px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 12 : ยุคใหม่ที่กำลังมาถึงอย่างเงียบๆ


“ในที่สุดฉันก็สอนบทเรียนให้เธอได้ เอาล่ะ ฉันคงต้องกลับไปใช้ปืนของฉันฆ่าศัตรูให้ราบคาบ” ฟางหนิงคิดว่า หลังจากที่เขาได้ช่วยระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มีอารมณ์อยากเล่นเกมขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็กลับไปยังร้านอินเทอร์เน็ตในพื้นที่มิติระบบอย่างมีความสุข เพื่อตรวจสอบเกมยิงปืนที่เขาเล่นมาก่อนหน้านี้ เขาดีใจมากเมื่อพบว่าทีมของเขาได้รับชัยชนะ เทพธิดาแห่งโชคช่างดลบันดาลให้เขามากเสียจริง

“อะไร? คนคนนี้คือใครกัน? เขาใช้เพียงแค่มีดเท่านั้น เขาพุ่งชาร์จเข้ามาราวกับว่าตัวเองเป็นบอส เขาจัดการฆ่าไปถึง 7 คน ผู้บัญชาการของฝ่ายศัตรูอยู่ในกลุ่มคนที่ถูกฆ่าเหล่านั้นด้วยงั้นหรอ? เชี่ยเอ๊ย!”

เขาเปิดดูรายงานการต่อสู้ และยังชื่นชมอีกด้วยว่า ผู้เล่นมืออาชีพที่ใช้มีดคนนั้นเก่งมากจริงๆ เขาหันไปดูชื่อผู้เล่นคนใช้มีด ซึ่งมีชื่อว่า Ursula Forever และคลิกอย่างไม่ตั้งใจไปบนแท็บการสนทนาเพื่อแชทกับมืออาชีพคนนั้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถูกมืออาชีพดึงเข้าไปเล่นเกมอีกรอบหนึ่ง ความกังวลที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเขาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

‘ระบบอาจจะกังวลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ฉันก็อาจจะเป็นเพียงนักยุทธศาสตร์สมัครเล่นด้วยเช่นกัน’ ฟางหนิงกำลังครุ่นคิดในขณะที่เขาเล่นเกม แต่หลักการทางศีลธรรมนั้นได้จางหายไปราวกับสายลม ด้วยการแตะที่แป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว

////

“เฮ้ เดี๋ยวก่อนมืออาชีพ โปรดป้องกันฐานเอาไว้ซักครู่ ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำแล้วจริงๆ อย่าพึ่งยอมแพ้นะ ฉันจะกลับมาในอีกไม่กี่นาทีนี้!” ฟางหนิงรีบออกจากเกมใหม่ หลังจากที่เขาเพิ่งกดเริ่มเกมไปไม่กี่นาทีเท่านั้น เพราะตัวเลือกการสนทนาของระบบได้โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งนี้ทำให้เขาต้องหยุดเล่นเกมอย่างแน่นอน เขายังรู้ดีถึงวิธีจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเล่นเกมมากก็ตาม

ร่างกายของเขาถูกควบคุมโดยระบบ ตอนนี้เขาอยู่ในที่เงียบสงบใกล้กับสวนสาธารณะ มันเป็นสถานที่ที่ถูกปิดกั้นจากการถูกจับตามอง และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนรักมักจะมาพลอดรักกันบ่อยๆ

ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่งดงาม แต่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

[ในตอนนี้ฉีหยานกำลังขอค่าชดเชยสำหรับการแสดงของเธอ ตัวเลือกของคุณคือ:]

[ตัวเลือกที่ 1: นี่คือตำราศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าฉบับไม่สมบูรณ์ ตอนนี้ตำราเล่มนี้เป็นของเธอแล้ว และเธอจะได้รับกำลังภายในของเต๋าที่แท้จริง หลังจากที่เธอได้ฝึกฝนตำราเล่มนี้]

[ตัวเลือกที่ 2: ให้เธอเลือกศิลปะการต่อสู้ 3 ประเภท และถ่ายทอดความรู้ให้เธอโดยอัตโนมัติ ได้แก่ ศิลปะการใช้มีดเริ่มต้น: ผ้าคลุมโกลาหล, พลังซี่กงเริ่มต้น: การกลิ้งของลา หรือกำลังภายในขั้นพื้นฐาน: การเกร็งพลังครึ่งก้าว]

[ตัวเลือกที่ 3: จ่ายเงินให้เธอ 10,000 หยวน แต่อีกฝ่ายน่าจะตอบปฏิเสธอย่างแน่นอน]

‘แล้วทำไมนายต้องมอบตัวเลือกที่เธอจะปฏิเสธด้วยล่ะ! เฮ้อ!’ ฟางหนิงสแกนตัวเลือกทั้งสามอย่างเกียจคร้าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมการเล่นเกมของเขาถึงถูกขัดจังหวะ เขาเลือกตัวเลือกที่ 2 โดยไม่คิดมากทันที

ตัวเลือกแรกคือศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋านั้นเป็นของแท้อย่างแน่นอน แต่ส่วนที่ไม่สมบูรณ์ที่ระบบพูดถึงก็คือ ถ้าฝึกไปแล้วจะมีลูกได้ยาก ซึ่งฟางหนิงไม่กล้าที่จะเลือกข้อนี้ให้กับเธอ

“เฮ้ ศาลเตี้ย A คุณไม่คิดที่จะหนีไปใช่ไหม? ฉันเป็นผู้หญิงมีเกียรติที่ได้เสียสละทั้งความงาม, ชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของฉันเพื่อแสดงฉากนี้กับคุณเชียวนะ ฉันจะไม่รีบขับรถมาที่นี่เลย ถ้าคุณไม่สัญญาว่าจะสอนศิลปะการต่อสู้ระดับเริ่มต้นให้กับฉัน! นี่ฉันไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะแต่งหน้าเลยนะ ข้อตกลงของเราไม่เพียงแต่คุณต้องสอนฉันเท่านั้น แต่คุณยังต้องสอนจนกว่าฉันจะเข้าใจทุกอย่างจริงๆ เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเถอะ!”

ฉีหยานผู้สวยงาม ส่ายนิ้วมืออันบอบบางของเธอให้ศาลเตี้ย A เพื่อกระตุ้นเขา เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก หลังจากที่สังเกตเห็นว่า ฟางหนิงมีการตอบสนองที่แสนเชื่องช้า เธอกำลังคิดว่า ศาลเตี้ย A คนนี้จะเป็นคนที่คล้ายคลึงกับผู้อาวุโสในตระกูลของเธอหรือไม่? สำหรับพวกเขาแล้ว ศิลปะการต่อสู้นั้นมีค่ามากเกินกว่าที่จะยึดติดกับสิ่งล่อลวงอื่นๆ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะทำก็คือ การให้คนอื่นเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่แสนห่วงแหนของพวกเขา ‘ฉันหวังว่าศาลเตี้ย A จะไม่เป็นคนอย่างนั้น?’

เธอได้พบกับศาลเตี้ย A เป็นครั้งแรกในคืนๆหนึ่ง ซึ่งเขากำลังตามล่าโจรในละแวกบ้านของเธอ และเธอได้เห็นความสามารถของในการลงมือจู่โจมของเขา เธอรู้จักศาลเตี้ย A เป็นอย่างดี เพราะเธอเคยเห็นแฟ้มคดีที่มากมายของเขาจากอาวุโสตระกูลของเธอ เนื่องจากอาวุโสเหล่านี้ยังคงติดต่อกับคนในสำนักงานกิจการพิเศษอยู่

สาวงามฉีหยานกำลังคิดว่า ศาลเตี้ย A จะปฏิเสธคำพูดของเธอ แต่ทันใดนั้น ฟางหนิงก็พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ เขายื่นแขนเข้ามาหาเธอ ในขณะที่เขามองหน้าเธอ

“อ๊ะ! คุณคิดที่จะทำอะไร? นี่มันยังกลางวันแสกๆอยู่เลยนะ” ฉีหยานตัดคำพูดของตัวเองโดยการใช้มือปิดปากอย่างทันที ทำไมเธอถึงต้องใช้ถ้อยคำที่เป็นเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเขาในการประท้วงกัน? แล้วผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไรกัน!?

“เลือกหนึ่งในสามของศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ซะ และฉันจะถ่ายทอดความรู้ให้กับเธอ เพื่อให้เธอเข้าใจความลับในศิลปะการต่อสู้ที่เธอเลือก ในฐานะนักสู้ที่มีความยุติธรรม ฉันย่อมยึดมั่นในคำพูดของตัวเองอยู่เสมอ!”

ใบหน้าของฟางหนิงนั้นปราศจากตัณหาทั้งปวง เขาเพียงแค่ท่องชื่อของศิลปะการต่อสู้ทั้งสามออกมา

ใบหน้าฉีหยานนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน เมื่อเธอได้ยินชื่อศิลปะการต่อสู้ทั้งสาม เพื่อนคนนี้กำลังสร้างความยุ่งยากให้กับเธอ! อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอมองไปยังใบหน้าอันมีเสน่ห์ของเขาซึ่งยังคงแสดงออกอย่างจริงจังอยู่ตลอดเวลาในการเผชิญหน้ากับเธอ เธอก็ค้นพบว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากจะเชื่อได้ว่า เขาเพียงแค่ต้องการล้อเล่นกับเธองั้นหรอ? แต่เขาจะพูดจาไร้สาระได้อย่างไรกัน? ในขณะที่เขายังคงมีใบหน้าที่เงียบสงบอยู่เช่นนี้

“ฉันเลือกศิลปะการต่อสู้ที่ 3” ภายใต้การกัดฟันของฉีหยาน ในที่สุดเขาก็ได้มอบสิ่งล่อใจที่เป็นศิลปะการต่อสู้ให้กับเธอ ในขณะที่เธอพิจารณาถึงเม็ดยาที่แสนมหัศจรรย์มากมาย ที่ผลิตขึ้นโดยบางบริษัทภายใต้ตระกูลของเธอ และมันต้องใช้กำลังภายในอัดเข้าไปในเม็ดยา ดังนั้นเธอจึงตัดสินที่่เลือกศิลปะการต่อสู้ที่ 3 - การเกร็งพลังครึ่งก้าว

นอกจากนี้ สองตัวเลือกแรกนั้นน่าอายเกินกว่าที่เธอจะเอาไปใช้จริงได้ เธอไม่สามารถทนเห็นตัวเองใช้ศิลปะการต่อสู้พวกนี้ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถเรียนรู้ได้แล้วก็ตาม ถ้าหากเธอต้องใช้ศิลปะการต่อสู้สองตัวเลือกแรกนั้น เธอจะต้องแน่ใจว่า ทุกคนที่ได้เห็นศิลปะการต่อสู้ที่เธอใช้นั้น จะไม่มีวันได้อยู่ลืมตาดูโลกนี้อีกตลอดไป และเธอก็ไม่ได้เป็นนักฆ่าโรคจิตที่สามารถทำเช่นนั้นได้ทุกครั้งเสมอไป

ฟางหนิงพูดไม่ออก ในขณะที่เขากำลังนั่งฟังระบบอยู่ภายในพื้นที่มิติ มีเพียงระบบเท่านั้นที่มีความกล้ามากพอ ที่จะเอาบางสิ่งที่ไร้ความปราณีแบบนี้ มามอบให้กับผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้ได้ ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีวันทำอะไรแบบนี้แน่นอน แม้ว่าเธอจะดูเหมือนจะขอมากไปสำหรับงานเล็กๆแบบนี้ก็ตามที แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความโปรดปรานก็คือความโปรดปราน และเธอก็ยังได้เข้ามาช่วยเหลือระบบจริงๆ

ระบบไม่รู้สึกถึงความผิดเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่มันตอบแทนเธอไปแบบนี้? โอ้ แน่นอนว่าความรู้สึกของคุณธรรมในการตอบแทนนั้นเป็นของฟางหนิง ถ้าอย่างนั้นทำไมระบบจึงจะต้องไปสนใจกันด้วยล่ะ?

ดีมาก ระบบไม่ได้สนใจเสียงเห่าหอนของฟางหนิงเลยแม้แต่นิด หลังจากที่ฉีหยานได้เลือกศิลปะการต่อสู้ไปแล้ว จากนั้นระบบก็ใช้มือของฟางหนิงตบไปที่หน้าผากของฉีหยาน การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลเป็นอย่างมาก และความจริงที่ว่าสาวงามตรงหน้านั้น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อตัวเขาเลย โชคดีที่ระบบยังไม่สามารถไปฟาร์มเลเวลได้ในตอนนี้ ทำให้ฉีหยานยังสามารถยืนอยู่ต่อหน้าเขาได้ ก่อนที่ความโกรธเกรี้ยวจากภายในตัวเธอจะปะทุขึ้น ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงกระแสพลังงานที่อบอุ่นและไม่สามารถอธิบายได้ ได้ไหลลงมาจากหน้าผากของเธอ

หัวใจของเธอกระโดดโลดเต้นออกมาด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่าศาลเตี้ย A คนนี้จะยังเป็นคนที่ไว้ใจได้อยู่...

กระแสพลังงานที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นได้ไหลจากเส้นผมลงไปสู่นิ้วเท้าของเธอ จากนั้นกระแสพลังงานก็ไหลกลับมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าอกของเธอ และดูเหมือนจะคงอยู่ที่นั่น ฉีหยานรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเธอ แต่เธอกลับไม่สามารถระบุหาสาเหตุที่แน่นอนได้ ในบางครั้งเธอก็เคยได้ยินความรู้พื้นฐานของศิลปะการต่อสู้ ที่สืบทอดกันจากมาจากเหล่าอาวุโสที่อยู่ในตระกูล พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับหัวข้อของศิลปะการต่อสู้ และไม่เคยสอนอะไรให้เธอเลย ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า เธอถูกลิขิตให้แต่งงานเข้าไปในตระกูลอื่น อาวุโสเหล่านั้นมักทำเหมือนกับว่า เธอเป็นเพียงแค่คนนอกตระกูล...

เมื่อกระแสพลังงานที่อบอุ่นได้หยุดลง เธอก็เห็นศาลเตี้ย A หันหลังกลับและเดินจากไป พร้อมกับมีหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏอยู่บนมือของเธอ บนหน้าปกของหนังสือถูกเขียนสลักคำเอาไว้ว่า ‘กำลังภายในขึ้นพื้นฐาน - การเกร็งพลังครึ่งก้าว’ ซึ่งเขียนเป็นภาษาจีนอย่างเรียบง่าย

เธอพลิกเปิดหนังสือด้วยความตื่นเต้นทันที แต่เมื่อเธออ่านหน้าแรกเสร็จสิ้น เธอก็แข็งทื่อไปในทันที ในขณะที่แก้มของเธอเต็มไปด้วยสีแดงจางๆ จากนั้นเธอก็หันไปยังทิศทางที่ศาลเตี้ย A เดินจากไป และตะโกนออกมา

“ศาลเตี้ย A ฉันขอขอบคุณมากสำหรับคำสอนที่ดีของคุณ! บรรพบุรุษของฉันทั้งหมดขอขอบคุณ สำหรับสิ่งนี้ของคุณด้วยเช่นกัน! คุณภาวนาไว้เถอะว่า อย่าให้ฉันพบเจอคุณอีกครั้ง!!”

////

การแจ้งเตือนของระบบ: [ความโกรธของฉีหยานทำให้ค่าความโกรธของคุณเกินขีดจำกัดแล้ว เริ่มต้นกระบวนการดูดซับทันที แถบค่าความโกรธในปัจจุบัน: แถบค่าความโกรธที่ 1 เต็มแล้ว ค่าความโกรธที่เหลืออยู่จะถูกจัดเก็บไปที่แถบค่าความโกรธที่ 2 แถบค่าความโกรธที่ 2 คงอยู่ที่ 20%]

มันน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ที่พวกเขาจัดการสะสมค่าความโกรธได้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ตอนแรกแถบค่าความโกรธที่ 1 มีเพียงแค่ 70% เท่านั้น แต่ตอนนี้ความโกรธของฉีหยานถึงกลับทำให้แถบค่าความโกรธที่ 1 เต็มจนล้นไปเติมเต็มแถบค่าความโกรธที่ 2 ได้ นี่เป็นเพียงแค่การทำให้ผู้หญิงสองคนโกรธเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนมักจะพูดกันว่า อย่าได้ไปยั่วยุอารมณ์ของผู้หญิง คงมีเพียงแต่ระบบที่ไร้ความหวาดกลัวเท่านั้น ที่มีความกล้าที่จะท้าทายและกระตุ้นอารมณ์ของผู้หญิงทุกคน

ฟางหนิงกำลังสั่นเทา นี่เป็นความสำเร็จอันน่ากลัวสำหรับหนุ่มปริญญาตรีอายุ 28 ปีอย่างเขา ฟางหนิงตัดสินใจว่า เขาจะยังคงความโสดไว้ในอนาคตอันใกล้นี้ จนกว่าระบบจะเสร็จสิ้นการฝึกฝนความสามารถของตนเอง

ดังนั้นฟางหนิงยังคงดื่มด่ำกับนิยาย และเกมออนไลน์อย่างมีความสุขในร้านอินเทอร์เน็ตของระบบ ในขณะที่ระบบเติมเต็มทุกนาทีด้วยการทำฟาร์มเหล่าอาชญากรรมและบ่มเพาะ มีเพียงแค่บางช่วงเวลาเท่านั้น ที่ฟางหนิงถูกเรียกออกมาเพื่อช่วยสะสมค่าความโกรธ

ในทางกลับกัน ฉีหยานผู้ซึ่งถูกโกงโดยระบบ ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายๆเหมือนกับสองคนนี้

ฉีหยานมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในอดีต และเป็นเหมือนกับตระกูลอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน สายเลือดของพวกเขาค่อนข้างแพร่หลายไปทั่ว และไม่มีการติดต่อใกล้ชิดกันเหมือนในอดีตอีกต่อไป เหล่าคนในตระกูลของเธอมักจะมารวมกันปีละครั้งในวันไหว้บรรพบุรุษเท่านั้น ในอดีตช่วงเวลานี้ มักจะเป็นช่วงเวลาของการโอ้อวด และโชว์ถึงความร่ำรวย, อิทธิพล และอำนาจ แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นล้วนไร้ค่า เพราะตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาแห่งการโอ้อวดพลังพิเศษ และศิลปะการต่อสู้

พลังพิเศษจำเป็นต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาก่อน จึงจะสามารถจะแสดงถึงพลังอำนาจได้ แต่ไม่มีใครรับรู้เข้าใจถึงวิธีการปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้เลยแม้แต่คนเดียว แต่ศิลปะการต่อสู้นั้นแตกต่างกันออกไป เพราะศิลปะการต่อสู้คงอยู่มาตั้งแต่ในอดีตกาลมาเนิ่นนานแล้ว มันเป็นเพียงเพราะการฝึกฝนที่ยากลำบากแสนยาวนานของพวกเขา ต้องมาจบลงเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับปืน กระสุนปืนมีประสิทธิภาพมากกว่าศิลปะการต่อสู้เกือบทุกประเภท โชคดีที่ศิลปะการต่อสู้บางอย่าง ยังคงทำให้ร่างกายของผู้ฝึกฝนแข็งแกร่งและยืดอายุให้ยาวนานขึ้นได้ นั่นคือสิ่งที่ปืนไม่สามารถมอบให้ได้

ตระกูลฉีเป็นหนึ่งในไม่กี่ตระกูลที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่พวกเขาก็ไม่มีผู้ฝึกฝนที่ประสบความสำเร็จที่โดดเด่นเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงแต่ตาแก่บางคนในตระกูลเท่านั้น ที่เห็นว่าศิลปะการต่อสู้ที่พวกเขาฝึกฝน เป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ยืดอายุไข อย่างน้อยทักษะของพวกเขาก็ยังดีกว่าพวกที่ออกกำลังกายทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็มีตาแก่โบราณบางคนที่ได้รับทักษะการฝึกฝนกำลังภายใน ในขณะที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาเหล่านี้ ไม่มีใครภายในตระกูลของพวกเขาจะคาดคิดกันมาก่อนเลยว่า มีเด็กอัจฉริยะบางคนในตระกูลได้รวมกำลังภายใน กับเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไว้ด้วยกัน สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจของตระกูลพวกเขาเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในที่สุดสมาชิกในตระกูลก็ตระหนักได้ว่ายุคใหม่กำลังจะมาถึงแล้ว

เรื่องนี้เห็นได้อย่างชัดเจน หนึ่งในคลินิกการแพทย์แผนจีนซึ่งตระกูลของเธอเป็นเจ้าของอยู่ คลินิกนี้ถูกเปิดมาตั้งแต่อดีต ก่อนหน้านี้มันถูกแทนที่ด้วยยาแผนปัจจุบันอย่างช้าๆ เนื่องจากการรักษาแบบแพทย์แผนจีน มักจะใช้ได้ผลกับคนเพียงบางคนเท่านั้น เนื่องจากอายุและเส้นชีพจรที่แตกต่างกัน

จนกระทั่งในที่สุด แพทย์แผนจีนในตระกูลก็สามารถเห็นเส้นประสาท และช่องทางสำคัญที่ถูกเขียนไว้ในหนังสือโบราณ หลังจากที่เขาฝึกฝนกำลังภายในสำเร็จ

หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่ง สามารถควบคุมโรคมะเร็งระยะสุดท้ายของเขาได้ หลังจากที่แพทย์แผนจีนคนนี้ได้รวมการฝังเข็มทองคำ และกำลังภายในเข้าด้วยกันในการรักษา ทำให้เจ้าหน้าระดับสูงคนนี้เริ่มฟื้นตัวทีละน้อย และข่าวนี้ก็เป็นประเด็นร้อนในบางวงการ

การรักษานี้ มันถูกคิดค้นโดยลูกหลานในตระกูลของเธอนั่นเอง

รีวิวผู้อ่าน