px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 214 -  เด็กหญิงตัวน้อยของพ่อจำเอาไว้ ถ้าหากลูกเจอพวกมันอีกลูกก็จงสังหารพวกมันซะ


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

 

บทที่ 214 -  เด็กหญิงตัวน้อยของพ่อจำเอาไว้ ถ้าหากลูกเจอพวกมันอีกลูกก็จงสังหารพวกมันซะ

 

เมื่อเห็นการตอบกลับที่ลังเลของชางห่ายหมิงเยวี่ย ชิงสุ่ยจึงยิ้มและกล้าบอกเธอว่า "ท่านต้องการทำอาหารอร่อยๆให้กับท่านพ่อท่านแม่ของท่านสักครั้งหรือไม่?"

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยพูดไม่ออก เธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยกำลังใช้ความรักที่เธอมีต่อพ่อแม่ของเธอนั้นในการปิดกั้นเส้นทางในการหลบเลี่ยงคำตอบของเธอ

 

"ก็ได้ งั้นเรากลับกันเถอะ เดี๋ยววันนี้ข้าจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง แต่เจ้าจะต้องเป็นผู้ช่วงของข้า"ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้ม

 

ในระหว่างที่ทั้งสามคนกลับถึงบ้าน คำว่า "ชางห่าย"ที่ถูกจารึกไว้บนประตูมันให้ความรู้สึกที่ลึกลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยไม่รู้เลยว่าผู้เป็นพ่อของชางห่ายหมิงเยวี่ยจะทรงมีอิทธิพลอำนาจมากเพียงใด แต่อย่างน้อยชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ว่าเขานั้นมีพลังที่น่าหวาดกลัว เพราะเขาเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าหากเกิดปัญหาใดๆขึ้นในเมืองทิศใต้แห่งนี้เพียงแค่บอกชื่อของเขาปัญหาจะคลี่คลายในทันที

 

"เด็กๆกับมาแล้ว เดี๋ยวแม่จะไปทำอาหารพวกเจ้ารอสักหน่อยนะ อาหารร้อนๆจะพร้อมรับประทานไปทันที"แม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวอย่างนุ่มนวล

 

ชิงสุ่ยถอนหายใจ มันเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่น นี่คือสานสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่ก่อให้เกิดความสุขอย่างง่ายๆ ครอบครัวชางห่ายเป็นตระกูลที่ไม่ได้ยากจนเกินกว่าจะจ้าง คนรับใช้ ภูเขากลับเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ชิงสุ่ยเคยชิมอาหารของพวกเขามาก่อน แม้ว่ารสชาติของมันจะไม่สามารถเทียบได้กับอาหารที่ถูกพ่อครัวปรุงขึ้นในโรงเตี๊ยมหรูหรา แต่อารมณ์ความรู้สึกระหว่างการรับประทานนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจพบได้ในที่อื่น

 

"ท่านแม่ เดี๋ยวลูกทำเอง"ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

 

แม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกงุนงงเล็กน้อยขณะที่เธอจ้องมองไปที่ชางห่ายหมิงเยวี่ย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอ

 

"ท่านแม่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถิด เดี๋ยววันนี้ลูกสาวของท่านจะได้เรียนรู้วิธีการปรุงอาหารแล้ว และวันนี้ลูกจะเตรียมอาหารให้ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ได้ชิม"

 

ขณะที่เธอกล่าว ชางห่ายหมิงเยวี่ยก็เดินไปที่ห้องครัว โดยห่าวหยุนลิ่วลี่เองก็จากไป เพราะเธอรู้ว่าชิงสุ่ยต้องการที่อยู่กับชางห่ายหมิงเยวี่ยเพียงลำพัง ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะขัดขวางพวกเขา

 

"ชิงสุ่ย เจ้าจะไปไหน? เจ้าต้องมาเป็นผู้ช่วยของข้าก่อน"ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวด้วยความโกรธ

 

ชิงสุ่ยวางแผนเอาไว้ว่าเขาจะแสร้งทำเป็นเดินออกไปในทันที หลังจากที่ห่าวหยุนลิ่วลี่เดินจากไป และในที่สุดเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินตามชางห่ายหมิงเยวี่ยเข้าไปในครัว!!!

 

ตั้งแต่ที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยสัญญากับแม่ของเธอว่าเธอจะเป็นคนทำอาหารให้พวกท่านรับประทานเองในวันนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจปล่อยให้คนที่สามารถทำอาหารได้อย่างชิงสุ่ยหลบหนีออกไป ห่าวหยุนลิ่วลี่ยิ้มอย่างประหลาดขณะที่เธอมองดูใบหน้าแม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ย และแล้วชิงสุ่ยก็ถูกชางห่ายหมิงเยวี่ยลากตัวเข้าไปในครัว

 

"ถ้าท่านอยากจะทำอาหาร ท่านก็ควรยุติความป่าเถื่อนและหยุดการข่มเหงข้า ขอให้ท่านอ่อนโยนกับข้ากว่านี้ได้หรือไม่?"ชิงสุ่ยบ่นออกมา

 

สีหน้าของชางห่ายหมิงเยวี่ยแปลเปลี่ยนเป็นสีชมพูหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย มันทำให้เธอรู้สึกเขินอายเพราะในตอนนี้เธอนั้นกำลังอยู่ตรงหน้าแม่ของเธอเอง ซึ่งในใจของเธอเองนั้นก็คิดว่าถ้าหากชิงสุ่ยแอบหนีออกไปในตอนนี้ แล้วตัวเธอนั้นไม่มีเขา เธอจะทำอะไรได้บ้าง…….?

 

ในห้องครัว ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองหาตะกร้าผักและจัดเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมด ในขนาดที่เธอแสดงความเขินอายหลังจากที่หันไปหาชิงสุ่ย เพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไงดี

 

"เลือกมา 1 อย่าง ว่าจะให้ข้าปรุงอาหารเอง หรือว่าจะให้ข้าสอนวิธีการปรุงอาหารให้กับท่าน ถ้าหากท่านเลือกให้ข้าเป็นพ่อครัวปรุงอาหาร ข้าจะรู้สึกราวกับว่าท่านกำลังโกหกแม่ของท่านอยู่นะ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เจตนาร้าย แต่ความรู้สึกของท่านคงจะต้องเจ็บปวดยิ่งนัก….."

 

"อ่า เจ้าสอนข้าปรุงอาหารเถิด"ชางห่ายหมิงเยวี่ยจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเจ้าเด็กไม่ดีคนนี้สามารถปิดกั้นคำตอบทั้งหมดเพื่อให้เธอจำใจต้องเลือกคำตอบที่เขาวางไว้

 

"ขั้นแรกก็สวมผ้ากันเปื้อนเสียก่อน!!!"ชิงสุ่ยกล่าวสั่ง

 

ความรู้สึกของผู้หญิงที่เรียบง่ายแพร่กระจายออกมาจากตัวของชางห่ายหมิงเยวี่ย ในขณะที่เธอกำลังสวมใส่ผ้ากันเปื้อน ทุกอริยาบทของเธอดึงดูดจิตใจของชิงสุ่ยทำให้เขาหลงเสน่ห์ ใครก็ตามที่ได้ร่วมหอกับเธอ มันคงเปรียบดั่งการได้รับพรจากสวรรค์อย่างแน่นอน

 

"เป็นจัดเรียงผักทั้งหมด แยกส่วนที่เน่าลงในตะกร้านี้"ชิงสุ่ยค่อยๆกล่าวสั่งทีละขั้นตอน ในขณะที่เขาก็เพลิดเพลินไปกับความงามระดับเทพธิดาที่กำลังเคลื่อนไหวไปรอบรอบห้องครัวด้วยความพยายามจัดเตรียมอาหาร ชิงสุ่ยมักจะหลงรักหญิงสาวที่สามารถทำให้เขารู้สึกอบอุ่นจิตใจได้ เช่น หญิงสาวที่กำลังทำอาหารเพื่อครอบครัว ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมีความชอบในเหล่าหญิงสาวที่มีลักษณะเหล่านี้

 

ตราบใดที่หญิงสาวมีรูปทรงสิริงดงาม ไม่ว่าเธอจะกระทำสิ่งใด พวกเธอก็ยังคงดูดีเสมอ

 

เมื่อถึงเวลาการหั่นผัก ชิงสุ่ยก็ตระหนักได้ว่าเทพธิดาหญิงคนนี้กำลังพยายามประยุกต์การร่ายรำของเพลงกระบี่เข้ากับ มีดทำครัว มันจึงกลายเป็นความไม่คุ้นเคย เมื่อมองไปที่การเคลื่อนไหวที่ซุ่มซ่ามของเธอและรอยยิ้มบนใบหน้า มันก็ทำให้ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

"ทำไมต้องหัวเราะข้า? นี่เป็นครั้งแรกของข้า ข้าจะทำผิดบ้างไม่ได้หรือไง?"ชางห่ายหมิงเยวี่ยโกรธพร้อมทั้งใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด

 

"ดูข้าให้ดี นี่คือทักษะในการหั่นมีด" ชิงสุ่ยค่อยค่อยวางมือของเขาเหนือมือของเธอ และเริ่มต้นสอนวิธีการหั่นผัก หลังจากที่หั่นผักได้ครึ่งหนึ่งเขาก็ปล่อยมือของชางห่ายหมิงเยวี่ยออก

 

ถึงแม้การกระทำของชิงสุ่ยจะไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากเธอเลยนอกเหนือจากการผสานมือของเขากับเธอเข้าด้วยกัน แต่ผลประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่ได้นั่นก็คือการที่ร่างกายทั้งสองได้แนบชิดติดกัน ซึ่งมันก็ถือเป็นเรื่องบังเอิญ……………

 

ขั้นตอนต่อไปก็เป็นขั้นตอนที่ง่ายมาก ชิงสุ่ยเอาเครื่องปรุงและซอสปรุงรสทั้งหมดของเขาออกมาและส่งมันให้กับชางห่ายหมิงเยวี่ย มันเป็นกลิ่นหอมที่คุ้นเคยอย่างมาก นั่นก็คือกลิ่นหอมจากผลสุคนธ์มอมเมา

 

เพียงแค่กินหอมนี้ก็สร้างความหิวกระหายให้กับชางห่ายหมิงเยวี่ยมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว เมื่อผสานระหว่างเครื่องปรุงและผักที่ปรุงสุก อาหารที่เธอพยายามจัดเตรียมก็พร้อมที่จะวางบนโต๊ะอาหารแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพยายามปรุงอาหารให้กับพ่อแม่ของเธอ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความสุขและความตั้งใจอย่างแท้จริง

 

บนโต๊ะอาหาร พ่อแม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ยมองชางห่ายหมิงเยวี่ยด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ!!!

 

"เด็กตัวน้อยของพ่อ เพียงแค่พ่อเห็นรูปลักษณ์ของอาหารจานนี้ พ่อก็บอกได้เลยว่านี่จะต้องเป็นสิ่งที่ลูกปรุงขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่มันช่างน่าแปลกใจมากที่ลูกสามารถสันสร้างรสชาติที่ยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้"พ่อของชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวล้อเลียนเธอ

 

ห่าวหยุนเองก็ยิ้มกว้าง ใครกันจะเชื่อได้ว่าภาคที่ดูน่าเกลียดจะสามารถอร่อยได้มากขนาดนี้

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ย มีความสุขที่ได้เห็นปฏิกิริยาของคนอื่นๆความพึงพอใจถูกเติมเต็มเข้าไปในหัวใจของเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็หันไปยิ้มให้กับชิงสุ่ย เธอรู้สึกขอบคุณโอกาสที่เขาได้มอบวิธีการในการสร้างความสุข มันเป็นขั้นตอนแห่งความสุขที่สร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย

 

ท่ามกลางความสุข เสียงที่โหดร้ายดังออกมาจากภายนอก "ไอ้พวกคนจากตระกูลชางห่าย ไสหัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้"

 

ชิงสุ่ยสังเกตเห็นรูปลักษณ์ที่ไร้ซึ่งความสุขบนใบหน้าของชางห่ายหมิงเยวี่ย แต่เธอก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาว่า "ข้าคงจะต้องออกไปดูสักหน่อย ข้าเองก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมาเป็นเวลานานมากแล้ว ข้าสงสัยเหลือเกินว่าคนตาบอดที่ไหนกล้ามาหาพวกเราถึงหน้าประตู"

 

แม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ยยังคงยิ้มขนาดที่เธอมองดูชางห่ายหมิงเยวี่ย รอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน มันยังเต็มไปด้วยความรู้สึกไว้วางใจและคอยสนับสนุนผ่านสายตาของเธอ

 

ผู้คนมากมายเริ่มหลั่งไหลเข้ามาภายในห้องรับแขก ตอนนี้ชิงสุ่ยมองเห็นกลุ่มคนสวมชุดคลุมสีขาวพร้อมกระบี่ยาวมากกว่า 100 คน อีกทั้งยังมีชายวัยกลางคนที่มีลักษณะคล้ายผู้นำ 5 คน พวกเขาทั้งหมดอายุประมาณ 50 ปี

 

และในกลุ่มชุมชน ชิงสุ่ยก็มองเห็นหลานชายของพวกผู้อาวุโสเฟิง และชายหนุ่มวัยกลางคนคนเดิม ชิงสุ่ยมองเห็นชางห่ายหมิงเยวี่ยที่กำลังมองดูพ่อของเธอด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย

 

"ท่านปู่ คนนี้แหละที่เป็นคนทำให้สาวกของนิกายเทพกระบี่ได้รับบาดเจ็บ" เพิงฉ่าวมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยสายตาที่นับถือ ในขณะที่เขาชี้นิ้วไปทางชิงสุ่ย

 

"มันก็เป็นเพราะว่าพวกเจ้านั้นพยายามหาเรื่องพวกข้าก่อน ได้โปรดเข้าใจด้วยเถิด"ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองเห็นอีกฝ่ายมุ่งเป้าหมายไปที่ชิงสุ่ย มันจึงทำให้เธอรีบปกป้องเขา

 

"ท่านปู่ ข้าต้องการให้ชายคนนี้ตายไปซะ วันนี้ข้าจะต้องพานางกลับไปให้ได้"

 

ชิงสุ่ยเลือกมองชายที่ชื่อว่าเฟิงฉ่าว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่โง่เง่าอย่างแท้จริง เขาคิดเสมอเลยว่าคนไร้สมองเช่นนี้จะมีอยู่เพียงแค่ในหนังสือ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีอยู่ในโลกความจริงแห่งนี้ด้วย คนที่คอยกลั่นแกล้งและจับตัวหญิงสาวช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง

 

ชางห่ายเลือกมองไปที่ลูกสาวของตนเอง ในขณะที่เขาค่อยๆเอื้อมมือไปลูบศีรษะของชางห่ายหมิงเยวี่ย " เด็กน้อยของพ่อ ถ้าในอนาคตลูกเห็นกลุ่มคนโง่เช่นนี้อีก ลูกก็จงคิดว่าพวกมันนั้นเป็นเพียงแค่สุกรอ้วนรอวันเชือด ซึ่งลูกจัดการได้ง่ายๆเพียงแค่พลิกฝ่ามือสังหารพวกมันซะก็จบแล้ว"

 

ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาในขณะที่จิตใจของเขานั้นการจัดกระจาย คำพูดของชางห่ายเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่คอยกดดันเฟิงฉ่าว ความเย่อหยิ่งอันตรธานหายไป ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของชางห่าย แต่คำพูดที่เขากล่าวมาเพื่อแก้ไข เป็นคำพูดที่ชิงสุ่ยค่อนข้างชอบ

 

เพียงคำพูดของชางห่าย มันก็สามารถทำให้กลุ่มผู้นำเหล่านั้นถึงกับตกใจ จากมุมมองของชิงสุ่ยการบ่มเพาะของคนเหล่านั้นควรจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับแม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ย คืออยู่ในระดับเทวะกษัตริย์

 

ไม่เพียงแค่นั้น ชิงสุ่ยยังรู้เลยว่าหนึ่งในคนเหล่านี้จะต้องเป็นผู้อาวุโสที่มาจากนิกายเทพกระบี่ มันเพราะการแสดงออกของชางห่ายหมิงเยวี่ยค่อนข้างเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ในขณะที่เธอกอดแขนพ่อของเธอราวกับว่าเธอเป็นเด็ก

 

"เจ้าคงจะเป็นช่างห่าย ชางห่ายใช่หรือไม่?"ชายที่ถูกเฟิงฉ่าวเรียกว่า"ท่านปู่"เดินตรงออกมาข้างหน้าและกล่าวถาม

 

"ใน 30 ปีมานี้ ไม่มีใครเลยที่กล้าบุกรุกประตูบ้านอันยิ่งใหญ่ของข้า และไม่มีใครกล้าเรียกชื่อเต็มของข้าต่อหน้าข้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว"พ่อของชางห่ายหมิงเยวี่ยไม่แม้แต่จะหันไปมองชายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เขายังคงยิ้มและจ้องมองไปทางลูกสาวของเขาชางห่ายหมิงเยวี่ย

 

"ผู้อาวุโสเฟิง ผู้คนมากมายมักหลงยศฐาบรรดาศักดิ์ จนคิดว่าตัวเองสามารถหยิ่งผยองได้ ไม่เพียงแค่นั้น มีใครเคยได้ยินชื่อของชางห่าย ชางห่ายหรือไม่? ใครกันจะไม่เกรงกลัวนิกายเทพกระบี่ของข้า? ฮ่าๆๆๆ"ชายที่มีลักษณะดวงตาคล้ายเหี่ยวและจมูกที่ดูแหลมกล่าวออกมา

 

สีหน้าของชิงสุ่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงยิ้มในขณะที่ในมือเขานั้นข้างนึงถือก้อนหินเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือเข็มทองคำ

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยแม้ว่าเธอจะดูสง่างาม แต่ภายใต้ความงดงามนี้กับแฟนไปด้วยความกดดันที่รุนแรงจนชิงสุ่ยรู้สึกได้

 

"ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง พวกเจ้าคงจะหลงระเริงไปมากกว่านี้"ชางห่าย ชางห่ายยิ้มในขณะที่ร่างของเขาก็เริ่มสลายกลายเป็นเงา หลงเหลือเพียงแต่ภาพมั่วๆเอาไว้  ร่างกายของเขานั้นปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้อาวุโสเฟิงในทันที ในขณะที่มือทั้งสองของเขาขยับราวกับภาพลวงตา มันเป็นวิชาที่รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด

 

"ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

 

ในทันที ชิงสุ่ยก็มองเห็นการสำแดงฤทธิ์เดชที่ดูคล้ายกับมังกรมรกต 2 ตัวที่กำลังฉีกกระชากกันอยู่เบื้องหน้า หลังจากนั้นร่างกายของชางห่ายก็สลายหายไปและกลับมายืนอยู่ที่จุดเดิม ในสายตาของมนุษย์ทั่วไปนั้นจะมองเห็นเพียงแค่ว่าเขายังไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย

 

แต่สำหรับชิงสุ่ย การเคลื่อนไหวทุกอย่างถูกมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ว่าในตอนนี้ความเร็วของชิงสุ่ยแม้ว่าจะผนวกกับเคล็ดวิชากวางย่างก้าว ร่วมกับผลเสริมความว่องไว อีกทั้งยังมียาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็กมันก็ยังไม่อาจทำให้เขาเทียบเท่ากับความเร็วของชางห่ายผู้เป็นพ่อได้

 

ซึ่งชิงสุ่ยยังสันนิฐานอีกว่าชางห่ายผู้เป็นพ่อนั้นจะต้องมีหินอัญมณีดำระดับสูงแฝงอยู่ในร่างกายอย่างแน่นอน

 

ในตอนนั้นชิงสุ่ยเองก็รับรู้ได้ทันทีว่าเคล็ดวิชาที่ชางห่ายชางห่ายใช้ออกมาจะต้องเป็นเคล็ดวิชาฝ่ามือสังหารอัสนี ของนิกายเทวโลก เนื่องจากมันมีลักษณะคล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาได้อ่านผ่านผ่านมา แม้ว่าเป็นตอนนั้นชิงสุ่ยจะรู้สึกและคาดเดาไป แต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้องหรือไม่

 

เมื่อมองดูชายกว่า 100 คน ที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาต่างยืนแข็งทื่อราวกับหิน ผู้อาวุโสเฟิงค่อยๆล้มลงและเลือดสีแดงสดก็เริ่มไหลท่วมร่างกาย แม้ว่าชายตาเหยี่ยวที่กำลังหยิ่งพยองจากคำพูดก่อนหน้านี้ ก็เริ่มจ้องมองชางห่ายอย่างไม่น่าเชื่อ และค่อยสบถคำพูดและน้ำลายออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "เจ้ามันคนอำมหิต "

 

"อํามหิต? ฮ่าๆๆๆๆ ข้าเพียงแค่ทำลายวรยุทธของเขาซึ่งมันก็มากพอแล้ว กลับไปถามพวกบรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่ของพวกเจ้าดู แล้วเจ้าจะรู้ว่าวันนี้ข้าได้เมตตาพวกเจ้ามากขนาดไหน ค่าชดใช้ที่พวกเจ้าต้องจ่ายยังน้อยเกินไป แม้ว่าพวกเจ้าจะฝึกฝนมาอีกกว่า 10 ปีหลังจากนี้มันก็ไม่มากพอที่จะชดใช้เรื่องเหล่านี้ได้หมด"ชางห่ายกล่าวพร้อมกับหัวเราะ

 

ส่วนคนที่เหลือโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำของกลุ่มคนเสื้อคลุมขาว เมื่อพวกเขาได้ยินชางห่ายผู้เป็นพ่อกล่าวถึงบรรพบุรุษของพวกเขา มันย่อมทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว และยิ่งกว่านั้นการที่พวกเขากลับสู่นิกาย มันยิ่งทำให้พวกเขาได้รับการตำหนิ รวมทั้งคำดูถูก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สำคัญกว่าการที่พวกเขาจะต้องสูญเสียผู้อาวุโส ไปถึง 2 คนในครั้งเดียว

 

"พวกเจ้าไปได้แล้ว และอย่าคิดว่า ข้าจะเกร็งกลัวคนที่อยู่เหนือหัวพระเจ้า เจ้าบังอาจคิดที่จะแย่งชิงตัวลูกสาวของข้า ตอนนี้พวกเราควรหาวิธีเอาตัวรอดซะ ไสหัวไป ข้ายังไม่อยากสังหารเจ้าในวันนี้"ชางห่าย ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

 

"เจ้าพวกไร้ประโยชน์นี้มันเป็นเพียงแค่ขยะ เด็กหญิงตัวน้อยของพ่อจำเอาไว้ ถ้าหากลูกพบเห็นพวกมันอีก ลูกสามารถสังหารพวกมันได้เลย มันจะยิ่งทำให้ลูกปลอดภัย แล้วแต่หากลูกไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ ลูกเพียงแค่บอกพ่อ พ่อจะทำให้นิกายเทพกระบี่ของพวกมันดับสิ้นไปในทันที"ชางห่ายหัวเราะ

 

"อืม ท่านพ่อข้าเก่งที่สุดเลย"ชางห่ายหมิงเยวี่ยร้องตะโกนอย่างมีความสุข

 

ชิงสุ่ยในตอนนี้ทําได้เพียงแค่ถอนหายใจขณะที่เขามองดูความแตกต่างระดับขั้นพลัง มันเป็นความแตกต่างที่มากเกินไประหว่างระดับเทวะเซียนเทียนกับขั้นต่อไป ในวันนี้เขาได้เห็นชัดแล้วว่าระดับเทวะเซียนเทียนห่างไกลจากระดับปราณเทวกษัตริย์มากแค่ไหน แม้ว่าชิงสุ่ยจะมองไม่เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชางห่ายผู้เป็นพ่อ แต่เขาสามารถบอกได้เลยว่าผู้อาวุโสเฟิงควรอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นปราณเทวะกษัตริย์ แต่กลับโดนชางห่ายผู้เป็นพ่อลงมือเพียงแค่ครั้งเดียว นี่จึงเรียกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริง มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยมีความมุ่งมั่นและแรงจูงใจในการก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

 

ถ้าหากเขาสามารถเจ้าขึ้นสู่ความแข็งแกร่งในระดับนี้ได้ เขาคงจะสามารถไปเผชิญหน้ากับตระกูลเยียนและเหยียบย้ำพวกมันให้จมดินได้อย่างง่ายดาย และเขาก็ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้อีก แม่ของเขาได้รับความทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว ในทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ มันก็อดช่วยไม่ได้ที่ความคิดของเขานั้นจะมุ่งตรงไปหาตระกูลเยียนเพื่อแก้แค้นเพียงอย่างเดียว

 

ในเวลาเดียวกัน ชิงสุ่ยก็ยังคงพยายามคาดเดาระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชางห่ายผู้เป็นพ่อ แต่เขาก็สันนิษฐานได้ว่าแม้กระทั่งชางห่ายหมิงเยวี่ยเองก็ยังไม่รู้เลยว่าพ่อของเธอนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

 

ชายลึกลับที่มีพลังอำนาจดุจพระเจ้า การที่เขาได้มีลูกสาวเหมือนชางห่ายหมิงเยวี่ย เขาคงจะยินดีปิดกั้นฟ้าดินและลมฝนเพื่อทำให้ลูกสาวของเขาเป็นอยู่ด้วยความสุขสบาย

 

นั่นก็หมายความว่า ชายที่จะสามารถแต่งงานกับเธอได้ย่อมต้องเป็นคนที่มีลักษณะเช่นเดียวกับพ่อของเธอ ในชีวิตนี้ ชายที่จะสามารถยืนขึ้นข้างเธอได้นั้นคงจะต้องเป็นชายที่สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนเก้ามหาทวีปแห่งนี้

 

 

รีวิวผู้อ่าน