px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 176 - ถ้าเจ้าแข็งแกร่งข้าคงขาดเจ้าไม่ได้!!


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 176 - ถ้าเจ้าแข็งแกร่งข้าคงขาดเจ้าไม่ได้!!

" นี่เจ้ายังหยิ่งยโสไม่เพียงพออีกหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าคงที่จะไม่กล้าต่อต้านเจ้า"

หลังจากที่ได้ยินเสียงยั่วยวนของห่าวหยุนลิ่วลี่ ชิงสุ่ยโรงเรียนรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นเป็นผู้หญิงที่น่าพิสมัยมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา

ก่อนที่ชิงสุ่ยจะมุ่งหน้าออกไปข้างนอก ห่าวหยุนลิ่วลี่ก็ได้ส่งกระดาษเงินที่บรรจุตัวเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญเงินให้แก่เขาซึ่งมันทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกในทันที

"นี่มันมากเกินไป!!!"ชิงสุ่ยมองดูกระดาษเงินและยิ้มอย่างขมขื่น

"หากข้ารับผลไม้ของเจ้ามาและนำมันไปทำเป็นอาหารเพื่อขายพวกมันออกไป ข้าก็ควรจะแบ่งส่วนแบ่งเล็กๆตามผลกำไรของมันเท่านั้น ข้าว่าข้าก็ไม่ได้ล้ำเส้นตามที่เจ้าต้องการ หรือว่าเจ้าจะคิดว่าข้าเป็นคนนอกอีกแล้วล่ะ?" ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวอย่างรวดเร็วขณะที่เธอวางกระดาษเงินเข้าสู่มือของชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยต้องยิ้มอย่างข่มขื่นอีกครั้งที่เขาเก็บกระดาษเงิน  เขาเองก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าเธอเป็นคนที่มีเชาว์ปัญญามากเพียงใด และสุดท้ายเขาเองก็ต้องมอบผลสุคนธ์มอมเมาให้แก่เธอไปทั้งหมด 400 ผล

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวจบไป ชิงสุ่ยก็ได้เดินตระเวนไปรอบรอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหอจัดประมูล แม้ว่าเขาจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากหอประมูลเนื่องจากผลพวงของเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว แต่โชคร้ายที่เขาเองก็ไม่ได้พบวัตถุหายากใดๆ

ชิงสุ่ยได้ประมูลเพียงแค่ยุทธภัณฑ์ เพราะมันดูเหมือนสิ่งที่เขาจดจำได้ มันมีลักษณะเป็นจี้ผนึกทองคำที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยช่างที่มีฝีมือ สิ่งนี้เป็นยุทธภัณฑ์ระดับต่ำที่อยู่ในเกมเสมือนจริงโลกตะวันตก แต่ราคาของมันนั้นถูกยกขึ้นไปสูงถึง 100,000 เหรียญเงิน

หลังจากครั้งแรกที่เขาได้เข้าไป ชิงสุ่ยมักเลือกที่นั่งบริเวณบุคคลพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ

ซึ่งในแต่ละครั้งชิงสุ่ยก็ไม่เคยมีโอกาสที่จะได้หยอกล้อหญิงรับใช้ที่สวมเครื่องแบบของสถานที่แห่งนี้ เนื่องจากห่าวหยุนลิ่วลี่มีแนวโน้มที่จะมาพร้อมกับชิงสุ่ย เพราะเหตุนี้มันจะทำให้เขารู้สึกค่อนข้างเสียดายเงิน 1000 เหรียญเงิน

แต่ถึงยังไง ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้หญิงเหล่านี้ที่เคยผ่านพ้นมือชายนับหมื่นคน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงรู้สึกดีและเพลิดเพลินกับการนวดของพวกเธอ

ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้ยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้เพราะมันเป็นเพียงจี้ห้อยคอผนึกทองคำยืดอายุ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นงานประดิษฐ์ที่มีฝีมือ แม้มันจะไม่ดีเท่าหินจันทราที่คล้องอยู่รอบคอของเขา

"ข้าให้เจ้า!!"หลังจากที่ชิงสุ่ยเห็นแล้วว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับตัวของห่าวหยุนลิ่วลี่ เขาจึงตัดสินใจมอบมันให้แก่เธอ

"ให้ข้ารึ?"ห่าวหยุนลิ่วลี่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

ในทุกครั้งที่ชิงสุ่ยได้มองเห็นใบหน้าของเธอ เขาแทบอยากจะสัมผัสมันด้วยมือของเขาเอง ดวงตาที่มีเสน่ห์ จมูกที่ดูเป็นล่ำสัน ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความงดงาม รวมกันเป็นความงามที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตอนนั้นนายน้อยผานถึงได้กล้ากล่าวว่าเหวินเหรินอูซวงก็ยังไม่น่าสนใจเท่ากับเธอ!!!

"เจ้าชอบมันหรือไม่?.......หรือว่าเจ้าไม่ชอบมัน?"มือของชิงสุ่ยกำลังงมงามอยู่ในอากาศ เขาได้ลงทุนมันไปทั้งหมด 100,000 เหรียญเงิน แต่มันก็อาจเป็นไปได้ว่าเธออาจจะไม่ชอบของขวัญของเขา

"ข้าต้องการให้เจ้าสวมมันให้กับข้า"เธอพูดอย่างเขินอาย

ชิงสุ่ยรู้สึกมึนงงเพลงชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เขาค่อยๆเอามือของเขารวบผมสีดำขลิปของเธอไปที่ให้ไว้ด้านหลังต้นคอ ระยะระหว่างใบหน้าของเขาและใบหน้าของเธอนั้นห่างเพียงแค่กําปั้นมือ ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมกระจายไปทั่วอากาศ ผ่านการหายใจ

เมื่อจมูกทั้งสองเข้าใกล้หากัน มันทำให้เกิดช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ราวกับว่าหัวใจของพวกเขาทั้งสองกำลังหยุดนิ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่หัวใจเต้นอย่างผิดปกติ ชิงสุ่ยมองเห็นใบหน้าที่เป็นสีชมพูระเรื่อที่ปรากฏขึ้นบนผิวหนังราวกับหิมะ มันยิ่งทำให้เธองดงามขึ้นยามเมื่อมองสบตาอย่างใกล้ชิด

"ช่างงดงามเหลือคณา"หลังจากที่ชิงสุ่ยได้มองเห็นรูปลักษณ์ของห่าวหยุนลิ่วลี่อย่างใกล้ชิดและค่อยๆกล่าวออกมาเบาๆ

แต่แล้วชิงสุ่ยก็เริ่มรู้สึกคับอกคับใจ ห่าวหยุนลิ่วลี่ถือได้ว่าเป็นหญิงที่มี จิตใจโอบอ้อมอารีและมีความเมตตาอ่อนโยนคล้ายคลึงกับสือฉิงจวง ผนวกกับสถานะและอำนาจของเธอ มันยิ่งทำให้เธอเป็นที่น่านับถือตาของทุกคน แม้แต่รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์หรืออวดอ้างว่าตัวเองเป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นเบื้องหลังของอาณาจักรชางหลางแห่งนี้ก็ไม่อาจซ่อนความต่ำต้อยของตนเองได้ พวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับเธอได้แม้แต่ด้านเดียว

เธอเป็นผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนที่มีความงดงามหาใครเปรียบไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ปกครองดินแดนสุริยโลกสถานที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติจำนวนกองมหาศาลในทุกวัน นอกจากนี้ยังมีอาจารย์ที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนและช่วยเหลือเธอ

เหล่าหญิงงามที่เธอเป็นแนวหน้าของอาณาจักรชางหลาง ก็ไม่มีใครที่จะสามารถเทียบเทียมกับเธอได้!!!

"ขอบคุณเจ้ามาก!!"

"ด้วยความยินดี ถ้าหากวันใดที่เจ้าพบคนที่เจ้าชอบในอนาคต เจ้าจะต้องคืนจี้ห้อยคอผนึกทองคำชิ้นนี้แก่ข้าเข้าใจไหม"ชิงสุ่ยออกกล่าวมาพร้อมเสียงหัวเราะ

เมื่อห่าวหยุนลิ่วลี่ได้ยินคำว่า "จี้ห้อยคอผนึกทองคำ" เธอก็เริ่มมองชิงสุ่ย ในตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดถึงมันมากเป็นพิเศษ เธอแค่รู้จักยินดีที่ได้รับของขวัญจากชิงสุ่ยก็เท่านั้น แต่ในตอนนี้เธอกลับรู้สึกสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป

โลกเก้าทวีปย่อมต้องมีประเพณีเป็นของตัวเอง เมื่อทั้งสองคนมีส่วนร่วมหรือสัญญาต่อกันและกัน ผู้ชายมักจะมอบของขวัญให้แก่ผู้หญิงด้วยจี้ห้อยคอ ผู้ร่ำรวยมักจะมอบของขวัญเป็นจี้ห้อยคอผนึกทองคำ หรืออาจจะเป็นจี้ห้อยคอผลึกม่วงทองคำ หรืออาจจะเป็นจี้ห้อยคอหินสามสี แม้แต่ผู้คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา ก็ยังคงมอบของขวัญเป็นจี้ห้อยคอเงิน ซึ่งมันหมายความว่าหัวใจของเธอจะต้องเป็นของชายคนนั้น ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่า โซ่คล้องใจ ซึ่งเป็นข้อแสดงที่บอกว่าผู้หญิงคนนี้มีชายที่เธอชอบแล้ว

ชิงสุ่ยคิดจริงๆเพียงว่ายุทธภัณฑ์ชิ้นนี้เป็นจี้ห้อยคอ แต่เมื่อทั้งสองฟื้นคืนความรู้สึกกลับมา จี้ห้อยคอผนึกทองคำก็ถูกสวมใส่อยู่บนคอของห่าวหยุนลิ่วลี่

"เอาหละ เราไปกันเถอะ!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่ดึงแขนของชิงสุ่ยที่อยู่ในอาการมึนงงเล็กน้อย

เวลาใกล้หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยเองก็ได้สัญญากับอาจารย์เทพธิดาของเขาว่าเขาจะกลับไปอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง!

"ข้าจะออกเดินทางออกไปซักสองสามวัน และข้าจะรีบกลับมาเร็วๆนี้!!"ชิงสุ่ยบอกลาห่าวหยุนลิ่วลี่ก่อนที่เขาจะจากไป

"เจ้าอยากให้ข้าช่วยเหลืออะไรเจ้าหรือเปล่า?"

ชิงสุ่ยมองไปที่เธอด้วยความเข้าใจและค่อยๆส่ายหน้า

ขณะที่เขามุ่งหน้าตรงไปยังนิกายกระบี่นภาเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้สึกสงบอย่างมาก เมื่อชิงสุ่ยมุ่งหน้าเข้าสู่นิกายกระบี่นภาด้วยชุดคลุมสีม่วง เขารู้ว่าผู้คนมากมายกำลังจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนไม่แน่ใจ

ชิงสุ่ยคาดคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่รู้จักว่าชิงสุ่ยเป็นคนที่อยู่ในสถานะผู้พิทักษ์ ซึ่งตามกฎของนิกายกระบี่นภา ทุกคนที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าผู้อาวุโสจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีเฉพาะ ซึ่งสีแต่ละสีจะแสดงสถานะของตนเอง และนี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยส่วมใส่เสื้อคลุมสีม่วง มันจึงทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจ

"ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นิกายกระบี่นภาของเรา มีผู้พิทักษ์ที่อยู่ในวัยเยาว์"

"ผู้พิทักษ์คนนี้ข้าไม่รู้จักเลย เขามาจากหุบเขาใด?"

"ผู้พิทักษ์คนนี้ช่างหล่อเหลายิ่งนัก ถ้าหากข้าได้อยู่กับเขา ข้าคงจะ…."หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองกำลังหลงในรูปลักษณ์ของชิงสุ่ย ขณะที่เธอกล่าวพึมพำ

"เจ้าคงเป็นโรคขาดผู้ชายไม่ได้สินะ!!!"

"ถ้าข้าจะเป็นโรคขาดผู้ชายไม่ได้แล้วมันจะทำไม? พวกเจ้ามีปัญญาเท่าเขาหรือปล่าว เขาทำให้ข้ารู้สึกหลงใหล่ในตัวของเขาอย่างขาดไม่ได้ ส่วนพวกเจ้ามันพวกโง่เง่า!!"

เหล่าชายชาตรี "............"

ชิงสุ่ยยังคงเงียบ จริงๆแล้วก็ไม่มีใครสามารถตัดสินหนังสือได้เพียงแค่หน้าปก

"ชิงสุ่ยเจ้ากลับมาแล้ว"

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างข่มขืนเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เมื่อเขาหันกลับไปก็พบกับจรู้ชิงที่กำลังยิ้มมาให้เขา

"ท่านน้าสาม!!!"

ชิงสุ่ยยิ้มและแสดงความเคารพในฐานะผู้ที่สถานะต่ำกว่า

ชิงสุ่ยมองดูผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้และทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเธอกำลังสานสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งภายในถ้ำ เขายังคงไม่ลืมเสียงร้องของเธอที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมและความยั่วยวนใจ!

"เจ้าเพิ่งกลับมาอย่างนั้นหรือ? เจ้าจะไม่สามารถกลับขึ้นไปยังหุบเขาหมอกเมฆาได้สินะ?"จรู้ชิง กระพริบตาอย่างงดงามขณะที่เธอกล่าวออกมา

"ถูกต้องเลยละ ท่านน้าสาม ว่า แต่อูซวงยังอยู่ที่หุบเขาจรู้ชิงหรือไม่?"เมื่อเขาไม่ได้เจอเหวินเหรินอูซวงมาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน เขาจึงรู้สึกอยากพบเธอในทันใด

" เจ้าคงคิดถึงเธอมากสินะ เพราะเจ้าเองก็เล่นหายไปเกือบเดือน?"จรู้ชิงยิ้มอย่างยั่วยวน แต่ชิงสุ่ยกลับรู้สึกเดือดเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะไม่สนับสนุนหญิงรักร่วมเพศ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจใดๆ อย่างไรก็ตามมันกลับทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างแปลกๆ

"เอาล่ะ งั้นเจ้าก็จงไปหาเธอที่หุบเขาจรู้ชิง สาวน้อยคนนั้นกำลังคิดถึงเจ้ามาก!!"

"ขอบคุณมาก ท่านน้าสาม"ชิงสุ่ยยิ้มและรีบไปในทันที

ขณะที่มองดูชิงสุ่ยจากไป จรู้ชิงก็มีความรู้สึกซับซ้อน ความรักระหว่างชายหญิงนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่? การร่วมสานสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจะรู้สึกดีจริงๆไหม? ทำไมเธอถึงเกลียดผู้ชายและไม่ยอมให้ผู้ชายสัมผัสตัวเธอ…..?

เนื่องด้วยหุบเขากระบี่นภาตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง และมีหุบเขาอื่นล้อมรอบ ดั่งเช่นดาวฤกษ์ม ากมายที่ล้อมรอบดวงจันทรา มีเพียงหุบเขาหมอกเมฆาเท่านั้นที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับหุบเขากระบี่นภา ในขณะที่หุบเขาอื่นๆต่างเชื่อมต่อกัน

ชิงสุ่ยรู้เรื่องนี้ดีเขาจึงมุ่งหน้าไปยังเส้นทางสู่หุบเขาจรู้ชิง และเมื่อเขามาถึงทางเข้าหุบเขาจรู้ชิง เขาก็หยุดลงในทันที มันจะเป็นไรหรือไม่ถ้าหากเขาเข้าไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสาวกนิกายหญิงครอบครองอยู่

และเมื่อพวกเขาได้เห็นชิงสุ่ยที่สวมเสื้อคลุมผู้พิทักษ์สี่ม่วง ดวงตาของทหารยามก็สว่างวาบขึ้น มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชิงสุ่ย ซึ่งพวกเธอทั้งหมดต่างจ้องด้วยตาที่ลุกวาว

"ดูเหมือนท่านคงจะกำลังมองหาผู้พิทักษ์อูซวง โปรดรอสักครู่หนึ่ง!!"

หญิงสาวคนหนึ่งบังคับให้ทุกคนถอยห่างออกไปจากบริเวณนั้น

"ผู้พิทักษ์ชิงสุ่ย ข้ามีนามว่าเจวียนเจวียน ถ้าพวกเราเจอกันอีกในอนาคต ท่านจะต้องพูดคุยกับข้า และอย่าทำเป็นว่าท่านไม่รู้จักข้าล่ะ!!" หญิงสาวหน้ากลมยิ้มหวานขณะพูด

"ข้าชื่อหยานหยาน!"

"ข้าชื่อ หนาเจีย!"

ชิงสุ่ย "............."

เมื่อชิงสุ่ยมองเห็นเหวินเหรินอูซวง ขอก็รีบยิ้มให้กับสาวน้อยที่เหลือ  และรีบขว้ามืออูซวงแล้วเดินออกไปราวกับคนกำลังวิ่งหนี ซึ่งคราวนี้เขาก็กำลังวิ่งหนีจริงๆ

เมื่อเหวินเหรินอูซวงกำลังออกมา เธอก็เห็นว่าชิงสุ่ยกำลังมึนงงเนื่องจากการถูกล้อมรอบด้วยผู้หญิงกว่า 10 คน  ในเมื่อเขาเห็นเธอ ดวงตาของเขาก็เหมือนกำลังพบกับผู้ช่วยชีวิต มันจึงทำให้อูซวงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"ชิงสุ่ยเจ้าควรจะรู้สึกดีนะ ที่มีเหล่าสตรีจำนวนมากมายพยายามที่จะใกล้ชิดกับเจ้า!!"

ทั้งสองคนออกจากหุบเขาจรู้ชิงและเดินเล่นในภูเขาอันเงียบสงบ ขณะที่อูซวงเผยรอยยิ้มและกล่าวออกมา

"เจ้ามีความสุขหรือเปล่า?"ชิงสุ่ยมองดูหญิงโฉมงามที่กำลังมีความสุขขณะมองดูเขาอึดอัดใจ

" แน่นอน แต่เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าเจ้าน่ารักแค่ไหนตอนที่เจ้าอยู่ตรงนั้น"หลังจากที่อูซวงพูดแบบนั้นอีกครั้งเธอก็บอกออกมา ดวงตาแสนสดใสพร้อมรัศมีที่พรั่งพรูออกมาจากชุดคลุมสีม่วงที่เธอสวมใส่ในฐานะผู้พิทักษ์ ยิ่งทำให้เสน่ห์ของเธอถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์

"น่ารัก?"ชิงสุ่ยถึงกับพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการชมเชยโดยสาวงามที่หาผู้เปรียบได้ยาก

"พวกเราไม่ได้เจอกันเป็นเวลาเกือบเดือน เจ้าคงคิดถึงข้าล่ะสิ?"ชิงสุ่ยยิ้ม

"ข้าไม่…...เหตุใดข้าจะต้องคิดถึงเจ้า? เจ้าทิ้งข้าไปเกือบเดือนไม่แม้แต่จะมาหาข้าเลยสักครา"อูซวงกล่าวขณะที่เธอมองไปยังภูเขาที่แสนไกลและเผยรอยยิ้มเล็กๆ

"แต่ข้าคิดถึงเจ้ามาก แต่ในตอนนี้เจ้าไปอยู่ที่นี่แล้ว ข้ารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกรักและอบอุ่นอย่างมาก"ชิงสุ่ยจ้องมองร่างที่งดงามของอูซวง มันเป็นความงามที่ไร้จุดสิ้นสุด แต่มันกลับแทรกไปด้วยความเศร้าที่เขาไม่อาจแก้ไขมันได้

อูซวงใจสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอหันกลับไปมองชิงสุ่ย เธอเผยรอยยิ้มเล็กๆและกล่าวว่า "ข้าเองก็คิดถึงเจ้ามาก และข้าก็มีความสุขที่ได้เจอเจ้า ข้ารู้สึกทนไม่ได้เลยเมื่อข้าไม่ได้เจอเจ้าเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมข้าถึงเริ่มรู้สึกแบบ"

"ฮ่าๆๆ ในอนาคตเจ้าจะต้องกลายเป็นผู้หญิงของข้า เล่นหลังจากนี้ข้าจะกลับมาและใช้เวลาอยู่กับเจ้าครั้งละ 2 วันในแต่ละเดือน ในช่วงเวลานั้นเจ้าสามารถทรมานข้าได้ตามที่เจ้าต้องการ ก็คิดว่าอย่างไรดี?"ชิงสุ่ยจับมือของอูซวง

"ไม่มีอะไรดีกว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของเจ้า! แต่เจ้าต้องอย่าหยาบคายกับข้า เส้นเสียแต่ข้าจะยอม!!"ชิงสุ่ยกล่าวอย่างกระวนกระวาย

"ก็ได้ก็ได้ ข้าจะรอจนกว่าผู้หญิงของข้าจะยอมกล่าวว่า "ชิงสุ่ยข้าต้องการมันได้โปรดหยาบคายกับข้า" จากนั้นข้าจะยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการ" ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเล่ห์เหลี่ยมและกล่าวออกมา

"ชิ!! เจ้ากลายเป็นคนชั่วร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?W

"ถ้าข้าไม่ทำตัวให้เป็นคนชั่วร้าย ข้าจะได้เห็นรอยยิ้มที่งดงามเช่นนี้ได้อย่างไร อูซวง ข้าชอบมากเลยนะเวลาที่เจ้ายิ้มโดยความกังวล"ชิงสุ่ยจับมือของเธอและกล่าว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเวลาใกล้เที่ยงก็มาถึง ดวงอาทิตย์ค่อยๆฉายแสง ขึ้นสู่ฟากฟ้า

"ชิงสุ่ย ผิวหนังอสรพิษของราชันอสรพิษวงแหวนทองคำ ข้าได้มอบมันให้กับนิกายกระบี่นภา และบัดนี้มันก็ถูกสร้างเป็นชุดเกราะเบากว่า 320 ชิ้น และ 20 ชิ้นก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของเจ้า"

ส่วนที่เหลือถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างกองทหารยามอสรพิษวงแหวนทองคำ 300!!!

"ชื่อของมันฟังดูค่อนข้างเหมาะสม ว่าแต่เจ้าได้รับมันหรือไม่!!"ชิงสุ่ยถาม

"ผู้พิทักษ์ไม่จำเป็นต้องใช้งานพวกเขา ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงถูกรวมเข้ากับกองทหารยาม มันจึงทำให้พลังอำนาจของทหารยามเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก"

"นี่ก็สายแล้ว เรากลับกันเถอะ!!"เหวินเหรินอูซวงกล่าว เธอตระหนักได้ว่าพวกเขาเดินทางออกมาภายนอกเป็นเวลาพอสมควรแล้ว

ชิงสุ่ยพยักหน้าและเดินกลับอย่างช้าๆตามทางที่เขาเดินมา

"ชิงสุ่ย เจ้าคิดถึงบ้านบ้างไหม? ข้าคิดถึงพี่สาวข้าเหลือเกิน"

" ข้าก็เหมือนกัน แต่ผู้ชายควรมีความทะเยอทะยานที่สูงยิ่ง ข้าต้องการจะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่แม้แต่ฟ้าก็ต้องยอมก้มหัวให้ข้า"ชิงสุ่ยกล่าวมาแม้จะเป็นท่าทางที่ดูสบายแต่ก็เต็มไปด้วยความจริงจัง

"ช่างเป็นวลีที่มีเกียรตินัก ดี ในวันนี้ข้าได้พบคนที่ยิ่งใหญ่!!"เสียงดังกึกก้องทำให้เกิดความเงียบสงัดขึ้นในทันที

 

รีวิวผู้อ่าน