px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 231 – ทักษะการขึ้นรูปแบบโบราณ และทักษะศักดิ์สิทธิ์!


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 231 – ทักษะการขึ้นรูปแบบโบราณ และทักษะศักดิ์สิทธิ์!

 

ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ!

 

ชิงสุ่ยยังคงอยู่ในอาการมึนงง มันสามารถเพิ่มคุณสมบัติขึ้นหรือ?

 

ในขณะนี้ชิงสุ่ยนั้นมีความสุขอย่างมาก ตอนแรกเขารู้สึกเสียใจมี่เขาฟาดค้อนลงไปได้แค่999ครั้ง แต่ไม่สามารถฟาดค้อนที่1000ลงไปได้มันคือ "ความล้มเหลว"

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นการเพิ่มขึ้นของคุณสมบัติที่สามารถเพิ่มความคล่องแคล่วได้ มันก็ทำให้ความรู้สึกของชิงสุ่ยที่กำลังเศร้าสร้อยเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา ด้วยทักษะเนตรสวรรค์ทำให้เขาสามารถมองเห็นคุณสมบัติที่เพิ่มเติมขึ้นมาได้

 

 

 

ชิงสุ่ย แน่ใจว่าคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมานี้เป็นผลจากทักษะการขึ้นรูปแบบโบราณของเขา เนื่องจากเขาไม่พบคุณสมบัติพิเศษใดๆ กระบี่หรือดาบต่างๆมาก่อน กระบี่เล่มนี้ได้รับการพิจารณาแล้วว่ามันถูกทำให้มีคุณภาพที่ขึ้นดีมาจากทักษะการขึ้นรูปแบบโบราณ

 

หลังจากที่พิจารณามันเป็นเวลานานชิงสุ่ยได้ยกศีรษะของเขาขึ้น และได้เห็น หมิงเหวี่ย และ ลิ่วลี่ที่กำลังจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ พวกเธอสามารถบอกได้ว่าอาวุธที่หยาบๆในมือของชิงสุ่ยนั้นดีกว่าอาวุธใดๆ ในร้านนี้แห่งนี้ ความน่าเกรงข้ามจากแสงที่ไดเปล่งประกายออกมา มันเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา มันเป็นแสงที่มีเพียงอาวุธที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมเท่านั้นที่สามารถแสดงออกมา

 

"เจ้ามันเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ" เธอได้เขาจับที่กระบี่หยกที่ยาว 3 ฟุตและกล่าวด้วยความประหลาดใจ ลิ่วลี่กล่าวเพื่อต้องการให้ ชิงสุ่ยนั้นดูคล้ายสัตว์ประหลาด

 

เมื่อเธอคว้าลงบนกระบี่หยก เธอจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยอีกครั้งและหันไปมองที่กระบี่หยก จากนั้นก็หันไปมองหมิงเหวี่ย"พี่สาว หมิงเหวี่ย ลองดูกระบี่เล่มนี้สิ  มันรู้สึกพิเศษมาก ๆ "

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าความรู้สึกที่เธอกล่าวถึงคือความสามรถที่เพิ่มความคล่องตัวขึ้น  ชิงสุ่ยคุณสมบัติที่พิเศษนั้นได้ถูกส่งเข้าไปหาผู้ใช้งานผ่านทางประกายแสงที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน  กระบี่หยกก็เป็นของเช่นเดียวกับหินที่มีความลึกลับ

 

หมิงเหวี่ยจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย แบบเดียวกับลิ่วลี่ ผู้ชายคนนี้มักจะทำให้คนอื่นประหลาดใจอยู่เสมอ เมื่อจบลงที่มันเธอรู้สึกถึงความพิเศษของมันได้ทันที  ถึงแม้จะใช้เวลานานในการพิจารณา แต่เธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันสามารถแสดงออกมาได้จากอาวุธล้ำค่าเท่านั้น

 

ในการต่อสู้จริง สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้หลากหลายวิธีหนึ่งนั้นคือ "การใช้ความเร็ว" เมื่อเธอได้ใช้ความเร็วถึงขีดจำกัด มันทำให้จุดอ่อนของเธอได้แสดงออกมา ... เธอรู้สึกได้ถ้าเธอใช้มันจุดอ่อนของเธอจะหายไป ความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์นี้มาจากอาวุธของพระเจ้าเท่านั้น

 

"ข้าสามารถมีกระบี่ชั้นยอดแบบนี้ได้ไหม? เมื่อข้าใช้มันร่ายรำเพลงกระบี่ มันทำให้ข้ารู้สึกดีมาก ๆ เธอจับมันอย่างแน่น "ลิ่วลี่ ยิ้มอย่างนุ่มนวลและกล่าวออกมา

 

"อืม ในอนาคตข้าจะสร้างกระบี่ที่ดียิ่งขึ้นให้เจ้า" ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข เขารู้สึกพอใจอย่างมาก มนุษย์มีความสุขกับการได้รับคำชมเชย แม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่เหนือกว่าใครๆ

 

 

ชิงสุ่ยรู้สึกดีมาเมื่อมีผู้หญิงที่มีความงามขั้นสามารถทำให้อาณาจักรล่มสลายกำลังชมเขาอยู่!

 

มันเป็นเพียงช่วงเวลาที่ฮูยู พึมพำในด้วยความงุนงง "ทักษะศักดิ์สิทธิ์ ... "

 

ชิงสุ่ยเมื่อเห็นฮูยู มีพฤติกรรมดังก้าว ราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าเชื่ออย่างมาก เขาได้พึมพำออกมาว่า “ทักษะศักดิ์สิทธิ์”  หัวใจของชิงสุ่ยได้สั่นสะเทือนอย่างมากกับคำๆนี้ มันอาจเป็นได้ว่าฮูยู กำลังหมายถึงทักษะการขึ้นรูปแบบโบราณของเขา?

 

"ทักษะศักดิ์สิทธิ์”  ?" ชิงสุ่ย ถามเขาอย่างแปลกใจ

 

คำถามของชิงสุ่ยทำให้ฮูยูหลุดอออกมาขาภวังค์  แล้วมองไปที่ชิงสุ่ยการแสดงออกดังกล่าวเป็นการระงับความคิดบางอย่างไว้ จากนั้นเขาก็บอกว่า

 

"ตระกูลของข้านั้นได้รับเชื่อสายมาจากช่างตีเหล็กโบราณ แต่ท่านปู่ของข้าได้ปฏิเสธที่จะรับช่วงต่อ จึงทำให้ร้านของข้ากลายเป็นเพียงร้านเล็กเท่านั้น อย่างไรก็ตามทักษะช่างตีเหล็กของท่านปู่ของก็ยังคงยอดเยี่ยม และเขามีความรู้เกี่ยวกับทักษะการขึ้นโลหะของช่างตีเหล็กโบราณเล็กน้อย เขาได้เคยบอกข้าว่าการดำรงอยู่ของทักษะดังกล่าวเป็นดังตำนานถึงตอนนั้นข้ายังเล็กอยู่แต่ข้าก็จำมันอย่างดี " มันพูดดังกล่าวมันจารึกอยู่ในจิตใจของเขา ขณะที่เขามองไปที่ชิงสุ่ยทำให้ภาพในตอนนี้ปรากฏขึ้นมา

 

ท่านปู่บอกว่าในโลกของเก้าทวีปมีทักษะการขึ้นรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่ มันเป็นทักษะที่ช่างโลหะทุกคนฝันถึงในชีวิตของพวกเขาทุกคน ท่านปู่ยังกล่าวอีกว่าในโลกของเก้าทวีปอาวุธที่อยู่บนจุดสูงสุดจะมี "ความสามารถที่พิเศษ" ที่ได้รับมาจากทักษะศักดิ์สิทธิ์"

 

"ทักษะศักดิ์สิทธิ์? เป็นไปได้หรือไม่ที่มีเพียงพระเจ้าที่สามารถสร้างอาวุธเช่นนั้นได้ "ชิงสุ่ยยิ้มและถามอย่างมีความสุข ชิงสุ่ย รู้ว่าทักษะการขึ้นรูปโบราณของเขา มีจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะคล้ายคลึงกับทักษะศักดิ์สิทธิ์ในโลกของเก้าทวีป

 

อย่างไรก็ตามคนอื่น ๆ ที่ไม่มีทักษะเนตรสวรรค์ไม่มีทางที่จะมองเห็นคลื่นพลังที่แพร่กระจายออกมาจากอาวุธได้ เว้นแต่ว่าพวกเขามีประสบการณ์ที่มากมายหรือมีความรู้สึกทางจิตวิญญาณแข็งแก่รงพอที่จะรู้สึกถึง "คลื่นพลัง" จากอาวุธได้!

 

"แสงที่ส่องออกมาหลังจากที่เจ้าทำมันสำเร็จ เรียกว่าเปลวเพลิงแห่งพระเจ้า เป็นแสงที่เป็นสิ่งที่ช่างตีเหล็กจำนวนมากปรารถนาต้องการจะเห็น ความสว่างที่ปรากฏขึ้นเมื่ออาวุธเสร็จสมบูรณ์คือตัวปล่งบอกความสำเร็จ แต่ในตอนนี้ประกายแสงของเจ้ายังอยู่ในระดับต่ำสุด "ฮูยูมีมั่นใจอย่างมาก เมื่อพูดถึงสิ่งต่างๆเกี่ยวกับช่างตีเหล็ก

 

หลังจากได้ยินคำพูดของฮูยูแล้วหมิงเหวี่ยและลิ่วลี่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหมิงเหวี่ย เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ดูสง่างามอย่างมาก ในขณะที่รูปลักษณ์ของเขาไม่สามารถเทียบได้กับเทพบุตรแต่เขาก็ยังคงดูดีอย่างมาก เขาก็มีสายตาที่ดูดีและสายตาที่อบอุ่น เขาดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เขาเป็นผู้ชายที่ไม่อาจเกลียดลงได้

 

ตอนแรกเธอคิดว่าที่ชิงสุ่ยสามารถเข้าใกล้ลิ่วลี่ได้เพราะรูปลักษณ์ของเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอเห็นสิ่งที่เขาหยิบออกมาให้ลิวลี่ มันทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก พวกมันเป็นผลไม้ที่หายากมาก ซึ่งจะสุกเมื่อครบทุกร้อยปีในโลกของเก้าทวีป และสำคัญที่สุดคือเขายังเป็นผู้ฝึกตนเซียนเทียน ที่อายุน้อยมากและยังเป็นนักปรุงยาอีกด้วย และเขาได้สร้างสิ่งที่หน้าแปลกใจเมื่อพวกเขาอยู่ที่บ้านของเธอ ที่แม้แต่พ่อของเธอก็ไม่จะทำได้ ...

 

เขาครอบครองวัตถุดิบที่ทำให้ใครต้องอิจฉา และตอนนี้อาวุธที่หยาบๆที่เขาทำสำเร็จในครั้งแรก มันได้ถูกสร้างขึ้นด้วยทักษะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่างโลหะทุกคนใส่ฝัน  ในขณะนี้หมิงเหวี่ยรู้สึกว่าคลื่นพลังที่ออกมาจากตัวของชิงสุ่ยนั้นรุ่นแรงมากขึ้น  สิ่งต่างๆที่เขาเป็นเจ้าของอาจทำให้คนอื่นคลั่งไคล้ได้ และเขาบรรลุถึงขั้นที่คนอื่นๆอาจไม่สามารถฝันถึงแม้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทอย่างหนักตลอดชีวิต

 

เขายังเป็นชายหนุ่มที่มีความสารถในการต่อสู้ที่เธอไม่คุ้นเคยในดินแดนแห่งนี้ แม้ว่าเธอจะทุ่มเทในการฝึกฝนเท่าไร แต่เธอก็สามารถบรรลุจุดๆนั้นได้ เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันๆทำให้แทบจะกลืนน้ำลายไม่ลง

 

ชิงสุ่ยเตรียมวัสดุอื่น ๆ เพื่อใช้หลอมและเริ่มทำกระบี่หยกอีกครั้ง ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับครั้งที่สองของเขา คราวนี้การควบคุมและความมั่นใจของเขาดีกว่าครั้งแรกของเขา อย่างไรก็ตามยังดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่เล็กน้อย

 

เปล๊ง เปล๊ง!

 

เสียงที่คมชัดดังขึ้น  ชิงสุ่ยได้เข้าสู่สถานะที่เหมือนฝันอีกครั้ง เขายังคงใช้ค้อนตีต่อไป ชิงสุ่ยตระหนักว่าเขากำลังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่เขากำลังมองไปที่ชิ้นงานที่ทำจากมือของตัวเอง เขายังคงสนุกกับช่วงเวลาที่เขาได้ทำมันอยู่ตอนนี้

 

หญิงสาวทั้งสองคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและยิ้มอย่างขมขื่น ชิงสุ่ยนั้นยากที่จะเปรียบเทียบกับช่างตีเหล็กผู้ชายที่ดูแข็งแรงคนอื่นๆ คนเหล่านั้นมีกล้ามเนื้อที่ปูดโปนออกมาใหญ่โตต่างกับชิงสุ่ยโดยสิ้นเชิง

 

พวกเธอมองไปที่ชิ่งสุ่ยซึ่งกำลังฟาดค้อนลงไปอย่างต่อเนื่อง การกระทำที่ตรงไปตรงมาแต่เต็มไปด้วยพละกำลังของเขามันแสดงออกถึงความรู้สึกที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ซึ่งมันเป็นสิ่งน่าสนใจมาก

 

เปล๊ง!

 

ประกายแสงสีทองและสีเงินที่กำลังระยิบระยับได้แสดงออกมาเมื่อเขาสร้างมันสำเร็จ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกว่าแสงนี้เป็นเพียงแค่เล็กน้อย เพราะมันยังเป็นค้อนที่ 999 มันยังล้มเหลวอยู่!

 

นี่เป็นอุปสรรคใช้หรือไม่? ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพรามันเป็นความพยายามครั้งที่สองของเขาแล้วแต่มันยังไม่สำเร็จ  เขายังต้องสะสมประสบการณ์สำหรับทักษะการขึ้นรูปแบบโบราณของเขาอีก

 

ชิงสุ่ยไม่ต้องการใช้แร่ธ่ตุต่างๆซึ่งอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เนื่องจากมันจะเป็นของเสียโดยใช้เหตุ เขาไม่กล้าที่จะหลอมก้อนหินที่มีค่าเช่นเดียว เขากลัวว่ามันจะเสียของเช่นกัน

 

ใช้ทักษะเนตรสวรรค์ ของเขาเห็นว่ากระบี่หยกเล่มนี้ดีขึ้นกว่าเล่มก่อนหน้า มันสามารถเพิ่มความรุนแรงได้สองระดับ

 

ชิงสุ่ยเอื้อมมือจับกระบี่ที่เพิ่งเสร็จ เขารู้สึกได้ทันทีที่มีพลังกระจายออกมา เข้าไปสู่ฝ่ามือของเขาและไปยังร่างกายของเขา ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขารู้สึกว่าการความรุนแรงที่ไดเพิ่มขึ้นสองระดับมีค่าเท่ากับแรง 20 จินๆอาจถือว่าค่อนข้างดีสำหรับคนธรรมดา ถ้ามันอยู่บนขวาน เมื่อคนธรรมดาใช้มันตัดไม้ฟืนด้วยกำลังที่ขึ้นเพิ่มอีก 20 จินมันจะทำให้พวกเขาตัดมันได้อย่างง่ายดาย

 

ชิงสุ่ย โบกกระบี่สองสามครั้งและเคาะที่ตัวกระบี่เบาๆ เพื่อฟังเสียงที่คมชัก  จากนั้นชิงสุ่ยได้หยิบกระบี่อีกเล่มก่อนหน้านี้ขึ้นมา

 

เมื่อเทียบกันแล้ว ชิงสุ่ยรู้ว่าแทบจะไม่ได้แตกต่างกัน ความทนทานและความยืดหยุ่นของพวกมันยังคงดีกว่าอารุธของฮูยูอยู่บ้าง

ชิงสุ่ยถือดาบทั้งสองของเขาแล้วใช้มันฟันเข้าหากัน!

 

เปล๊งงงงๆ!

 

ชิงสุ่ยเห็นได้ชัดว่ากระบี่ทั้งสองที่ทำด้วยวัสดุเดียวกัน มันไม่ได้โดยปราศจากรอยขีดข่วนออกมา ขณะที่ฮูยูยืนมองอยู่ใกล้ๆ

 

หลังจากที่ทำอย่างนั้นชิงสุ่ยคิดว่าอาจำทำให้ฮูยูโกรธเขาก็เป็นได้ แต่เขากลับเห็นว่าฮูยูนั้นไม่ได้ดูหงุดหงิดอึดอัดหรือไม่พอใจอย่างใด แต่กลับมองที่ชิงสุ่ยด้วยด้วยความสุขและความหลงใหล

 

ชิงสุ่ย ยิ้มอย่างงุ่มง่าม ขณะที่เขาส่งกระบี่ทั้งสองให้ฮูยูโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

เมื่อฮูยูได้รับมันความสุขอย่างแท้จริงของเขาได้ปรากฏออกมา  ชิงสุ่ยได้ล้างมือของเขา และสังเกตว่าเห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว เขาถูจมูกของเขาและพยักหน้าบอกหญิงสาวทั้งสองคนเป็นสัญญาณว่าพวกเขาควรจะกลับได้แล้ว

 

ขณะที่พวกเขาเดินออกจากร้านช่างเหล็กชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าหมิงเหวี่ยและลิ่วลี่ กำลังจ้องมองเขาด้วยตาที่ไม่กะพริบ ชิงสุ่ย กระพริบตาคู่งามของเขา ก่อนที่เขาจะกะพริบตาทั้งสองข้างอีกครั้งอย่างรวดเร็ว และเลียวนรอบริมฝีปากของเขา

 

“คนพาล”

 

ลิวลี่หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอแกล้งชิงสุ่ย ขณะเดินก้าวไปข้างหน้ากับหมิงเหวี่ยที่มีเสน่ห์อันเย้ายวนใจด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายเทพธิดาและได้ทิ้งชิงสุ่ยไว้เบื้องหลัง!

 

"คนพาลก็เป็นคนดีนะ!"

 

ชิงสุ่ย พึมพำขณะที่เขามองไปที่ด้านหลังของทั้งสอง ในเรื่องความงามหมิงเหวี่ย และ ลิ่ววี่เป็นสุภาพสตรีที่มีรูปร่างสูงและผอมพวกเธอมีส่วนโค้งที่คล้ายกันมาจนน่าหวาดกลัว ความงามของพวกเธอเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ชิงสุ่ยเคยได้ยินมาว่าภายใต้การจ้องหญิงสาวมากจากข้างหลังนั้นจะทำให้ผู้ชายรู้สึกดีมาก ความรู้สึกดีของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถ้าพวกเขาจ้องมองที่จุดที่นุ่มนิ่มที่เคลื่อนไปมา หลังจากจ้องมองไปชั่วครู่ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนกับกำลังถูกเผาด้วยเปลวไฟที่ร้อนระอุ

 

ในตอนแรกที่ลิ่วลี่ถือกระบี่เล่มแรกที่ชิงสุ่ยได้สร้างขึ้น  เธอได้แสดงออกถึงสนุกสนานเมื่อได้ร่ายรำกระบี่อย่างมีความสุข และเมื่อพูดคุยกับหมิงเหวี่ยการแสดงออกที่สดใสเช่นเดี่ยวกับเด็กสาวที่มีความรักได้แสดงออกมา อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นท่าทางแบบนั้นของหมิงเหวี่ย เมื่อเธอได้เห็นสิ่งนั้นเธอก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของลิ่วี่ลที่มีต่อชิงสุ่ย  เพราะเธอมองจากมุมมองคนภายนอกทำให้เห็นภาพเหล่านั้นได้ชัดเจน

 

"ถึงเวลาข้าควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นแล้วหรือไม่”หมิงเหวี่ยได้พูดออกในใจของเธอ

 

หมิงเหวี่ยได้สายหน้าของเธอช้าๆ เธอรู้สึกว่าประตูในหัวใจของเธอยังไม่เปิดออกและเธอยังไม่ต้องการให้ความรักเข้ามาในใจของเธอ เธอยังไม่ต้องการมีใคร

 

ทันใดนั้นเสียงที่ดังอยู่ข้างหน้าได้เข้ามารบกวนชิงสุ่ย!

 

ชิงสุ่ยเห็นว่าในมีกลุ่มชายและหญิงจำนวนมากสวมเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ และแต่ละคนได้พกกระบี่ยาวไว้ข้างกาย ชิงสุ่ยกำลังสงสัยว่าคนพวกนั้นมาจากนิกานกระบี่อมตะหรือไม่?มีใครกล้าต่อต้านพวกเขา?

 

"มีอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่น เราลองไปดูกันไหม!" ชิงสุ่ยเดินเข้าไปหาผู้หญิงสองคนในขณะที่เขายิ้มและพูด

 

หญิงสาวทั้งสองคนพยักหน้าและเดินไปพร้อมกับชิงสุ่ย ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปทางฝูงชน

 

"นิกายกระบี่อมตะนั้นช่างไร้เหตุผลจริง พวกเขามักจะกระทำการข่มขู่ข่มเหงคนเหล่านี้บ่อยๆ "ชายชราคนหนึ่งถอนหายใจและกล่าวออกมา

 

"พวกเขาจะใช้วิธีการดังกล่าวทุกครั้ง เมื่อพยายามที่จะซื้อสิ่งจากคนอื่น ๆ ในราคาที่ถูกที่มันช่างน่ารังเกียจ ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะขายพวกเขาก็จะใช้กำลังข่มขู่ "ชายหนุ่มคนหนึ่งได้พูดออกมา ด้วยความโมโห

 

ชิงสุ่ยได้ยินคำพูดต่างๆที่กำลังด่าทอนิกายกระบี่อมตะก่อนที่เขาจะเข้าไปถึง

 

"ตาแก่ข้าว่าราคามันยังไมถึง 10 เงินด้วยซ้ำ? แต่เจ้ากลับขายมันในราคา 10000 เจ้าไม่ได้พยายามจะหลอกลวงคนอื่นอยู่หรือ? "ชิงสุ่ย ได้ยินเสียงพูดหยิ่งยโสนั้นชัดเจน

 

ก่อนหน้าที่เขาจะได้ยินเสียงนั้น ชิงสุ่ยก็มีความต้องการที่จะเขามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นเฉยๆ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงนั้น มันได้ไปกระตุ้นเขาให้หันไปหาแหล่งที่มาของเสียง มันทำให้ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกต่อไป

 

เขาเห็นชายหนุ่มที่มีอายุประมาณ 25-26 ปีและใสชุดสีขาว แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่อย่างมาก นั่นเป็นเพราะภาพอันน่าขยะแขยงเมื่อมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่อ้วนอย่างมาก

 

เจ้าอ้วนนี้มีความสูงประมาณสองเมตรและรอบเอวของเขาก็มีความยาวสองเมตร แต่นี้นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ชิงสุ่ยแสดงท่าที่น่าขยะแขยงแต่มันเป็นเพราะเมื่อเขามองเห็นใบหน้าของเจ้าอ้วนที่เหมือนลูกชิ้นใหญ่ เจ้าอ้วนนั้นมีดวงตาที่เล็กมาเท่าเมล็ดถั่วเขียว มีจมูกที่แบบราบจนแทบจะหาสันไม่เจอ มันเป็นใบหน้าที่น่าขยะแขยงอย่างมาก

 

และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเจ้าอ้วนนี้กำลังกอดสุภาพสตรีที่มีรูปร่างค่อนข้างดี มีส่วนโค้งที่งดงาม กำลังยืนข้างๆเจ้าอ้วนนั้น รูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอดูเหมือนจะเหมือนกับนางฟ้าที่อยู่ข้างหน้ากองไขมันขนาดใหญ่

 

ชิงสุ่ยคิดขึ้นมาว่าถ้าหญิงสาวคนนั้นอยู่บนเตียงกับเจ้าอ้วน นางจะถูกเขาสังหารหรือไม่? เจ้าอ้วนนั้นคนทับเธอจนแบนเป็นใบไม้แน่ๆ แต่เรื่องนั้นไม่ใช้เรื่องสำคัญอาจเป็นหญิงสาวคนนี่ที่อยู่ด้านบนของร่างเจ้าอ้วนก็ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อชิงสุ่ยสังเกตไปที่ขาทั้งสองข้างซึ่งเต็มไปด้วยไขมันของเจ้าอ้วน  ชิงสุ่ยก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไส้กรอกของเขาจะมีรูปร่างอย่างไร เพื่อรอดจากการถูกบีบอัดจากกองไขมันของเขา

รีวิวผู้อ่าน