะมากขึ้นอีกด้วย
"ไม่มีปัญหา คุณโคเฮน ผมจะดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวผมเอง"
วันรุ่งขึ้นเอริคได้รับการแจ้งว่าทางโคลัมเบียพิคเจอร์ ได้ยอมรับข้อตกลงการเดิมพันของเขาแล้ว ในเวลาเดียวกัน เจฟฟรีย์ก็ได้แนะนำเขาให้กับบริษัทกฎหมาย และหลังจากที่พวกเขาได้ประเมินมูลค่าของจูราสสิก ปาร์ค พวกเขาก็ตอบตกลงและส่งทีมกฎหมายไปช่วยเอริคดูแลข้อตกลงในการเดิมพันในครั้งนี้
31 ตุลาคม แม้เอริคจะสนใจ ที่จะมีส่วนร่วมในขบวนพาเรทในวันฮัลโลวีนครั้งแรก หลังจากเกิดใหม่
แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ เขาต้องมานั่งกับชายวัยกลางคนที่น่าเบื่อหลายคนในห้องประชุมแห่งหนึ่ง ในสำนักงานใหญ่ของโคลัมเบียพิคเจอร์ เพื่อคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลง
เอริคได้แสดงเนื้อหาของข้อตกลงดังกล่าวและค่อยๆปรับมันเรื่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทางโคลัมเบียพิคเจอร์ จะโปรโมต Home Alone อย่างเต็มที่ เขาต้องการให้เผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงการเดิมพันในหนังสือพิมพ์เพื่อให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการเดิมพันนี้และให้ตรวจสอบรายได้จากโรงหนังทุกวัน ตลอดการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้และเรื่องอื่นๆอีกหลายอย่าง เมื่อทางโคลัมเบียละเมิดข้อตกลงข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะมีบทลงโทษที่แตกต่างกันสำหรับการผิดสัญญาในแต่ล่ะข้อ
เมื่อดูแผ่นเอกสารหลายสิบหน้าเอริคก็ตกตะลึง เขาได้แต่ยกนิ้วให้เจฟฟรีย์อย่างช่วยไม่ได้
ที่สรรหาทีมนักกฎหมายและนักบัญชีเหล่านี้มา
ด้านโคลัมเบีย เลสเตอร์ รีด ผู้รับผิดชอบโครงการ Home Alone รู้สึกเหมือนจะชนะการเดิมพันแน่นอน เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเอกสารข้อตกลงเป็นโง่ๆปึกนี้ อย่างจริงจัง เขารู้สึกเยาะเย้ยเกี่ยวกับ
ความต้องการในสัญญาของเอริค ในขณะที่เขาจะได้ค่าคอมมิสชั่นหลายแสนดอลล่าเป็นอย่างต่ำคนเดียว ความต้องการนั้นสูญเปล่าจริง!
เลสเตอร์ รีด คิดว่า ไม่ว่ารายละเอียดในสัญญาจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ ในเมื่อพวกเขาได้คาดการณ์
ศักยภาพในบ็อกออฟฟิศของ Home Alone และการประเมินอย่างกล้าหาญที่สุด ก็ไม่มากเกินกว่าอันดับหนึ่ง ในปีนี้อย่าง Roger Rabbit (ชื่อไทย:โรเจอร์ แรบบิท ตูนพิลึกโลก) ภาพยนตร์คนแสดงจริงที่ผสม อนิเมชั่น ซึ่งทำรายได้ในอเมริกาเหนือไปกว่า 150 ล้านดอลล่า
โคลัมเบียได้เสนอให้ปล่อย Home Alone ในเดือนธันวาคม แต่เอริคไม่เห็นด้วย นี่มันตลกอะไรกัน
เขารู้เกี่ยวกับหนังที่ปล่อยตัวในช่วงนั้นจะบีบรายได้จากหนังของเขา
ในอดีต Home Alone นั้นปล่อยตัวในเดือนพฤษจิกายนและใช้เวลา 2 เดือนในการเข้าฉายเพื่อ
ความโดดเด่นอย่างน่าทึ่งในบ็อกออฟฟิศออกมา
ในที่สุดทางโครัมเบียก็ยอมประนีประนอม และตัดสินปล่อยตัวหนังในวันที่ 18 พฤษจิกายน ซึ่งเป็นวันเดียวกับการปล่อยตัวของเรื่อง 17 Again ซึ่งเอริคเป็นคนแนะนำ เพราะเขาเป็นจุดสนใจของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกลุ่มเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น เพราะทุกคนไม่ได้มีรสนิยมเดียวกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้ดูเรื่องแรก ก็จะไปดูเรื่องที่สอง ด้วยเหตุนี้ตามตาราง หนังเรื่องเดิมที่จะเข้าฉายในช่วงพฤศจิกาของโคลัมเบียคงต้องเลื่อนไปฉายในเดือนธันวาคมแทน และเข้าฉาย 1000 โรงสำหรับเรื่อง Home Alone
เพียงแค่มองดูก็จะเห็นได้ว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ หนังของพวกเขาจะได้ฉายมากกว่า 1 พันโรงตั้งแต่แรก แสดงให้เห็นถึงความเห็นเชิงบวกของโคลัมเบียเกี่ยวกับ Home Alone แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ต้องการให้Home Alone ทำเงินมากกว่า 50 ล้านดอลล่า เพื่อที่จะชนะการเดิมพัน พวกเขาจึงให้ฉายได้ไม่เกิน 1 พันโรง
เอริคไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้ เพราะการที่ผู้บริหารของโคลัมเบียจะคิดเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ ในข้อตกลงที่หลายสิบแผ่น ที่พวกเขาลงนามไปนั้น มีหัวข้อที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้ารายได้ในบ๊อกออฟฟิศสูงถึงจำนวนที่กำหนด พวกเขาจะต้องเพิ่มจำนวนโรงหนังด้วยตามลำดับ หากทางโคลัมเบียปฎิเสธที่จะทำมันพวกเขาเตรียมที่จะถูกฟ้องได้เลย แต่เอริคเชื่อว่าด้วยผลกำไรของหนังเรื่องนี้ไม่มากพอ ที่จะทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างโคลัมเบียทิ้งชื่อเสียงของพวกเขาไปได้
หลังจากลงนามในสัญญาข้อตกลงแล้ว คู่สัญญาทั้งสองคนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องข้อตกลง
และหวังว่าข้อมูลการเดิมพันนั้นจะกระจายไปทั่วฮอลลีวู้ด
ขอบคุณสำหรับการประชาสัมพันธ์ของโคลัมเบียพิคเจอร์, ในวันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ Los Angeles Times พาดหัวข่าวว่า
"การเดิมพันของเด็กหนุ่มอัจฉริยะกับโคลัมเบียพิคเจอร์นั้นบ้าบิ่นหรือโง่เขลา ? "