ตอนที่ 10 วินาทีแห่งวีรบุรุษ
“ส่งลูกบาสมา!”เจียงเฟยร้องออกมาอีกครั้ง
“ครับ พี่เฟย!”
ทุกคนในทีมต่างร่วมมือกับเจียงเฟยเป็นอย่างดี
“ตั้งแต่ที่นายชอบเล่นบาสเก็ตบอลมากขนาดนี้แล้วละก็ให้ฉันแสดงให้นายดูเถอะว่ามันเล่นยังไง!”เจียงเฟยก็ร้องออกมาเหมือนกับเสือที่ดุร้าย เมื่อเขาได้รับลูกบาสมาอยู่ในมือ เขาก็กระโดดจากพื้นที่นอกเขตโทษและโยนลูกบาสลอยขึ้นไปกลางอากาศและข้ามหัวผู้เล่นฝั่งตรงข้ามไปสองคนและเข้าไปในห่วง – ปัง!
*ปรี๊ด* 2แต้ม!
“โว้ว!”ทุกคนในสนามรวมทั้งคนดูที่อยู่ทั้งสองฝั่งต่างอ้าปากค้าง พวกเขาต่างยืนตกตะลึงเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นเอเลี่ยนมายึดร่างกายของเจียงเฟยไปยังไงยังงั้น!
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับเจ้าเนิร์ดวะนั่น!”
“ไมเคิล จอร์แดนกลับชาติมาเกิดหรอวะ?”
“เขาชื่ออะไรนะ?! ฉันจำได้ว่าเขาเป็นพวกเด็กติดเกมเท่านั้นเอง! ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นนี่นา! ทำไมมันถึงไม่มีใครพูดถึงเขาเลยกันละ?!”
เจียงเฟยยิ้มออกมา เมื่อเขาได้ยินผู้เล่นห้องหกส่งเสียงไม่พอใจออกมา เขาก็หันไปหาทีมของเขาและพูดออกมา “เพื่อน! ทนไว้! พวกเราจะพลิกกลับมาชนะกัน!”
“แน่นอน!”ทีมก็ตอบกลับอย่างมีความสุข
“ทุกคน ระมัดระวังตัวไว้ ตั้งความหวังไว้ พวกเขาทั้งห้าคนมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้เล่นที่ดี ที่เหลืออีกสี่คนมันไม่เท่าไหร่! พวกเราสามารถที่จะเอาชนะได้!”ซูเฮ่าพูด มุมมองของเขาต่อเจียงเฟยพลิกกลับไปเป็นคนละโลก ในตอนแรกเขาต้องการที่จะเล่นตลกกับเขา แต่ในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับมัน เขาก็หวาดกลัวเจ้าเด็กติดเกมนี้เป็นอย่างมากแล้ว! ทำไมกำลังใจของพวกเขาทั้งทีมถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนั้นกัน? ในทางกลับกัน สไตล์การเล่นของทีมห้องหกก็เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาเริ่มที่จะโฟกัสในการป้องกันและถ่วงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พวกเขาพยายามที่จะรักษาแต้มนำเอาไว้! พวกเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรเสี่ยงๆได้อีกต่อไป เจียงเฟยได้พลิกสถานการณ์กลับมาแล้ว!
*ปรี๊ด*
ในตอนสุดท้ายของรอบสาม เจียงเฟยก็ลดความห่างของคะแนนจาก 85 มาเป็น 62! มันเหมือนกับปาฏิหารย์เลยด้วยซ้ำไป!
ในสองรอบแรก พวกเขาสามารถที่จะทำคะแนนได้ถึง 77 แต้ม แต่เมื่อเจียงเฟยลงไปในสนาม ห้องหกก็ทำคะแนนไปได้แค่ 8 แต้ม ในขณะที่ห้องเก้าที่อยู่ภายใต้การนำของเจียงเฟยสามารถทำไปได้ถึง 49 แต้ม!
“พี่เฟย นี่มันอะไรกันวะพี่! เอเลี่ยนเข้าไปสิงในร่างพี่งั้นเหรอ?”จาวเฟิงก็รีบวิ่งมาหาเจียงเฟย เมื่อทั้งทีมเดินออกมาจากสนาม
โดยปราศจากคำเตือนใดๆ จาวเฟิงก็เริ่มที่จะสำรวจร่างกายของเจียงเฟย
“เห้ย! เอามือออกจากฉันได้แล้ว! ฉันไม่ได้มีอะไรแบบนั้นหรอก”เจียงเฟยคำรามออกมาแล้วเขาก็แกะแขนของจาวเฟิงออกไป
“ทำได้ดีมากเจียงเฟย นายทำได้ดีมากวันนี้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่านายเป็นผู้เล่นที่ดีในสนาม ฉันคิดอยู่ตลอดว่านายจะอยู่หน้าจอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง นายทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับนายแล้ว ฉันภาคภูมิใจในตัวนายมาก”
ซุนเมิ่งเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างจาวเฟิง เมื่อเธอชื่นชมเจียงเฟย เจียงเฟยก็หันมาเห็นเธอ เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ดวงตากลมโตของเธอส่องประกายออกมา จากมมุมองของเขาแล้วมันก็สามารถที่จะส่งสัญญาณผิดๆออกมาได้
“ว้าว! เจียงเฟย นายมันอัจฉริยะจริงๆ! นายมันโคตรเท่ห์เลย! ฉันจะไม่ตัดสินคนจากรูปร่างอีกแล้ว!”พร้อมกับเสียงร้องจากหญิงสาวจากห้องของเจียงเฟย ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งห้องเรียนต่างวิ่งเข้ามาหาเจียงเฟยสำหรับการเฉลิมฉลอง
“เฮะ เฮะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”เจียงเฟยหัวเราะออกมา พูดอย่างซื่อสัตย์แล้ว สกิลของเจียงเฟยก็แค่ธรรมดาทั่วไปและความจริงมันก็เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เขาได้เลี้ยงบอลครั้งสุดท้าย ทั้งหมดมันเป็นเพราะ “เวทย์มนต์” ในสนามซึ่งต้องขอบคุณรองเท้าจิตวิญญาณแมวแห่งความแม่นยำ ความเร็วของยอดมนุษย์และความคล่องแคล่วทำให้เขาสามารถที่จะเล่นกีฬาอะไรก็ได้โดยไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ การกระโดดที่สูงจนไม่น่าเชื่อก็ทำให้เขาสามารถที่จะโยนบอลไปตำแหน่งอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ! แต่มันเป็นเพราะบัฟเพิ่มความแม่นยำที่เขามีซึ่งมันก็ทรงพลังเป็นอย่างมาก! เจียงเฟยสามารถที่จะทำสามแต้มจากตรงไหนก็ได้ด้านนอกวง! อัตราของมันก็ 100% ด้วยเช่นกัน!
*ปรี๊ด*
รอบสุดท้ายก็ดังขึ้นจากเสียงนกหวีด
“พี่น้อง! มันถึงเวลาเตะตูดพวกเขาแล้ว!”เจียงเฟยพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น
“เอาเลย!”หวังเฉินและสมาชิกที่เหลือในทีมต่างมีกำลังใจที่สูงมากขึ้น พร้อมกับเจียงเฟยที่เป็นเทพเจ้าบาสเก็ตบอลอยู่ฝั่งเดียวกันแล้ว พวกเขาก็จะบดขยี้พวกนักกีฬาจากห้องหกได้อย่างง่ายดาย!
“ป้องกัน! จดจ่อในการป้องกันซะ! เมินพวกเขาที่เหลือไปเลย! จับตาดูที่เจียงเฟยและเจียงเฟยเท่านั้น! พวกเราไม่สามารถที่จะแพ้ได้!”ซูเฮ่ากัดฟัดและคำรามใส่ทีมของเขา เขาเคยคิดว่ามันเป็นงานที่ง่ายเหมือนปลอกกล้วย ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังกลืนคำพูดของตัวเองอยู่
“ฮึ้บ!”เจียงเฟยก็กระโดดยิงอีกครั้งหนึ่ง!
*ฟึ้บ*
“สามแต้ม!”
“ไปกันเถอะ! อย่ากระพริบตาละ!”เจียงเฟยแล้วเขาก็วนรอบพอยต์การ์ดและอีกสองคนก่อนที่จะดังค์บอลลงไปในห่วง เขาก็ค้างตัวในท่าดังค์ไว้เพื่อที่จะทำให้มันดูเท่ห์ด้วย!
*ฟึ้บ*
“สองแต้ม!”
“เหี้*อะไรวะเนี่ย!”
“ฉันเลิกเล่นแล้ว นี่แม่งบ้าเกินไปแล้ว!”
“นรกไรวะเนี่ย! นี่มันเล่นคนเดียวแล้ว พวกเรามันแค่ตัวเสริมของเขาเท่านั้นแหละ!”
“แม่งเอ้ย! ฉันไม่เล่นแม่งต่อแล้ว!”
เพียงแค่ช่วงครึ่งเวลาของรอบที่สี่ เจียงเฟยก็จัดการทำคะแนนมากกว่าทีมตรงข้ามได้แล้ว! ในขณะที่ทีมเขากำลังเร่าร้อนและคะแนนสุดท้ายก็คือ 92 – 104!
ห้องเก้านั้นก็ได้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่และเอาชนะห้องหกที่เป็นนักกีฬาได้!
“ห้องเก้า! ห้องเก้า! เจียงเฟย!”
ทั่วทั้งห้องต่างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อเจียงเฟยและทีมของเขากลับมาที่ม้านั่งพร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา มันเหมือนกับการแข่งขันที่สิ้นหวัง ไร้ซึ่งหนทางชนะกลับมากลายเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับการช่วยเหลือของเจียงเฟย ชายที่เป็นดั่งปาฏิหารย์จากสรวงสวรรค์!
“รอ-รอ-รอก่อนสาวๆ! ดูด้วยว่ามือของเธออยู่ไหน!”
ทันทีที่ทีมออกมาจากสนาม พวกเขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยหญิงสาวจากห้องของพวกเขา ใครบางคนก็ยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้กับพวกเขา คนอื่นก็เอาผ้าขนหนูและคนอื่นก็วางมือไว้บนร่างกายของพวกเขาด้วยเหตุผลลึกลับบางอย่าง
“ไม่เลว ไม่เลวเลย เจียงเฟย ทำไมนายถึงไม่ลงเล่นบาสก่อนหน้านี้ละ?” ซุนเมิ่งเมิ่งพูดแล้วเธอก็เดินมาหาเจียงเฟย หลังจากที่ฝูงคนกระจายตัวไป เธอก็วางนิ้วมือของเธอลงไปหน้าอกของเจียงเฟยแล้วเธอก็ตั้งคำถามถามเขา
“หื้มมม ฉันไม่สนใจบาสเก็ตบอล” เจียงเฟยพูดออกมาแล้วก็ยักไหล่
“เหมือนว่าฉันสนใจมันละ ครั้งหน้า เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเรามีการแข่งขันบาสเก็ตบอล ฉันบังคับนายให้เข้าร่วม! ฉันต้องการให้ห้องของเราเป็นแชมป์! นายได้ยินที่ฉันพูดไหม?!”ซุนเมิ่งเมิ่งพูดออกมาแล้วเธอก็เดินเข้าไปใกล้เจียงเฟยมากขึ้นไปอีก บางทีก็ใกล้เกินไป
“ฟู่ว….” เจียงเฟยก็หายใจเข้าลึกๆ มันน่าพึงพอใจอย่างมาก กลิ่นหอมของหญิงสาวยังลอยอยู่รอบตัวเขา เขาก็ยิ้มและพูดออกมา “นายหญิง คุณเว้นระยะห่างระหว่างพวกเราจะได้ไหม ผมอาจจะไปจูบคุณก็ได้…”
“น…นาย!” ซุนเมิ่งเมิ่งร้องออกมา เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจียงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา! แก้มของเธอก็แดงฉาน เมื่อเธอตระหนักได้ว่าปากของเธอมันห่างจากเขาไปเพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น
“ฮ่าๆ!” เจียงเฟยหัวเราะออกมาอย่างป่าเถื่อน ผู้ดูแลห้องนี่น่ารักมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิดจริงๆว่านางถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราเมื่อโกรธแล้วจะเขินอายจนหน้าแดงราวกับลูกท้อ
“ฉันจะคิดเสียว่านายตกลงก็แล้วกัน! ถ้านายกล้าโต้แย้งคำพูดของฉันล่ะก็ ฉันจะทำให้นายมั่นใจได้เลยว่านายจะ... อ้าา!”
ซุนเมิ่งเมิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไปและตัดสินใจรีบเดินจากไปในขณะที่เจียงเฟยยังคงหัวเราะลั่นราวกับลิง
“เจ๋งไปเลยพี่ชาย! ฉันประทับใจมาก! ไม่เพียงแค่นายมีทักษะการเล่นบาสเกตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่นายยังสามารถหยอกล้อผู้ดูแลห้องจนวิ่งหนีหน้าแดงออกไปได้ด้วย! นี่ข้าฝันไปรึเปล่า? มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?!”จาวเฟิงหยอกล้อเจียงเฟย
“ฮ่าๆๆ! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องจริง คราวหน้าก็จับตาดูเอาไว้ให้ดีแล้วกัน ยังไงก็กลับห้องกันเถอะ คาบเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว!”
เจียงเฟยหยุดหัวเราะและยิ้ม เขาไม่มีความคิดจะชี้แจงตนเอง ตั้งแต่ที่เขาได้รับแหวนลึกลับมา เจียงเฟยก็เปลี่ยนไป ก่อนที่แหวนวงนี้จะเข้ามาในชีวิตเขา
เขาเคยมีชื่อเสียงที่ไม่ดีมาก่อน เขาเป็นเด็กติดเกมที่ไม่เคยได้รับเกียรติยศใดๆในโรงเรียนเลย ผลการเรียนของเจียงเฟยอยู่ในระดับปานกลาง ผลสอบวิชาพลศึกษาของเขาเรียกว่าอยู่ในขั้นเลวร้าย เพราะสิ่งเหล่านี้จึงทำให้เจียงเฟยกลายเป็นไร้ตัวตนในหมู่หญิงสาวในห้องเรียน หรือบางทีอาจจะทั้งโรงเรียนเลยก็ได้
ไม่มีใครคิดจะเข้าใกล้เจียงเฟยหากไม่มีความจำเป็น แม้แต่ตัวของเจียงเฟยเองก็มักจะเก็บตัวอยู่ตนเดียว เขาไม่เคยคิดจะเข้าไปพูดคุยกับผู้หญิงในห้อง
แม้เขาจะตกลงหลุมรักผู้หญิงซักคน เขาก็จะทำเพียงเก็บเอาไว้ในใจ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ที่แหวนลึกลบถูกสวมอยู่บนนิ้วของเขา เขามีความกล้าหาญและใจกล้ามากขึ้น มันทำให้เขาได้รับหัวใจของความเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่มีความกลัวอีกต่อไป มีเพียงความมั่นใจเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่
ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไป แน่นอนว่าเขาย่อมต้องกล้าพูดคุยกับผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เขาช่วยให้ห้องชนะการแข่งขันที่ดูเหมือนจะเป็นการแข่งขันที่ไม่มีทางชนะ! เขาคือฮีโร่ และทั่วทั้งห้องต่างก็ได้เป็นพยานรู้เห็นช่วงวินาทีอันกล้าหาญของเขา ด้วยเหตุนี้จึงถึงเวลาแล้วที่หญิงสาวจะเริ่มซุบซิบพูดด้วยเรื่องราวของเขา