px

เรื่อง : เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) ฉบับแปลใหม่ !!!
ตอนที่ 47 กลับไปยังสำนัก 


Chaotic Sword God ตอนที่ 47 กลับไปยังสำนัก   

ชายทั้งหกคนในกลุ่มมุ่งหน้าไปยังบริเวณชายป่า ตอนนี้สามวันของพวกเขาได้จบลงแล้ว หากพวกเขาสามารถปกป้องแกนอสูรจนกระทั่งพวกเขามาถึงด้านนอกแล้ว พวกเขาก็จะสามารถที่จะจบภารกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเนื่องจากสำนักไม่ได้นำแกนอสูรไป พวกเขานั้นสามารถที่จะใช้มันได้

เดินไปในเส้นทาง เจี้ยนเฉินและคนที่เหลือก็ระมัดระวังมากทีเดียว นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เนื่องจากพวกเขาอาจจะถูกซุ่มโจมตีตอนไหนก็ได้ เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าก็ยังคงเต็มไปด้วยพลัง แต่เจียงหยางหู่และคนอื่น ๆไม่ได้อยู่สภาพที่ดีนัก ถ้าพวกเขาจะถูกโจมตีโดยคนแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแล้วล่ะก็ การต่อสู้นั้นคงไม่อาจเลี่ยงได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินต้องการที่จะหลีกเลี่ยง

เจี้ยนเฉินเดินลงถนนโดยมีเถี่ยต้าอยู่ด้านหลังเขา ขณะที่ส่วนที่เหลือเดินตรงไป ที่ซึ่งพวกเขามาถึงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของป่าที่มีเขตแดนอาคมสีขาวของป่าที่ซึ่งเป็นคลื่นบาง ๆ ครอบคลุมไปด้านนอก ด้วยสามวันที่จบลง เขตแดนอาคมได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เพื่อช่วยให้ลูกศิษย์ที่หลงทางได้พบกับเส้นทางนี้

จิตวิญญาณของเจี้ยนเฉินถูกส่งออกไปบริเวณรอบตัวเขา ขณะที่เขากำลังสำรวจบริเวณรอบ ๆ เขตแดนชั้น 3 ไม่ได้เงียบสงบเหมือนกับเขตแดนชั้น 2  ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องปกป้องเหล่าลูกศิษย์จากสัตว์อสูร แต่พวกเขายังต้องปกป้องตัวเองจากลูกศิษย์คนอื่น ลูกศิษย์คนอื่น ๆ บางคนที่กำลังรอโอกาสที่เหมาะสมแก่การโจมตี ดังนั้นยามที่ใกล้จะถึงบริเวณทางเข้านั้นเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุด อย่างไรก็ตาม ที่เขตแดนอาคมนั้นแสดงถึงหลุมดำบางอย่าง ซึ่งสิ่งนั้นสามารถช่วยนำลูกศิษย์ออกมา ดังนั้นลูกศิษย์จำนวนมากนั้นจะพยายามที่จะออกจากป่า และนั่นมันเป็นการเปิดโอกาสสำหรับลูกศิษย์คนอื่นที่กำลังซุ่มโจมตีพวกเขา

ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าใกล้จะถึงบริเวณทางออกของเขตแดนชั้น 3 การเดินทางทั้งหมดค่อนข้างเงียบสงบ แม้ในช่วงเวลาปกติ พวกเขาจะได้พบซากสัตว์อสูร บางครั้งก็อาจเจอซากสัตว์อสูรราว 2-3 ตัวนอนอยู่ในสถานที่เดียวกัน

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดกลุ่มของเจี้ยนเฉินก็มาถึงด้านนอกของประตูทางออกที่ชั้น 3 ได้อย่างราบรื่นผ่านและเข้าเขตแดนชั้น 2 ในขณะนี้มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาทุกคนรับรู้ว่าแกนอสูรของพวกเขาปลอดภัยเพราะหลังจากที่ออกจากเขตแดนชั้น 3 ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่บริเวณนี้ ต่างก็รวบรวมแกนอสูรได้ถึง 2 ชิ้นแล้ว เป็นที่ซึ่งไม่มีใครที่นี่จะกล้าที่จะขโมยแกนอสูรของพวกเขา

"ฮ่า ๆ ข้าไม่คิดเลยว่า การเดินทางจะสงบสุขเช่นนี้ มันช่างต่างจากที่ข้าคาดคิดไว้จริง ๆ " เจียงหยางหู่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข น้ำเสียงของเขามีความตื่นเต้น

อาโอบะก็ยังกล่าวออกมาด้วยท่าทีมีความสุข "ถูกต้อง และที่นี่พวกเรานั้นอาจจะกลายเป็นเหยื่อจากการลอบโจมตี ข้าไม่คิดเลยว่าทางเดินจะสงบเช่นนี้ แต่มันก็ไม่อาจคาดหวังได้ทั้งหมด"

ดาเรี่ยนยกมือของเขาออกไปสัมผัสเข็มขัดมิติของเขาและยิ้ม "ข้าคิดว่าคนขโมยแกนอสูรในเขตแดนที่ 3 อาจได้รับบาดเจ็บและไม่ได้มีพลังพอที่จะขโมยจากคนอื่น ๆ บนท้องถนน นอกจากนี้ส่วนใหญ่อาจจะมีความคิดเช่นเดียวกับเราซึ่งเน้นหนักในการป้องกันตัวเอง ตราบใดที่เราได้ออกมาจากเขตแดนที่ 3 อย่างปลอดภัย พวกเราก็จะสบาย ไม่มีใครในหมู่พวกเราที่มีความสนใจในความคิดของการขโมยแกนอสูรอีกต่อไป"

"ใช่ นั่นถูก สิ่งที่เจ้ากล่าวมาก็สมเหตุสมผล” เถี่ยต้าพยักหน้าในความเห็นนั้น

เจี้ยนเฉินส่ายหัวและกล่าวว่า "สถานการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เจ้าคิด อันที่จริงตลอดการเดินทางยังคงมีบางคนนอนรออยู่ในที่ซ่อนพร้อมที่จะซุ่มโจมตีเรา พวกเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขา พวกที่ซ่อนอยู่ในความมืด อาจจะสังเกตเห็นว่าเรามากันหลายคน หรือพวกเขาไม่สามารถที่จะแยกแยะความแข็งแกร่งของเรา นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ทำการจู่โจมเรา มิฉะนั้นแล้วคงไม่มีทางใดที่เราจะได้ออกจากเขตแดนชั้น 3 ได้อย่างปลอดภัย "

ได้ยินอย่างนี้แล้ว ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงทั้งหมด

เจียงหยางหู่ถอนหายใจยาวและกล่าวว่า "ดีที่น้องสี่ให้พวกเราวางท่าเหมือนกับว่าพวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ มิฉะนั้นถ้าคนกลุ่มนั้นรู้ว่าเราสี่คนได้รับบาดเจ็บแล้ว ข้าเกรงว่าเราจะไม่ได้รับโชคดีขนาดนั้น" ได้ยินอย่างนี้แล้ว อาโอบะและคนอื่น ๆ พยักหน้าในความเห็นนั้น และมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

"เอาล่ะเราควรจะรีบเร่งออกไป หลังจากที่เรากลับไปที่สำนัก พวกท่านจำเป็นต้องได้รับการรักษา"

กลุ่มคนทั้งหกยังคงที่จะก้าวเดินไปทางเขตแดนชั้น 1 อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พวกเขาได้ใกล้ทางออกมากยิ่งขึ้น กระทั่งประตูทางออกของสำนักก็ปรากฏให้เห็นในสายตาของพวกเขา แน่นอน แม้ว่าผู้คนมากมายนั้นไม่อาจที่จะอดทนและกลายเป็นเลิกล้มกลางคัน อย่างน้อยคนนับพันคนที่ได้เข้าป่าด้วยกัน แม้ว่ากว่าครึ่งหนึ่งนั้นจะยอมแพ้ แต่ทว่าก็ยังมีคนอีกจำนวนอย่างน้อยกว่าร้อยคนที่ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม กว่าร้อยคนที่จะกระจายกันออกไปในป่า ก็มีโอกาสที่จะได้พบกับผู้อื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเจอคนอื่น ๆ ที่ได้ตัดสินใจจะยังคงอยู่ในป่า

เจี้ยนเฉินกวาดสายตาไปยังผู้คนรอบ ๆ ตัวเขา ในขณะที่กำลังมุ่งหน้าออกจากเขตแดนชั้น 1 ไปยังสำนัก เขาเห็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่เปลือยกายท่อนบนและมันเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามโดยปราศจากข้อยกเว้นใด ๆ ผู้คนทั้งหมดเสียใจกับภาวะจำยอมนี้จริง ๆ ลำตัวเปลือยเปล่าของพวกเขามันเต็มไปไปด้วยสิ่งสกปรกและใบหน้าของพวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยคราบสกปรกที่ปกคลุมมันอยู่

มีเพียงหญิงสาวบางส่วนที่ยังคงสวมเครื่องแบบสำนัก อย่างไรก็ตาม เครื่องแบบทุกตัวก็กลายเป็นยิ่งกว่าสกปรกและเต็มไปด้วยรอยขาดขนาดที่แม้กระทั่งเสื้อผ้าของขอทานก็ยังดีกว่าพวกนาง เท่านั้นไม่พอ พวกนางยังใช้ใบไม้ขนาดใหญ่นั้นปกปิดบางส่วนของเสื้อผ้านั้นด้วย ทำให้พวกนางดูเสียใจอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลย

ในบรรดาทุกคน มีไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อาจเดินได้อย่างปกติ  พวกเขาจะถูกประคับประคองโดยสหายของพวกเขาตลอดทางและเดินออกมาจากป่า ทีละก้าว ทีละก้าว

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ จึงทำให้ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดอยู่บริเวณนี้ ซึ่งมันปลอดภัยกว่าก่อนนัก

ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มเจี้ยนเฉินได้ตามเขตอาคมบนท้องฟ้าที่บอกตำแหน่งทางออกจากเขตแดนชั้น 1 และในที่สุด พวกเขาก็เดินออกมาจากป่า ที่ด้านนอก มีรองอาจารย์ใหญ่ไป่เอินยืนรออยู่ เขาสวมชุดจางเป่าสีขาว ยืนรอด้วยหลังที่ตรงแน่ว เบื้องหลังมีอาจารย์จำนวนไม่น้อยที่ยืนมองด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเป็นลูกศิษย์กลุ่มใหญ่ของสำนักคากัตเกือบ 1,000 คน พวกเขาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทางด้านขวามีคนมากกว่าอีกด้าน บางคนสวมเครื่องแบบสำนักที่สกปรกแต่มีรอยฉีกขาดเล็กน้อย โดยรวมดูเหมือนว่าพวกเขาอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและไม่เสียหาย

ขณะที่อีกกลุ่มนั้นดูเหมือนว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่า เครื่องแบบของพวกเขาขาดรุ่งริ่งเกือบทั้งหมดและเต็มไปด้วยคราบเลือด ภายใต้การฉีกขาดบนเสื้อผ้าของพวกเขา อาจเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีบาดแผลเป็นจำนวนมากบนร่างกายของพวกเขา

คนที่อยู่ในกลุ่มซ้าย มีเพียงราว 200 คน พวกเขาทั้งหมดมีท่าทีเสียใจ คนส่วนใหญ่มีการสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากเปลือกไม้หรือหนังสัตว์ และมีเพียงไม่กี่คนที่เปลือยช่วงบน แต่ทุกคนที่เดินออกมาจากป่า อาจารย์จะทำการจัดพวกเขาให้อยู่ในกลุ่มซ้าย

หลังจากนั้น กลุ่มเจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนพื้นหญ้าเงียบ ๆ อย่างรอคอย โดยจุดนี้ เขาได้เข้าใจแล้วว่าทุกคนที่อยู่ในกลุ่มที่เหลือเป็นผู้ที่อยู่ในป่าครบสามวันและเพิ่งออกจากป่าในวันนี้ ในทางกลับกันคนที่อยู่ในกลุ่มด้านขวา เป็นทุกคนที่หนีออกมาก่อนที่จะครบสามวัน ตามกฎของโรงเรียน ที่ใม่ว่าพวกเขาจะมีแกนอสูรมากกว่าสองชิ้นก็ตาม แต่พวกเขานั้นก็ยังคงไม่สำเร็จภารกิจอยู่ดี

ในขณะที่เขากวาดสายตาของเขาไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินค้นพบว่าหลายคนในกลุ่มนั้นดูเศร้า บางคนที่จ้องมองมายังคนในกลุ่มด้วยสายตาที่เกลียดชังลึก ๆ เขามองราวกับว่าจะพ่นไฟออกมาจากสายตา

ในขณะนั้นเอง เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เขาหันไปมองด้านหลัง และเห็นชายสองคนที่มีใบหน้าสกปรกและเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่ทำจากหนังสัตว์ในชุดที่คล้ายกัน ขณะที่ทั้งสองได้จ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความเกลียดชังอาฆาต เช่น หากพวกเขาสามารถเผาไหม้คนได้ด้วยสายตาเพียงคู่เดียวคงทำไปแล้ว ... .มันเป็น เจตนาฆ่ารุนแรงนัก

หลังจากที่เจี้ยนเฉินพิจารณาอย่างใกล้ชิด ปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะขึ้น เขาจดจำได้ว่ามันคือลั่วเจี้ยน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับลั่วเจี้ยนในคืนที่ผ่านมา มันอยุติธรรมกับลั่วเจี้ยนนัก แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้สนใจมากนัก ในแง่ของความแข็งแรง เขาไม่ได้ด้อยกว่าลั่วเจี้ยนแต่อย่างใด ซึ่งในยามที่เขาสามารถหลอมรวมอาวุธเซียนและกลายเป็นเซียน ลั่วเจี้ยนจะไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามใด ๆกับเขาเลย

ในแง่ของภูมิหลังครอบครัว แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่แน่ใจว่าความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงหยาง แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะอ่อนแอแต่อย่างใด ลั่วเจี้ยนเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูลที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากของเมืองต้องห้าม แต่ในมุมมองของเจี้ยนเฉิน มันไม่มีทางที่ตระกูลหลิวจะลดตัวมายุ่งกับเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ลั่วเจี้ยนได้รับบาดเจ็บจากเจี้ยนเฉินนั้น ก็เป็นเพราะกิจกรรมการฝึกอบรมที่สำนักคากัตได้ส่งพวกเขาเข้าไป และในสถานการณ์นี้มันเพราะลั่วเจี้ยนได้โจมตีกลุ่มของพี่ชายเขาก่อน

หลังจากนั้น เมื่อทุกคนได้เดินออกมาจากป่าทั้งหมดแล้ว กลุ่มเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นราวสัก 300-400 คน

ขณะนี้รองอาจารย์ใหญ่ จางไป่เอิน เดินขึ้นไปยังด้านหน้าของฝูงชน เขามองไปรอบ ๆ ที่กลุ่มคนซึ่งได้รับความเดือดร้อนอย่างเห็นได้ชัดว่าผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขายิ้มและกล่าวเสียงดังว่า "ดีมาก เป็นไปตามความคาดหมาย เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลยสักนิด ข้าไม่ได้คิดว่าจากกิจกรรมล่าสัตว์อสูรและอยู่ในป่าเป็นเวลา 3 วัน จะมีจำนวนคนเหลือมากเช่นนี้ เมื่อเทียบกับทุกครั้งที่ผ่านมาซึ่งกิจกรรมนี้ถูกจัดขึ้น ตอนนี้ข้าต้องการให้ทุกคนรักษากลุ่มกันเช่นนี้ และจงเริ่มเดินกลับไปยังสำนัก"

หลังจากนั้น ทั้งสองกลุ่มก็รวมกลุ่มกันแน่นและตรงไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงระหว่างการเดินทาง เมื่อพวกเขาพบแม่น้ำสายเล็ก ๆ ทุกคนหยุด เพื่อล้างทำความสะอาดใบหน้าของพวกเขา และจากนั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปข้างหน้า เร็ว ๆ นี้กลุ่มของลูกศิษย์ เริ่มต้นที่จะเข้าใกล้สำนักและอยู่ในระยะที่สามารถมองเห็นแท่นสูงที่อยู่บริเวณตรงกลางของสนามกีฬา

กลุ่มคนหยุดที่ด้านหน้าของแท่น และรองอาจารย์ใหญ่ จางไป่เอิน เช่นเดียวกับอาจารย์ไม่กี่คนเดินขึ้นไปด้วย รองอาจารย์ใหญ่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน เขาจ้องมองด้วยสายตาตรงไปตรงมาและกล่าวอย่างสงบว่า "การแข่งขันการล่าสัตว์อสูรที่ถูกจัดขึ้นทุกสามปี ในตอนนี้ได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว ตามกฎของสำนัก  หลังจากกิจกรรมจบลงแล้ว ในตอนนี้เราจะมอบรางวัล ข้าขอเชิญทุกคนที่ได้อยู่ในป่าครบสามวันและได้รวบรวมแกนอสูรครบ 2 ชิ้นได้ก้าวขึ้นมาข้างหน้า"

ทันทีที่รองอาจารย์ใหญ่พูดจบ ลูกศิษย์จำนวนราวสักร้อยคนได้เดินออกมาจากฝูงชน

"ข้าจะเริ่มนับแกนอสูรระดับ 1 ก่อน ลูกศิษย์ที่ออกล่าสัตว์อสูรระดับ 1 โปรดขึ้นมาบนแท่นเวที เพื่อนับจำนวนของแกนอสูรที่อยู่ในความครอบครองของเจ้า" รองอาจารย์ใหญ่กล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้น ลูกศิษย์ทุกคนที่เคยฆ่าสัตว์อสูรมนตราระดับ 1 รวมทั้งเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าด้วย ทั้งหมดเดินขึ้นไปยังแท่นเวที ซึ่งมีอาจารย์ที่ได้รับมอบหมายเฉพาะ เพื่อนับและบันทึกจำนวนของแกนอสูรที่ลูกศิษย์ได้รับ

รีวิวผู้อ่าน