px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 223 – เจ้าจะช่วยแกล้งเป็นสามีของข้าได้หรือไม่?


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

 

บทที่ 223 – เจ้าจะช่วยแกล้งเป็นสามีของข้าได้หรือไม่?

 

เรื่องนี้ทำให้คู่ผัวเมียช่างหายทั้งมีความสุขและเป็นกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งชางห่าย หลังจากรับประทานอาหารเลิศรสที่ไม่เคยกินมาก่อนและดื่มสุราวิศิษฎ์พิสุทธิ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชายและหญิงแล้ว ชางห่ายก็เกิดความกังวลเป็นอย่างมากว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าชิงสุ่ยต้องออกเดินทางไปในวันหนึ่ง

 

ดังนั้นถ้าเขาหน้าด้านและขอบางสิ่งเพิ่มเติมจากชิงสุ่ยล่ะ ก่อนที่ชิงสุ่ยจะจากไป? สิ่งที่น่าเพลิดเพลินนี้ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องหมดไป ตอนนี้ชางห่ายรู้สึกเสียใจที่เค้าไม่ได้หน้าด้านมากพอที่จะขอสูตรสุราวิศิษฎ์พิสุทธิจากชิงสุ่ย ตอนนี้ความหวังทั้งหมดของเขาผู้ฝากฝังไว้บนไหล่ของลูกสาว

 

ถ้าชิงสุ่ยกลายเป็นลูกเขย ลูกสาวของเขาก็เหมือนกับได้แต่งงานกับสามีที่ดีและชางห่ายก็สามารถเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสได้ทุกวันเช่นกัน

 

จากพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งของชางห่าย ก็พอจะเดาได้แล้วถึงสิ่งที่ชายชราอายุ 60 ปี คนนี้คิดเกี่ยวกับการได้รับผลกำไรและการสูญเสียความเยือกเย็นของเขาต่อท่าทีของคนที่มีอายุน้อยกว่า เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวพลาดโอกาสดีๆ ซึ่งมันอาจจะทำให้เขาและภรรยามีความสุขได้

 

"ท่านผู้อาวุโสพอจะรู้หรือไม่ ว่าใครเป็นผู้ครองเมืองเครื่องเรือนเมฆามรกต?" หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารเสร็จ ชิงสุ่ยก็ถามชางห่ายอย่างอยากรู้อยากเห็น ชิงสุ่ยคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ครองเมืองจะมาจากนิกายเทพกระบี่ นิกายสราญรมย์ หรือราชนิกูลจักรพรรดิอสูร

 

ชางห่ายไม่แปลกใจเมื่อได้ยินคำถามของชิงสุ่ย เขามองไปที่ชิงสุ่ยพร้อมกับหัวเราะและตอบว่า "คนผู้หนึ่งที่มีอำนาจมาก ชิงสุ่ยเจ้าต้องเข้าใจก่อนว่า ในภูมิภาคนี้นิกายเทพกระบี่ นิกายสราญรมย์ หรือราชนิกูลจักรพรรดิอสูรอาจจะดูว่ามีอำนาจมาก แต่นี่เป็นเพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น ยังคงมีพลังอำนาจมากมายบางอย่างที่มีอยู่ในคนๆเดียวและมันเป็นเรื่องธรรมดามาก"

 

หลังจากได้ยินคำพูดของชางห่ายแล้ว ชิงสุ่ยก็สามารถอนุมานได้ว่านิกายเทพกระบี่และพวกที่เหลืออื่นๆไม่ได้อยู่ในสายตาของชางห่ายเลยแม้แต่น้อย จากคำพูดของชางห่าย ชิงสุ่ยสามารถคาดเดาได้ว่าพลังอำนาจที่สูงส่งเหล่านั้น อาจจะเป็นปรมจารย์บางท่านที่เลือกที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นสามัญชนคนธรรมดา

 

"ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านผู้อาวุโสพอจะแจ้งให้ข้าทราบถึงตัวตนของผู้ที่มีพลังอำนาจเหล่านี้ได้หรือไม่? ในอนาคตข้าจะจดจำและหลีกเลี่ยงพวกเขา" ชิงสุ่ยถามออกไปอย่างลวกๆในขณะที่เขากำลังดื่มชา

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ทั้งสองหันมองไปทางชางห่าย

 

"ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับคนที่ข้ารู้จัก แต่ถ้าเจ้าต้องการรู้จักพวกเขาทั้งหมด แน่นอนว่าข้าไม่คิดว่าจะมีใครรู้ บางทีเจ้าอาจจะไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เหล่าปรมจารย์พวกนั้นอาจจะเป็นคนขายปลาตามท้องถนนที่เจ้าเดินผ่าน" ชางห่ายหัวเราะ

 

"รอบๆภูมิภาคนี้หอคอยกระบี่เป็นสิ่งที่มีพลังงานเอ่อล้นอยู่มากมายและการมีอยู่ของมันก็เป็นเรื่องลึกลับ หอคอยกระบี่มีผู้คนอาศัยอยู่เพียงน้อยนิดและพวกเขาทั้งหมดก็แข็งแกร่งมาก ชื่อเสียงเคล็ดวิชากระบี่ของพวกเขาเป็นที่เลื่องลือและดังไปไกลมาก อย่างไรก็ตามกลุ่มคนพวกนี้ค่อนข้างลึกลับจริงๆ พวกเขาจะเปิดหอคอยทุกๆสองปีเพื่อทำการทดสอบและค้นหาผู้ที่สนใจจะเข้าร่วม ตราบเท่าที่มีคนที่สามารถไปถึงชั้นที่ 9 ของหอคอยได้ พวกเขาจะได้รับสมบัติอันล้ำค่ากลับมา" ชางห่ายตอบ

 

"หอคอยกระบี่? ท่านพ่อหมายถึงหอคอยไม้ไผ่เก้าชั้นใช่หรือไม่?" ชางห่ายหมิงเยวี่ยถามด้วยความประหลาดใจ

 

"ใช่หอคอยไม้ไผ่ อย่างไรก็ตามไม้ไผ่นั้นไม่ใช่ไม้ไผ่ธรรมดา แต่เป็นไม้ไผ่ดวงจิตอินทนิลจากทะเลทิศทักษิณาและมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า"

 

“ท่านผู้อาสุโส เหตุใดพวกเขาจึงต้องจัดให้มีการทดสอบดังกล่าว? "ชิงสุ่ยยังไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าพวกเขาเป็นนิกายที่มีพลังอำนาจ ก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงสร้างปัญหาจากการดึงผู้คนภายนอกไปเข้าร่วม อย่างไรก็ตามหอคอยกระบี่ก็ยังนับว่ามีจำนวนคนอยู่น้อยมาก และถ้าผู้สนใจเข้าร่วมผ่านด่านการทดสอบก็จะได้รับของล้ำค่าจากพวกเขาอีกด้วย พวกเขากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?

 

ชางห่ายส่ายหัว "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางสิ่งบางอย่างอาจจะทำลงไปโดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆมารองรับ"

 

"ท่านผู้อาวุโสเคยเข้าไปทดสอบที่หอคอยกระบี่มาก่อนหรือไม่?" ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก

 

"ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าข้าเคยพยายามเข้าไปทดสอบที่นั่น สักประมาณห้าสิบปีที่แล้ว" ชางห่ายหัวเราะ

 

"ก่อนหน้านี้ ท่านผู้อาวุโสสามารถผ่านขึ้นไปถึงชั้นที่เท่าไหร่หรือ?" ชิงสุ่ยถามอย่างใจจดใจจ่อ ชิงสุ่ยอยากรู้หอคอยกระบี่นั้นจะมีความแข็งแกร่งแค่ไหน

 

"ชั้นที่สอง" ชางห่ายตอบ

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจ ช่วงเวลา 50 ปีที่แล้วอย่างน้อยชางห่ายก็น่าจะอยู่ที่ระดับผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนเป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตามเขากลับไปถึงแค่ชั้นที่สอง? หอคอยนี้มีแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน?

 

"ท่านผู้อาวุโสในห้าสิบปีที่ผ่านมานี้ ท่านไม่ได้ลองไปทดสอบดูอีกครั้งเลยหรือ" ชิงสุ่ยถามต่อ เขาต้องการทราบว่าเขาสามารถไปที่ระดับชั้นเดียวกับชางห่ายได้หรือไม่

 

"ข้าเคยไปลองอีกครั้งเมื่อสามปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามข้าจะไม่บอกผลลัพธ์ของการทดสอบแก่เจ้า" ชางห่ายยิ้ม

 

"ท่านพ่อบอกพวกเราเถอะ เราจะไม่บอกคนอื่น ข้าเองก็อยากรู้ด้วย" ชางห่ายหมิงเยวี่ยกอดแขนของชางห่ายขณะที่เธอบุ้ยปากถามด้วยความอยากรู้

 

"ไม่มีทาง ถ้าข้าบอก พวกเจ้าก็จะคิดว่าข้าโกหก เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดข้าจะไม่บอกเด็ดขาด ข้าไม่ต้องการให้ลูกสาวกล่าวหาว่าข้าเป็นคนโกหก" ชางห่ายหัวเราะขณะที่เขาตอบชางห่ายหมิงเยวี่ย

 

"ฮื่ม ท่านพ่อใจแคบ" ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบกลับด้วยความหงุดหงิด

 

ช่วงบ่ายในวันถัดมา ชิงสุ่ยไม่ได้ออกไปไหน แต่เลือกที่จะอยู่คนเดียวในห้องแทน ชิงสุ่ยชอบความโดดเดี่ยวและเงียบสงบ เฉพาะในช่วงเวลาดังกล่าวเขาจะสามารถเรียงลำดับความคิดของเขาและคิดถึงสิ่งต่างๆได้ดี

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้รับความสงบสุขและเงียบสงบ สองหญิงสาวก็เดินเข้ามาในห้องของเขา พวกเขาต้องการที่จะลากเขาออกไปทานอาหารเช้าและออกไปเดินเล่นตามท้องถนน ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ชิงสุ่ยได้ตระหนักว่าเขาคุ้นเคยกับชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ขึ้นมาก

 

"ชิงสุ่ย, เจ้ากำลังวางแผนที่จะท้าทายหอคอยกระบี่อยู่หรือไม่?" ห่าวหยุนถามออกไปลวกๆหลังจากที่เธอเดินเข้ามาในห้อง

 

"ทำไม? เจ้าเป็นห่วงข้าเหรอ?" ชิงสุ่ยยิ้ม ชิงสุ่ยรู้ว่ามันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้หยอกล้อกับห่าวหยุน

 

"ใครเป็นห่วงเจ้า? ไปลงนรกซะ!" ห่าวหยุนลิ่วลี่กวาดสายตาไปทางชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยค้นพบว่าความเข้มแข็งทางจิตของเขาตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต แม้กระทั่งเมื่อได้เห็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ของชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ เขาก็สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้ ถ้าเป็นอดีตเขาคงต้องสูญเสียการควบคุมตัวเองไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงมีแรงกระตุ้นจากภายในที่ต้องการจะกระโจนไปกอดหรือกดตัวเองลงบนร่างอันนุ่มนวลของพวกเธอ

 

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชิงสุ่ยก็เป็นคนที่มักจะได้ลิ้มรสชาติของสุภาพสตรีก่อนเสมอ เช่นเดียวกับแมวที่รายล้อมเต็มไปด้วยหญ้าแมว หลังจากที่รู้รสชาติของหญิงสาวแล้ว ชิงสุ่ยก็ยังปรารถนาที่จะลิ้มรสมันซ้ำๆอีกครั้ง

 

"ชิงสุ่ย ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริงๆ นี่คือเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้" ชางห่ายหมิงเยวี่ยกล่าวด้วยความอ้ำอึ้ง

 

เมื่อมองไปที่พฤติกรรมของชางห่ายหมิงเยวี่ย ชิงสุ่ยค่อนข้างงงงวย เธอต้องการให้เขารักษาเธอหรือ? เธอป่วยเป็นโรคหรืออาการอื่นๆทางการแพทย์หรือไม่?

 

ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่ชางห่ายหมิงเยวี่ย เขาจ้องมองอยู่เป็นเวลานานและเริ่มใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ยังรู้สึกตกใจ สภาพร่างกายของชางห่ายหมิงเยวี่ยอยู่ในสภาพสมบูรณ์และดูเหมือนจะไม่มีอาการป่วยหรือโรคใดๆทางการแพทย์

 

"เจ้าดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอะไรหรือมีจุดซ่อนเร้นบางแห่งที่น่าอึดอัดใจอย่างเช่นก้นหรือที่อื่นๆที่ไม่สบายใจหรือไม่? พวกเราเป็นสหายกัน ข้าจะช่วยเจ้าเอง ฮ่าฮ่า ข้าไม่โอ้อวด แต่ทักษะทางการแพทย์ของข้านั้นล้ำลึกทีเดียว" ชิงสุ่ยล้อเลียนเธอ เพื่อพยายามที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น

 

"ไปตายซะ ไอคนบ้า เจ้าพูดอะไรไร้สาระ..." ชางห่ายหมิงเยวี่ยเกิดความเอียงอาย ก่อนหน้านี้เธอระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้เพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ แต่ตอนนี้เธอสามารถระบายมันออกมาได้และไม่จำเป็นต้องระงับคำพูดใดๆของเธอ

 

ชิงสุ่ย ไม่ได้คาดคิดว่าการปรากฎตัวอันสง่างามและน่าเกรงขามของหญิงสาวที่ยืนอยู่เหนือแร้งอสนีปีกทองคำคนนี้ จะมีด้านที่เหมือนเด็กผู้หญิงซ่อนอยู่ในตัวเธอ ความรู้สึกของความงดงามนี้ได้ทำให้เขาหลงใหลอยู่ในใจ

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยเอียงศีรษะของเธอ ขณะที่ดวงตาสีดำอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความชื้นแฉะ

 

"เจ้าต้องการอะไร? ตราบเท่าที่พ่อของเจ้าไม่ได้บังคับให้ข้าแต่งงานด้วยก็ไม่เป็นไร" ชิงสุ่ยยังคงล้อเลียนต่อไป

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกตะลึง ในขณะที่หัวใจเต้นเร็วขึ้น

 

"ดะ... ได้ไหม ... เจ้า... ช่วยแกล้งทำเป็นสามีของข้าในวันพรุ่งนี้จะได้หรือไม่?" เสียงของชางห่ายหมิงเยวี่ยค่อนข้างสั่นและแผ่วเบา ขณะที่เธอพูดและรีบก้มหน้าหลบตา เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ดังเช่นความเป็นอมตะกำลังพูดคุยกับเขาอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ไม่เพียงแค่นั้นคำพูดของเธอยังสามารถทำให้ใครคนหนึ่งจินตนาการไปไกลเตลิดเปิดเปิงได้

 

“แกล้ง? เจ้าหมายถึงอะไร ทำเป็นว่าเรา….? ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถเป็นคนรักจริงๆของเจ้าเลยก็ได้!" ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาดังๆ

 

บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกผ่อนคลายของชิงสุ่ย ดูเหมือนว่าความอึดอัดใจของชางห่ายหมิงเยวี่ยก็ค่อยๆหายไป หญิงสาวเช่นเธอ การที่เธอจะเอ่ยปากขอร้องเรื่องดังกล่าวนั้น มันก็ย่อมต้องมีความหมายหรือเหตุผลแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ชิงสุ่ยไม่ถามเหตุผลอะไรใดๆ แต่เพียงแค่ต้องการจะช่วยเหลือและแบ่งเบาปัญหาภาระของเธอ

 

"ฮึ่ม, นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจริงจัง..." ชางห่ายหมิงเยวี่ยบ่น

 

"ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก บอกข้าว่าเจ้าต้องการอะไร ก่อนหน้านี้ข้าแค่เพียงล้อเล่น แม้ว่าพ่อของเจ้าต้องการจะบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า แต่ข้าก็ไม่ขัดข้องอะไรเช่นกัน" ชิงสุ่ยตอบ

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยมองไปที่ชิงสุ่ย ก่อนจะตอบว่า "พรุ่งนี้เพื่อนสนิทของท่านพ่อจะเดินทางมาหา ไม่เพียงแค่นั้นเขาจะนำลูกชายของเขามาร่วมสนทนาเรื่องการแต่งงานกับข้าด้วย"

 

"เจ้าไม่ชอบเค้าหรือ?" ชิงสุ่ยยิ้มแย้ม

 

"แน่นอนข้าไม่ชอบเขาเลย" ชางห่ายหมิงเยวี่ยออกไปในทันที

 

"จริงๆแล้วอารมณ์ความรู้สึกของความรัก อาจจะค่อยๆหล่อเลี้ยงผลิดอกขึ้นมาหลังจากการแต่งงานของพวกเจ้า..." ชิงสุ่ยพูดเหมือนคนฉลาด ขณะที่เขาพยักหน้าไปหาชางห่ายหมิงเยวี่ย

 

หลังจากความเงียบบางอย่างแล้ว ชิงสุ่ยก็หัวเราะออกมาและพูดว่า "เอาล่ะ ข้าจะหยุดยั่วยุเจ้า บอกข้ามาเถอะว่าข้าควรทำอย่างไร ข้าจะช่วยอะไรได้บ้าง? หญิงสาวที่งดงามอย่างเจ้าน่าจะต้องอ่อนโยนต่อข้ามากขึ้นและดูแลเอาใจใส่ชายหนุ่มคนนี้ใช่หรือไม่?”

 

ชางห่าย หมิงเยวี่ย  "........."

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยค้นพบว่าเธอไม่สามารถต่อกรอะไรกับชิงสุ่ยที่อยู่ตรงหน้าได้เลย กี่ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าที่จะทำตัวไม่สุภาพต่อหน้าเธอ? ปากของเด็กผู้ชายคนนี้ช่างกล้าอะไรยิ่งนัก

 

ห่าวหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด เธอทำให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น

 

“พรุ่งนี้เจ้าจะต้องแกล้งทำเป็นตัวเป็นสามีของพี่สาวหมิงเยวี่ย เราจะบอกว่าพวกเจ้าทั้งคู่แต่งงานกันแล้ว ด้วยวิธีนี้พวกขาก็น่าจะหยุดจินตนาการถึงงานแต่งงานที่ฝันไว้" ห่าวหยุนลิ่วลี่หัวเราะคิกคัก

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยพาห่าวหยุนมาด้วยในวันนี้ เพื่อที่ต้องการจะให้เธออยู่เคียงข้างกัน ชางห่ายหมิงเยวี่ยจะได้มีความกล้าที่จะพูด!

 

"ผ่อนคลายเถอะ แต่ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าอย่างไร? หมิงเยวี่ย, เยวี่ยเยวี่ย, ที่รัก, จอมใจ..." ชิงสุ่ยยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเขาพูดสิ่งที่คิดออกมา

 

ช่วงเวลาที่ชางห่ายหมิงเยวี่ย ได้ยินคำว่า 'เยวี่ยเยวี่ย' เธอไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าแบบใดออกมาเลย ประโยคถัดไปของชิงสุ่ยที่เธอคิดก็ดังกึกก้องขึ้นมาในใจของเธอทันที "เยวี่ยเยวี่ยเราไปกันเถอะ ถึงเวลาให้นมลูกของเราแล้ว!"

 

"ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเรียกข้าอย่างไร แต่เจ้าควรทำหน้าที่ให้ดี เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ฉกฉวยโอกาสหรือผลประโยชน์อะไรจากข้า" ชางห่ายหมิงเยวี่ยหายใจเข้าอย่างแรงขณะที่เธอจ้องไปที่ชิงสุ่ย

 

"อ่า อืม... มันอาจจะมีปัญหาได้ ถ้าเราไม่ได้ปรากฏตัวออกไปเหมือนคู่รัก มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้พวกเขาเชื่อถือได้ไม่ใช่หรือ?" ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาอย่างจริงจัง

 

"งั้น... เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวร้าวหรือล่วงเกินข้าเกินไป" ชางห่ายหมิงเยวี่ยเอียงอายอีกครั้ง ขณะที่เธอก้มหน้าหลบตา

 

"เยวี่ยเยวี่ย, บางทีเราควรจะคิดถึงวิธีที่เจ้าจะพูดกับข้า เพื่อทำให้พวกเขาเลิกคิดฝันถึงเจ้าดูนะ" ชิงสุ่ยกล่าวเสริม

 

"อืม ... สามี?"

 

"ใช่? เยวี่ยเยวี่ยคิดถึงข้าเหรอ?" ชิงสุ่ยหัวเราะคิกคัก

 

เหมือนมีเมฆหมอกควันบังตาชางห่ายหมิงเยวี่ย ขณะที่เธอรีบดึงห่าวหยุนออกจากห้อง

 

ขณะที่พวกเขาเดินจากไป ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เขายืนอยู่ที่หน้าต่างจ้องมองตามหลังหญิงสาวทั้งสองไป ใครจะคิดว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยจะทำตามคำร้องขอของเขา?

 

การกระทำแบบนี้ เช่นการทำร้ายคนอื่นและไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเอง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขามักจะทำ แม้ชางห่ายหมิงเยวี่ยจะไม่ใช่ผู้หญิงของเขา แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจจะช่วยเธอ

 

ในตอนบ่ายชิงสุ่ยเหลือบไปมองรอบๆห้องของเขาและในที่สุดเขาก็เอาจิตรกรรมภาพเขียนพยัคฆ์ออกมา ชิงสุ่ยวางมันไว้บนเตียงและวิเคราะห์ภาพเขียนอย่างพิถีพิถัน

 

ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุเคล็ดวิชารูปแบบพยัคฆ์ขั้นสมบูรณ์แล้ว แต่ชิงสุ่ยก็ได้ค้นพบว่ามันยังสามารถช่วยในการปรับปรุงและพัฒนาการใช้เคล็ดวิชากวางย่างก้าว ของเขา การฝึกฝนเคล็ดวิชารูปแบบพยัคฆ์ของเขา แม้ว่ามันจะอยู่ในขั้นสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังสามารถเพิ่มพูนความสามารถต่างๆเข้าไปได้อีกด้วย ชิงสุ่ยสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากเขาบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ มันอาจเป็นไปได้ว่าขั้นสมบูรณ์ของเขาอาจจะไม่ใช่ระดับที่แท้จริง? ไม่แน่ว่าหลังจากนี้เขาอาจจะเข้าใจถึงเคล็ดวิชาขั้นสมบูรณ์ที่แท้จริง

 

ชิงสุ่ยใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายศึกษาภาพเขียนรวมทั้งทั้งกลิ่นอายของพยัคฆ์ที่แผ่กระจายออกมา เขาหมกมุ่นอยู่กับแนวคิดของภาพเขียนนี้

 

ในเวลากลางคืนชิงสุ่ยก็ได้ทราบว่าคู่ผัวเมียชางห่ายต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องที่เขาตกลงกับชางห่ายหมิงเยวี่ย เพราะพวกเขาไม่ต้องการบังคับลูกสาวของเขา ถ้าเพื่อนสนิทของเขามาจริงๆ ชางห่ายก็คิดว่ามันยากที่จะปฏิเสธเพื่อนของเขาด้วย เนื่องจากมิตรภาพของพวกเขามีมายาวนานหลายทศวรรษ

 

"ชิงสุ่ยระวังวันพรุ่งนี้ไว้ ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 8 แน่นอนเขาจะต้องท้าทายเจ้า เจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" ชางห่ายถาม

 

เมื่อได้ยินคำพูดของชางห่าย ชิงสุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 8 เทียบได้กับราชันย์สงครามแห่งนิกายกระบี่นภา - กงซุนซานเชียน ชิงสุ่ยถอนหายใจเล็กน้อย ทำไมเพื่อนของชางห่ายถึงแข็งแกร่งมากเช่นนี้? แม้แต่ลูกหลานของพวกเขาก็มีระดับสูงขนาดนี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชิงสุ่ยอยากรู้เรื่องราวของชางห่ายมากขึ้น

 

"จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าทำร้ายเขาในวันพรุ่งนี้?"  ชิงสุ่ยยิ้มตอบ

 

"อืม ตราบเท่าที่เจ้าไม่ฆ่าเขา แม้จะมีการบาดเจ็บ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายนัก" ชางห่ายถอนหายใจ

 

การตอบกลับนี้ทำให้ชิงสุ่ ตกตะลึงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว

 

อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาอยู่ในระดับกงซุนซานเชียน เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก จากเรื่องทั้งหมดเขาก็ยังมีอาวุธที่ซ่อนอยู่ทั้งกระบี่ดารายุพฆาตและคลื่นสะท้านที่สามของฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน......

 

 

รีวิวผู้อ่าน