CHAPTER 30 – MICHAEL EISNERS INVITE
"ห้ะ?!" เลสเตอร์ไม่ได้คาดว่าเอริคจะพูดถึงเอมี่ "คุณปาสคาล....ลาออกไปแล้ว"
เอริครู้สึกสับสน "เธอลาออก ? ทำไม ? "
เลสเตอร์รู้สึกฉุนชั่วครู่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขากล่าวว่า "เธอไม่พอใจกับโครงการนี้ก็เลยลาออก
ฉันก็ไม่แน่ใจ บางทีคงเป็นเพราะเธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Home Alone"
เอริคเห็นประกายในสายตาของเลสเตอร์และรู้ว่าเขาโกหก แต่เอริคก็ไม่ได้เผยว่าเขาจับได้
และปั้นหน้าผิดหวังแทน "นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ ถ้างั้นผมขอตัวก่อน"
เมื่อเอริคเข้าไปในลิฟต์ เลสเตอร์ก็เคาะประตูห้องทำงานของโคเฮน
รอยยิ้มของเบล้าท์ โคเฮนที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงอยู่เสมอเมื่อเผชิญหน้ากับเอริคได้หายไป
ขณะนี้เขากำลังขมวดคิ้วมองไปเอกสารที่เขาถือ แต่ตาเขาไม่ได้สนใจมันมากนัก
"คุณโคเฮน นี่คือสิ่งที่คุณถามหาครับ" เอกสารถูกวางไว้ด้านหน้า เบล้าท์ โคเฮน
เลสเตอร์ลังเลก่อนจะพูดว่า "ผมเพิ่งเจอเอริค วิลเลี่ยมเมื่อครู่ เขาถามถึงเอมี่ ปาสคาล"
เบล้าท์ โคเฮน พลันเงยหน้ามองขึ้นและถามเลสเตอร์ "แล้วคุณบอกเขายังไง?"
เมื่อเลสเตอร์เห็นดวงตาของเจ้านาย เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แล้วเตรียมใจพูดว่า
"ผมบอกว่าที่เอมี่ ลาออกเป็นเพราะทางบริษัทไม่ยอมให้เธอจัดการโครงการ Home Alone"
เบล้าท์ โคเฮน ยังคงจ้องเขาอย่างเงียบๆ เลสเตอร์กล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่า เอริค วิลเลี่ยม
กับเอมี่ ปาสคาลไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก ไม่งั้นเขาคงไม่ถามทางไปห้องทำงานเธอกับผม
ดังนั้นผมเลยไม่คิดว่าเขาจะไปหาเธอที่พัก และยืนยันสิ่งที่ผมพูด"
"นายคิดงั้น ?" เบล้าท์ โคเฮน แสดงท่าทางจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป
เลสเตอร์สั่นศีรษะเขาไปมาและสาปแช่งโชคร้ายของตัวเอง เขาพูดเสริมว่า "คุณโคเฮน แม้ว่า
คำโกหกของผมจะถูกเปิดเผยมันก็ไม่เป็นไร มันจะช่วยเพิ่มความไม่พอใจของเอริคกับทางเราขึ้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราเพราะเขาจะมีแนวโน้มรับข้อเสนอของทางดิสนีย์มากขึ้น"
เบล้าท์ โคเฮนค ก็เห็นด้วย เขารู้สึกโล่งใจและโบกมือพูดขึ้นว่า "อืม นายออกไปได้ละ"
......
เอริคขับรถไปตามถนนในฮอลลีวู้ด เอริคคิดกลับไปตอนที่อยู่ในโคลัมเบีย วันนี้เกิดหลายอย่างขึ้น
เขารู้ว่าทางโคลัมเบียไม่ได้โอเคกับข้อตกลงเดิมพันที่ทำให้พวกนั้นขาดทุน นอกจากนี้ยังรู้อีกว่าพวกนั้นได้เริ่มวางแผนบางอย่างขึ้น เบาะแสในมือเขาอย่างแรกคือ ข้อตกลงที่อยู่ในมือเขา และอย่างที่สอง เอมี่ ปาสคาล
เขาจอดรถห่างจากตัวบ้านเล็กน้อย ก่อนจะแอบเข้าทางประตูหลัง เมื่อเขามองจากทางหน้าต่างชั้นสอง
ก็เห็นผู้สื่อข่าวหลายคนกำลังซุ่มอยู่
หนึ่งในนั้นได้สังเกตเห็นเอริค ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าต่าง เขารีบยกกล้องขึ้นมาถ่าย ดูเหมือนเขาจะต้องย้ายบ้านออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เมื่อคิดแบบนี้เอริคก็ยิ้มขึ้น แม้แต่บ้านรังเคิลก็ย้ายไปอยู่ที่เบเวอร์ลีฮิลส์แล้ว แต่ในกระเป๋าเขาตอนนี้มีเพียงไม่กี่พันดอลเท่านั้น พูดอีกอย่างคือเขาจนสุดๆนั่นเอง
ขณะยังคงคิดอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ด้านหลังเขาก็ดังขึ้น
เอริครับสายมันขึ้นมา "ที่นี่บ้านวิลเลี่ยมครับ ทางนั้นคือใครครับ ?"
"คุณคือ เอริค วิลเลี่ยม ? ผมเป็นผู้ช่วยของไมเคิล ไอส์เนอร์ครับ คุณไอส์เนอร์อยากจะเชิญคุณไปทานมื้อกลางวันด้วย คุณวิลเลี่ยมพอจะหาเวลาไปได้ไหมครับ ?"
CEO ของดิสนี่ย์ ไมเคิล ไอส์เนอร์ . เอริคไม่แปลกใจที่มีเขารู้วิธีติดต่อกับเขา แต่ก็ยังสงสัยกับคำเชิญ
"พอบอกผมได้ไหมว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร ?"
ผู้ช่วยตอบว่า "เกี่ยวกับภาพยนตร์ของคุณ ทางดิสนีย์ให้ความสนใจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ในต่างประเทศของ Home Alone"
เนื่องจากข้อเสนอของโคลัมเบียนั้นน่าผิดหวัง เอริคไม่คิดมากเรื่องให้ความร่วมมือกับบริษัทอื่น "ดีแล้วเราจะนัดเจอกันที่ไหน?"
"ทางเราจะส่งคนมารับคุณเร็วๆนี้เองครับ"
เอริควางสาย แล้วคิดชั่วครู่ก่อนนะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วโทรหา เจฟฟรีย์ แฮนสัน "เจฟฟรีย์ นี่เอริคนะ"
น้ำเสียงของเจฟฟรีย์ดูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น "เอริค สัปดาห์แรกในบ็อกออฟฟิศของ Home Alone มันน่าอัศจรรย์มากผมพยายามจะโทรไปแสดงความยินดีกับคุณ แต่โทรไม่ติดเลย"
"โทษที ผมไม่ได้อยู่บ้านทั้งวัน"
"ไม่เป็นไร แล้วเอริคคุณต้องการใหผมทำไรรึเปล่า ?"
เอริคกล่าว "วันนี้ผมไปที่โคลัมเบียและคุยกับ เบล้าท์ โคเฮน เกี่ยวกับแผนการปล่อยตัวในอนาคตของ Home Aloneแล้วพบว่าหลายๆอย่างไม่ได้คืบหน้ามากนัก ผมรู้สึกเหมือนทางโคลัมเบียซ่อนอะไรสักอย่าง และเมื่อผมคุยกับเลสเตอร์
เขาบอกว่าเอมี่ลาออกไปแล้ว ถ้าคุณสามารถหาทางคิดต่อเธอและให้เธอ....."
เจฟฟรีย์ แฮนสันลังเลชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า "เอริค ผมคิดว่าเราไม่ควรติดต่อกับเอมี่แบบนั้น แม้ว่าเธอจะลาออกด้วยตัวเธอเอง แต่ด้วยบุคลิคของเธอนั้น เธอจะไม่เปิดเผยความลับทางการค้าของโคลัมเบียอย่างแน่นอน คุณสามารถบอกเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิดว่าผิดปกติกับผมแทนได้ไหม? รู้ไหมผมอยู่ในวงการฮอลลีวู้ดมากว่า 20ปีแล้ว บางทีผมอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง"
เมื่อเห็นว่าเขาคงไม่มีโชคเรื่องเอมี่ ปาสคาล เอริคเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เจฟฟรีย์ได้ฟังแล้วครุ่นคิดอยู่สองสามนาที "เราต้องให้ทางทนายตรวจสัญญาชดเชยนั่นดู บางทีอาจพบปัญหาบางอย่างแต่ถ้าไม่ ผมเองก็นึกอะไรไม่ออกเหมือนกัน เอริคมีรายละเอียดอื่นๆเพิ่มอีกไหม ?"
"รายละเอียดอื่น ?" เอริคพึมพัมกับตัวเอง เราคิดไม่ถึงวิก็พูดขึ้นว่า " ใช่แล้ว ก่อนผมจะโทรหาคุณ ผมได้รับคำเชิญไปทานอาหาร ไมเคิล ไอส์เนอร์จากดิสนีย์ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจในลิขสิทธิ์ต่างประเทศของ Home Alone "
"ไมเคิล ไอส์เนอร์....." เจฟฟรีย์ พูดถึงชื่อนี้ น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป "เอริค ไมเคิล ไอส์เนอร์กังเบล้าท์ โคเฮนเป็นเพื่อนกัน คุณต้องระมัดระวังอย่าทำสัญญาอะไรกับเขาทั้งนั้นนะ ดูเหมือนทางโคลัมเบียจะให้ข้อเสนอด๊อกด๋อยกับเราและทางดิสนีย์ก็มาติดต่อคุณที่กำลังผิดหวังจากข้อเสนอนั้น คิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ"
เมื่อฟังสิ่งที่เจฟฟรีย์พูด เอริคเห็นบางอย่างที่มุมหางตาเขา มันเป็นรถคันสีเงินจอดอยู่หน้าบ้านเขา
"เจฟฟรีย์ ดูเหมือนไมเคิล ไอส์เนอร์ จะส่งคนมารับผมแล้ว "
" ตกลง แต่จำไว้นะเอริค ไม่ว่าเขาพูดอะไรกับคุณ ก็อย่าได้ทำสัญญากับเขาเด็ดขาด"
เอริคพยักหน้าแล้ววางสายลง เขาเดินลงไปชั้นล่าง หลังจากได้ยืนยันตัวตนแล้ว คนขับและชายอีกคนก็ให้เขาขึ้นรถไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เอริคก็ได้พบกับ ไมเคิล ไอส์เนอร์ที่โรงแรมฮิลตัน
ตอนนี้ชายคนนี้อายุ 40 ปี ในชีวิตที่แล้วของเขา ชายคนนี้เป็นหัวหน้าใหญ่ของหนึ่งในยักษ์ใหญ่ทั้งหก
เขาเป็นคนที่ร่าเริงอย่างมาก เขาไม่ได้พัฒนาดิสนีย์อย่างเผด็จการและมนุษย์สัมพันธ์ของเขาก็ดีมากอีกด้วย
"ผมอิจฉาคุณจริงๆเอริค ตอนที่ผมอายุ 18 ปี ผมยังเพลิดเพลินกับการเรียนมหาลัยเดนิสันอยู่เลย แต่คุณ
ได้ทำสิ่งที่คนมากมายได้แต่ฝันถึงตลอดชีวิตได้สำเร็จ" ที่ร้านอาหารของโรงแรมฮิลตัน เอริคและไมเคิล ไอส์เนอร์ ไม่ได้พูดคุยเรื่องธุรกิจในทันที แต่ใช้เวลาพูดคุยทำความรู้จักกันเสียก่อน
"จริงๆตอนแรก ผมเตรียมตัวสมัครเรียนที่มหาลัยแคลิฟอร์เนียน่ะคุณไอส์เนอร์ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงบางอย่างทำให้ผมต้องพึ่งพาตัวเองและบังเอิญโชคดี "
ไมเคิล ไอส์เนอร์ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับโชคทั้งนั้น เอริคแม้ว่าเราจะเพิ่งได้พบกัน แต่ผมก็ได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ คนที่ไม่มีความสามารถ แม้จะได้ความช่วยเหลือจากเทพธิดาแห่งโชคลาภ เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างคุณได้หรอก คุณเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น"
"ขอบคุณคุณไอส์เนอร์ คุณเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ผมชื่นชมที่สุด มีไม่กี่คนที่จะมีความสามารถแบบคุณ"
ไมเคิล ไอส์เนอร์รู้สึกชื่นชมกับคำชมเชยของเอริค เขายิ้ม "แล้วนอกจากผม ใครเป็นคนที่คุณชื่นชมมากที่สุด ?"
เอริคคิดและพูดขึ้นว่า "บางทีคงเป็นโฮเวิร์ด ฮิวส์ "
"โอ้โห" ไมเคิล ไอส์เนอร์พยักหน้าแล้วกล่าวว่า " คนๆนั้นเป็นตำนานอย่างแท้จริง ผมคิดว่าคุณมีบางอย่างคล้ายกับเขานะเอริค แต่ดูเหมือนคุณจะมีดีกว่าเขานะ เหตุผลหนึ่งที่เขาประสบความสำเร็จ ต้องขอบคุณมรดกของพ่อเขา ในขณะที่คุณอาศัยตัวเอง ก็สามารถมีชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็ว "
เมื่อได้ยินคำสรรเสริญของไมเคิล ไอส์เนอร์ เอริคก็ยิ้ม แต่เขารู้สึกอายมาก ถ้าเขาไม่ได้เกิดใหม่
เขาคงยังอยู่ในสตูดิโอเก่าๆในบริษัทเล็กๆ ถ่ายทำโฆษณาผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพทางทีวี
ถ้ามองข้ามความรู้สึกไม่ชอบมาพากลของไมเคิล ไอส์เนอร์ เขาก็เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก
ทั้งสองคนกินอาหรากลางวันกันในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันบรรยากาศค่อนข้างรื่นรมย์
ถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือนล่วงหน้าของเจฟฟรีย์ที่ให้ระวังไอส์เนอร์ บางทีเอริคคงมองว่าเขาเป็นเพื่อนไปแล้ว
เมื่อพนักงานเสิร์ฟมาทำความสะอาดโต็ะออกไปแล้ว ไมเคิล ไอส์เนอร์ก็กล่าวว่า
"เอาล่ะเอริค มาเริ่มคุยเรื่องธุรกิจกันเถอะ"