px

เรื่อง : เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) ฉบับแปลใหม่ !!!
ตอนที่ 15 กาดิซิ่วหลี


Chaotic Sword God ตอนที่ 15 กาดิซิ่วหลี

เมื่อได้ยินเถี่ยต้ากล่าว ช่วยไม่ได้เลยที่เจี้ยนเฉินถาม "เถี่ยต้า เจ้าบอกว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่วัตถุหนักเท่าไรที่เจ้าสามารถยกได้?"

"ตอนที่ข้าอยู่ที่บ้าน ข้าสามารถยกหินหนัก 200 กิโลกรัมได้" เขากล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ใบหน้าเจี้ยนเฉินก็ว่างเปล่าทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น เจ้าลูกศิษย์คนนี้มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือไงกัน หิน 200 กิโลกรัมขนาดผู้ใหญ่ยังยกไม่ได้เลย แต่สำหรับเด็กหนุ่มเช่นเถี่ยต้ากลับสามารถยกหินใหญ่ยักษ์ได้ เพียงเท่านั้นเจี้ยนเฉินก็รู้สึกหวาดกลัวจากข้อเท็จจริงนี้

"เถี่ยต้า เจ้าอายุเท่าไหร่?" เจี้ยนเฉินเริ่มมองเถี่ยต้าด้วยแววตาที่ต่างออกไป

"อายุ 16 ปี" เถี่ยต้ากล่าว ในขณะที่เขาเคี้ยวอาหารของเขา การเคี้ยวของเขาทำให้คำพูดของเขาเกือบจะไม่ได้ยิน

ความประทับใจของเจี้ยนเฉินเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เขากล่าวว่า "เถี่ยต้า เจ้ามีความแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เจ้าเป็นเด็กหรือ?"

"นั่นถูกแล้ว ที่จริงความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมาก เพราะข้าไม่เคยกินอิ่มเลยเมื่อตอนที่ข้าอยู่บ้าน ข้ามักจะขึ้นไปยังภูเขาและล่าอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นอาหารของตัวข้าเอง" เถี่ยต้ากล่าวอย่างหนักแน่น

เจี้ยนเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ มั่นใจว่า ความแข็งแกร่งของเถี่ยต้านั้นมันชี้ชัดว่าเขาได้รับพลังจากพระเจ้า มิฉะนั้นเด็กหนุ่มอย่างเขาจะไม่สามารถที่จะยกหินหนักเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจสำหรับเจี้ยนเฉินก็มีเพิ่มมากขึ้น เถี่ยต้าสามารถออกล่าด้วยตัวเองในภูเขา สำหรับคนที่อายุเพิ่งจะ 16 สำหรับความสามารถที่ออกล่าได้อย่างง่ายดายในภูเขานี้ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกประทับใจ นอกจากนั้นไม่เพียงแต่สัตว์ป่าที่ปรากฏในเทือกเขาอสูรเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์อสูรซึ่งแข็งแกร่งกว่าสัตว์ป่าธรรมดามาก

เถี่ยต้าลูบท้องของเขาและลุกขึ้นยืน พร้อมกับหัวเราะออกมา "เจียงหยางเซียงเทียน ข้าอิ่มแล้ว ดังนั้นข้าจะกลับไปที่หอพักของข้าเพื่อจะนอน พรุ่งนี้เป็นวันที่มีการแข่งขันรอบสุดท้าย"

เจี้ยนเฉินพยักหน้า "ข้าหวังว่าเจ้าจะติดสามอันดับแรกในการแข่งขันวันพรุ่งนี้."

เถี่ยต้าพยักอย่างรุนแรงและความเด็ดเดี่ยว ซึ่งอาจจะมองเห็นได้จากดวงตาของเขา "แน่นอนข้าจะพยายามอย่างหนักและสำหรับการติดสามอันดับแรก แกนอสูรขั้นหนึ่งสามารถขายได้อย่างน้อย 10 เหรียญม่วง !"

ไม่นานหลังจากที่เถี่ยต้าจากไป เจี้ยนเฉินได้กินอาหารของเขาอย่างรวดเร็วเองและกลับไปที่ห้องของเขา ทันใดนั้น ในขณะที่เขาปิดประตู เขาได้ยินเสียงเคาะประตู

"น้องสี่ เจ้าอยู่หรือไม่?" เจียงหยางหู่ถาม

เมื่อได้ยินเสียงนั้น เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจ มันเกือบสองวันเต็ม นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นพี่ชายครั้งสุดท้าย เขาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เขาได้เชิญเจียงหยางหู่เข้ามาภายในห้องของเขา

"น้องสี่ ข้าเสียใจ ข้าไม่ได้ติดตามความคืบหน้าของเจ้าในการแข่งขัน" เขารีบกล่าวออกมาก่อนที่เจี้ยนเฉินจะเปิดปากของเขาออกเพื่อถามคำถาม

เจี้ยนเฉินพยักหน้าและกล่าวว่า "ข้าเข้ารอบแปดคนแล้ว วันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน. "

ในขณะที่เขาฟังเจี้ยนเฉินพูด เจียงหยางหู่นั้นจู่ ๆ ก็มีความสุขเพิ่มขึ้น สำหรับความสำเร็จของน้องชายของเขา เขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า "น้องสี่ เจ้าช่างประเสริฐอย่างแท้จริง! นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เจ้ามายังที่นี่ก่อนหน้าน้องสอง น้องสาม"

จากนั้นเขาก็หยิบผลึกขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาจากกระเป๋าของเขา เจียงหยางหู่ยัดมันใส่ในมือของเจี้ยนเฉิน "น้องสี่ นี่เป็นแกนอสูรระดับหนึ่ง สองวันที่ผ่านมานี้ ข้าและเพื่อนของข้า ไปยังป่าที่อยู่ด้านหลังสำนักและร่วมมือกันสังหารสัตว์อสูรระดับ 1 นี่คือแกนอสูรที่ข้าได้ต่อสู้มาเพื่อเจ้า ดังนั้นเจ้าจงรับไป ดูเหมือนมันจะดึกแล้ว พี่ใหญ่จะไม่รบกวนเจ้าอีกต่อไป วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน ดังนั้นเจ้าต้องพยายามให้หนักและกลายเป็นอันดับหนึ่ง" เจียงหยางหู่กล่าว แล้วเดินออกมาจากห้องหลังจากที่ค่อย ๆ ปิดประตู

ในเวลาก่อนที่ที่เจียงหยางหู่จะปิดประตูลง เจี้ยนเฉินเหลือบเห็นร่องรอยของกรงเล็บที่ยาวประมาณ 3 นิ้วที่อยู่บริเวณแขนของเจียงหยางหู่

จ้องมองแกนอสูรระดับหนึ่งที่อยู่ในมือเขาอย่างเงียบ ๆ เจี้ยนเฉินรู้สึกถึงคลื่นของความอบอุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ในขณะเดียวกันจิตใจของเจี้ยนเฉินก็ไม่อาจสงบลงได้

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแกนอสูรระดับหนึ่ง เจี้ยนเฉินรู้สึกกังวลถึงเจียงหยางหู่ เมื่อคิดกลับไปถึงบาดแผลบนแขนของเจียงหยางหู่ เจี้ยนเฉินรู้ว่าแผลนั้นมาจากการล่าสัตว์อสูร เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดถึงของขวัญ ช่วยไม่ได้ที่ความรู้สึกภายในใจนั้นอบอุ่นยิ่ง เพราะเขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา

หลังจากที่ยืนอยู่ตรงกลางของห้องของเขาด้วยท่าทีตกตะลึง ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็สูดลมหายใจลึก ๆ ค่อย ๆ บังคับให้ตัวเองเข้าสู่ภาวะสงบ จากนั้นเขาได้นอนพักบนเตียงของเขา เริ่มต้นบ่มเพาะอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะมีแกนอสูรในตอนนี้ เขาไม่ได้ต้องการที่จะใช้มัน เขาเพียงแต่เก็บมันไว้ในเข็มขัดมิติของเขา การแข่งขันในวันพรุ่งนี้ เจี้ยนเฉินมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าเขาจะต้องเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ ในโลกก่อนหน้านี้ของเขา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียวซึ่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก และถึงแม้ว่าเขาได้สูญเสียพลังหลังจากที่เกิดใหม่ แต่เขายังคงมีความรู้เกี่ยวกับเพลงกระบี่ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกฎแห่งกระบี่ที่มันถูกฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา เขาไม่ได้สูญเสียความเข้าใจในวิถีกระบี่ของเขา และดังนั้นในอนาคตเจี้ยนเฉินจะก้าวขึ้นไปให้สูงสำหรับทวีปนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นเจี้ยนเฉินทานอาหารเช้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะถึงเวลาแข่งขัน บางทีมันอาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน ผู้คนจึงมารวมกันมากขึ้นในวันนี้ มากกว่าสองวันก่อนหน้านี้รวมกันเสียอีก หลายคนที่มาใหม่เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์เก่า

บริเวณต่อสู้ได้รับการปรับปรุงอย่างเต็มที่ในคืนที่ผ่านมาและจากเดิมที่มีเวทีประลองถึง 5 สนาม แต่มันเปลี่ยนเป็น 4 สนาม ในตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อวานนี้เป็นอย่างมาก อยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถเปรียบได้กับขนาดใหม่

ในเวลานั้นเอง เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนเห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังของเขา เมื่อหันกลับไปเขาเห็นพี่ชายของเขา เจียงหยางหู่เดินฝ่าฝูงชนมาข้างหน้า เพื่อพยายามที่จะเข้ามาหาเขา

เมื่อจำได้ว่าเป็นเจี้ยนเฉิน เจียงหยางหู่ยิ้มกว้าง ถอนตัวจากฝูงชนอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งไปที่ด้านข้างของเจี้ยนเฉินและตบเข้าบนไหล่ "น้องสี่ ในวันนี้เจ้าต้องพยายามให้หนัก พี่ใหญ่ไม่ได้ต้องการให้เจ้าเป็นอันดับหนึ่ง การเข้าสู่สามอันดับแรกนั้นก็เพียงพอแล้ว" เจียงหยางหู่กล่าว การได้รับแกนอสูรนั้นเป็นสิ่งเล็กน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้รับอันดับที่ดี แม้ว่าราคาของแกนอสูรจะไม่อาจดูแคลนได้ง่ายนัก แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่บุตรชายคนโตของตระกูลเจียงหยางต้องการมากนัก

เจี้ยนเฉินหัวเราะและกล่าวว่า "พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้กังวล แน่นอน ข้าจะไม่ยอมให้ท่านดูถูกข้า"

เวลาของการแข่งขันมาถึงอย่างรวดเร็ว แปดอันดับแรกจะเริ่มต่อสู้ในรอบรองชนะเลิศ หลังจากจับฉลากการต่อสู้เสร็จสิ้น ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินเดินเข้าไปยังเวทีการประลอง หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายตรงข้ามเจี้ยนเฉินก็เดินขึ้นมาบนเวทีอย่างเชื่องช้า แต่ที่น่าแปลกใจ ฝ่ายตรงข้ามของเจี้ยนเฉินเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง เขาจดจำนางได้จากช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างแม่นยำ คู่ต่อสู้ของเขาคือกาดิซิ่วหลี

กาดิซิ่วหลีสวมชุดสีแดงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ และแม้ว่านางจะเป็นเพียงเด็กสาวอายุราว ๆ 16-17 ปี ร่างกายของนางก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เครื่องแบบนั้นแนบไปกับผิวหนังของนาง นางจัดว่าเป็นเด็กสาวที่งดงาม ผิวของนางขาวละเอียดอ่อน และใบหน้างดงามของนาง เช่นนี้จึงทำให้กาดิซิ่วหลีได้รับความสนใจจากเด็กหนุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย ความงดงามนั้นมากพอให้คนทั้งเมืองต่อสู้เพื่อนาง แต่เป็นความจริงสำหรับคนส่วนใหญ่ที่เกิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียง นางจึงเดินออกมาอย่างเย่อหยิ่ง

เจี้ยนเฉินมามือเปล่า ที่ด้านบนของเวที เหตุผลที่ว่าทำไมเขามามือเปล่า เป็นเพราะกฎของสถาบัน พวกเขาเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะตัดสินความแข็งแกร่งของบุคคลคือการต่อสู้ด้วยมือเปล่า และเพราะอย่างนั้นอาวุธเช่นกระบี่จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ และเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนสร้างอาวุธเซียนได้ เด็กหน้าใหม่ทั้งหมดเหล่านี้จึงต่อสู้โดยปราศจากอาวุธ

กาดิซิ่วหลีมองเจี้ยนเฉินด้วยความหยิ่งผยอง "เจ้าจะต้องเสียใจสำหรับความโอหังที่ห้องอาหารในวันนั้น  ข้าแน่ใจว่าจะสอนบทเรียนกับเจ้าในวันนี้" น้ำเสียงกาดิซิ่วหลีเฉียบคมก้องกังวาน

ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเจี้ยนเฉินเผยให้เห็นรอยยิ้มของความรังเกียจ คนที่เกิดมาภายในตระกูลที่มีชื่อเสียงมากของพวกเขา มันชี้ชัดว่าพวกเขาไม่เคยรู้ว่าเหนือฟ้ายังคงมีฟ้า

"บูม!"

เสียงดังออกมาจากเวทีการประลอง เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการแข่งขัน

เพราะเวทีการประลองอยู่ในสถานที่เดียวกัน เมื่อได้ยินเสียงฆ้อง แปดผู้เข้าแข่งขันต่างก็พร้อมและเริ่มต้นที่จะต่อสู้

กาดิซิ่วหลีได้ก้าวไปหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว เมื่อนางอยู่ใกล้กับเขาในระยะ 3 เมตร ทันใดนั้น นางก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ส่งลูกเตะของนางผ่านอากาศมาที่เจี้ยนเฉิน แม้ว่ากาดิซิ่วหลีจะยังเด็ก นางก็มีความแข็งแกร่งมากทีเดียว เห็นได้จากการที่นางบรรลุระดับเก้าของพลังเซียน

เจี้ยนเฉินยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เคลื่อนย้ายแม้แต่ก้าวเดียว ขณะที่เท้าของกาดิซิ่วหลีกำลังจะสัมผัสกับใบหน้าของเขา เขาเพียงแค่เอียงคอไปด้านข้าง ทำให้ลูกเตะนั้นเฉียดด้านข้างของศีรษะเขา

ปฏิกิริยาของกาดิซิ่วหลีรวดเร็วมาก ทันทีที่นางตระหนักว่าลูกเตะไม่ได้สัมผัสโดนเจี้ยนเฉิน นางเหวี่ยงมือไปที่จมูกของเขา ด้วยกำปั้นที่เต็มไปด้วยพลังเซียน ไม่เพียงแต่กำปั้นของนางถูกส่งมาอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่มีพลังจำนวนมากที่อยู่ภายในกำปั้นของนาง คนปกติหากโดนหมัดนี้เข้าไปจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากหลังจากโดนมัน แต่เพราะมันเป็นเจี้ยนเฉิน นางจึงไม่คิดดึงมันกลับ ไม่ว่าอย่างไร นางก็จบลงด้วยการเอาชนะเจี้ยนเฉินและก้าวเข้าสู่สี่อันดับ นางเพียงแค่ทำการสอนบทเรียนกับเจี้ยนเฉิน มันชี้ชัดว่านางจะไม่ยั้งมือเป็นแน่

เจี้ยนเฉินรับมือกับการโจมตีของกาดิซิ่วหลีอย่างง่ายดายและถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาเป็นคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าเขา แต่เจี้ยนเฉินนั้นไม่เหมือนกับเด็กทั่วไป ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนในการต่อสู้ของเขาจากโลกที่ผ่านมา ดังนั้นถ้าเขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้ กาดิซิ่วหลีก็จะไม่อาจสัมผัสเสื้อผ้าของเขาได้เลยด้วยเช่นกัน

หลังจากที่กาดิซิ่วหลีได้พยายามที่จะโจมตีเขาอย่างหนักหลายครั้ง แต่นางก็ไม่อาจจะสัมผัสได้แม้แต่เสื้อผ้าของเจี้ยนเฉิน นางเริ่มรู้สึกรำคาญและหยุดลง นางหอบเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของนางเท้าเอวและจ้องที่เจี้ยนเฉิน "เฮ้? เจ้าจะต่อสู้หรือไม่ ถ้าไม่ ทำไมเจ้าถึงไม่เดินออกจากสนามนี้แล้วกระโดดไปรอบ ๆ แทนล่ะ!"

เจี้ยนเฉินหัวเราะในขณะที่เขามองไปที่กาดิซิ่วหลี และกล่าวว่า "คนที่ควรจะออกจากที่แห่งนี้เป็นเจ้า ไม่ใช่ข้า เจ้าจะโจมตีข้าได้อย่างไร กระทั่งเสื้อผ้าข้า เจ้าก็ไม่อาจสัมผัสได้"

"จะ..เจ้า!!... " ใบหน้าที่งดงามตามธรรมชาติของกาดิซิ่วหลีเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางชี้หน้าเขาด้วยความโกรธแต่พูดอะไรไม่ออก แต่แล้วนางก็สงบลงและทำท่าเยาะเย้ยพร้อมกับพูดออกมาว่า "ถึงแม้ข้าจะไม่สัมผัสเจ้า ? แต่เจ้าล่ะ เจ้าไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับข้า ทำได้เพียงแต่หลบหลีกเฉกเช่นคนขี้ขลาดเท่านั้น!!"

"เอ่อ นั่นก็ถูกแล้ว?" ใบหน้าเจี้ยนเฉินเปิดเผยรอยยิ้ม ในขณะที่เขามองนางด้วยท่าทีแปลกใจ

กาดิซิ่วหลีมองอย่างเย่อหยิ่ง กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ "แน่นอน ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นคนขี้ขลาด เจ้าก็ควรพยายามต่อสู้กับข้าอย่างจริงจังสักที!"

เจี้ยนเฉินชำเลืองมองไปที่เวทีอื่น และเห็นว่าการแข่งขันอื่น ๆ ได้เริ่มต้นที่จะสิ้นสุดแล้ว เขาหันกลับไปมองกาดิซิ่วหลี เขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง "ถ้าเจ้าอยากที่จะต่อสู้กับข้า ก็ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าปรารถนา!!"

รีวิวผู้อ่าน