px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 184 – การฝึกฝนภายใต้แรงกดดัน!


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 184 – การฝึกฝนภายใต้แรงกดดัน!

ตีขึ้นมาจากทองคำขาว แกะสลักลายดวงดารา!

กระบี่ดารายุพฆาต!

ชิงสุ่ยมองไปที่ตัวกระบี่ ด้วยการแกะสลักลายดวงดารา มันหนักและมีความเรียบง่ายแบบดั้งเดิม การออกแบบที่ดูโบราณกับดาวเจ็ดดวงทำให้มันดูสง่างามและมีพลังมากยิ่งขึ้น

“ท่านพ่อให้ข้าถือมัน ให้ข้าถือมัน” หลวนหลวนเห็นกระบี่ในมือชิงสุ่ยนั้นงดงามจึงเริ่มตะโกนด้วยความปรารถนาที่จะถือไว้

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นและวางกระบี่ไว้บนพื้น!

หลวนหลวนทุ่มเทกำลังทั้งหมดของเธอในความพยายามที่จะหยิบมันขึ้นมา ก่อนที่เธอจะยอมแพ้ไป เธอเรียกมันว่ากระบี่น่ารังเกียจและเดินออกไปที่ห้องโถงเพื่อหาไข่นกต่อ

กระบี่ดารายุพฆาตไม่มีขอบหรือปลายกระบี่ มันถูกสร้างขึ้นโดยการสะสมของพลังจากจักรวาล เมื่อเหวี่ยงมันก็เหมือนกับว่าจะมีฝนดาวตกหล่นลงมา มันสามรถสร้างแรงกดดันได้อย่างมาก ราวกับว่ามีใครแกว่งภูเขาและแม่น้ำถาโถมเข้าใส่

"เป็นกระบี่ชั้นเลิศ! มันเหมาะกับข้า" ชิงสุ่ยกล่าวกับตัวเอง กระบี่ดารายุพฆาตมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าสองร้อยจิน เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถจากเคล็ดของการยกของที่หนักให้มันเหมือนกับว่าเบา

เมื่อดูใกล้ๆ ชิงสุ่ยก็ตระหนักว่ามันไม่มีปลอกกระบี่อยู่ในนั้น สายตาของเขาเหม่อมองไปที่กล่องโบราณ กล่องนี่เป็นปลอกหรือไหม? ช่างน่าประหลาดใจ ชิงสุ่ยหยิบกล่องขึ้นมา

พื้นผิวมีความเป็นเอกลักษณ์และมีน้ำหนักปานกลาง แต่ก็แข็งแรงมาก ความสง่างามอันเก่าแก่และมันทำให้เกิดกลิ่นอายแบบดั้งเดิม

ชิงสุ่ยเก็บกล่องและโซ่ไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมากที่ปล่อยออกมาจากกระบี่ดารายุพฆาต ชิงสุ่ยยิ้ม นี่คือพลังแห่งจักรวาล!

พลังแห่งจักรวาลของดารายุพฆาตคือสิ่งที่มีค่าและน่าเกรงขาม ชิงสุ่ยยังคงกวัดแกว่งกระบี่ท่ามกลางแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ในขณะที่เขาฝึกฝนเคล็ดกระบี่พื้นฐานและเทคนิคเพลงกระบี่ไท่เก๊กไปด้วย!

ชิงสุ่ยได้นึกถึงเทคนิคเพลงกระบี่ไท่เก๊ก เป็นเทคนิคการอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายและมุ่งเน้นไปที่การกวัดแกว่งท่วงท่า การสนับสนุนของลมปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลมันเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้กับศัตรู แต่ก็มีผลดีต่อการเสริมสร้างร่างกายของตัวเอง

 

เมื่อท้องฟ้ามืดลง ชิงสุ่ยก็ตระหนักว่าเขาใช้เวลาช่วงบ่ายทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อม เขารีบออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่สะอาดสะอ้าน

เมื่อชิงสุ่ยออกมา เขาก็พบเข้ากับแร้งขนสีขาวที่นอนอยู่บนพื้นขณะที่เด็กหญิงตัวเล็กกำลังหลับอยู่ในขนนุ่มๆของมัน หน้าตอนนอนหลับของเธอช่างน่ารัก ชิงสุ่ยเคาะศีรษะของเขา เขารู้สึกว่าไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีเท่าไรนัก

ชิงสุ่ยหยิบเอาเตียง เครื่องครัว และโต๊ะจากดินแดนหยกยุพราชอมตะออกมาพร้อมกับเตรียมตัวทำซุปปลาด้วยปลาสีดำ กลิ่นหอมปลุกเร้าให้เด็กหญิงตัวน้อยตื่นขึ้นขณะที่เธอกระโดดโลดเต้นหลังจากเห็นอาหารของชิงสุ่ยที่เตรียมไว้

สิ่งที่ดีเกี่ยวกับเด็กเล็กก็คือพวกเขาจะไม่ถามคำถามอะไรมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขากินอาหารที่อร่อย หลังจากกินซุปปลาแล้วเธอก็ตบหน้าท้องที่อิ่มแล้วและก็เอนหลังลงบนเตียงด้วยความตั้งใจที่จะนอน

ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่ใจ เขาปลุกเธอขึ้นมา มันไม่ดีที่จะนอนหลับทันทีหลังจากเพิ่งกินอาหาร เด็กหญิงตัวน้อยเปิดตาอย่างไม่เต็มใจ ชิงสุ่ยพยายามให้ความรื่นรมย์แก่เธอในการนำนิทานมาเล่า ซึ่งเขาไม่ได้สัมผัสเกี่ยวกับการเล่านิทานมาเป็นเวลาหลายปี เขาพยายามอย่างมากเพื่อจะให้เธอลุกขึ้นมาและตื่นตัวไว้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง

เมื่อค่ำคืนมาเยือน ความเงียบสนิทครอบคลุมพื้นที่ เขารู้สึกแปลกมาก ชิงสุ่ยมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังหลับลึกใต้ผ้าห่ม เขารู้สึกมีชะตาต้องกันกับทูตสวรรค์ตัวน้อยคนนี้ เธอดูเหมือนจะต้องพึ่งพาเขามากและบอกว่าเขามีกลิ่นของพ่อของเธอ มันเป็นกลิ่นของกลิ่นอายตามธรรมชาติหรือไม่? มันอาจจะดีกว่าถ้าจะนำเธอไปพบอาจารย์เทพธิดาของเขา

ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยดำเนินการฝึกซ้อมตามปกติ การฝึกส่วนใหญ่เน้นเกี่ยวกับฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านและการควบคุมที่คล่องแคล่วพริ้วไหวของกระบี่ดารายุพฆาต

วันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยยังคงฝึกเพลงกระบี่ของเขากับกระบี่ดารายุพฆาตใกล้ๆรูปปั้นเทพเจ้า การฝึกเคล็ดกระบี่พื้นฐานและเทคนิคกระบี่ไท่เก๊กนั้นเป็นเพราะชิงสุ่ยได้ตระหนักว่าการฝึกภายใต้รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์จะช่วยให้ศิลปะเพลงกระบี่ของเขาดีขึ้นมากและยังมีข้อได้เปรียบที่ใหญ่อีกอย่างหนึ่ง

เป็นการที่หากเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันของรูปปั้นมันจะทำให้กล้ามเนื้อกระดูกและร่างกายของเขาพัฒนาขึ้น เช่นเดียวกับที่บางคนฝึกฝนภายใต้น้ำตกหรือในทะเล มันเป็นเพียงวิธีการของการฝึกฝนภายใต้แรงกดดันที่คอยคุกคามอย่างหนักหน่วงทั้งทางด้านร่างกายและด้านจิตใจ

แรงกดดันยังช่วยให้ชิงสุ่ยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขา ขณะที่มันได้รับการขัดเกลามากขึ้น ใช้งานได้มากขึ้น และความเหนียวแน่นของพลังลมปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

เวลาผ่านไปเร็วมาก เหลืออีกเพียงไม่กี่เดือนก่อนวันสิ้นปี เขาสัญญากับอาจารย์เทพธิดาของเขาว่าเขาจะกลับไปยังนิกายกระบี่นภาก่อนสิ้นปี

ชิงสุ่ย ไม่ได้คาดคิดว่าจะอยู่กับเด็กหญิงตัวน้อยในถ้ำนี้มาเป็นเวลาเกือบครึ่งปี

 

ภายในเวลาเกือบครึ่งปี ชิงสุ่ยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการฝึกฝนเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล นอกจากนี้เขายังสามารถใช้เทคนิคเคล็ดกระบี่พื้นฐานได้ถึงสามอย่างด้วยกระบี่ดารายุพฆาตใหญ่ มันช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับเทคนิคการยกของหนักให้กลายเป็นเบา ซึ่งทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

นี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำได้ด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว มันกินเวลาในการฝึกฝนไปกว่าครึ่งปีแล้ว เมื่อเข้าใจถึงเทคนิคดังกล่าวแล้วใครคนนั้นก็จะสามารถยกวัตถุหนักร้อยจินด้วยพละกำลังเพียงเจ็ดสิบหรือแปดสิบจินหรือแม้กระทั่งพละกำลังที่น้อยกว่านี้

ครึ่งปีของการฝึกฝนที่ยากลำบากควบคู่กับสิ่งที่เขาเคยประสบมาก่อนหน้านี้ ชิงสุ่ยสามารถใช้พละกำลังได้มากกว่าหนึ่งพันจินเพื่อกวัดแกว่งกระบี่ดารายุพฆาตตามที่เขาปรารถนา ทั้งกวางย่างก้าวและรูปแบบพยัคฆ์ก็บรรลุถึงขั้นเพิ่มพูลแล้ว ในอนาคตมันจะช่วยเพิ่มพลังอำนาจให้กับชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยเสียดายกับเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนานในเทือกเขา เขาเพิ่งนึกออกถึงการเก็บเกี่ยวผลเสริมปราณและผลเสริมความว่องไว พวกมันกำลังจะสุกงอมในอีกเร็ววันนี้ มันเป็นเวลากว่าสิบแปดปีแล้วนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามาถึงโลกเก้ามหาทวีป

การฝึกกระบี่เป็นระยะเวลากว่าครึ่งปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้กระบี่ดารายุพฆาต มันช่วยส่งเสริมให้พลังของเขาเพิ่มมากขึ้น ทำให้กลิ่นอายของชิงสุ่ยมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ดวงตาที่ชัดเจนของเขายังคงเหมือนเดิม แต่มีเสน่ห์แบบคนโบราณเพิ่มขึ้นทำให้เขาดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและความมั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม

ด้วยความพยายามของเขาราวครึ่งปี ชิงสุ่ยได้ก้าวเข้าไปใกล้รูปปั้นเทวรูปถึงสิบขั้นภายใต้แรงกดดันที่ล้นหลาม แต่เขายังคงเหลือระยะทางอย่างน้อยห้าสิบก้าวเพื่อไปยังรูปปั้น ชิงสุ่ยไม่ทราบว่าเขาควรจะรู้สึกมีความสุขหรือหดหู่

เพียงแค่แรงกดดันจากรูปปั้นเทพเจ้ามันก็ช่างมีผลกระทบที่รุนแรงต่อเขา แต่เขาก็มีความสุขที่ความสามารถของเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเขายิ่งยืนยันได้ว่ารูปปั้นของเทพเจ้าน่าจะมีระดับอยู่ที่อาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจหรือขั้นเทพพระเจ้า มันคงจะดีหากว่าเขาสามารถมองดูมันได้จากระยะใกล้ๆ

เด็กหญิงตัวน้อยสนุกกับชีวิตที่น่าสนใจมากขึ้นเมื่อมีชิงสุ่ย  เธอใช้ชีวิตอยู่กับแร้งขนสีขาวเป็นเวลากว่าครึ่งวันในแต่ละวัน แต่เธอก็พร้อมที่จะกลับมาในช่วงเวลาอาหารที่เธอชื่นชอบจากฝีมือของชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยคาดเดาว่าเด็กหญิงตัวน้อยน่าจะอายุประมาณห้าขวบและเธอควรจะเริ่มต้นฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ดังนั้นเขาจึงใช้ผลเสริมลมปราณและผลเสริมความว่องไวพร้อมกับการกระตุ้นเส้นลมปราณของเธอด้วยเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลในทุกๆวัน นอกจากนี้เขายังได้ใช้เวลาในตอนกลางคืนเพื่อสอนวิธีการอ่านและเขียนตลอดจนหลักการต่างๆ

ชิงสุ่ย รู้สึกราวกับว่าเขาได้กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มเวลา!

แม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ยังคงมีความสุขที่ได้อยู่ในถ้ำเช่นนี้ นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังรู้สึกยินดีที่ได้เห็นความคืบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยและสอนเธอเกี่ยวกับเคล็ดของกวางย่างก้าว รูปแบบพยัคฆ์ และไท่เก๊กเพิ่มเติมลงไป

เด็กหญิงตัวน้อยที่มีสัตตะดวงใจลี้ลับจะแตกต่างจากคนอื่นในการบ่มเพาะพลัง ความเร็วและความสามารถของเธอทำให้ชิงสุ่ยอิจฉา แต่เขาก็ยังมีความสุขที่ได้เฝ้ามองดูพัฒนาการของเธอ หลังจากอยู่ด้วยกันมาครึ่งปีแล้ว เขามองว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าด้วยความสามารถของเขาตอนนี้แม้ว่าจะต้องเจอกับผู้ที่รู้จักฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านเขาก็จะไม่พบปัญหาใดๆ แต่แน่นอนว่าหากต้องเผชิญหน้ากันเขาจะใช้แค่เพียงกระบี่ดารายุพฆาตเพราะมันจะดูราวกับว่าเขากำลังข่มขู่พวกนั้น หากว่าเขาจะใช้สะท้านที่สามของฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านในการต่อสู้

เขามีความสามารถโดยรวมที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อฝึกฝนภายใต้แรงกดดันเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคกวางย่างก้าวที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นไปอีก ทำให้ชิงสุ่ยมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเชื่อเหลือ

ชิงสุ่ยวางแผนที่จะเลือกสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชนิดจากเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม เนื่องจากการที่จะบรรลุให้ถึงขั้นสมบูรณ์ของแต่ละเทคนิคนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมันจะต้องมีโชคและโอกาสด้วย

"หลวนหลวน พวกเราจะออกไปจากที่นี่" ชิงสุ่ยไม่มีสิ่งของใดๆต้องจัดเตรียมมากนัก เขาแค่เก็บเตียง หม้อ ชาม และสิ่งอื่นๆไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ

"เอาล่ะ พวกเราพร้อมจะออกจากที่นี่แล้ว ท่านพ่อจะไปที่ไหนหรอ?" หลวนหลวนกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของชิงสุ่ยอย่างมีความสุข

"นิกายกระบี่นภา!"

ชิงสุ่ยบอกกับเด็กหญิงตัวน้อยและพวกเขาก็บินไปทางทิศทางของนิกายกระบี่นภาบนหลังของแร้งขนสีขาว

ฤดูหนาวที่หนาวจัดมาถึงแล้วและชิงสุ่ยใช้ขนสัตว์ของสุนัขจิ้งจอกหิมะเพื่อนำมาทำชุดเสื้อผ้าให้เด็กหญิงตัวน้อยเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่หน้าตาของมันดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้มีความงดงามมากพอที่จะทำให้เกิดการล่มสลายของอาณาจักรและเมืองต่างๆ เธอดูน่ารักและงดงาม

ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงหนึ่งวันก็มาถึงยอดหุบเขากระบี่นภา แร้งขนสีขาวบินวนไปรอบๆสองสามครั้งก่อนที่มันจะลงจอดอย่างเบาๆ

"ท่านพ่อ เจ้าขาวน้อยบอกว่ามีสัตว์อสูรอยู่บนเทือกเขา" หลวนหลวนกระพริบดวงตากลมโตของเธอถี่ๆและพูด

"สัตว์อสูรที่อันตราย? ดังนั้นมันจะต้องเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแร้งขนสีขาว แต่มันสัตว์อสูรตัวใดกันที่สามารถข่มขู่แร้งขนสีขาวได้?" ชิงสุ่ยดูเหมือนจะมีความคิดบางอย่าง

นิกายกระบี่นภาเป็นนิกายอันดับหนึ่งในอาณาจักรชางหลางมากว่าพันปีแล้ว มันอาจจะมีความลับที่ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่นอาจจะมีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์หนึ่งหรือสองตัวในนิกาย

"พ่อจะพาเจ้าเข้าไป" ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อคนมานานกว่าครึ่งปีแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะมีความสุขหรือหดหู่

 

คนเริ่มซุบซิบหลังจากเห็นเขาพาเด็กคนหนึ่งที่สวยมากๆมาด้วย

ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างตกตะลึงงันยืนอยู่ในความงุนงง! และถอนหายใจเพียงอย่างเดียวเพราะไม่อาจนึกฝันว่าจะสามารถมีลูกสาวสวยที่งดงามเช่นนี้ได้"

"ทำไมลูกสาวของเขาดูคล้ายกับท่านปรมจารย์ป้าเจี้ยนเก้อ?" ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ

ใบหน้าของชิงสุ่ยเปลี่ยนเป็นมืดมน มันไม่ดีแน่!

รีวิวผู้อ่าน