11/10/2561
ตอนที่ 801 สปิริตขั้นสุดยอด
หานเซิ่นพยายามที่จะปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาให้มากที่สุดเพื่อรักษาบาดแผลของไดโนเสาร์ตัวใหญ่ ไม่นานเท่าไหร่นักบาดแผลของมันก็หายแถมพละกำลังของมันก็กลับมาอีกครั้ง ทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งอก
'อย่างน้อยสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังสูสีกันอยู่' หานเซิ่นกลับมาโฟกัสที่มอนสเตอร์ชุดเกราะ
ด้วยศาสตร์ตงเสวียน มันไม่ยากที่จะทำให้เขาหลบการโจมตีของมอนสเตอร์ชุดเกราะ เขาไม่ได้หวังที่จะเอาชนะมันได้ แต่อย่างน้อยๆขอแค่ซื้อเวลาให้ได้มากที่สุด เพื่อรอให้ฝ่ายเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ตัวเองสู้อยู่ให้ได้
ในระหว่างที่กำลังหลบ หานเซิ่นก็หาโอกาสใช้พลังรักษาไดโนเสาร์ตัวใหญ่อยู่ตลอด ทำให้มันสามารถต่อสู้กับลิงได้แบบสบายๆ
หานเซิ่นกำลังรอให้ภูติน้อยปิดชีวิตงูตัวนั้น เมื่อเธอทำเสร็จเมื่อไหร่ เขาก็จะอาศัยจำนวนที่มากกว่าในการเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ มอนสเตอร์ชุดเกราะตึงมือเกินไปสำหรับเขาคนเดียว
'น่าเสียดายที่จิ้งจอกสีเงินยังไม่วิวัฒนาการ ถ้ามันออกมาจากรังไหมเมื่อไหร่ เราก็น่าจะกวาดล้างเมืองนี้ได้แบบสบายๆ' หานเซิ่นคิด
หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนมอนสเตอร์ชุดเกราะอยู่ตลอด เขารู้ว่ามันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรุ่น 2 ซึ่งกระแสพลังภายในของมันก็ค่อนข้างประหลาดและมีเอกลักษณ์เฉพาะ
'ทำไมพลังของมันถึงได้ไปห่อหุ้มดาบจนมีแสงสีเขียวออกมาแบบนั้น? ถ้าเราทำแบบมันได้บ้างก็จะวิเศษไปเลย แสงมีประสิทธิภาพสูงมาก แถมมันยังเท่มากด้วย!' หานเซิ่นถอยหลังอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามจดจำพลังภายในของมอนสเตอร์ชุดเกราะ
ภูติน้อยทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง หมัดเล็กๆของเธอชกไปที่หัวของงูหลายครั้งแล้ว ซึ่งแต่ละหมัดก็ทำให้มีเลือดไหลออกมาจากหัวของงู เมื่อเลือดไหลมาถึงพื้นมันก็จะกลายเป็นน้ำแข็งทันที
หานเซิ่นสแกนดูงูและเขาก็เห็นพลังภายในของมันพร่ามัว เขาบอกได้เลยว่ามันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรุ่น 1
ลิงตัวใหญ่เองก็เช่นกัน มันคือมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดรุ่น 1 ส่วนเสือสีดำนั้นอยู่ไกลเกินไป ทำให้เขายังบอกไม่ได้ว่ามันเป็นรุ่น 1 หรือ 2
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่างูเกือบจะถูกฆ่าอยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขารู้สึกว่าฝ่ายเขากำลังเป็นต่อมากขึ้นเรื่อยๆ
ลึกเข้าไปในเมือง มีพลังชีวิตที่รุนแรงกำลังตรงเข้ามา มันตรงมาทางที่พวกเขาอยู่แต่ไม่ได้เร็วมากเท่าไหร่ แต่ด้วยความน่ากลัวของพลังก็เริ่มทำให้หานเซิ่นใจคอไม่ดีแล้ว
หานเซิ่นใช้หน้ากากแมงมุมเนตรมารเพื่อดู เขาเห็นเปลวไฟแห่งพลังชีวิตสีแดงกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ
"โอ้ไม่! เมืองนี้ยังมีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดอยู่อีกตัวหรอเนี่ย?" หานเซิ่นรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาเริ่มล้าจากการต่อสู้แล้ว เขาคิดว่าถ้ามีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดมาเพิ่มอีกต้องเป็นงานที่หยาบมากๆสำหรับเขา
ถ้ามอนสเตอร์ที่น่ากลัวแบบนั้นเข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วย สถานการณ์ก็จะเริ่มพลิกกลับทันที ฝ่ายหานเซิ่นจะเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบแทน
แต่ในตอนนี้หานเซิ่นยังไม่หมดหวังซะทีเดียว เขายังไม่คิดจะละทิ้งการต่อสู้ครั้งนี้ เขาเห็นว่างูเกือบจะถูกภูติน้อยฆ่าแล้ว เขากัดฟันและวิ่งตรงไปหาพลังที่น่ากลัว
ถ้าเขาสามารถถ่วงเวลาให้มันเข้ามาช้าลงอีก ภูติน้อยก็จะมีโอกาสฆ่างูได้ก่อน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นฝ่ายเขาก็ยังมีโอกาส
มอนสเตอร์ชุดเกราะไม่ยอมปล่อยให้คู่ต่อสู้หนีไปแบบนั้น มันวิ่งไล่ตามหานเซิ่นไป
หลังจากวิ่งผ่านตึกและอาคารมากว่า 15 หลัง หานเซิ่นก็มาถึงจุดที่มีบันไดทอดยาวราวกับจะขึ้นไปถึงท้องฟ้าเบื้องบน สูงขึ้นไปมีปราสาทที่ใหญ่กว่าปราสาทด้านล่างตั้งอยู่
บนบันไดมีผู้หญิงรูปงามกำลังเดินลงมาอย่างนุ่มนวล รูปร่างของเธองดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอสูงกว่าหานเซิ่นประมาน 1 ฟุต สัดส่วนของเธอเพอร์เฟคสุดๆ ขาที่เรียวยาว เอวบาง ตลอดจนหน้าอกขนาดใหญ่ ด้วยชุดเกราะสีดำที่เธอสวมใส่อยู่ ทำให้เธอดูทรงพลังและน่าเกรงขามมาก
'สปิริตหรอนั่น?' หานเซิ่นต้องคิดใหม่ทั้งหมด เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามอนสเตอร์ชุดเกราะนั้นอาจจะเป็นสปิริตของเมืองนี้ แต่ทว่ามันไม่ใช่
สปิริตมองมาที่หานเซิ่นด้วยแววตาที่เย็นชา ผมสีดำของเธอยาวจนเกือบจะสัมผัสกับพื้น เธอมองมาที่หานเซิ่นด้วยแววตาอาฆาต
สปิริตตนนี้สวมชุดเกราะอยู่ก็จริง แต่เธอไม่ได้สวมหมวก บนหัวของเธอมีมงกุฎ เธอไม่ได้ถืออาวุธ แต่มือที่งดงามก็ทำให้รู้สึกว่าแค่มือนั้นก็เพียงพอที่จะฆ่าทุกคนได้แล้ว
'เราต้องถ่วงเวลา ยังไงก็ต้องไม่ให้หล่อนเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ จนกว่าภูติน้อยจะจัดการงูได้ซะก่อน' หานเซิ่นกัดฟัน เขาไม่ต้องการรอจนสปิริตเดินลงมาถึงพื้น เขารีบขึ้นไปหาเธอแทน
หานเซิ่นเพิ่งจะพัฒนาศาสตร์ตงเสวียนในช่วงที่ผ่านมา ตอนนี้ความสามารถในการรับรู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก ด้วยความมหัศจรรย์ของศาสตร์ตงเสวียน รวมกับหมากล้อมสวรรค์ หานเซิ่นเชื่อว่าเขาสามารถถ่วงเวลามอนสเตอร์ชุดเกราะและสปิริตพร้อมกับได้
มอนสเตอร์ชุดเกราะยังคงไล่ตามหานเซิ่นมาด้วยความโกรธ เหมือนมันจะไม่พอใจที่หานเซิ่นตัดสินใจขึ้นไปหาสปิริต มันกวัดแกว่งดาบอย่างเกรี้ยวกราด
หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเป็นตัวชี้นำการเคลื่อนไหว เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียนจนถึงขีดจำกัดสูงสุด ด้วยเหตุนี้ทำให้มอนสเตอร์ชุดเกราะยากที่จะโจมตีเขาโดนได้
หลังจากที่เดินลงมาหลายร้อยก้าว สปิริตก็มองลงมาที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่ดูถูกและรังเกลียด ขณะที่เธอเดินลงมาหาเขา เธอก็ยกหมัดขึ้นพยายามที่จะชกเขา
หมัดของเธอเหมือนจะไม่ได้หนักแน่นรุนแรงมากมายอะไร แต่ความเร็วของมันราวกับวาร์ปได้เลย มันมาถึงท้องของหานเซิ่นในชั่วพริบตา
ปัง!
หานเซิ่นพุ่งออกไปเหมือนกับลูกอุกาบาต เขาตกลงไปบนหลังคาของตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้มันพังลงมา
ชุดเกราะของหานเซิ่นเกิดรอยร้าวขึ้น หานเซิ่นลุกขึ้นมาในสภาพที่มีเลือดไหลออกมาจากปาก
หมัดของสปิริตแม้จะเร็วมาก แต่หานเซิ่นก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วถึงขนาดที่เขาไม่มีสิทธิ์หลบ แต่มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหลบยังไง
โชคดีที่หานเซิ่นเร็ว ทำให้เขาเคลื่อนไหวเพื่อลดแรงกระแทกได้บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดชกมา ไม่งั้นชุดเกราะของเขามีสิทธิที่จะพังได้เลย
มอนสเตอร์ชุดเกราะกระโดดลงมาจากบันได มันฟันมาที่หานเซิ่นด้วยดาบที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียว
หานเซิ่นสามารถหลบมันได้ด้วยฟุตเวิร์คที่เหลือชั้น ตาของเขามองไปยังสปิริต เธอรวดเร็วมากทำให้หานเซิ่นต้องจับตามองเธอตลอดเวลา
ประสามสัมผัสของหานเซิ่นทรงพลังมาก และเขายังสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของเธอได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เขาจะทดสอบผลของการฝึกช่วงที่ผ่านมา
สปิริตมองมาที่หานเซิ่น และยกหมัดของเธอขึ้น เธอชกมาที่เขาด้วยความเร็วสูง
ในจังหวะที่เธอเหวี่ยงหมัด ความเร็วของมันน่ากลัวมาก ตาของหานเซิ่นไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเธอชกมาแบบไหน และตัวของเธอก็เหมือนกับวาร์ปมาหาเขาได้
แต่กระนั้นด้วยประสาทสัมผัสอันเหนือชั้นอย่างมาก ถึงตาจะมองไม่ทัน แต่รายละเอียดการเคลื่อนไหวอื่นๆหานเซิ่นดูออก ด้วยฟุตเวิร์คที่เหนือชั้น ซึ่งเกิดจากการผสานหมากล้อมสวรรค์ เซเว่นทวิสต์และศาสตร์ตงเสวียนเข้าด้วยกัน แค่เอี้ยวตัวหลบเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถหลบการโจมตีของเธอได้
เมื่อสปิริตเห็นว่าเธอชกพลาดเป้า เธอก็ช็อคมาก และในจังหวะเล็กๆน้อยๆนี้หานเซิ่นก็ฉวยโอกาสชกสวนกลับไปที่ท้องของสปิริตคืนบ้าง
แต่ตัวของสปิริตก็หายไปราวกับว่าวาร์ปได้ แม้หมัดของหานเซิ่นอยู่ใกล้มากแต่มันก็ยังพลาดเป้า