px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 207 - เมืองหลวงเมฆามรกต อีกด้านหนึ่งของชางห่ายหมิงเยวี่ย


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 207 - เมืองหลวงเมฆามรกต อีกด้านหนึ่งของชางห่ายหมิงเยวี่ย

หลังจากกลับขึ้นบนหลังวิหคเพลิง ชิงสุ่ยยังคงเงียบ ห่าวหยุนลิ่วลี่เองก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าโศก ในขณะที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยเองที่มักจะมองชิงสุ่ยด้วยความอยากกระด้างแต่ในครั้งนี้เธอกลับรู้สึกว่า เขานั้นอ่อนแอกว่าผู้ใด กลายเป็นคนไร้อำนาจ ราวกับทุกอย่างถูกแช่แข็งภายในใจของเขา

" 2 ปี………….อีกไม่เกิน 2 ปี ท่านแม่และข้าจะไปรับเจ้ากลับมา และข้าจะตอบแทนไอ้พวกที่มันทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน ให้พวกมันได้รับรู้ความทรมานที่แท้จริงนับร้อยพันเท่า"ชิงสุ่ยปลอบโยนตัวเองอย่างเงียบๆ

การเดินทางในครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยได้เปิดหูเปิดตามองเห็นโลกกว้างของดินแดน 9 มหาทวีป เพียงการเดินทางโดยการบินจากอาณาจักรชางหลางเข้าสู่มหาทวีปเมฆามรกตกินเวลามากถึง 2 เดือน

ซึ่งถ้าหากเขาใช้การเดินทางโดยกระทิงเหล็กแบบเดียวกับตอนที่เขาเดินทางเข้าสู่อาณาจักรชางหลาง เขายังต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือน เพื่อเดินทางสำรวจเพียงครึ่งอาณาจักร และถ้าหากเขาใช้มันเพื่อเดินทางผ่านเมืองมากกว่า 60 เมือง มันคงเป็นเวลาที่ไม่อาจประเมินได้

มหาทวีปเมฆามรกตมีเมืองโดดเด่นที่รู้จักกันดีในชื่อเมืองเมฆามรกต ในตอนนี้ชิงสุ่ยยืนอยู่บนที่ราบของเมืองเมฆามรกต เขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ลึกลับภายในดินแดนที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน มันทำให้เขารู้สึกสงบ และพึงพอใจ

แต่ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงของมหาทวีป สิ่งแรกที่เขาไม่รู้เลยคือความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งสิ่งที่ชิงสุ่ยเห็น มันทำให้เขาประหลาดใจในทันที ในตอนนี้ผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนปรากฏตัวขึ้นมากมาย พวกเขาอยู่เต็มไปทั่วทุกสถานที่

9 มหาทวีปในปัจจุบัน มีสุดยอดจอมยุทธกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง โดยเฉพาะสถานที่มั่งคั่ง สถานที่ที่มีครอบครัวหรือตระกูลที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขามีพลังในการเติบโตที่มีประสิทธิภาพ

"ไปบ้านข้ากันเถอะ ที่แห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ที่เจ้าไม่รู้จัก"ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองไปที่ชิงสุ่ยพร้อมเผยรอยยิ้มเล็กๆที่เกิดขึ้นได้ยาก รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่เธอได้กลับคืนสู่ถิ่นฐานของเธอ

"มันคงไม่ดีนัก เดี๋ยวข้าจะไปหาที่พักของข้าเอง"

"ชิงสุ่ย!!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่มองไปที่ชิงสุ่ย

"นี่เป็นคำเชิญครั้งแรกของข้าที่มีต่อผู้อื่น ถ้าหากไม่ใช่เพราะลิ่วลี่ ข้าก็คงไม่พูดคำเหล่านั้นออกมา"ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองไปที่ชิงสุ่ยในขณะที่เธอขมวดคิวเล็กน้อย

ชิงสุ่ยจึงตอบตกลง พวกเขาลงสู่พื้นดินบริเวณจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของมหาทวีป ชิงสุ่ยมองดูพื้นที่ขนาดแห่งนี้และพบว่ามันมีชื่อว่า จัตุรัสเมฆามรกต

หลังจากที่มองดูโดยรอบ ชิงสุ่ยก็เพราะว่าอสูรน้อยใหญ่มากมายต่างรวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่กำลังจะบินออกนอกเมือง  หรือกำลังจะบินเข้าสู่สถานที่แห่งนี้

มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่มากมายที่ชิงสุ่ยไม่รู้จักกำลังบินพาดผ่านผืนนภาที่กว้างใหญ่ ไม่มีใครรู้เลยว่าชนชั้นสูงและสถานที่แห่งนี้มีมากเท่าไหร่ รวมถึงตระกูล และครอบครัวมหาอำนาจที่อาศัยอยู่ด้วย มันคงเหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ยอดนักปราชญ์มักจะปรากฏตัวอยู่ในที่ๆดีที่สุด

มันคงคล้ายกับเมืองร้อยไมล์ที่มีเหวินเหรินอูซวงและผู้นำตระกูลซือถูที่คอยหลบซ่อนความแข็งแกร่ง ใครจะสามารถรับรู้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งแฝงตัวอยู่มากเพียงใดอีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของมหาทวีป

เมืองหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่น่าทึ่ง กว้างใหญ่ เจริญรุ่งเรือง และเต็มไปด้วยถนนหลายพันหลายหมื่นเส้น มีการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายและงดงามมากมาย ทุกสถานที่ที่ปรากฏขึ้นนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกน่าเกรงขาม

"นี่คือเขตแดนของเมืองเมฆามรกต มันยังมีกว่า 5 แห่งที่มีลักษณะเหมือนจัตุรัสเมฆามรกตแห่งนี้ และยังมีจัตุรัสเมฆามรกตขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ซึ่งแต่ละอันเปรียบได้กับหนึ่งอาณาจักร ส่วนที่ที่ใหญ่ที่สุดนั้นจะถูกเรียกว่าแกนกลางของเมืองเมฆามรกต สถานที่ทั่วไปจะไม่อนุญาตให้สักใหญ่หยุดหรือสร้างความวุ่นวายเว้นเสียแต่พวกมันจะลงสู่พื้นดินบริเวณจัตุรัสเมฆามรกต มันจึงทำให้จัตุรัสเมฆามรกตกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกด้วย" ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวจบ เธอก็นำชิงสุ่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ไปอีกทางหนึ่ง

"หรือว่าพวกเราจะต้องเดินเท้าไปที่บ้านของท่าน? มันไกลแค่ไหนกัน?"ชิงสุ่ยมองไปที่ด้านหลังของชางห่ายหมิงเยวี่ยผู้ซึ่งสร้างแรงดึงดูดทางสายตาของผู้คนที่อยู่รอบข้าง

" พวกเราจะเดินทางด้วยรถม้า มันจะทำให้พวกเราเดินทางได้อย่างรวดเร็ว"

ชิงสุ่ยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นรถม้าของที่แห่งนี้ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำมืดมีลักษณะเช่นเดียวกับม้า ซึ่งทุกคนต่างขนานนามมันในชื่อม้ามังกรทมิฬ

ม้ามังกรทมิฬดำตัวยาวมากกว่า 5 เมตร และสูงอีกกว่า 2 เมตร ลำตัวสีดำสนิท อีกทั้งกะโหลกยังมีขนาดใหญ่คล้ายคลึงกับรูปลักษณ์มังกร จนมีคนเคยกล่าวไว้ว่าม้ามังกรทมิฬเคยมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับมังกรทมิฬ แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่อาจเอามาเปรียบเทียบกับสัตว์อสูรได้ และแทบไม่ใกล้เคียงกับระดับของสัตว์อสูรไร้แก่น ด้วยความรวดเร็วที่มันมีและความอดทนที่สูงมา มันจึงเป็นข้อได้เปรียบที่จะสามารถฝึกสอนมันให้เชื่อง แนะนำมันมาใช้งานในการขนส่งและเดินทางในแต่ละวัน

"ม้ามังกรทมิฬมีอยู่เฉพาะในเมืองเมฆามรกตแห่งนี้หรือไม่?"พวกเขาเริ่มกล่าวถามชางห่ายหมิงเยวี่ยหลังจากที่ขึ้นรถม้า

"โดยหลักการแล้ว ม้ามังกรทมิฬจะอาศัยอยู่เฉพาะในสันเขามังกรทมิฬเท่านั้น ซึ่งข้าเองก็รู้ว่าเมืองหลวงอื่นๆก็มีม้ามังกรทมิฬพวกนี้อยู่ด้วย"ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบกลับ

มันจะทำให้สัตว์ตัวนี้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางบนท้องถนน แล้วมันก็เหมาะสมสำหรับทุกตระกูลอีกด้วย แม้กระทั่งผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนบางคนยังเลือกใช้มันแทนกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ใช้มันในการทำการค้าการขนส่ง ซึ่งถ้าหากไม่เป็นเพราะดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยก็คงไม่มีวันที่จะได้มีสัตว์อสูรเป็นของตนเอง

ม้ามังกรทมิฬเป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วมากดุจสายลมแต่เสียงเท้านั้นเบามาก บนถนนโบราณในเมืองเมฆามรกต ถูกสร้างขึ้นด้วยหินเหล็ก มันถึงทำให้เสียงของกีบเท้ามากระแทกกับพื้นได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

"การเดินทางไปบ้านของท่านต้องใช้เวลามากแค่ไหน? และอีกอย่างข้าก็อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองเมฆามรกตแห่งนี้ด้วย"ชิงสุ่ยถามชางห่ายหมิงเยวี่ยที่กำลังเงียบ

"อีกประมาณ 1 ชั่วโมง ข้าจะบอกสิ่งที่ข้ารู้ให้แก่เจ้า ในเมืองแห่งนี้ ซึ่งคงไม่มีใครกล้าที่จะบอกว่าเขารู้ทุกอย่าง และคงไม่มีใครสามารถเข้าใจเมืองที่มีประชากรเกินกว่าพันล้านคนได้ ในตอนนี้เราอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ในพื้นที่ทางทิศใต้นี้ พลัง อำนาจคือความวุ่นวาย"

เมื่อวิเคราะห์คำพูดของชางห่ายหมิงเยวี่ย มันก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบก่อนของชิงสุ่ย แม้แต่พื้นที่เล็กๆ ก็ยังสนใจอำนาจ เล่นพรรคเล่นพวกเพื่อเอาชนะเจ้าของเดิม มันคล้ายคลึงกับสถานที่แห่งนี้ เมืองหลวงของมหาทวีป มันเกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรม และเมื่อวันเวลาผ่านไปมันก็เริ่มอย่างรากลึกจนกลายเป็นเรื่องปกติ

"เจ้าจะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ 3 ขุมพลังใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ราชนิกูลจักรพรรดิอสูร นิกายสราญรมย์ และนิกายเทพกระบี่ เพราะเจ้ายังคงห่างไกลจากพวกเขามากนัก" ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวช้าๆ

"นิกายสราญรมย์? มันมีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับอาณาจักรชางหลางอย่างนั้นหรือ?"ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยความไม่มั่นใจ

"ถูกต้อง นิกายสราญรมย์ที่ปรากฏอยู่ในอาณาจักรชางหลางคือนิกายสาขาเท่านั้น ซึ่งคนจากอาณาจักรชางหลางพวกเขาได้มาฝึกฝนที่นิกายสราญรมย์หลักจากนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกันเพื่อสร้างนิกายสราญรมย์สาขาขึ้นที่อาณาจักรชางหลางก็เท่านั้น"

มันทำให้ชิงสุ่ยนึกหวนคืนกลับไปถึงตอนที่เขาต้องเผชิญกับสุดยอดโฉมงามจากนิกายสราญรมย์ เขาได้ยินมาว่าเธอเป็นหญิงที่งดงามที่สุดในนิกาย  มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ถนนโบราณสายหลักเต็มไปด้วยความเรียบง่าย แต่ก็ยังมีถนนย่อยมากมายที่สามารถทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความตื่นตาตื่นใจ ถนนเส้นนี้กว้างมากถึง 200 เมตร

หลังจากนั่งบนรถม้ามาสักพัก ชิงสุ่ยเริ่มตระหนักได้ว่าตอนนี้มันได้หยุดลงที่เบื้องหน้าของคฤหาสน์ที่มีความวิจิตรงดงาม จากภายนอกมองเห็น 1 ศาลา 1 ระเบียง และมีหอคอยหยกตั้งตระหง่าน……..

เมื่อเขามองไปยังตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนอย่างเรียบง่ายบนประตูทางเข้า

ชางห่าย!!!!

การจัดเรียงของคฤหาสน์เบื้องหน้าชิงสุ่ยเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดตราบเท่าชีวิตเขาจะเคยผ่านมา มันเกิดจากสถาปัตยกรรมขั้นสูงที่ไม่ค่อยก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดยอาศัยความเชี่ยววชาญในงานไม้ และงานหิน

เมื่อมองเข้าไปในคฤหาสน์ก็ไม่พบพ่อบ้านมีแต่คนเดียว ชางห่ายหมิงเยวี่ยนำชิงสุ่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ตรงไปที่เนินเขาที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบขนาดเล็กในป่าใหญ่เบื้องหลังของพวกมันทั้งหมดนั้นปรากฏเป็นศาลาพักผ่อนที่แสนสะดวกสบาย ในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนเดินลงไปข้างล่าง

คู่ชายหญิงอายุราวๆ 31 กำลังฝึกฝน ฝั่งชายชาตรีเป็นหนุ่มหล่อเหลา บรรยากาศบริเวณโดยรอบถูกบีบอัดตามความแข็งแกร่งของเขา เช่นเดียวกับดวงตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่และแฝงไปด้วยความฉลาด

ส่วนฝั่งหญิงสาวเป็นหญิงรูปร่างดี ความงดงามของเธอนั้นทำให้ผู้คนที่มองดูต้องตกอยู่ใน ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางงดงามดั่งภาพ ดวงตาที่ลุ่มลึกมีความคล้ายคลึงกับชางห่ายหมิงเยวี่ย

"นี่มันช่างน่าอัศจรรย์พวกเขารักเปรียบดังคู่รักจากสรวงสวรรค์!!!"ชิงสุ่ยแสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงของเขา

ดูเหมือนว่าฝ่ายของชายจะมีการได้ยินที่เป็นเลิศ ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเช่นเดียวกับฝั่งหญิงสาว ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะหันไปมองชิงสุ่ย

หลังจากนั้น ชิงสุ่ยก็มองเห็นชางห่ายหมิงเยวี่ยวิ่งไปที่หญิงสาวด้วยท่าทางที่มีความสุข พร้อมทั้งขอกอดเธอเอาในขณะที่เธอกล่าวออกมาว่า "ท่านแม่!!!"

หลังจากนั้นเธอก็โผกอดชายรูปร่างสง่างาม "ท่านพ่อ!!"

ซึ่งพวกเขาทั้งสองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขจึงหันมามองชางห่ายหมิงเยวี่ย!!

"เจ้าเด็กน้อย เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนแบบนี้?"ชายคนนั้นกล่าวขึ้นและเอื้อมมือไปจับที่จมูกของชางห่ายหมิงเยวี่ย

ตอนนี้ชิงสุ่ยดูแล้วชางห่ายหมิงเยวี่ยถึงไม่คิดจะมองชายใด เพราะเธอนั้นมีพ่อจะเป็นดัง ชายชาตรีที่มาจากสรวงสวรรค์ มันถึงทำให้เธอมักจะเปรียบเทียบชายคนอื่นกับพ่อของเธอเสมอ ซึ่งในสายตาของชิงสุ่ยยังไม่เคยเห็นใครเลยที่ใกล้เคียงกับชายคนนี้ แม้แต่กงซุนซานเซียนจากนิกายกระบี่นภาก็ยังไม่อาจเปรียบได้

"ลูกไม่เหนื่อยเลย ลูกคิดถึงพวกท่านทั้งสองตลอดเวลา"ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบกลับ

ชิงสุ่ยเองก็ค่อนข้างตกใจ ผู้หญิงที่มีท่าทางหยิ่งยโสตลอดเวลา ในตอนนี้กลับแสดงท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูราวกับเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ

"เยวี่ยเยวี่ย ลูกจะไม่แนะนำเพื่อนของลูกให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ? ดูเหมือนว่าลูกจะไม่เคยคิดพาใครเข้าบ้านมาก่อนเลย"หญิงโฉมงามจับมือของชางห่ายหมิงเยวี่ย

เสียงของสุภาพสตรีมีความแตกต่างจากเสียงของสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก เสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความไพเราะและสร้างบรรยากาศแห่งความรักอันแสนบริสุทธิ์ออกมาจนน่าตกใจมันช่างคล้ายคลึงกับชางห่ายหมิงเยวี่ย

"อ่า ลูกเกือบลืมเลย"

"เยวี่ยเยวี่ย มันยากที่จะเชื่อเลยว่านี่คือชื่อเล่นของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและความโดดเดี่ยวอ้างว้าง"ชิงสุ่ยคิดพิจารณาเรื่องตัวตนของเธอ

"นี่คือลูกศิษย์ของลูกเอง ห่าวหยุนลิ่วลี่ เธอช่างงดงามจริงๆใช่ไหมท่านพ่อท่านแม่? ส่วนนี่ก็คือชิงสุ่ย!!"ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบอย่างมีความสุข

"ผู้หญิงคนนี้สามารถแปรเปลี่ยนขั้วจิตใจเป็น 2 ด้านได้อย่างไร?"ชิงสุ่ยคิดเกี่ยวกับชางห่ายหมิงเยวี่ยอย่างเงียบๆ

ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังคิดเขาก็หันไปทางคู่รักจากสรวงสวรรค์ "ข้าน้อยขอคารวะ"

"ฮ่าๆๆๆ ไม่เลว ไม่เลวเลย ดูเหมือนลูกสาวของข้าจะมีสายตาที่หลักแหลมยิ่งนัก!!"สุภาพบุรุษคนนั้นกล่าวอย่างสุภาพต่อชิงสุ่ยและหัวเราะอย่างจริงใจ

คำพูดของชายคนนั้นทำให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยและหญิงโฉมงามมองไปที่ชิงสุ่ย หลังจากนั้นชางห่ายหมิงเยวี่ยก็ร้องตะโกนออกมาในทันที "ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรกัน?"

แม้ว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยจะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่เธอเองก็ค่อนข้างตกใจที่พ่อของเธอนั้นประเมินชิงสุ่ยเช่นนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของเธอ และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคำพูดชื่นชมจากปากพ่อของเธอ

"ฮ่าๆๆๆ ท่านผู้อาวุโสเปรียบดังเทวาจากสรวงสวรรค์ ข้าน้อยคิดว่าข้าน้อยไม่คู่ควรต่อคำชมเช่นนั้น"

 

การตอบสนองอย่างเหมาะสมที่ชิงสุ่ยได้แสดงออกไปนั้น เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าพลังอำนาจที่สุภาพบุรุษคนนี้ครอบครองเกินกว่าสิ่งที่เขาจะเข้าใจ แม้แต่พลังงานที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยถือครองนั้นจะอยู่ในจุดสูงสุดของระดับเทวะเซียนเทียน ตัวเขายังคงรับรู้ได้ อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่อาจตรวจพบพลังงานใดๆจากสุภาพบุรุษคนนี้ นั่นก็หมายถึงว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ตัวของชายคนนี้นั้นควรจะอยู่ในระดับพลังไม่ต่ำกว่าระดับปราณเทวะกษัตริย์ อย่างแน่นอน

อาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์!!!!

"ท่านอาจารย์ พ่อแม่ของท่านช่างดูเยาว์วัยยิ่งนัก ข้าควรจะกล่าวอย่างไรดี?"ห่าวหยุนลิ่วลี่ ขจัดความน่าเป็นห่วงและเสน่ห์ของเธอออกไป จนเหลือเพียงความเป็นเด็กที่ไร้เดียงสา……..

"เด็กหนุ่มคนนี้ช่างมีภาษาการเล่นลิ้นที่ยอดเยี่ยม เจ้าคือชิงสุ่ยใช่หรือไม่ ฮ่าๆๆ ด้วยพลังและอายุ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์เช่นเจ้า" หญิงโฉมงามกล่าวด้วยความสบายใจ

ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าพลังของหญิงโฉมงามคนนี้มีมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยถึง 2 เท่า

หรือว่าเธอเพิ่งจะบรรลุในระดับปราณเทวะกษัตริย์?

"ท่านผู้อาวุโส อยากได้กล่าวสรรเสริญข้าอีกเลย ข้ารู้สึกละอายใจ นี่ก็เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่แล้วที่ข้าได้พบกับตระกูลของท่าน ในตอนนี้ข้ารู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างสำคัญหรือเกิน"ชิงสุ่ยยิ้มตอบ

"เผ่าพันธุ์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้าเองก็ตามหาหญิงสาวที่มีเผ่าพันธุ์ที่ดีในเวลาที่ข้าได้แต่งงาน ลูกสาวของข้านั้นประสบความสำเร็จมากมาย และเธอเองก็พยายามฝึกฝนอย่างหนักมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปีอีกด้วย"

"ฮ่า ฮ่า เจ้าว่าลูกสาวข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"ชายรูปร่างสง่างามกล่าวล้อเล่น

"ท่านพ่อ ท่านกล่าวล้อเล่นอีกแล้วนะ"ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวออกมาพร้อมทำท่าร้องไห้สะอึกสะอื้น

"ฮ่าๆๆ มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ของลูกสาวข้า เอาเป็นว่าหลังจากนี้ข้าจะคอยสนับสนุนเจ้า ถ้าหากเจ้ายังอยู่ที่เมืองเมฆามรกต และวันใดที่เจ้าได้ประสบปัญหาใดๆ เพียงแค่เจ้ากล่าวชื่อของข้าพวกเขาทั้งหมดจะต้องไว้หน้าเจ้าในทันที"

" ข้าน้อยขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง"ชิงสุ่ยส่งสายตาตอบกลับชายสง่างาม พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนรอยยิ้ม มันทำให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังถูกขายอยู่

ซึ่งสุภาพบุรุษคนนี้มีนามว่า ชางห่าย ชางห่าย !!! ชิงสุ่ยรู้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ดีและมีพลังซึ่งมันก็เหมาะสมแล้วกับชายคนนี้

"ไปดื่มอะไรกันเถอะ ข้ามีสุราที่บ่มมานานเก็บเอาไว้อยู่ที่นี่!!"ชายคนนั้นพูดอย่างร่าเริงโดยไม่สนใจสายตาตำหนิใดๆของหญิงโฉมงาม

 

รีวิวผู้อ่าน