ชายชราคนหนึ่งเอนหลังพิงเก้าอี้บนดาดฟ้าดวงตาปิดสนิท เขากำลังเพลิดเพลินกับการอาบแดด โดยปล่อยให้แสงแดดไล้โลมลงบนผิวของเขาโดยมีเด็กหนุ่มที่มี ดวงตาสดใสกำลังนวดให้เขาจากทางด้านหลัง
“ ผู้อาวุโสอีกสองอาทิตย์ข้าจะมานวดให้ท่านอีกครั้ง ถึงตอนนั้นอาการบาดเจ็บภายในของท่านก็คงจะหายสนิทพอดี” หลิงเทียนกล่าว
“ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยไว้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บไปอีกนานแค่ไหน” ชายชราทอดถอนหายใจ
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขาเกือบจะเป็นบ้า จากความทรมานอันเกิดจากอาการบาดเจ็บภายใน ข่าวดีที่สุดในชีวิตเขาคือ สามารถขจัดอาการบาดเจ็บของเขาได้
“ผู้อาวุโสอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ข้าแค่ทำเพราะค่าตอบแทนที่ท่านจ่ายให้ข้าเท่านั้น” หลิงเทียนส่ายหัวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
การนวดผู้อาวุโสแต่ละครั้งจะได้รับเงิน ครั้งละพันเหรียญเงิน ถือเป็นการค้าที่ทำกำไรมากที่สุดสำหรับเขา
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากท่านประมุข" ผู้อาวุโสถามขื้นมาอย่างกะทันหัน
" ถูกต้อง ข้าไม่ต้องการเงินในตอนนี้ และทุกอย่างที่ข้าต้องการก็หาซื้อได้ที่ตลาด ไม่มีเหตุผลใด ที่จะต้องสิ้นเปลือง ทรัพยากรของตระกูลเพื่อข้า ทรัพยากรเหล่านั้นควรนำไปให้คนที่ต้องการมากกว่าข้าได้ใช้ ” หลิงเทียนยิ้ม
“ เด็กน้อย เจ้าช่างพูดได้น่าฟังนัก ข้าดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะมีจิตสำนึกที่สูงส่งถึงเพียงนี้ เหตุผลที่แท้จริงที่เจ้าปฏิเสธก็เพราะเจ้าไม่ต้องการเป็นหนี้ตระกูลหลี่ หรือข้าควรจะบอกว่าเจ้าไม่ต้องการผูกมัดกับตระกูลหลี่ ใช่หรือไม่ ? ”
เพียงวลีเดียวของผู้อาวุโสก็สามารถเปิดโปงความคิดของหลิงเทียนได้อย่างหมดจด
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเขินอาย ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ
เป็นดังเช่นผู้อาวุโสกล่าว เขาไม่อยากผูกมัดกับตระกูลหลี่ ในไม่ช้าก็เร็วนี้ เขาจะออกไปสำรวจโลกอันกว้างใหญ่
ตระกูลหลี่และ เมืองแห่งสายลมแห่งนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นสำหรับเขาเท่านั้น
“ ฮู่! ” หลิงเทียนหยุดนวด
ผู้อาวุโสลืมตา และถ่มน้ำลายออกมา จากนั้นเขาก็จ่ายเงินให้หลิงเทียน ที่เหงื่อออกท่วมตัว
“ ผู้อาวุโส ข้าจะกลับแล้ว อีกครึ่งเดือนเจอกัน ” หลิงเทียนหัวเราะอย่างร่าเริง
หลังจากที่หลิงเทียนออกไปแล้ว ผู้อาวุโสก็พึมพำกับตัวเองว่า
“ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจได้ ในเวลาสองเดือนครึ่ง ”
หลังออกจากบ้านของผู้อาวุโสหลี่หวู่ หลิงเทียนก็ตรงกลับบ้านทันที
ขณะที่เดินเข้าไปในลานบ้านเขาก็เห็นภาพที่สวยงามพร้อมกับเงาร่างอันอ่อนหวานแช่มช้อยที่กำลังวาดดาบอย่างรวดเร็วแล้วดึงกลับ ซ้ำไปซ้ำมา ไม่หยุดยั้ง ร่างของนางราวกับวีรสตรีเหนือโลกียวิสัยที่ไม่เคยรู้จักความเหนื่อยล้า
เด็กสาวเหงื่อหยดย้อยเต็มใบหน้า นางทำหน้ามุ่ยใช้ฟันขบกัดริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว งามกระจ่างประหนึ่งดังนํ้าใสในฤดูใบไม้ร่วง
หลิงเทียนเทียนรู้สึกหดหู่ใจในยามที่เขาเฝ้ามองนาง
"เค่อเอ้อ การฝึกดาบเจ้าต้องให้ความสำคัญกับใจ เคลื่อนไหวอิสระ พอเหมาะสมก็สมควรหยุด เช่นนี้จึงจะเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าทางร่างกายของเจ้า และจะไม่เป็นอันตราย"
เขาก้าวไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าวแล้วคว้าจับมือของเด็กสาวที่กำลังวาดดาบและพูดอย่างนุ่มนวล
“ นายน้อย ข้าปรารถนาจะฝึกฝนศิลปะการวาดดาบให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะข้าจะได้ปกป้องนายน้อย จะช่วยต่อสู้กับคนเลว ข้าจะไม่ปล่อยให้คนเลวมารังแกนายน้อยได้ ” เด็กสาวใบหน้าแดงกลํ่า กระหืดกระหอบ พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ เด็กโง่ เจ้าไปพักผ่อนบ้างเถอะ "
หัวใจของหลิงเทียนอุ่นขึ้น เขาสัมผัสผมนุ่มของเด็กสาว นางค่อยๆ พยักหน้า อย่างเชื่องเชื่อมเหมือนลูกแมวน้อย
‘ ลำนำ เก้าจักรพรรดิมังกรสงคราม ' ‘ จิตวิญญาณพญาอสรพิษ ’ !
คืนนั้นเขานั่งดูดซับน้ำยาสมุนไพร ที่ช่วยการบ่มเพาะร่างกาย อยู่ภายในถังอาบน้ำอย่างไม่รู้จักพอ
เมื่อของเหลวที่เป็นตัวยาถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังงานที่สำคัญและสถานะของเลือดเติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น ในที่สุดร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาได้มาถึงขั้นตอนที่สำคัญแล้ว
เขาเดินออกจากถังอาบน้ำและใส่เสื้อผ้า
" พรุ่งนี้เช้า ข้าก็จะก้าวไปถึงระดับที่สี่ของการบ่มเพาะร่างกาย ... แต่ถ้าข้าต้องการจะฆ่าฟางเกวียนด้วยความมั่นใจแล้ว นับจากนี้ภายในสองเดือนครึ่ง อย่างน้อยข้าต้องผ่านไปถึงระดับเจ็ดให้ได้ การฝึกฝนเพื่อยกระดับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ หากจะใช้น้ำยาสมุนไพรช่วยในการบ่มเพาะร่างกาย เพียงอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้แน่ ที่จะไปถึงระดับเจ็ดของการบ่มเพาะร่างกาย ภายในเวลาสองเดือนครึ่ง บางทีคงถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องออกไปซื้อบางสิ่งบางอย่างจากตลาด ” ดวงตาของหลิงเทียนสาดประกายวูบหนึ่ง ในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง
วันรุ่งขึ้น ก่อนรุ่งสาง หลิงเทียนตื่นขึ้นมา และเทน้ำยาสมุนไพรช่วยบ่มเพาะร่างกาย ลงในถังอาบน้ำก่อนที่จะเริ่มดูดซับ
ตัวยาที่เหลือจากการอาบน้ำยาในคืนสุดท้าย หลังจากได้พักหนึ่งคืน จะทำให้สรรพคุณทางยาที่ผสานเข้ากับร่างของเขาได้รับการดูดซึมอย่างสมบูรณ์แล้ว
โคจรพลัง ‘ลำนำเก้าจักรพรรดิมังกรสงคราม' ในวิถี 'จิตวิญญาณพญาอสรพิษ’ เขานั่งหลับตาดูดซับของเหลวอยู่ภายในถังอาบนํ้าอย่างหิวกระหาย
โดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
จนกระทั่งรุ่งอรุณมาถึงรังสีของแสงแดดสาดส่องลงบนพื้นโลก ผ่านหน้าต่างห้องพักเข้ามาส่งประกายเล็กๆ น้อยๆ ลงบนร่างของหลิงเทียน เขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เสียงกระดูกลั่นดังชัดเจน และไพเราะ ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
“ในที่สุด ข้าก็ทำมันสำเร็จ”
เขายกฝ่ามือขึ้น ค่อยๆ รวบกำเป็นกำปั้น รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ปะทุอยู่ภายในร่างกาย รอยยิ้มบนหน้าของหลิงเทียนก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ ตามที่ข้าคาดไว้ ในขณะที่ร่างกายถึงระดับที่สี่ของการบ่มเพาะร่างกาย จะได้รับความแข็งแกร่งสองร้อยจิน * แต่ดูเหมือนว่าข้าจะได้รับมากกว่าสามร้อยจิน ”
* จิน คือ หน่วยวัดน้ำหนักของจีน 1 จิน = 500 กรัม
เทคนิค ‘ลำนำเก้าจักรพรรดิมังกรสงคราม’ นั้นแตกต่างจากวิธีการฝึกฝนอื่นๆ
หลังจากใส่เสื้อผ้าแล้ว เขาเปิดประตูเดินออกจากห้อง และเพลิดเพลินไปกับการอาบแดด
หวือ! หวือ! หวือ!
ได้ยินเสียงที่ชัดเจน และไพเราะของดาบที่ถูกวาดและใส่เข้าฝัก
หลิงเทียนจึงสังเกตเห็นเค่อเอ้อกำลังฝึกฝนศิลปะการวาดของนางอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่เช้าตรู่
เด็กสาวเลือกที่จะฝึกฝนให้ไกลจากมุมของลาน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนหลิงเทียน และความฝันอันแสนหวานของหลี่รู่
ถ้าเขาไม่ได้เดินออกมาจากห้อง เขาก็คงจะไม่ได้ยินเสียงนี้ได้
หลิงเทียนถอนหายใจ เขารู้ว่าเค่อเอ้อยากที่จะลืมเรื่องที่เขาบาดเจ็บในวันก่อนได้
ตั้งแต่วันนั้น นางแทบจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปกับการฝึกฝนของนาง ไม่เพียงแต่การฝึกจิตที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของการบ่มเพาะร่างกายระดับสามเท่านั้น แต่ยังเริ่มจับเคล็ดวิชาฟันดาบได้บ้างแล้วด้วย อาจกล่าวได้ว่าที่เค่อเอ้อทำทุกอย่างนั้นก็เพื่อต้องการที่จะปกป้องเขา
“ เค่อเอ้อ เลิกฝึกก่อน ไปเป็นเพื่อนข้าชื้อของที่ตลาดหน่อย ” หลิงเทียนยิ้มน้อยๆ ขณะที่เดินผ่าน
" นายน้อย ข้าจะรีบไปเตรียมอาหารเช้า "
เด็กสาวเก็บดาบ ร่างงามระหง พวงแก้มของนางที่ไม่ได้แต่งเติมแป้งนั้นทั้งนิ่มนวลแดงเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด
“ ไม่เป็นไร กลับมาค่อยกิน ”
“ ข้าจะต้องเตรียมอาหารให้กับนายหญิง ”
“ อย่าห่วงเลย ท่านแม่ทำอาหารเช้าเองได้ ไปกันเถอะ ”
หลิงเทียนคว้ามือเด็กสาว ระหว่างทางเขาไม่ลืมมองไปที่ห้องมารดา เพื่อบอกมารดาก่อนออกจากบ้าน
“ ท่านแม่ ข้าพาเค่อเอ้อไปตลาด ท่านแม่ทำอาหารเช้าเองนะ ”
หลังจากหลิงเทียนและเค่อเอ้อออกไป
ในลานบ้านมีเสียงเปิดประตูดังเอี้ยด หญิงสาวที่สวยงามเดินออกมาช้าๆ ยืนภายใต้แสงแดด
“ นี่คงไม่ใช่ มีเมียแล้วลืมข้าหรอกนะ ? ” หลี่รู่ส่ายหัว ที่มุมปากของนางประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ รอข้าด้วย! ”
หนุ่มสาวที่น่ารักทั้งคู่ เพียงแค่เดินออกจากประตูใหญ่บ้านตระกูลหลี่ ก็มีเสียงหอบแฮ่กๆ ดังมาจากทางด้านหลัง
เจ้าอ้วนคนหนึ่งวิ่งจนไขมันกระเพื่อมพุ่งเข้ามาโก้งโค้งอ้าปากพะงาบๆ สูดหายใจกระหืดกระหอบขวางทางพวกเขาอยู่
“เจ้าเรียกข้าหรือ?”
หลิงเทียนหันไปรอบๆ และมองไปข้างหลัง แต่ก็ยังไม่เห็นใคร
เจ้าอ้วนดูคุ้นๆ แต่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เมื่อก่อนเขาเคยรับน้องชายบุญธรรมรึเปล่า?
แต่ก่อนหลิงเทียนป่วยกระออดกระแอด มีใครอยากจะเป็นน้องชายเขาด้วยหรือ?
“พี่ใหญ่ ข้าเป็นคนเรียกท่าน อย่างไม่ต้องสงสัย ยังไงซะท่านก็เป็นขวัญใจของข้า”
เจ้าอ้วนพยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจนไขมันบนใบหน้าของเขากระเพื่อม
“ ข้าไม่รู้จักเจ้า ”
หลิงเทียนจับมือเด็กสาวไว้ แล้วเดินต่อไป
“ พี่ใหญ่ ที่ข้าดึงกางเกงของท่านตอนเด็กๆ มันเป็นความผิดข้าเอง แต่ท่านก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเคืองข้าขนาดนั้นใช่ป่ะ ? ครั้งสุดท้ายที่ท่านจัดการเอาชนะหลี่เจีย ถือได้ว่าท่านช่วยให้ข้าระบายความอัดอั้นตันใจ แถมท่านยังทำมันพิการด้วย นั้นไม่ใช่เรื่องขี้ผงนะ ท่านเป็นคนน่าทึ่งจริงๆ! ” เจ้าอ้วนพูดอย่างกระตือรือร้นไม่หยุดปาก
ดึงกางเกงข้าออก ?
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วน ภาพที่เลือนลางก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของหลิงเทียน นั้นคือความทรงจำในวัยเด็กของหลิงเทียนคนเก่า
ในความทรงจำ กลุ่มเด็กห้าถึงหกขวบกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นมีเจ้าอ้วนแอบเข้ามาข้างหลังเขา และดึงกางเกงของเขาลง ทำให้เด็กๆ ทุกคนเริ่มหัวเราะ และก็เขาร้องไห้ออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ เจ้าหลี่ซูน ? ”
ในที่สุดหลิงเทียนก็จำได้ หลี่ซูนเป็นบุตรชายคนเดียวของผู้อาวุโสที่ห้าหลี่หลิง เขาออกจากเมืองแห่งสายลม ไปกับท่านปู่ของเขาตอนอายุยังน้อย แต่ตอนนี้่เขากลับมาแล้ว
“ พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็จำข้าได้ ” ดวงตาของหลี่ซูนเป็นประกาย
“ เจ้ากลับมาเมื่อไหร่ ? ทำไมถึงเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ ? ” หลิงเทียนถาม
ในความทรงจำของหลิงเทียนคนเก่า เขาไม่ได้สนิทสนมกับหลี่ซูนมากนัก ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะรับเป็นน้อง
“ข้ากลับมาได้สองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ท่านช่วยข้าสั่งสอนหลี่เจีย แถมท่านยังดูน่าเกรงขามขนาดนี้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจให้ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า พี่ใหญ่ นับจากนี้ข้าเป็นคนของท่านแล้ว ท่านต้องคุมครองดูแลข้าให้ดีๆ ละ!” หลี่ซูนหัวเราะอย่างมีอารมณ์ขัน ตาเล็กหยีของเขากระพริบปริบๆ
ได้ยินคำอธิบายจากปากหลี่ซูน ว่าเมื่อหลี่ซูนกลับมา เกิดความขัดแย้งกับน้องชายของหลี่เจียชื่อหลี่ซิน แต่เนื่องจากหลี่ซินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ซูน จึงตามพี่ชายมาช่วย
"ข้าทำให้หลี่เจียพิการด้วยเหตุผลของข้าเอง ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า นอกจากนี้เจ้าไม่ได้เป็นคนของข้า และข้าก็ไม่อยากเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าด้วย อย่ามารบกวนข้าอีก!"
หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา เขาจูงมือเด็กสาว แล้วเดินไปโดยไม่หันกลับมามอง
ชีวิตก่อนเขาถูกพี่ชายทรยศ ทำให้เขาได้รับบทเรียนที่สำคัญ เขาจะไม่มีวันยอมรับพี่น้องอีกครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เขาไม่ต้องการเก็บระเบิดเวลาไว้ข้างตัว
ข้าศึกศัตรูพันหมื่นต้านทัพไม่หวั่นเกรง โจรภายในกลับยากจะป้องกัน!
หลี่ซูนไม่คิดว่าหลิงเทียน จู่ๆ จะกลายเป็นปฏิปักษ์อย่างไม่คาดฝัน เขาตกตะลึงยืนบื้ออยู่กับที่ เฝ้ามองดูทั้งคู่ค่อยๆ เดินห่างออกไป
เบื้องหลังใบหน้าอวบอ้วนของเขา คือดวงตาเล็กหยีคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่