px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 2: ระบบเลือกการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม


เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ฟางหนิงก็เดินมาที่ห้อง แต่ระบบยังคงโจมตีเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

[การทำความสะอาดที่อยู่อาศัยเสร็จสมบูรณ์ ดัชนีสุขภาพของการมีชีวิตรอดเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ระบบกำลังประมวลผลขั้นตอนถัดไป]

[ระบบกำลังประมวลผล ... ]

[ระบบกำลังประมวลผล]

[ระบบกำลังประมวลผล]

[ระบบได้ตัดสินใจเลือกการวิ่งจ๊อกกิ้งในยามค่ำคืน]

‘เป็นบ้าอะไรอีกว่ะนี่! แกรู้ไหมว่ากำลังยึดร่างของฉันอยู่นะ’ หลังจากที่ระบบได้ให้ทางเลือกหัวข้อในการสนทนาแล้ว ฟางหนิงก็ยังคงสงสัยอยู่ว่า ทุกอย่างจะทำหน้าที่เหมือนกับเกมหรือไม่ ซึ่งร่างกายของเขาจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่เขาเคลียร์เหตุการณ์ต่างๆสำเร็จแล้ว แต่มันน่าเสียดายที่ไม่ใช่ในกรณีนี้

เขาทำได้เพียงแต่มองลงไป ในขณะที่ร่างของเขากำลังสวมชุดออกกำลังกายและใส่รองเท้าไนกี้คุณภาพสูงที่เขาซื้อมาจากเถาเป่า(เวปซื้อขายของออนไลน์ของจีน) พร้อมกับการวอร์มร่างกายเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

ขณะที่เขาเดินออกจากบ้านพัก เขาก็เจอกับเพื่อนบ้านสาวสวยอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอาง เธอสวยกว่าปกติ แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอสวมเสื้อผ้าที่หนาเกินไปสำหรับยามค่ำคืนที่แสนอบอุ่นเช่นนี้ เธอใส่กางเกงยีนส์ขายาวและทับด้วยกระโปรงเอี๊ยมอีกที และสวมเสื้อสเวตเตอร์สีชมพู อีกทั้งยังใส่ถุงเท้าอีกด้วย

เฉ่าหยิงแสดงภาพลักษณ์ของความประหลาดใจบนใบหน้าของเธอออกมาอีกครั้ง ‘ผู้ชายที่มีสายตาเย็นชาคนนั้น กำลังออกไปไหนในยามค่ำคืนแบบนี้?’

เธอขึ้นมาบนห้องของเธอ และเปลี่ยนเป็นชุดเดรสเพื่อจะออกไปพบกับเพื่อนออนไลน์ที่ร่ำรวยซึ่งเธอแชทคุยกับเขามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ในหัวของเธอก็ยังมีความคิดอยู่ว่า ค่ำคืนเทศกาลวันแห่งความรักของจีนก็จบลงไปแล้ว แต่ชายโสดคนนั้นออกไปทำอะไรข้างนอกบ้านในยามค่ำคืนแบบนี้กัน?

เธอเข้าใจทันที หลังจากที่เธอเดินลงบันไดมาเห็นเขา ‘ผู้ชายคนนี้มาวิ่งจ๊อกกิ้งนี่นะ!’

“ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสารอะไรเช่นนี้ เขาถึงต้องมาคลายเคลียดโดยการวิ่งจ๊อกกิ้ง! หลังจากที่เขาดูแลตัวเองดีๆแล้ว เขาก็ดูหล่อเหลาจริงๆนะ ทำไมฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนหน้านี้? เฮ้อ! เขาจะยังไม่มีแฟนได้ยังไงกัน?” เฉ่าหยิงบุ้ยปากและถอนหายใจด้วยความเสียดาย ก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่ไป

...

ฟางหนิงสังเกตเห็นเธอ ขณะที่ระบบสั่งให้ร่างกายของเขาวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ ในฐานะผู้ชม เขาได้รับประสบการณ์ที่น่าเบื่อมากถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่เขาวิ่งจ๊อกกิ้งเสร็จแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอันใหม่จากระบบ

[พลังงานทางกายภาพลดลงถึงระดับความเมื่อยล้า ระบบแนะนำให้โฮสทำการพักผ่อน ระบบได้ตัดสินใจเลือกที่จะพักผ่อนแล้ว]

ร่างกายของเขาเริ่มเดินอย่างช้าๆ ฟางหนิงคิดกับตัวเองว่า ‘ตอนนี้แกต้องการที่จะพักผ่อนแล้วใช่ไหม? ถึงเวลาที่แกจะคืนร่างให้กับเจ้าของอย่างฉันแล้วสินะ?’

แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถยกนิ้วขึ้นมาได้ เขายังควบคุมร่างตัวเองไม่ได้เหมือนเดิม!

อีกสิบนาทีผ่านไป ก่อนที่จะมีการแจ้งเตือนอันใหม่จากระบบเข้ามา

[พลังงานทางกายภาพถูกฟื้นฟูแล้ว พลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ระบบกำลังประมวลผลขั้นตอนถัดไป ... .]

[ระบบกำลังประมวลผล ... .]

[ระบบกำลังประมวลผล ... .]

[ระบบตัดสินใจต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ... .]

‘เดี๋ยวก่อนเจ้าระบบเฮงซวย! ไม่ๆๆ ท่านระบบครับ เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?’ ฟางหนิงทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว หลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่ระบบเพิ่งแจ้งไป จู่ๆระบบนี้ก็โผล่ขึ้นมาจากไหนไม่รู้และฉกฉวยร่างกายของเขาไป โดยไม่ต้องมีการแนะนำอะไรก่อนเลย และตอนนี้เขาก็ตระหนักได้ว่า ระบบนี้อาจมีความชื่นชอบต่อศิลปะการต่อสู้ ‘ทำไมมันถึงตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมกันนะ?’

สิ่งที่ดีก็คือว่า จากการที่เขาเฝ้าสังเกตระบบมาทั้งวัน เขาจะไม่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ขัดกับหลักคุณธรรมของเขา แต่สิ่งที่เลวร้ายก็คือว่า นอกเหนือจากตัวละครหลักแล้ว พวกที่ชอบทำเป็นวีรบุรุษ มักจะจบลงด้วยการตายเร็วกว่าคนอื่นๆ!

ระบบยังคงไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆต่อเขา ราวกับว่ามันมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว ขณะที่ร่างของเขากำลังเดินอย่างมุ่งมั่นไปยังสถานที่ที่ระบบเลือกไว้ แม้แต่ฟางหนิงก็ยังสับสน หลังจากที่ระบบบังคับร่างกายของเขาเลี้ยวไปเลี้ยวมาถึง 18 ซอยแล้ว มันทำให้เขาเกิดความไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆว่า เขากำลังเดินไปที่ไหนกัน!?

ในขณะที่ระบบกำลังเดินอยู่นั้น ฟางหนิงผู้ซึ่งผ่านการอ่านนิยายมามากมายหลายเรื่อง ทำให้เขานึกถึงวิธีต่างๆที่ว่า วีรบุรุษสามารถตายได้อย่างไรบ้าง! ความคิดต่างๆประดังประดาเข้ามาในหัวของเขา จนทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาว่า เขาจะตายเหมือนเช่นวีรบุรุษพวกนั้นไหม?

“เดี๋ยวก่อนนะ ไอระบบ! เออ ท่านระบบครับ ผมรู้ว่าไม่สามารถหยุดคุณจากภารกิจที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมได้ แต่ได้โปรดเถอะนะครับ อย่างน้อยคุณก็ควรจะปลอมตัวสักหน่อยไหม! เราไม่ได้อยู่ในโลกสมัยเก่าแล้วนะ ในตอนนี้มันมีการติดตั้งกล้องวรจรปิดไปทั่ว ผมไม่ต้องการที่จะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ หลังจากที่ผ่านไปเพียงแค่หนึ่งคืนหรอกนะ กฎข้อแรกของการมีชีวิตอยู่รอดในนิยายก็คือ เราจะต้องทำตัวไม่เป็นที่โดดเด่น เพราะคนที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่นั้นตายเร็วกันทุกคน!” ฟางหนิงตะโกนถามในใจ

แม้ว่าระบบจะไม่ได้ตอบรับข้อเรียกร้องของเขาในทันทีทันใด แต่ฟางหนิงก็ยังคงมีความหวังอยู่นิดๆ ในขณะที่เขาค่อยให้ข้อมูลต่างๆกับระบบไปด้วย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ระบบนี้เคยได้มอบตัวเลือกการสนทนาให้กับเขามาแล้ว แม้ว่าจะเป็นการปฏิสัมพันธ์แบบง่ายๆกับเฉ่าหยิงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็ตาม ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า อย่างน้อยความฉลาดของระบบ อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำอะไรด้วยตัวมันเองได้ มันอาจต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าของร่างอย่างเขาบ้าง

ฟางหนิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อความคิดของเขาได้รับการตอบรับ นี่เป็นครั้งแรกที่ระบบให้การตอบรับกับความคิดเห็นของเขา

[โฮสได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ระบบกำลังประมวลผล ... .]

‘ฮืม นี่หมายความว่า ระบบนี้ยังคงรับฟังฉันอยู่สินะ?’ ฟางหนิงได้ค้นพบความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับผู้ยึดครองร่างของเขา อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เป้าหมายสูงสุดของระบบก็คือเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่รอดและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมนั้น มันเป็นเป้าหมายที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้

ช่างโชคดีจริงๆที่เขาได้ค้นพบความลับนี้เข้า ในขณะนี้ฟางหนิงรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ได้พบแสงสว่างในความมืดซึ่งเป็นความหวังของเขาแล้ว นับตั้งแต่ที่ระบบได้ถูกปลุกตื่นขึ้นมาในหัวของเขา เขาก็ยังคงมีความหวังว่า สักวันหนึ่งเขาอาจจะเป็นเจ้าของร่างกายของเขาได้ในบางเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่า เขากำลังฝันกลางวันอยู่ชัดๆ

[ระบบได้ตัดสินใจที่จะปลอมตัว โดยใช้ศิลปะการปลอมตัวเลเวล 1]

มีการแจ้งเตือนในใจของเขาอีกครั้ง

ในตอนนี้ มันน่าเสียดายที่ไม่มีกระจก ฟางหนิงอยากรู้ว่า เมื่อเขาปลอมตัวแล้ว เขาจะมีลักษณะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกได้ถึงความสูงที่เพิ่มขึ้นมา มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เขาได้ปลอมตัวไปเป็นอีกคนหนึ่งแล้ว

‘ระบบนี้แมร่งช่างสุดยอดจริงๆ! นอกเหนือจากการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฉันแล้ว มันยังสามารถเพิ่มความสูงของฉันได้อีกด้วย’ ฟางหนิงกำลังฝันหวานถึงส่วนสูงของเขาที่เพิ่มขึ้นมาจาก 168 ซม.ไปเป็น 180 ซม. เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้ ถ้าในอนาคต เขาสามารถยึดร่างของตัวเองกลับคืนมาได้ และระบบตกอยู่ใต้อำนาจเขา นี่แสดงว่าเขาอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการใช่มั้ย?

[ปลอมตัวเสร็จแล้ว ระบบตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม]

ฟางหนิงตื่นออกจากฝันกลางวัน เขาตัดสินใจที่จะไม่รบกวนระบบโง่เง่านี้ ในขณะนี้เขาจึงกลายมาเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเต็มตัว เขาต้องการจะเห็นว่า ระบบต้องการที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมยังไงกัน! แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ดีว่า ระบบไม่ได้ต้องการทำลายร่างกายของเขาแน่ๆ

หลังจากนั้น ระบบก็ทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้ง

หลังจากการปลอมตัวเสร็จสมบูรณ์แล้ว ระบบสั่งให้ร่างกายของเขาหันกลับและเดินเข้าไปในถนนเส้นหนึ่งทันที บนท้องถนนเส้นนี้ไม่มีหลอดไฟส่องสว่างเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงแสงหริบหรี่จากดวงจันทร์ในยามค่ำคืนคืนเท่านั้น มันมืดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ฟางหนิงกลับพบว่า สายตาของเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมาก ห่างจากเขาออกไปไม่กี่ร้อยเมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้กระเป๋าฟาดคนอ้วนคนหนึ่งอยู่

“เดี๋ยวก่อน นั่นคุณกำลังทำอะไร? เราเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกนะ เอามือของคุณออกไปได้แล้ว!”

“ฉันต้องการทำอะไรงั้นหรือ!? ฉันก็จะพาเธอเข้าโรงแรมไง! ก็เราเป็นเพื่อนสนิทที่แชทกันมานานแล้วนี่! ฉันต้องนั่งรถไฟมาตั้งไกลเพื่อมาพบกับเธอเลยนะ! ทำไมเธอถึงไม่จ่ายค่าตั๋วรถไฟให้ฉันหน่อยล่ะ” รอยยิ้มของคนอ้วนแฝงไปด้วยความคิดสกปรก เมื่อเขาบังคับพาหญิงสาวในอ้อมกอด กำลังเดินเข้าไปในโรมแรม

ฟางหนิงมองเหตุการณ์ข้างหน้า ผู้หญิงคนนั้น ... ไม่ใช่เพื่อนบ้านสาวสวยของเขาหรอกหรือ? เธอเป็นเพื่อนบ้านผู้น่ารักที่เขาได้พบมาสองครั้งแล้ว แต่ในตอนนี้ เธอกำลังโดนเจ้าอ้วนโอบกอดและขืนใจอยู่

ใบหน้าของชายคนนั้นดูน่ารังเกียจมาก มันไม่เหมาะกับสาวสวยเช่นเธอเลย แม้จะอาศัยอยู่ในบ้านเช่าเดียวกันกับเธอ แต่ฟางหนิงก็ไม่เคยคุยกับเธอเลยสักครั้ง และยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลยด้วยซ้ำ เขาเพิ่งมารู้เมื่อตอนที่ระบบให้เขาเลือกบทสนทนากับเธอ แต่ในตอนนี้ เธอกลับมานัดพบกับเจ้าอ้วนที่รู้จักกันทางแชทนี่นะ!

ถ้าเจ้าอ้วนมีหน้าตาและรูปร่างเหมือนเขา ป่านนี้ทั้งสองคนอาจจะอยู่ในโรงแรมด้วยกันแล้วก็ได้ แต่ในตอนนี้ มันไม่เป็นแบบนั้น!

ขณะที่ฟางหนิงกำลังจมอยู่ในความคิด เขาก็รู้สึกว่าปากของเขากำลังขยับ

“หยุดนะ! คุณจะมาลักพาตัวหญิงสาวในเวลากลางวันแสกๆเช่นนี้ได้อย่างไร! คุณไม่มีความรู้สึกอับอายบ้างเลยหรือ!?”

ฟางหนิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เขาจะมีน้ำเสียงที่น่าดึงดูดและสง่างามแบบนี้ มันเป็นเสียงของคนที่น่าเกรงขามสุดๆ

จากนั้นเขาก็กลับมารู้ตัวว่า ‘เดี๋ยวก่อนนะ! หรือว่านี่เป็นเสียงจากการปลอมตัว! แต่ว่าทำไมถึงไม่มีตัวเลือกการสนทนาใดๆเหมือนครั้งก่อนล่ะ? แต่ถ้ามี ฉันจะไม่มีทางพูดประโยคแบบนี้แน่ๆ ‘กลางวันแสกๆ มันกลางวันแสกๆตรงไหนกัน นี่มันกลางคืนชัดๆ?’ เขารู้สึกเศร้า

ชายอ้วนตกตะลึงและเงียบอยู่นานสองนาน คำพูดที่ไร้สาระแบบนี้มาจากปากของคนจริงๆใช่มั๊ย?

เขามองมาที่ฟางหนิง ก่อนที่สักพักเขาจะหัวเราะออกมา ถ้าเกิดการต่อสู้กัน ฟางหนิงจะได้เปรียบอย่างเดียวคือเรื่องความสูง แต่ขนาดของร่างกายมันต่างชั้นกันมาก ฟางหนิงผอมมากเกินไป เปรียบได้กับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงชัดๆ!

แน่นอนว่า เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นผลมาจากการปลอมตัว มันเป็นปกติที่เขาจะดูผอม หลังจากที่เขาสูงขึ้นมาเกือบ 20 ซม. ในขณะที่น้ำหนักของเขายังคงเท่าเดิม

ระบบนี้ยังคงถูกผูกมัดโดยหลักการทางวิทยาศาสตร์บางอย่าง เหมือนกับนักสืบโคนัน ระบบไม่สามารถละเลยกฎการอนุรักษ์มวลสาร ไม่สามารถขยายหรือหดตัวได้ตามต้องการ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในน้ำหนักของเขาแล้วล่ะก็ เขาสามารถกลายเป็นแทรนเนอร์ได้เลย แต่หลังจากที่เขากลายเป็นสูงขึ้น ทำให้ในตอนนี้เขาจึงผอมแห้งมากๆ

“อย่ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่น เจ้ากุ้งแห้งเดินได้! นี่คือแฟนของฉัน และฉันจะทำอะไรกับเธอ มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาย! ฉันจะพาเธอไปไหนก็ได้ตามที่ฉันต้องการ! จะบอกให้รู้เอาไว้นะว่า นายไม่ใช่คนแรกที่จะตายด้วยน้ำมือฉัน!” เมื่อเขาพูดจบ มีดปลอกผลไม้ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา และพุ่งแทงเข้าใส่ฟางหนิง ใบหน้าของชายอ้วนกลายเป็นน่ากลัวขึ้นมาทันที

ฟางหนิงหน้าซีดและสมองของเขาว่างเปล่า เขาต้องการที่จะหลบ, ต้องการที่จะหันหลังกลับและวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาก็ตระหนักได้ว่า เขายังไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ นั่นก็หมายความว่า เขาจะต้องมาตายแบบนี้งั้นหรือ? ‘ฉันต้องขอบคุณแกไหม? ไอๆๆระบบเฮงซวย!’

ทันใดนั้น ในเวลาเพียงแค่สองวินาทีต่อมา เขาก็รู้ตัวว่าที่เขาหวาดกลัวไปเมื่อกี้ มันช่างโง่เขลานัก และเขาก็ได้รับรู้อีกอย่างว่า ระบบนี้ทรงพลังมากเพียงใด ระบบนี้มันพึ่งพาได้จริงๆ!

จากมุมมองในสายตาของเขา เขาเห็นร่างตัวเองขยับตามคำสั่งของระบบ เขาโยกตัวหลบไปทางซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว มันเร็วมากจนคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปและกระแทกฝ่ามือใส่หน้าอกของชายอ้วนอย่างจัง

สิ่งที่ตามมาก็คือ ฟางหนิงเห็นว่าใบหน้าที่น่ากลัวของชายอ้วนกลายเป็นตกตะลึง จากนั้นเขาก็ค่อยล้มลงอย่างช้าๆ เขานอนตายโดยที่ตาของเขายังคงเปิดค้างอยู่ คนๆนี้เป็นตัวอย่างของการตายอย่างไม่สงบ

ฟางหนิงตกตะลึง ระบบนี้ร้ายกาจและโหดเหี้ยมมาก! นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมวีรบุรุษในอดีตถึงชอบทำตัวน่าเกรงขามขนาดไหน พวกเขามักจะฆ่าคนที่คอยทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างไม่ลังเลใจเลย แม้แต่วีรบุรุษหลู่เซียนที่ต่อสู้กับเฉินกวนซี เขายังต้องชกตั้งสามครั้งก่อนที่จะฆ่าเฉินกวนซีลงได้ (ในนิยายเรื่องหนึ่งที่เขาเคยอ่าน) แต่ระบบนี้กลับโจมตีเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือเท่านั้นเอง! ใช่แล้ว แค่หนึ่งฝ่ามือ! มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ทันใดนั้น เขาได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

รีวิวผู้อ่าน