px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 24 : คุณมีคนอื่นที่คุณอยากจะขอบคุณอีกหรือไม่? ถ้ามีพวกเราก็ไปตอบแทนบุญคุณกันเถอะ!


“ที่รัก ทำไมคุณถึงทำแบบนี้อีกแล้วล่ะ? ปล่อยเรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการเองก็แล้วกันนะ” ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน ใบหน้าที่แข็งกร้าวของเธอได้มาจากการผ่านความท้าทายของชีวิต ผิวที่ขรุขระบนมือของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอขาดการบำรุงผิว เธอดูเหมือนคนอายุเยอะ แต่จากการแสดงออกอย่างอ่อนโยนและเป็นผู้ดีของเธอ ทำให้เมื่อมองดูดีๆแล้วจะเห็นได้ว่าเธอมีความงดงามที่น่าทึ่ง และอันที่จริงแล้วเธอก็ยังไม่ได้มีอายุเยอะ

“มันไม่เป็นไร ฉันไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยในตลอดเวลาที่ผ่านมา หลายปีที่คุณอยู่กับฉัน คุณต้องทนทุกข์ผ่านความยากลำบากมามากพอแล้ว”

“คุณกำลังพูดอะไร? ฉันมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมกับคุณ และฉันก็มีความสุขมากๆ น่าเศร้าที่พระเจ้าไม่ได้อวยพรให้คนดีเช่นคุณ ทำให้คุณต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างของคุณไปตลอดกาล...” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตาไหลรินอาบแก้มของเธอ

ฟางหนิงนิ่งเงียบ ขณะที่เขากำลังดูฉากนี้อยู่ข้างนอก

“เราจะทำตอนนี้เลยไหม?” ระบบถามขึ้นมา

“รอสักครู่” ฟางหนิงตอบ

“คุณเป็นคนที่บอกให้ฉันรีบๆทำ แต่ในตอนนี้คุณกำลังขอให้ฉันรอ มนุษย์เช่นคุณเป็นกลุ่มคนที่ช่างซับซ้อนเสียจริงเลย” ระบบพูดออกมาอย่างขบขัน

“เก็บคำพูดไร้สาระของนายเอาไว้เถอะ” ฟางหนิงเป็นคนเก็บตัวอย่างมาก และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกเศร้า และมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตา

“นั่นคือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคุณ ที่พลัดพรากจากกันมาเป็นเวลาหลายปีหรือ?” ระบบยังคงพูดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

“ได้โปรด ฉันเพิ่งอายุ 28 ปีเอง และผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่า 40 ปีอย่างเห็นได้ชัดเจน” ฟางหนิงถึงกับอับจนคำพูด

ชายหญิงทั้งสองคนยังคงพูดคุยกันอีกครั้งที่ลานบ้าน

ชายคนนั้นพึมพำว่า “ทำไมถึงบอกว่าพระเจ้าไม่อวยพรให้ฉัน? ที่ฉันรอดชีวิตมาได้ก็ดีมากพอแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ฉันเสียใจมากที่สุดก็คือ การลากชีวิตของคุณให้ตกต่ำลงมาด้วย”

“อย่ากังวลไปเลย เงินเก็บของเราเกือบจะเพียงพอแล้ว และเราก็แค่รออีกสองสามปีเอง เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะไปโรงพยาบาล และรับขาเทียมที่ดีที่สุดให้กับคุณ จากนั้นคุณก็จะสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง”

ตอนแรกชายคนนั้นเต็มไปด้วยความสุข แต่หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็สลดลง “คุณไปได้เงินจำนวนมากมาจากที่ไหนกัน? คุณไม่ได้ใช้เงินเก็บทั้งหมดของเราตลอดทั้งปี ไปจ่ายหนี้ให้คนเหล่านั้นเลยใช่ไหม?”

ผู้หญิงคนนั้นก้มหัวลงต่ำอย่างเงียบๆเมื่อถูกกล่าวหา

“ทำไมคุณถึงไม่ตอบฉันล่ะ? คุณทำอย่างนั้นลับหลังฉันใช่ไหม? ถ้าคุณทำ ฉันจะโขกหัวเข้ากับกำแพงและฆ่าตัวตาย!” ชายคนนั้นเปล่งเสียงดัง และเริ่มขยับรถเข็นออกไปข้างนอก

“คุณกำลังคิดบ้าอะไรอยู่?” หญิงสาวเอื้อมมือออกไปคว้ารถเข็นไว้ “ที่ฉันไม่ได้บอกคุณเป็นเพราะกลัวว่าคุณจะให้ฉันคืนเงินเหล่านั้นไปต่างหากล่ะ ในทุกปีที่ผ่านมา มีคนที่ส่งเงินมาให้เราทุกเดือน จำนวนเงินที่ส่งมาเริ่มแรกเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จำนวนก็เพิ่มขึ้นมาเมื่อเวลาผ่านไป และเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ฉันจึงล้างหนี้และดอกเบี้ยของเราเสร็จไปหมดแล้ว และจำนวนเงินที่เราเหลือเก็บไว้ มันก็มากเพียงพอที่คุณจะได้รับขาเทียม”

“คนๆนั้นคือใคร? ฉันจำไม่ได้ว่ายังมีเพื่อนหรือครอบครัวคนไหนที่ยังเป็นห่วงฉันอยู่อีก หลังจากที่ฉันประสบอุบัติเหตุมา” ชายคนนั้นขมขื่นและไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง

“คนๆนั้นเคยฝากข้อความเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าเงินจำนวนนี้มาจากนักเรียนที่คุณเคยให้การสนับสนุนในช่วงปีแรกๆ”

“นักเรียน?” ใบหน้าของชายผู้นั้นดูราวกับว่า เขาได้เดินกลับเข้าไปในสระน้ำแห่งความทรงจำ และตอนนี้เขาก็เอื้อมมือไปค้นหาคนที่อยู่ลึกลงไปในสระน้ำของกาลเวลา ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา “ฉันจำได้ว่า ในปีนั้นฉันเป็นคนใจบุญเป็นอย่างมาก และตอนนั้นเงินก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับฉันเลย ฉันจึงเข้าร่วมโครงการการสนับสนุน และช่วยเหลือนักเรียนแค่ 5 คน แต่ก็ไม่เคยมีใครโทรหาฉัน หรือส่งข้อความมาหาฉันตลอดในช่วงระยะเวลาในการสนับสนุนมาก่อนเลย ฉันเคยได้รับการโทรหาเพียงแค่ครั้งเดียว เมื่อฉันหยุดให้การสนับสนุนหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว และคุณรู้ไหมว่าเขาพูดว่ายังไงบ้าง?”

ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวของเธอ ก่อนที่จะรอคำตอบจากเขา

“เขาพูดเพียงประโยคเดียวว่า ‘คุณไม่ได้สัญญาว่าจะให้การสนับสนุนฉันจนจบมหาวิทยาลัยงั้นหรอกหรือ?’ ดังนั้นตอนนี้คุณคาดหวังว่า ฉันจะเชื่อว่านักเรียนที่ฉันสนับสนุนในช่วงปีแรกๆได้ส่งเงินมาให้ฉัน?”

ชายคนนั้นส่ายหัว ข้อโต้แย้งที่ได้จากการเป็นคนดีที่เขาใช้ในตอนนี้ เป็นเพียงความพยายามที่จะปลอบโยนภรรยาของเขาเท่านั้น เขาไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลย หลังจากใช้ชีวิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าเขาจะเป็นคนนิสัยดี แต่เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ที่จะให้อภัยกับทุกคนได้

ด้วยความจนใจ ผู้หญิงคนนั้นจึงเข้าไปในบ้านเพื่อค้นหาโปสการ์ด ภาพบนโปสการ์ดดูทรุดโทรมเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเห็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเรียบง่ายเป็นอย่างมาก ใต้ภาพมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘ตอนนี้ผมได้งานทำแล้วนะ’ ”

ชายคนนั้นหยิบโปสการ์ดขึ้นมา และจ้องมองไปที่ใบหน้าบนรูปภาพ เขาสับสนในตอนแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเขาก็เริ่มแจ่มใส หลังจากที่เขานึกถึงความทรงจำที่หายไปนานขึ้นมาได้อีกครั้ง “เขาเป็นยังไงบ้าง? มันเป็นไปได้ยังไงกัน! นั่นคือเสื้อแจ็คเก็ตทหารที่ฉันเคยใส่เมื่อนานมาแล้วนี่”

ความทรงจำของเขาได้นำเขาย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตอนที่เขายังเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตอนนั้นกำลังเหนื่อยและหิวโซ เขาขับรถบรรทุกบนถนนที่ไม่คุ้นเคยในช่วงฤดูหนาว และกำลังหาที่พักในโรงแรมใกล้ๆ แต่ในตอนที่ขับรถบรรทุกไปตามถนน เขาได้เห็นนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งรีบวิ่งไปโรงเรียนบนท้องถนน เขาจึงหยุดรถถามเด็กหนุ่มคนนั้น เพื่อขอคำแนะนำ เด็กหนุ่มคนนั้นมีความอดทนต่อความเหน็บหนาวเป็นอย่างมาก เขาชี้ไปที่โรงแรมราคาประหยัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมที่ไม่ได้พยายามโกงลูกค้า

แต่ในไม่ช้า เขาก็สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนั้นสวมใส่เพียงเสื้อผ้าบางๆ เขาจึงถามเด็กหนุ่มคนนั้นว่าหนาวรึเปล่า? และส่งเสื้อแจ็คเก็ตทหารที่เขาวางไว้บนเบาะ เป็นของขวัญให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มคนนั้นลังเลในตอนแรก แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ยอมรับเสื้อแจ็คเก็ตไป เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวขอบคุณเขาเมื่อได้รับเสื้อแจ็คเก็ต และขอทราบชื่อของเขาก่อนที่จะวิ่งจากไป และเด็กหนุ่มคนนั้นยังได้จดเลขทะเบียนรถบรรทุก ก่อนที่เขาจะหายตัวไปอีกด้วย

เมื่อเขามองดูใบหน้าในรูปภาพนี้ ก็เกือบจะเหมือนกับเด็กนักเรียนคนนั้นที่อายุเพิ่มขึ้นมาอีกไม่กี่ปี

แน่นอนว่าเขาไม่เคยรู้เลยว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่ฟางหนิงมีฤดูหนาวที่แสนอบอุ่น

“อ่า ฉันเข้าใจแล้ว บางทีในตอนนี้เขาอาจมีฐานะร่ำรวย และประสบความสำเร็จในชีวิตขึ้นมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง อ่า... การเป็นคนดีก็จะได้รับรางวัลที่ดีตอบแทนสินะ...” ก่อนที่ชายคนนั้นจะได้ทันพูดจบ เขาก็ล้มลงไปบนรถเข็น

“ที่รัก?” ในขณะที่ผู้หญิงอุทาน เธอก็ล้มลงไปบนพื้นด้วยเช่นกัน

///

“บ้าเอ๊ย ทำไมนายถึงไม่ฟังพวกเขาพูดต่อไป?” เมื่อฟางหนิงกำลังจมลึกย้อนกลับไปในฉากเมื่อวันวาน ระบบก็ได้ทำการดำเนินการตามแผน

“ถ้าเรายังปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกันต่อไป เราก็จะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ แม้ว่าเราจะรอจนถึงเช้าก็ตามที เราต้องทำให้มันจบไวๆ เพื่อที่จะได้ออกไปฟาร์มมอนสเตอร์ให้มากขึ้น!” (ระบบมันจะชอบพูดว่าฟาร์มมอนสเตอร์ ซึ่งมอนสเตอร์ที่มันพูดถึงนี่คือสิ่งที่มันจะฟาร์ม ซึ่งตอนนี้ยังเป็นพวกอาชญากรอยู่นะครับ แต่ต่อไปอาจจะมีพวกสัตว์ประหลาดต่างๆ หรือพวกภูติ ผี ปีศาจออกมาก็ได้)

มันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉากที่สมบูรณ์แบบทางอารมณ์แบบนี้ ถูกขัดจังหวะอย่างหยาบคายโดยระบบที่ไร้มนุษยธรรม!

อารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในใจของฟางหนิงนั้นหายวับไปในอากาศ และเขาทำได้แค่เพียงกลอกตาไปมากับคำตอบของระบบ ระบบจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด เมื่อถึงเวลาทำงาน นอกจากนี้มันไม่ใช่มนุษย์ มันจึงไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้

เขาทำได้เพียงเฝ้ามองระบบดำเนินการดึงเอาเลือดของชายคนนั้นเพื่อสร้างขาเทียม และดำเนินการติดตั้ง...

“เดี๋ยวก่อนนะ เสร็จแล้วงั้นเหรอ?” ฟางหนิงตกตะลึงเมื่อเขาตระหนักว่า กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ‘นี่มันเร็วเกินไปแล้ว มันจะเชื่อถือได้ใช่ไหม?’

“แน่นอนว่าเสร็จแล้ว! ฉันใช้พลังงานที่สำคัญและค่า EXP ไปจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยคุณทำงานนี้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันสามารถมองข้ามการใช้พลังงานที่สำคัญได้ แต่การใช้ค่า EXP นั้นสำคัญมากๆ จนแม้แต่พวกมอนสเตอร์ที่ฉันจะฟาร์มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็คงจะไม่สามารถชดเชยได้เลย ...”

ก่อนที่ระบบจะเสร็จสิ้นการร้องเรียน ทันใดนั้นระบบก็หยุดทำงาน ฟางหนิงใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

[โฮสต์ได้ปลดล็อคสิ่งที่รบกวนจิตใจเสร็จสมบูรณ์: การตอบแทนบุญคุณจากเสื้อแจ็คเก็ตในฤดูหนาว โฮสต์ปลดล็อคความสำเร็จพิเศษ: การตอบแทนบุญคุณนับสิบเท่า (แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยจากผู้อื่น แต่คุณควรตอบแทนด้วยสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เมื่อผู้อื่นต้องการ) ระบบค่าคุณธรรมได้ถูกปลดล็อคแล้ว ระบบจะได้รับแถบค่าคุณธรรมเบื้องต้นหนึ่งแถบ และจะได้รับแถบค่าคุณธรรมทุกๆ 50 เลเวล ระบบได้รับการบัฟถาวร: ถ้าใช้แถบค่าคุณธรรมเมื่อตอนใช้ทักษะ ทักษะจะเพิ่มพลังขึ้นอีก 100% สามารถซ้อนทับเอฟเฟคของบัฟ และแถบค่าคุณธรรมได้]

ก่อนที่ฟางหนิงจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ระบบที่แสนงี่เง่าก็ถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เร็วเข้าโฮสต์ คิดให้ไกลและคิดให้มากขึ้น คุณยังมีคนอื่นที่คุณอยากจะขอบคุณอีกหรือไม่? ถ้ามี พวกเราก็รับไปกันเถอะ เพื่อใช้คืนสิ่งที่ได้รับมาให้มากขึ้นกว่าเดิม!”

“แมร่งเอ้ย! มันจะเป็นไปได้ยังไงกันว่ะ? สำหรับคนอื่นๆแล้ว ฉันมีเพียงความสัมพันธ์ และการปฏิสัมพันธ์ตามปกติเท่านั้น” ฟางหนิงตอบกลับด้วยความโกรธ

ในอดีต เขายินดีที่จะทำทุกสิ่งที่สามารถได้ เพื่อส่งรายได้จำนวนมากไปยังผู้มีพระคุณของเขาคนหนึ่ง ซึ่งเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จนนำพาความหวังทั้งหมดของเขาจากไป นั่นเป็นเพราะว่าแม้จะมีความขาดแคลน หรือข้อบกพร่องมากมาย แต่ฟางหนิงก็รู้จากประสบการณ์ในวัยเด็กของเขาว่า การตอบแทนบุญคุณเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ เขาไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยที่เขาต้องการตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และในขณะเองก็มีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และสอนให้เขาได้เรียนรู้ว่าความรักที่เขาต้องการนั้นมีค่ามากเพียงใด สิ่งนี้จึงฝังแน่นอยู่ในใจเขามาตลอด เขาจะต้องตอบแทนความอบอุ่นที่เขาได้รับมาในสักวันหนึ่ง

“ทำไมคุณถึงดูตกใจจัง? ความสำเร็จนี้ยอดเยี่ยมไม่พองั้นเหรอ?” ระบบถามเมื่อเห็นสีหน้าของฟางหนิง

“ในสถานการณ์ปกติ เงื่อนไขในการปลดล็อคระบบค่าคุณธรรมที่จำเป็นต้องใช้ก็คือ จะต้องสะสมชื่อเสียงเพื่อปลดล็อคระบบชื่อเสียงก่อน จากนั้นคุณจะต้องกลายเป็นฮีโร่ที่มีชื่อเสียง และเพิ่มเลเวลของระบบเป็นเลเวล 50 ก่อน ถึงจะสามารถปลดล็อคระบบค่าคุณธรรมได้ คุณลองจินตนาการดูสิว่า มันจะทรงพลังแค่ไหนที่สามารถใช้สิ่งนี้ได้ตั้งแต่ต้น? นี่เรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องบัฟที่สามารถซ้อนทับกันได้อีกนะ อย่างไรก็ตาม แถบค่าคุณธรรมนั้นแตกต่างจากแถบค่าความโกรธในแง่ที่ว่า มันยากที่จะได้รับมา มันสามารถได้รับค่าคุณธรรมเพียงเล็กน้อยเมื่อใช้โหมดความยุติธรรมในการปราบปราบเหล่าอาชญากร และมันยังแตกต่างจากค่า EXP ที่ได้รับอีกด้วย โดยจำนวนค่าคุณธรรมที่คุณได้รับมานั้น จะสอดคล้องกับความรุนแรงของอาชญากรรมที่บุคคลนั้นกระทำ แทนที่จะเป็นความสามารถที่พวกเขามี”

ฟางหนิงเข้าใจทันทีว่า ค่าคุณธรรมนี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก จนสามารถเอาชนะระบบได้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผู้มีพระคุณของเขาพูดนั้นถูกต้อง - คนดีจะได้รับรางวัลที่ดีตอบแทน และถ้าเขาเป็นคนที่เนรคุณคน เขาจะไม่มีวันปลดล็อคระบบค่าคุณธรรม ที่มีความต้องการสูงเช่นนี้ได้ในช่วงต้นแบบนี้แน่ๆ นักเล่นเกมทุกคนจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เมื่อคุณมีสกิลเลเวล 50 ในเลเวล 10 เอง!

เขาต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม “ตามการแจ้งเตือน หากทักษะของนายใช้ทั้งแถบค่าคุณธรรม และแถบค่าความโกรธพร้อมกัน มันจะทรงพลังมากขนาดไหน?”

“ฉันบอกไม่ได้ มันคำนวณไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ แต่ฉันจะบอกสิ่งนี้กับคุณ ถ้ามีคนถูกโจมตีด้วยการผสมผสานกับแถบค่าคุณธรรม เขาหรือเธอจะได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง หากเขามีเจตนาที่ชั่วร้ายภายในตัวเขา เขาจะได้รับความเสียหายจนกว่าแถบค่าคุณธรรมของเราจะหมดลง ถ้าสิ่งนี้ถูกใช้กับสิ่งชั่วร้ายตามธรรมชาติเช่นวิญญาณและภูตผีที่อ่อนแอ พวกมันจะถูกฆ่าตายได้ทันที! โดยไม่จำเป็นที่จะต้องคำนวณค่าความเสียหายใดๆเลย”

“ส่วนภูตผีและวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่า จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อจับคู่กับบัฟ และการซ้อนทับกันได้ ภูตผีและวิญญาณที่แข็งแกร่งเหล่านี้ จะถูกฆ่าตายโดยทันที ถ้าพวกมันไม่มีทักษะในการป้องกันที่เฉพาะเจาะจง” ระบบตอบกลับมา

ฟางหนิงมักจะกลัวภูตผีและวิญญาณ แต่ที่แย่มากไปกว่านั้นก็คือ พวกมันสามารถปรากฏตัวขึ้นในโลกความเป็นจริงของเขาได้ โชคดีที่ตอนนี้ระบบมีทักษะใหม่ที่สามารถตอบโต้พวกภูตผี และวิญญาณเหล่านี้ได้ ทักษะนี้จะช่วยยกระดับความปลอดภัยของเขาได้เป็นอย่างมาก...

เมื่อเขาจำสิ่งที่ระบบได้ถามขึ้นมาในก่อนหน้านี้ เขาจึงตอบกลับไปทันที “นายจะไม่รู้ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่านายสามารถอ่านความทรงจำของฉันได้โดยตรงงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าฉันทำไม่ได้! คุณมีความคิดมากมายในใจของคุณทุกวัน และความทรงจำเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และซับซ้อนอยู่เสมอ ฉันเห็นได้เฉพาะพื้นผิวความทรงจำที่ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไป และฉันกลัวว่าถ้าฉันล้วงลึกลงไป คุณจะกลายเป็นคนบ้าได้” ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย หลังจากที่ได้เขาได้ฟังการตอบกลับอย่างรวดเร็วของระบบ เขาเคยกลัวว่าอดีตที่น่าอับอายของเขาจะถูกเปิดโปงโดยระบบ แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลมันอีกต่อไปแล้ว

รีวิวผู้อ่าน