px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 19: คุณกำลังกินเนื้อ ในขณะที่ฉันกำลังกินขนมปัง


“เอาล่ะ ถึงช่วงเวลาของการปลดปล่อยแล้ว ไม่สิ! ฉันหมายถึงช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนต่างหาก เนื่องจากวันนี้ทุกคนตั้งใจฟังอย่างมากในชั้นเรียน ตอนนี้ฉันจึงต้องการให้ทุกคนเขียนเรียงความหลังเลิกเรียน ชื่อหัวข้อก็คือ “ความสุขที่แท้จริงคืออะไร” หลังจากที่อาจารย์ใหญ่จางจบหลักสูตรการล้างสมองในช่วงเช้า ทุกคนในชั้นเรียนต่างผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะส่วนที่เลวร้ายที่สุดของวัน ก็ได้จบสิ้นลงไปเสียที

พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากต้องเปิดเผยประวัติและสถานที่ที่พวกเขาเคยทำผิดมา รวมถึงสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้ว่าจะทำอะไรในอนาคต ต่อหน้าชั้นเรียนในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆเลย

“สำหรับคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีในชั้นเรียนวันนี้ จะได้รับอนุญาตให้โทรหาครอบครัวได้ มันจะเป็นการดีที่จะบอกให้พวกเขาสบายใจได้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของพวกนาย ฉันจึงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ แต่ในครั้งต่อไปจะไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนี้” อาจารย์ใหญ่จางแสดงความเมตตาออกมา

อาจารย์ใหญ่จางกำลังอยู่ในโหมดอารมณ์ดี เขาดีใจที่ผู้มีพลังพิเศษเหล่านี้ ส่วนใหญ่ต่างตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพร่ำสอน ดูเหมือนว่าฟางหนิงจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนเหล่านี้ได้ แต่อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะการทรมานทั้งสามอย่างมากกว่า ในขณะที่เขากำลังขานชื่อคนที่ได้รับรางวัล คนส่วนใหญ่ในชั้นเรียนต่างรู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้แสดงให้อาจารย์ใหญ่จางเห็นว่า พวกเขานั้นสนในหลักสูตรการสอนจริงๆ

“ลู่วเอ้อ, เฟิงซาน, ...” อาจารย์ใหญ่จางขานชื่อไม่กี่ชื่อ และให้เวลากับพวกเขา 20 นาทีสำหรับการโทรหาครอบครัว โดยมีผู้ดูแลหลักสูตรจับตามองอย่างใกล้ชิด

เมื่อลู่วเอ้อได้ยินชื่อของเขา เขาก็มีความสุขมาก ใครจะคาดคิดว่า ตาแก่คนนี้จะยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเหลืออยู่ในตัว ดูเหมือนว่าคำพูดที่เขาใช้เวลาสองวันในการท่องจำ จะไม่ได้สูญเปล่าเลย

ในที่สุดเขาก็มีโอกาสระบายความโกรธที่ถูกคุมขัง ใส่ไอ้เพื่อนเลวทั้งสองคนนี้เสียที!

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ในขณะที่เขากดโทรหาเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เพื่อจะบอกเลิกคบกับพวกเขา! พวกเขาจะเป็นเพื่อนกันอีกต่อไปไม่ได้แล้ว!

แทนที่จะช่วยเพื่อนที่กำลังถูกไล่ล่า แต่เพื่อนเลวทั้งสองคนกลับใช้เวลาตลอดทั้งคืน ในการกินและดื่มในร้านอาหารอย่างสบายใจเฉิบ! ‘พี่น้องร่วมสาบานของพวกนายคนนี้ กลับต้องใช้เวลาทั้งวัน กินแต่ขนมปังและดื่มน้ำซุปที่แสนธรรมดาอยู่ที่นี่ ในขณะที่พวกนายทั้งสองกินแต่เนื้อคุณภาพสูงอยู่ข้างนอก!’ เขาคิดในใจ

...

“สวัสดี หนิวชิกำลังพูดอยู่ ใครโทรมาครับ!? โอ้ พี่รองนั่นเอง ทำไมพี่ถึงโทรมาได้ หรือว่าพี่แอบหนีออกมาได้แล้ว?” หนิวชิกำลังงัวเงียอยู่ หลังจากตื่นขึ้นมารับสาย แต่เมื่อเขารู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร ความง่วงของเขาก็สลายหายไปทันที

“หัวหน้า หัวหน้า หัวหน้าหม่า! พี่รองกำลังโทรมา!” หนิวชิรีบวิ่งออกจากห้องนอนตัวเอง และเริ่มเคาะประตูห้องนอนหม่าต้าอย่างต่อเนื่อง

“หยุดเคาะได้แล้ว! นี่มันเพิ่ง 8 โมงเช้าเองนะ! มันเป็นเรื่องยากที่เราจะมีเวลานอนอย่างสบายใจเช่นนี้ได้ นายเอะอะทำไมกัน? หรือว่านายใช้เงินทั้งหมดที่เราได้จากการขายวิดีโอและข้อมูลเหล่านั้นไปหมดแล้วใช่ไหม” หม่าต้าอ้าปากหาว แม้จะได้ยินเสียงเรียกจากพี่น้องของเขา แต่เขาก็ยังสวมเสื้อผ้าอย่างช้าๆ ในขณะที่มีผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาเตอะนอนอยู่ข้างๆ

“ไม่ใช่เรื่องนั้น หัวหน้า! พี่รองกำลังโทรมา!” หนิวชิตะโกนด้วยความสิ้นหวัง

หม่าต้ากำลังงัวเงียอยู่ เขาจึงส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความง่วงก่อนที่จะเปิดประตู สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือ ใบหน้าที่เจ็บปวดของหนิวชิ ขณะที่เขากำมือถือไว้แน่น

“เอามือถือมาให้ฉัน!” หม่าต้าตะโกนใส่หนิวชิ จากนั้นก็คว้ามือถือมาจากเขา และพูดออกไปว่า “เฮ้ น้องรอง นายหนีออกมาได้แล้วงั้นหรือ? เรายังไม่ได้เตรียมตัวไปรับนายเลย ...”

“หลบหนีตูดของฉันนี่! หม่าต้า หนิวชิ ไอ้เพื่อนทรยศ พวกแกช่างไร้หัวใจและเลวทรามมาก! ในที่สุดฉันก็เห็นธาตุแท้ของพวกแกทั้งสองคนแล้ว พวกแกกล้าทิ้งฉันได้ลงคอ ฉันขอตัดขาดจากการเป็นพี่น้องกับพวกแก ...”

โดยไม่ต้องรอให้ลู่วเอ้อพูดจบ หม่าต้าก็ตะโกนใส่มือถือทันที “เฮ้ย! ใจเย็นๆก่อน นายยังไม่รู้ความจริงอะไร ก็จะมาตัดพี่ตัดน้องกันเลยหรอ? ฉันรู้ว่าตอนนี้นายกำลังโมโหอยู่ แต่ฉันจะบอกให้นายฟังว่า ฉันและหนิวชิวางแผนที่จะไปช่วยนายแล้ว แต่พวกเราไปช่วยนายไม่ทัน อย่างไรก็ตาม เราสามารถบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่านายติดอยู่ในกับดักต่างหาก ฉันจะส่งวิดีโอไปที่ QQ ของนาย!”

...

หลังจากสะสางความเข้าใจผิดกันได้แล้ว ลู่วเอ้อก็ขอให้หม่าต้าส่งเงินมาให้เขาด้วย ในตอนนี้ร่างกายของลู่วเอ้อเต็มไปด้วยพลังงาน และดวงตาของเขาก็ส่องประกายด้วยความหวัง แม้แต่น้ำซุปและขนมปังธรรมดาที่เขาทานเป็นอาหารกลางวัน ก็ดูเหมือนจะส่งกลิ่นหอมโชยออกมาเป็นพิเศษ

ในขณะที่กลิ่นหอมของอาหารโชยไปทั่วทั้งโรงอาหาร ลู่วเอ้อกำลังกินขนมปังธรรมดาอันที่สี่ของเขาอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้น หน้าจอในโรงอาหารก็แสดงภาพของห้องส่วนตัวสุดหรูในร้านอาหารแห่งหนึ่งขึ้นมา

ในตอนแรก ลู่วเอ้อไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงการกินรอบๆตัวเขาค่อยๆเบาลงในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เมื่อเขาเห็นคนในหน้าจอแล้ว ลู่วเอ้อก็กัดริมฝีปากแน่น อาจารย์ใหญ่จางเป็นคนที่ไม่มีมโนธรรมอย่างมาก แม้กระทั่งช่วงเวลารับประทานอาหารแบบนี้ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะล้างสมองคนพวกนี้!

บนหน้าจอแสดงภาพของชายคนหนึ่ง ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องๆหนึ่งเพียงลำพัง และชายคนนี้ก็เป็นคนที่ลู่วเอ้อรู้จักเป็นอย่างดีในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มันเป็นผู้ชายที่อาจารย์ใหญ่จางชอบย้ำนักย้ำหนา ในฐานะแบบอย่างที่ดีของคนที่มีพลังพิเศษ แต่สำหรับลู่วเอ้อนั้น กลับมองว่าเขาเป็นแค่คนโง่เงาคนหนึ่งที่ไม่รู้จะใช้พลัง!

จากคำบรรยายบนหน้าจอ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรับชมการถ่ายทอดสดกันอยู่ ลู่วเอ้อไม่เชื่อว่าองค์กรนี้จะถ่ายทอดสดคนที่กำลังกินอาหาร เพื่อมอบความรู้ให้แก่พวกเขา

ในขณะที่เขายังคงดูต่อไป ลู่วเอ้อสังเกตเห็นว่า กล้องกำลังซูมอย่างช้าๆเข้าไปในถาดหมุนอัตโนมัติบนโต๊ะกว้าง โดยถ่ายภาพคนที่นั่งกินควบคู่ไปด้วย

บนโต๊ะกว้างมีอาหารหลากหลายชนิด มีตั้งแต่อาหารทะเลที่สดใหม่ไปจนถึงเนื้อที่แพงที่สุด มีทั้งซุป, ผัก, ปลา และเนื้อวัว บนโต๊ะมีทุกสิ่งที่คุณสามารถนึกออกได้ ไอความร้อนยังคงลอยฟุ้งออกจากอาหารที่ปรุงสดใหม่ เพียงแค่มองจากรูปลักษณ์ของอาหารเพียงอย่างเดียว ก็สามารถบอกได้ว่ามันจะต้องมีรสชาติดีมากแค่ไหน และความพึงพอใจของชายคนนั้นในทุกครั้งที่เขากัดอาหาร ก็ไม่ได้แสแสร้งทำด้วยเช่นกัน

ลู่วเอ้อมองขนมปังธรรมดาที่อยู่ในมือของเขาด้วยสายตาหดหู่ ทันใดนั้น เขาก็พบว่ามันยากที่จะกลืนลงไปได้อีกแล้ว ความโกรธกำลังปะทุอยู่ในท้องของเขา ...

ถ้าลู่วเอ้อพบว่าชายคนนี้(ฟางหนิง)ที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารจานอร่อยแสนอร่อย และคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาเข้ามาในสถานที่นี้เป็นคนๆเดียวกัน(ศาลเตี้ย A) ความโกรธที่เขามีในตอนนี้นั้น มันน่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้นับสิบเท่า ...

...

[คุณได้ดูดซับความโกรธจากลู่วเอ้อ, คุณได้ดูดซับความโกรธจากเฟิงซาน, คุณได้ดูดซับความโกรธจาก XXX ... แถบค่าความโกรธที่สามอยู่ที่ 100/100 ]

ในขณะที่การแจ้งเตือนยังคงปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ฟางหนิงผู้ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหารสุดหรูในห้องส่วนตัว VIP ระดับมงกุฎในร้านอาหารของเขา เขาจึงรู้ตัวทันทีว่าหน่วยกิจการพิเศษกำลังออกอากาศในตอนที่เขากินอาหารอยู่

ค่าความโกรธทั้งหมดอาจถูกดูดซับจากนักเรียนในศูนย์ฟื้นฟูและปรับทัศนคติ

ฟางหนิงพบว่าหน่วยกิจการพิเศษได้ทำการติดตั้งกล้องหลายตัวในร้านอาหารของเขา เพื่อตรวจสอบชีวิตประจำวันของเขา เขาก็แค่แกล้งทำตัวราวกับว่าเขาไม่รู้ไม่เห็น

เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านั้นมีจิตใจที่รักสันติภาพ และเพื่อให้เห็นเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างเขากับศาลเตี้ย A ฟางหนิงจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้พวกเขาเฝ้าดูตราบเท่าที่พวกเขาพอใจ

นี่คือสาเหตุที่ฟางหนิงตัดสินใจทานอาหารที่ร้านอาหารของเขา นอกจากนี้ห้องครัวที่ร้านอาหารก็ใหญ่กว่า และมีเครื่องไม้เครื่องมือมากกว่าห้องครัวที่บ้านเขา นอกจากนี้ยังง่ายกว่าที่จะได้รับวัตุดิบผ่านร้านอาหาร ดังนั้นระบบจึงตัดสินใจว่า มันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการปรุงอาหารจากที่นี่ และง่ายต่อการฝึกสอนพ่อครัวใหม่ในเวลาเดียวกัน

โชคดีที่หน่วยกิจการพิเศษก็ยังเกรงใจฟางหนิงอยู่บ้าง เพราะพวกเขาไม่ได้ติดตั้งกล้องในบ้านของเขา หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงล่ะก็ ฟางหนิงคงต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญสองสามคนไว้เพื่อคอยตรวจสอบกล้อง เพราะเขาไม่สามารถใช้ระบบตรวจสอบกล้องเหล่านี้ได้ นอกจากนี้มันจะไม่เป็นความคิดที่ดีเลย ถ้าการแสดงตลกที่ไร้สาระของเขา ในช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยถูกถ่ายทอดสดออกไป ...

ฟางหนิงไม่กังวลเกี่ยวกับการโดนกล้องบันทึก เพราะการสนทนาของเขากับระบบทั้งหมดเกิดขึ้นภายในพื้นที่มิติของระบบ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่ตัวตนของระบบจะถูกเปิดเผย

ดังนั้นฟางหนิงจึงนั่งที่โต๊ะอาหารอย่างสบายใจ และมีความสุขกับมื้ออาหารที่เตรียมโดยระบบ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การถูกจับตามองของหลายๆคน

ข้อดีของการทำเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หากหน่วยกิจการพิเศษได้ตัดสินใจที่จะออกอากาศในตอนที่เขารับประทานอาหาร ให้กับนักเรียนที่ศูนย์ฟื้นฟูและปรับทัศนคติ เขาก็จะสามารถดูดซับค่าความโกรธจากผู้คนเหล่านั้นได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระบบจะมีความสุขแบบนี้ เมื่อเห็นแถบค่าความโกรธถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว มันสามารถเติมเต็มได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่การรับประทานอาหาร พร้อมกับถูกออกอากาศไปด้วย ฟางหนิงเคยถามระบบเกี่ยวกับรัศมีของการดูดซับค่าความโกรธ ระบบเพียงแค่ตอบว่า มันสามารถดูดซับค่าความโกรธได้ภายในระยะแผนที่ของระบบ ซึ่งในตอนนี้เห็นได้ชัดว่า แผนที่ของระบบจะต้องครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างมากๆ...

การออกอากาศสามารถแสดงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ไม่แสดงรายละเอียดข้อมูลของอาหาร หากพวกที่ดูอยู่สามารถเห็นรายละเอียดข้อมูลของอาหารแล้วล่ะก็ ความอิจฉาของพวกเขาจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก

อาหารที่อยู่ด้านหน้าฟางหนิงไม่เพียงแต่ จะทำมาจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดและแพงที่สุดเท่านั้นทักษะที่ใช้ในการปรุงอาหารก็ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน

คุณคิดว่าอาหารแบบนี้จะมีราคาเท่าไหร่?

สามพันหยวน? ห้าพันหยวน?

ถ้าไม่นับรวมถึงค่าแรงในการปรุงอาหารของระบบ แค่วัตถุดิบเพียงอย่างเดียวสำหรับจานเดียว อาจมีราคาสามถึงห้าพันหยวนเลยทีเดียว และค่าใช้จ่ายของอาหารทั้งหมดในแต่ล่ะมื้อนั้น จะอยู่ระหว่างเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนหยวน หากคุณรวมอาหารสามมื้อต่อวันของฟางหนิง มันจะมีราคาสองถึงสามแสนหยวน และเป็นที่ชัดเจนว่า ฟางหนิงมีรายได้ต่อเดือนถึงยี่สิบล้านหยวนในการเปิดร้านอาหาร

แน่นอนว่าเงินทั้งหมดที่ใช้ไปกับอาหารไม่ได้เสียเปล่าอะไรเลย เพราะระบบจะเลือกรับกินแต่สมุนไพรและวัตถุดิบที่มีราคาแพงเท่านั้น เพราะมันจะช่วยให้สุขภาพของเขาดีขึ้น เนื่องจากมันจะค่อยๆเพิ่มคุณสมบัติของมวลกระดูกและเส้นชีพจรของเขา ดังนั้นจึงช่วยให้เขาประหยัดแต้มค่าสถานะอันมีค่า ที่จะเพิ่มขึ้นเพียง 1 แต้มในแต่ล่ะเลเวลเท่านั้น นอกจากนี้อวัยวะต่างๆในร่างกายของเขา ก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยชะลอการสึกหร่อของอวัยวะได้อีกด้วย

มันน่าเศร้าที่ฟางหนิงเองก็ไม่สามารถรู้สึกถึงผลกระทบเชิงบวกในร่างกายของเขาได้ บางทีในตอนนี้ร่างกายของเขาอาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ฟางหนิงไม่สามารถเห็นการพัฒนาที่ชัดเจนของตัวเองได้ แต่ระบบจะไม่โกหกเขา ดังนั้นฟางหนิงจึงสรุปได้ว่า การเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่เขากินวัตถุดิบที่ดีเหล่านั้นเป็นเวลานานๆ

อย่างไรก็ตาม มีข้อได้เปรียบอย่างน้อยหนึ่งข้อที่เขาได้รับมาแล้ว นั่นก็คือว่า หลังจากการโน้มน้าวอย่างหนักของฟางหนิง แทนที่ในก่อนหน้านี้เมื่อถึงเวลากินอาหาร ระบบจะบังคับร่างกายของเขากินด้วยตัวมันเอง แต่ในตอนนี้ ระบบได้อนุญาตให้ฟางหนิงไปกินอาหารแทนมัน อย่างน้อยที่สุดฟางหนิงก็สามารถเพลิดเพลิน ไปกับรสชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจของอาหารได้ในที่สุด

คำแนะนำที่ฟางหนิงพูดโน้มน้าวระบบคือ “เนื่องจากนายไม่สามารถลิ้มรสความแตกต่างของรสชาติได้ ดังนั้นนายควรให้ฉันจัดการอาหารเหล่านี้แทนนาย อย่างน้อยในขณะที่ฉันกำลังกินอาหารอยู่ นายก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้ไปบ่มเพาะ หรือว่าจะสอนหุ่นเชิดจักรกลในพื้นที่มิติก็ได้”

ฟางหนิงพูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก จนระบบไม่สามารถตอบปฏิเสธได้เลย มันไม่มีทางให้ฟางหนิงทำอาหารเองอย่างแน่นอน เนื่องจากฟางหนิงเองนั้นไม่มีทักษะการทำอาหารเหมือนกับระบบ ไม่ว่าวัตถุดิบจะสุดยอดและมีราคาแพงมากเพียงใด แต่การทำอาหารของฟางหนิงก็ไม่น่าจะสามารถดึงเอาหนึ่งในสิบของคุณสมบัติทั้งหมดในวัตถุดิบออกมาได้ ...

ขณะที่ฟางหนิงกินอาหารมื้อนี้เสร็จ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาสามารถกินได้อีกเยอะ

สำหรับคนที่ดูการถ่ายทอดสดการกินอาหารของฟางหนิงอยู่นั้น พวกเขาเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา แม้ว่าบางคนจะเคยเห็นเขากินมาแล้วสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยขจัดความโกรธของพวกเขาไปได้เลย

ขณะที่ลู่วเอ้อดูฟางหนิงกินอาหารอยู่ ความโกรธในท้องของเขาก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็รู้วิธีตอบการบ้านของอาจารย์ใหญ่จางในหัวข้อ “ความสุขที่แท้จริงคืออะไร” ได้แล้ว นั่นก็คือ เมื่อคุณกินเนื้อในขณะที่ฉันกินขนมปัง เมื่อคุณประสบความสำเร็จ ในขณะที่ฉันประสบความล้มเหลว!

เขาสาบานในใจว่า เมื่อเขาออกจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เขาจะต้องเป็นนักกรีฑาลู่และลานที่โด่งดังที่สุด ด้วยเหตุผลเดียวก็คือ เพื่อที่เขาจะได้กินอาหารราคาแพงและแสนอร่อยตลอดชีวิต เหมือนกับสิ่งที่ฟางหนิงกำลังกินอยู่ในตอนนี้!

แน่นอนว่าลู่วเอ้อไม่รู้ว่า แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ เนื่องจากฟางหนิงเป็นเพียงคนเดียวในโลก ที่สามารถเพลิดเพลินกับการทำอาหารของระบบได้ ...

รีวิวผู้อ่าน