px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 11: คุณต้องการค่าความโกรธสำหรับเปิดใช้อันติเมท


[นั่นง่ายมาก เป็นเพราะว่าคุณต้องการค่าความโกรธ]

ฟางหนิงกระพริบตาปริบๆ แน่นอนว่าเขาคุ้นเคยกับค่าความโกรธดี เขาเล่นเกมแนวนี้มาหลายเกมแล้ว โดยเกมแบบนี้ผู้เล่นจะต้องมีค่าความโกรธเต็มก่อน จึงจะสามารถเปิดใช้งานอันติเมทได้

ดังนั้นระบบในโหมดการต่อสู้นี้ จะมีกลไกเดียวกันกับเกมหรือไม่?

“โอ้ นายกำลังหมายความว่า เมื่อนายสะสมค่าความโกรธได้เพียงพอแล้ว นายจะสามารถเปิดใช้งานอันติเมทได้ นี่มันเป็นเหมือนกับในเกมเลยสินะ?” ในที่สุดฟางหนิงก็เข้าใจ

“ตามนั้นแหละ” ระบบยืนยัน

“อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันจำเป็นแล้วหรอ? ดูเหมือนว่าเรายังไม่ได้เจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งอะไรเลยนะ?” มันเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากสำหรับฟางหนิง ที่จะเห็นความคืบหน้าของระบบแบบนี้ จริงๆแล้วเขาก็รู้สึกผิดต่อระบบมาก เพราะเขาเอาแต่เล่นเกมมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว แต่การที่ระบบบอกเขาแบบนี้ขึ้นมา แสดงว่าในอนาคตพวกเขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบว่า จะมีผู้แข็งแกร่งกี่คนที่อยากจะออกมาทดสอบพลังของพวกเขา?

“ตอนนี้ฉันมีเลเวล 10 แล้ว และจากรูปแบบการฟาร์ม EXP ที่คุณเสนอมานั่น เรายังคงต้องสะสม EXP อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การสร้างอาวุธสวรรค์มีความคืบหน้าต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาของการดำเนินการสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ เราอาจโดนจับตามองและมีความเป็นไปได้สูงที่จะดึงดูดศัตรูที่แข็งแกร่งเข้ามาหา ซึ่งความแข็งแกร่งและทักษะที่เรามีอยู่ในตอนนี้นั้น มันยังไม่เพียงพอที่จะรับมือพวกเขาได้” ระบบอธิบายให้เขาฟัง ฟางหนิงรู้สึกทั้งหวาดกลัวและมีความสุขไปพร้อมๆกัน

เขามีความสุขเพราะว่าระบบช่างขยันขันแข็งเสียจริง ท่านระบบนี้สามารถไปถึงเลเวล 10 ได้ในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น จริงๆแล้วเขารู้ถึงความยากลำบากในการอัพเลเวลของระบบดี ซึ่งความต้องการค่า EXP ในแต่ล่ะเลเวลนั้นช่างมากมายนัก และเขายังเข้าใจดีอีกว่า นี่ถือว่าเป็นการเก็บเลเวลที่รวดเร็วมากๆแล้ว เมื่อเทียบกับประวัติในการเก็บเลเวลตัวละครในเกมของเขาในช่วงชีวิตที่ผ่านมาแล้ว มันดูเป็นเหมือนเด็กน้อยไปเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบจำเป็นต้องวิ่งไปทั่วเมือง เพื่อออกค้นหาเหล่าอาชญากรในการฟาร์มเลเวล! ถ้าเป็นฟางหนิงซึ่งเป็นคนที่ขี้เกียจสุดๆแล้วล่ะก็ เขาจะยอมแพ้หลังจากมีเลเวลแค่ 3 หรือ 4 แล้ว ในตอนแรกของการเก็บเลเวล เขาอาจจะเริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าที่ได้โชว์พลัง แต่ด้วยกระบวนการที่แสนน่าเบื่อแบบนี้ อาจทำให้เขาต้องเลิกทำไปในที่สุด

ส่วนคนที่ขยันขันแข็ง อาจจะเก็บได้แค่เลเวล 5 หรือ 6 เท่านั้น ไม่มีใครหรอกที่สามารถทำการเก็บเลเวลได้ตลอด 24 ชม.ในทุกๆวัน เหมือนเช่นเดียวกับที่ระบบทำได้ ...

และสิ่งที่กลัวฟางหนิงหวาดกลัวก็คือว่า ด้วยการที่ระบบบ้าคลั่งในการเก็บเลเวลมากๆ อาจจะมีสักวันหนึ่งที่ระบบต้องเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง!

“ดังนั้นสิ่งที่นายจะบอกฉันก็คือว่า การที่นายชอบมอบบทสนทนาที่ชวนทะเลาะกับคนอื่นให้กับฉันนั้น เป็นเพราะว่านายต้องการเก็บค่าความโกรธ เพื่อเอาไว้เปิดใช้งานอันติเมทของนาย และนายกำลังวางแผนที่จะใช้อันติเมทจัดการกับศัตรูที่แข็งแกร่งในอนาคต?” ในที่สุดฟางหนิงก็เข้าใจสถานการณ์ดี

“ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ฉันมีเลเวล 10 และสามารถใช้ EXP เพื่อเรียนรู้ทักษะลับ หรือใช้อัพเกรดทักษะการต่อสู้ธรรมดาให้เป็นทักษะการต่อสู้ลับได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องมีค่าความโกรธไว้เพื่อใช้สำหรับเปิดใช้งานทักษะลับ เมื่อเราพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง การที่เรามีทักษะลับที่หลากหลาย มันจะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการที่จะเอาชนะพวกเขาเหล่านี้ได้ ส่วนทักษะที่สามารถช่วยในการหลบหนีของเรา ก็ควรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ด้วยเช่นเดียวกัน”

“ค่าความโกรธสามารถได้รับมาจากมนุษย์เพียงเท่านั้น และคุณสามารถสร้างค่าความโกรธด้วยตัวคุณเองได้ หรือคุณอาจจะดูดซับค่าความโกรธมาจากคนที่หงุดหงิดอยู่ โดยระบบสามารถเก็บรวบรวมค่าความโกรธทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับตัวคุณ และสะสมไว้เพื่อปลดล็อกแถบค่าความโกรธได้ แถบค่าความโกรธแรกของคุณได้รับการปลดล็อกแล้ว โดยปกติแล้ว แถบค่าความโกรธจะได้รับทุกๆ 5 เลเวลของระบบ และทุกๆทักษะลับจะใช้แถบค่าความโกรธอย่างน้อยหนึ่งแถบ ในตอนนี้คุณมี 3 แถบค่าความโกรธ และแถบค่าความโกรธแรกก็มีอยู่ถึง 70% แล้ว”

‘’โอ้ สุดยอดมาก! ถึงแม้ระบบจะดูโง่เง่า แต่ฉันก็รู้ว่ามันจะไม่มีวันทำอะไรที่ไร้ประโยชน์!’ ตอนนี้ฟางหนิงเข้าใจดีแล้วว่า ค่าความโกรธนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน จะพูดตรงๆก็คือว่าเขาเหมือนมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ค่าความโกรธจะช่วยให้เขาสามารถใช้ทักษะลับในการต่อสู้ หรือใช้หลบหนีจากสถานการณ์อันตรายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่เขาและระบบก็ถูกผูกมัดไว้ด้วยกันแล้ว และสิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นก็คือว่า พวกเขาอาจจะตายไปพร้อมกัน และอาจกลับชาติมาเกิดใหม่ด้วยกันก็เป็นไปได้ ...

หลังจากที่เขาได้พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ระบบได้บอกมา ฟางหนิงได้นึกถึงเฉ่าหยิงผู้ซึ่งทำตัวเจ้าชู้ใส่ตัวตนศาลเตี้ยของเขาขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะชอบผู้หญิงสวย แต่เขาก็ไม่ชอบให้ใครมาหยอกล้อเขาแบบนี้

อีกหนึ่งในเหตุผลหลายประการก็คือ เขารู้ว่าเฉ่าหยิงมีนิสัยชอบจับแต่คนรวยๆ และในตอนนี้เขาก็ร่ำรวยเอามากๆ ทุกอย่างต้องขอบคุณระบบที่โง่เง่านี้ และความคิดที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของเขาก็เริ่มถูกกระตุ้นขึ้นมา

และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ในวันนี้เขาจึงจำเป็นต้องสอนบทเรียนเล็กๆให้กับเธอ เพื่อที่เธอจะได้หยุดทำตัวแบบนี้กับคนอื่นเสียที และประการที่สองก็คือ เขาจะช่วยให้ระบบสามารถเก็บสะสมค่าความโกรธ เพื่อไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ นี่เหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย!

ฟางหนิงไม่ได้เป็นเหมือนระบบที่โง่เง่า ที่เพียงรู้วิธีที่จะได้รับค่าความโกรธ โดยใช้แต่วิธีที่ป่าเถื่อน แต่สำหรับเขาแล้ว เขาสามารถคิดได้ดีมากกว่านี้

“ท่านระบบ แสดงให้ฉันเห็นเครือข่ายความสัมพันธ์ของศาลเตี้ยกับคนอื่นๆ” ฟางหนิงร้องขอ

ตราบเท่าที่มันเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆที่จะเสริมความแข็งแกร่งของระบบ มันจะได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วที่สุดจากระบบในทันที ในไม่ช้าแผนภาพเครือข่ายความสัมพันธ์ของศาลเตี้ย A กับคนอื่นๆที่มันเคยได้รู้จักมา ก็ถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่ฟางหนิงกำลังเล่นอยู่

ฟางหนิงสแกนแผนภาพนี้ และความคิดบางอย่างก็โผล่ขึ้นมาเกือบจะในทันที เขารับรองว่าระบบจะได้รับค่าความโกรธจำนวนมากจากเธอ

“ท่านระบบ สามตัวเลือกที่นายให้ไว้ในก่อนหน้านี้ มันไม่ได้มีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะให้ฉันใช้ทำให้เธอโกรธได้!”

///

เฉ่าหยิงมองชายรูปหล่อที่เหมือนเจ้าชายอย่างคาดหวัง หลังจากที่เธอได้พูดคุยกับเขา

เขาพยักหน้าและยิ้มอย่างสนิทสนม ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาจำเธอได้ เมื่อเธอกำลังต้องการจะก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยต้องการจะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น แต่ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเธอ

“ที่รักคะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? คุณรู้จักเธอหรอ?”

‘เชี่ย! ยัยบ้าคนไหนที่กล้าเรียกเจ้าชายของฉันว่า ที่รัก?’ เฉ่าหยิงหันไปมองทางต้นเสียง และเจอกับสุภาพสตรีที่แสนงดงาม แม้ไม่มีเครื่องสำอางแต่งเติมบนใบหน้าของเธอเลยก็ตาม ผู้หญิงสวยกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ เธอสวมชุดสีขาวราวกับหิมะ ส่วนโค้งเว้าของเธอสามารถมัดใจชายคนไหนก็ได้ ชุดของเธอน่าจะมีค่าราคาอย่างน้อย 10000 หยวน ทุกย่างก้าวของเธอเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และรอยยิ้มของเธอก็ดูอ่อนละมุนน่าค้นหา ภาพทั้งหมดนี้ทำให้เฉ่าหยิงกรีดร้องอยู่ภายในใจด้วยความอิจฉา ‘เธอต้องมาจากตระกูลใหญ่’

ความโกรธของเฉ่าหยิงปะทุขึ้นมาในทันที

ทันใดนั้น การแจ้งเตือนของระบบก็ปรากฏขึ้นมา: [ความโกรธของเฉ่าหยิงกำลังเพิ่มขึ้น]

“โอ้ เธอเป็นแค่คนที่ฉันเคยช่วยชีวิตเอาไว้ นอกนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้จริงๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งนี้ หยานเอ๋อร์ ฉันสั่งอาหารไว้ให้คุณแล้วนะ และอีกสักพักอาหารก็กำลังจะมา คุณว่าร้านแห่งนี้ค่อนข้างดีไหม?”

“ที่รักคะ ที่ไหนมีคุณอยู่ด้วย ที่นั่นย่อมดีที่สุดสำหรับฉันเสมอ” ผู้หญิงสวยกล่าว ขณะที่เธอโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่หล่อเหลาของศาลเตี้ย ใบหน้าของเฉ่าหยิงบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นพนักงานเสิร์ฟจริงๆ และเธอยังยืนอยู่ที่นั่นด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ

“เฮ้ พนักงานเสิร์ฟ เธอมัวแต่ยืนบื้ออะไรอยู่ตรงนี้ ไปหาเครื่องดื่มมาให้เราได้แล้ว เฮ้อ ฉันไม่น่าคาดหวังอะไรมากเลยจากร้านอาหารเล็กๆแบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะขาดการฝึกอบรมที่ดีนะ! เธอน่าจะเข้าฝึกอบรมอีกสักรอบสองรอบ แต่เธอไม่ควรยอมแพ้ต่อโชคชะตาตัวเองแบบนี้นะ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือว่า เธอน่าจะหัดเรียนรู้วิธีการพูดภาษาอังกฤษให้ดีๆ เพราะว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่ออาชีพของเธอ ไม่แน่ว่าเธออาจสามารถไปทำงานในแรงแรมนานาชาติก็ได้ เอางี้ไหม? ตระกูลของฉันมีโรงแรมอยู่หลายแห่ง ฉันอาจจะแนะนำให้เธอไปทำงานที่นั่นได้!” ผู้หญิงสวยกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวล และแววตาของเธอก็ดูหวังดีเอามากๆ

‘ใช่สิ ฉันต้องขอขอบคุณเธอในนามของตระกูล และบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วทั้งหมดของฉันสำหรับการช่วยเหลือของเธอไหม?’ เฉ่าหยิงเย้ยหยันอยู่ภายในใจ เธอฝืนยิ้มกว้างๆออกมา เพื่อหยุดยั้งตัวเองจากการสูญเสียความสุขุม

การแจ้งเตือนของระบบ: [ความโกรธของเฉ่าหยิงถึงระดับวิกฤตแล้ว ค่าความโกรธสามารถดูดซับได้แล้ว]

ในเวลาเดียวกัน พนักงานเสิร์ฟอีกคนก็ได้นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ

“ทำไมอาหารพวกนี้ดูธรรมดามากๆ? มันไม่สวยเท่าที่หวังหม่าทำเลย แต่มันก็มีกลิ่นค่อนข้างดี ถึงแม้ว่า ...” ผู้หญิงสวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะแสดงความแปลกประหลาดใจออกมาบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็รีบเก็บอาการเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“ทำไมมันเยอะขนาดนี้? ฉันไม่ค่อยหิวด้วยสิ ที่รักช่วยกินหน่อยได้ไหมคะ?”

“ได้สิจ๊ะ”

ทั้งสองคนกินอาหารจานเดียวกัน ตะเกียบของพวกเขาเต้นไปรอบๆ ขณะที่พวกเขาลิ้มรสอาหารอันโอชะ ที่เฉ่าหยิงบอกพ่อครัวให้ทำมาเป็นพิเศษ

การแจ้งเตือนของระบบ: [ความโกรธของเฉ่าหยิงมีค่าสูงสุดแล้ว เริ่มกระบวนการดูดซับค่าความโกรธ แถบค่าความโกรธแรกเพิ่มขึ้น 10% ขณะนี้อยู่ที่ 80%]

เฉ่าหยิงใช้ทุกอย่างที่เธอมี เพื่อระงับความโกรธของเธอที่กำลังจะระเบิดออกมา เธอกระทืบพื้นอย่างแรงและหันหลังเดินจากไป เธอเดินไปนั่งเกาอี้ตรงล็อบบี้ และจ้องมองทั้งสองคนที่กำลังพลอดรักกันอยู่

‘ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใครบอกให้เธอชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นล่ะ โดนซะบ้างแล้วเป็นไง?’ ฟางหนิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากกับผลลัพธ์ที่ตามมา ขณะที่เขาตำหนิเฉ่าหยิงอยู่ในพื้นที่มิติของระบบ เขาตื่นเต้นมาก เมื่อเขาได้เห็นใบหน้าของเฉ่าหยิง

ระบบก็พอใจมากเช่นกัน มันนึกไม่ถึงว่าวิธีการแบบนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ? มนุษย์ย่อมเข้าใจมนุษย์ด้วยกันเอง!?

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ศาลเตี้ยผู้หล่อเหลาก็กอดผู้หญิงสวยไว้ในอ้อมแขนและเดินจากไป เฉ่าหยิงลุกขึ้นยืนด้วยอารมณ์อกหัก ตลอดเวลาที่เหลือทั้งวันของร้านอาหาร ทุกคนในร้านต่างคอยรักษาระยะห่างจากตัวเธอไว้ เนื่องจากความโกรธของเธอปะทุออกมาเหมือนเช่นแม็กม่า ในตอนนี้แม้แต่อากาศที่อยู่รอบๆตัวเธอก็ยังรู้สึกร้อนไปด้วยเลย

รีวิวผู้อ่าน