px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 15: อย่าย่อท้อและอย่ายอมแพ้


“หม่าต้า, หนิวชิ ไอพวกอกตัญญู! พวกนายสองคนอยู่ไหน? ยกตูดของพวกนายมาที่นี่ และช่วยยิงพลังพิเศษของพวกนาย เพื่อหันเหความสนใจของศาลเตี้ย A ที! ช่วยพี่น้องคนนี้ด้วย ….” ในที่สุดลู่วเอ้อก็โยนทิฐิของตัวเองทิ้งไป ในขณะที่เขาพูดเสียงดังใส่หูฟังที่คล้องคออยู่ เขากำลังเรียกกำลังเสริม!

“เรากำลังกินอาหารค่ำและดื่มเบียร์ อยู่ที่ตลาดกลางคืนในแถบชานเมืองทางทิศตะวันออก ลู่วเอ้อ นายบอกว่าพลังพิเศษของนายวิวัฒนาการมาจนถึงขั้นที่สองแล้ว และเจ้าโง่ศาลเตี้ย A จะไม่สามารถจับนายได้ แต่นายก็อย่าประมาทแล้วกันนะ นายควรตั้งใจวิ่งหนีให้ดี ถ้านายสามารถสลัดเขาออกไปได้ในคืนนี้ ต่อไปฉันจะเรียกนายว่าลู่วต้า ส่วนฉันจะใช้ชื่อหม่าเอ้อแทน อีกทั้งฉันและหนิวชิจะให้นายเป็นหัวหน้าทีมของเรา และต่อไปเราจะเชื่อฟังนายทุกอย่าง!” ลู่วเอ้อได้ยินเสียงหม่าต้าจากหูฟัง (ต้า=หนึ่ง,พี่ใหญ่ / เอ้อ=สอง,พี่รอง,พี่สอง ประมาณนี้มั่งครับ)

“ฉันไม่สามารถวิ่งได้อีกต่อไปแล้ว! นายเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นควรรีบมาช่วยฉันเร็วๆได้แล้ว! มิฉะนั้น ฉันก็จะถูกไอพวกบ้าจากหน่วยกิจการพิเศษลากตัวไป เมื่อตอนฉันหมดสตินะ!” ลู่วเอ้อถอนหายใจอย่างหนักหน่วงใส่หูฟัง เขาใกล้จะหมดแรงวิ่งเต็มทีแล้ว เขาหวังว่าจะได้รับความเห็นใจจากเพื่อนๆของเขา

อย่างไรก็ตาม การตอบกลับที่เขาได้รับจากเพื่อนนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เขากระโจนเข้าสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง

“หนิวชิ ลู่วเอ้ออาจจะหลบหนีศาลเตี้ย A ไม่พ้น หลังจากที่เรากินกันเสร็จแล้ว เราควรไปหาใครสักคนที่พอจะรู้จักในหน่วยกิจการพิเศษ เพื่อหาหนทางที่จะพาตัวเขาออกมา ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่ถูกล้างสมองไปจนเราจำเขาไม่ได้นะ ...” เพื่อนๆของเขาไม่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขาเลย พวกเขาพูดเหมือนกับว่าลู่วเอ้อได้เสียชีวิตไปแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กำลังวางแผนจัดงานศพให้เขาอยู่!

ลู่วเอ้อถอนหายใจและคร่ำครวญในความโง่เง่าของตัวเองที่มีเพื่อนแบบนี้ ซึ่งทำให้ชีวิตเขาพังไม่เป็นท่า ในความพร่ามัวด้านหน้า เขาดูเหมือนจะเห็นภาพหลักสูตรเต็มรูปแบบของโครงการฟื้นฟูและปรับทัศนคติของหน่วยกิจการพิเศษ ที่โบกมือให้เขาจากระยะไกล โดยมันยังตะโกนบอกเขาอีกด้วยว่าโครงการนี้เข้าฟรีนะ และเขาควรจะรีบเข้าโครงการนี้ให้เร็วที่สุด โอ้วว! มันยังบอกเขาอีกว่า มีอาจารย์ฝึกสอนอยู่ในชั้นเรียนด้วยนะ และมันยังรับประกันอีกว่า เขาจะเข้าใจหลักสูตรการสอนนี้อย่างถ่องแท้!

“ตกลง นั่นคือแผนที่เราสามารถทำได้! หัวหน้าเป็นคนที่ไม่ทิ้งพี่น้องจริงๆ ฉันคงต้องเคารพในการตัดสินใจของหัวหน้าด้วยการดื่มอีกหนึ่งแก้ว! เอ้า หมดแก้ว!” หนิวชิพูด

“หมดแก้ว!”

ในที่สุดลู่วเอ้อก็รู้ว่าเขาถูกละทิ้งอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่เขาฟังการสนทนาที่ไร้หัวใจของเพื่อนทั้งสองคน เมื่อเขาหันมามองศาลเตี้ย A อีกครั้ง เขาก็เข้าใจดีว่า อะไรคือความหมายที่แท้จริงของการไม่ย่อท้อและไม่ยอมแพ้ ...

ย้อนกลับไปในสมัยก่อน เขาเคยแอบโดดเรียนเมื่อตอนอยู่ชั้นม.3 เขาวิ่งออกประตูหลังห้องเรียนเพื่อไปยังร้านเกมที่อยู่ใกล้ๆโรงเรียน โดยมีอาจารย์วิ่งตามเขามาได้เพียงแค่ 200 เมตรก็หยุดวิ่งตาม และอาจารย์ก็โทรเรียกพ่อของเขามาโรงเรียน

พ่อของเขาวิ่งไล่เขาผ่านร้านเกมไปตั้ง 3 ร้าน ก่อนที่เขาจะยอมแพ้ด้วยเช่นกัน จากนั้นพ่อของเขาก็โทรตามแม่ของเขามา

แต่แม่ของเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เธอได้แต่รอให้เขากลับมาบ้าน เมื่อตอนเขาหิวข้าวแล้วเท่านั้น และแม่ยังได้ร่วมมือกับพ่อของเขา เพื่อทำการแท็คทีมทุบตีสั่งสอนเขา พวกเขาใช้เวลาสั่งสอนเขาไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่พวกเขาจะเหนื่อยจนเกินไป ในช่วงเวลานั้น ลู่วเอ้อไม่แม้แต่จะอ้าปากร้องเลยสักคำ

ประสบการณ์ทั้งหมดนี้สอนเขาว่า ความอดทนของมนุษย์ทุกคนจะมีขีดจำกัดเสมอ ตราบใดที่เขาสามารถทนได้ สิ่งที่เลวร้ายก็จะผ่านไป และสิ่งดีๆก็จะตามมาอยู่เสมอ

อันที่จริงแล้วทฤษฎีของเขานั้นไม่ผิด แต่ที่มันผิดก็คือว่า ฝ่ายตรงข้ามของเขาในตอนนี้นั้น มันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นระบบที่เข้ายึดร่างของฟางหนิงต่างหาก ถ้าเป็นฟางหนิงตัวจริงล่ะก็ การไล่ล่านี้จะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีอย่างแน่นอน ความอดทนของลู่วเอ้อไม่มีผลอะไรต่อหน้าผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์แบบนี้ ...

‘ในที่สุดระบบก็จะได้รับค่า EXP หลังจากจัดการนาย และมันอาจจะเลเวลอัพได้เลย! ในตอนนี้ อาชญากรในการฟาร์มเลเวลหาพบได้ยากมากๆ และระบบก็อดอยากปากแห้งมาเป็นเวลากว่า 2 วันแล้ว ทำไมนายถึงยังคิดว่า ระบบจะยอมแพ้ที่จะวิ่งไล่ตามนายกันล่ะ’ ในขณะเดียวกัน ฟางหนิงกำลังอ่านนิยายอย่างมีความสุขอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตของระบบ ในขณะที่เขาคอยตรวจสอบความคืบหน้าของการไล่ล่าอันยาวนานนี้ เขาจึงอดรู้สึกสงสารโจรคนนี้ขึ้นมาไม่ได้

ในที่สุดสถานการณ์นี้ก็จบลงเมื่อตอนรุ่งเช้า

หลังจากที่ลู่วเอ้อได้เปิดใช้พลังพิเศษของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบีบเค้นพลังงานทุกหยดภายในร่างกายเขาจนหมด เขาก็ทรุดตัวลงจากความเหนื่อยล้าเมื่อตอนเวลาตี 4

พวกเขาสองคนวิ่งไล่ล่ากันมาเป็นเวลาสี่ชั่วโมงแล้ว และระยะทางที่พวกเขาวิ่งมาก็เท่ากับระยะทางของการวิ่งมาราธอนนับไม่ถ้วน หากพวกเขาวิ่งเป็นเส้นตรงแล้ว พวกเขาจะวิ่งไปจนถึงรัฐเถียน ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ปลายสุดของเมืองฉีเลยทีเดียว

ลู่วเอ้อรู้สึกโล่งอกเมื่อตอนเขาล้มลง เขาคิดว่าศาลเตี้ย A อาจจะไม่ใช้ฝ่ามืออันมีชื่อเสียงฟาดเขาในตอนนี้ เพราะว่าเขาไม่มีพลังงานที่จะเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว

แต่น่าเสียดายที่ความจริงมันไม่เป็นแบบที่เขาคิด เขาหัวเราะเยาะใส่ความไร้เดียงสาของตัวเอง เมื่อเขาเห็นเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ขณะที่เขาเพิ่งนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นได้แค่ไม่กี่วินาที จะมีใครอีกล่ะนอกจากศาลเตี้ย A? ลู่วเอ้อฉีกยิ้มอย่างร่าเริงบนใบหน้าของเขาทันที

ในที่สุดระบบก็จับตัวลู่วเอ้อได้ มันยกเขาลอยขึ้นมาเหมือนลูกแมว และตบเข้าที่แก้มของเขาอย่างแรง ลู่วเอ้อหมุนติ้วๆ 720 องศาไปในอากาศเป็นระยะทางไกลพอสมควร จากนั้นเขาก็สลบคากลางอากาศ และหล่นกระแทกกับแผงขายผลไม้ริมถนน ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแตงโม, แอปเปิ้ล และกล้วย ฉากนี้ดูน่าสงสารมาก

ฟางหนิงรู้สึกเสียวที่แก้มของเขาทันที ในขณะที่เขาเห็นฉากนี้ ระบบไม่เคยตบหน้าใครอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้มาก่อนเลย ในขณะที่มันกำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะชั่วร้ายแค่ไหนก็ตาม ระบบก็โจมตีโดยใช้ฝ่ามือกระแทกส่วนอื่นๆของร่างกายเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าระบบคงจะเกลียดลู่วเอ้อเอามากๆ เพราะเขาลดประสิทธิภาพการฟาร์มเลเวลของมันในค่ำคืนนี้ไป เดิมทีมันดีใจมากที่พบเหยื่อตั้งสามราย แต่อีกสี่ชั่วโมงต่อมา มันกลับจัดการเหยื่อได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ...

ระบบได้ลงมือปล้นทุกอย่างจากลู่วเอ้อ แต่ก่อนที่มันจะเดินจากไป มันกลับใช้เงินที่ได้มาจากลู่วเอ้อจำนวน 1,000 หยวน วางไว้บนแผงขายผลไม้เพื่อชดเชยค่าเสียหาย และในที่สุดระบบก็เดินจากไป หลังจากที่มันรู้สึกพึงพอใจจากตรวจสอบของที่เพิ่งปล้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน มีเสียงรถจักรยานยนต์หยุดห่างจากจุดที่เกิดเหตุออกไป มีชายสองคนแอบมองมาจากมุมๆหนึ่ง พวกเขาต่างอ้าปากค้างและหอบหายใจอย่างหนัก หนึ่งในนั้นโผล่ตัวออกมาครึ่งหนึ่งและกวาดสายตามองไปรอบๆ ในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้ามาหาลู่วเอ้อ เขาก็ถูกชายอีกคนลากไปข้างหลังทันที

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงรถยนต์ก็ดังมาจากระยะไกล รถซีดานสีดำสามคันปรากฏขึ้นมา และจอดใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ จากนั้นชายในชุดเครื่องแบบสีดำก็ลงมาจากรถยนต์ บนเสื้อผ้าของพวกเขามีตรารูปดาบและโล่!

พวกเขาไม่พูดไม่จาและกระจายตัวออกไปเป็นกำแพงกั้นจุดที่เกิดเหตุเอาไว้ หนึ่งในนั้นตรวจสอบพื้นที่บริเวณรอบๆ และในที่สุดก็ลากชายคนหนึ่งที่มีแก้มบวมเปล่ง ออกมาจากกองแอปเปิ้ล, กล้วย และส้ม อีกด้านหนึ่งบนใบหน้าของเขา เผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกประหลาด สิ่งนี้ทำให้พวกชายชุดดำหนาวสั่นลงไปถึงกระดูกสันหลังเลยทีเดียว

พวกเขาใส่กุญแจมือคนนี้อย่างชำนาญ ก่อนที่จะเอาถุงคลุมศีรษะไว้

ในที่สุด ก็มีคนพูดกับวิทยุสื่อสาร “เป้าหมายได้รับการยืนยันแล้ว ชื่อ: ลู่วเอ้อ, สมญานาม: กระรอกบิน, สถานะปัจจุบัน: หมดสติ ผมสงสัยว่าอาจเกิดจากการวิ่งมากเกินไป จึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อใบหน้า”

พวกเขาแบกร่างลู่วเอ้อใส่ไว้ในเบาะหลังของรถซีดานคันหนึ่ง ก่อนที่จะขับรถออกไป

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ชายสองคนก็โผล่หัวออกมาจากมุมตึก เพื่อตรวจสอบสภาพบริเวณรอบๆอีกครั้ง ก่อนที่จะก้าวออกมาจากมุมตึก พวกเขามองรถซีดานที่แล่นจากไป และมองแผงขายผลไม้ที่ถูกทำลาย ซึ่งทุกอย่างว่างเปล่าเหลือแต่เพียงซากแผงขายผลไม้เท่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน และถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

“หัวหน้าหม่า มันเป็นอย่างที่พี่คาดการเอาไว้เลย ไอพวกบัดซบหน่วยกิจการพิเศษจับตาดูเราอยู่ตลอด 24 ชม.เลย ถ้าพี่ไหวตัวไม่ทันล่ะก็ เราทั้งสองคนก็คงถูกจับไปพร้อมกับลู่วเอ้อแล้ว ตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อไปดี”

“เราจะทำอะไรได้อีก? เจ้าโง่ลู่วเอ้อพยายามยึดตำแหน่งและอำนาจของฉัน เขาจึงต้องพบกับภัยพิบัติในครั้งนี้ หนิวชิ นายบันทึกภาพเอาไว้ได้ไหม?” หม่าต้าถุ่ยน้ำลายลงพื้น คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในวิดีโอนี้หมดแล้ว ทำไมสองคนนี้ถึงวิ่งได้อึดมากขนาดนี้ ขนาดเราขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังมา น้ำมันเกือบจะหมดถังแล้ว น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้ มิฉะนั้นเราอาจจะถูกศาลเตี้ย A จัดการด้วยหนึ่งฝ่ามือ”

“ดีมาก เราจะได้เงินคืนเมื่อเราขายวิดีโอนี้ให้กับเฟิงเหยา โดยเราจะบอกเขาว่าลู่วเอ้อไม่ได้กระจอก แต่ฝ่ายตรงข้ามของเขาแข็งแกร่งมากเกินไป และยังมีความอดทนที่สามารถวิ่งได้นานกว่า 250 กม. ระยะที่เขาวิ่งสามารถเผาผลาญน้ำมันเบนซินรถฮาร์เลย์ 4 ไปเกือบหมดถัง และไม่เพียงแค่นั้น ไอพวกบัดซบหน่วยกิจการพิเศษยังเฝ้าจับตามองเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่น”

พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ระบบสามารถวิ่งได้ทั้งวันโดยไม่ต้องหอบเลย

ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘ไอพวกบัดซบหน่วยกิจการพิเศษ’ โดยหม่าต้าและหนิวชิ ก็กำลังพูดถึงฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมคนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

“ฉันสงสัยว่าศาลเตี้ย A มีความแค้นฝั่งลึกมากเพียงใดต่อผู้ชายคนนี้ เขาวิ่งไล่ล่าผู้ชายคนนี้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง! ขนาดฉันเพียงแค่เฝ้าดูกล้องวงจรปิด ฉันยังแทบจะหมดแรงเลย ฉันล่ะยอมรับนับถือเขาคนนี้จริงๆ ความอดทนของเขาช่างเหลือเชื่อเกินไป”

“ฮ่า ฮ่า ฉันไม่แปลกใจเลย นายไม่รู้จักศาลเตี้ย A ดีพอ นายไม่รู้หรอกว่าเขามีความอดทนที่สูงมากขนาดไหน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขารอเหยื่ออยู่ที่ตลาดในแถบชานเมืองทางตะวันออกเป็นเวลากว่าหนึ่งวัน”

“ฮ่า ฮ่า ลู่วเอ้อคนนี้ช่างโชคร้ายจริงๆ เขาจึงได้มาพบกับศัตรูที่ฟ้าประทานมา”

“โชคร้ายของเขายังไม่หมดเพียงแค่นี้นะ ลู่วเอ้อและพรรคพวกของเขาต่อต้านโครงการฟื้นฟูและปรับทัศนคติของเรามานาน และหนีการจับกุมของเรามาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว เนื่องจากเขามีความเร็วที่สูงมาก และยังความคุ้นเคยกับพื้นที่ดีกว่าเรา ทำให้เราต้องเสียเวลากับพวกเขาไปมาก แต่เขาก็คอยแอบซุ่มอยู่แต่ในเมือง และไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตพอที่จะให้พวกเราทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าจับกุม พวกเขาเพียงแค่ลักเล็กขโมยน้อยทั่วๆไป แต่ในวันนี้เขากลับหมดสติโดยศาลเตี้ย A ซึ่งมันเป็นโชคดีของเรา และตาเฒ่าจางจากโครงการฟื้นฟูและปรับทัศนคติก็จะได้มีอะไรทำเสียที นอกจากนี้ลู่วเอ้อยังค้นพบกับความหมายของคำว่า ‘อย่าย่อท้อและอย่ายอมแพ้’ นั้นเป็นอย่างไรอีกด้วย!”

รีวิวผู้อ่าน