px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 234 – ทักษะพันค้อนกัมปนาทของช่างตีเหล็กที่ไม่มีที่ใครเปรียบได้?


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 234 – ทักษะพันค้อนกัมปนาทของช่างตีเหล็กที่ไม่มีที่ใครเปรียบได้?

เมื่อจองมองไปที่หญิงสาวที่สวยงามและอ่อนโยน ชิงสุ่ยพยักหน้าตอบรับและหันไปทาง ชางห่าย หมิงเยวี่ย

 

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนได้กลับไปหาช่างตีเหล็กอีกครั้ง ชิงสุ่ยมองไปที่ผู้หญิงสองคนข้างๆเขา เขาไม่สามารถควบคุมเสียงหัวเราะของเขาได้ เมื่อผู้หญิงสองคนเห็นชิงสุ่ยที่กำลังหัวเราะ พวกเธอก็ได้อมยิ้มโดยปราศจากเหตุผล

 

"เจ้าหัวเราะอะไร? เจ้ามีความสุขมากใช้มั้ย ที่ได้ย้ายออกจากบ้านข้า? "ชางห่าย หมิงเยวี่ยกล่าวเบา ๆ โดยไม่ได้มองไปทางชิงสุ่ย

 

"มันจะเป็นไปได้ไหมที่เจ้าไม่สามารถทนคิดถึงข้าได้" ชิงสุ่ยหัวเราะเบา ๆ ขณะมองภาพลักษณ์ที่สวยงามของชางห่าย หมิงเยวี่ย

ชางห่าย หมิงเยวี่ยหันกลับมาและยิ้ม ขณะที่เธอมองไปที่ชิงสุ่ย ก่อนที่เธอจะพูดเบา ๆ ว่า "ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่สามารถทนคิดถึงเจ้าๆจะไม่ย้ายออกไปรึ?"

 

ชิงสุ่ย ลูบที่จมูกของเขา และยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย!

 

"แล้วทำไมข้าต้องถึงคิดถึงเจ้าละ?"

 

ชิงสุ่ย ได้ยินคำพูดเหล่านั้นซึ่ง เป็นอะไรที่หน้าดึงดูดอยากมากเมื่อมันถูกกล่าวจากผู้หญิงที่สวยและสง่างาม หลังจากอยู่ร่วมกัน มาสักพัก ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาไม่เคยชินกับการอยู่ใกล้กับเธอ เธอเป็นเหมือนไวน์ ยิ่งบ่มนานเท่าไรก็ยิ่งหวาน และมีกลิ่นหอมที่หน้าลิ้มลอง เขาคงจะไม่สามารถมองเห็นคนอื่นได้ลิ้มรสมัน

 

"พวกเจ้าคิดว่าวันนี้เราจะเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจไหม" ชิงสุ่ย ถามผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างๆเขาอย่างสนุกสนาน

 

ทั้งสามเดินอย่างช้าๆ ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงั้งสองคนที่มีความงามเป็นเลิศด้าน นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลย

 

"ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้นล่ะ?" ลิ่วลี่ถามด้วยความสงสัย

 

"คิดว่าเราเจอกับคุณชายเฟิงแห่งนิกายกระบี่อมตะหรือไม่ รสนิยมที่ผิดเพี้ยนของเขาค่อนข้างดีทีเดียว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! "ชิงสุ่ยหัวเราะเบา ๆ

 

"อา, ชิงสุ่ย เจ้าจะบอกว่าความงามของพวกเรานั้นเป็นสิ่งที่อันตรายสินะ ... ? "ลิ่วลี่กล่าวว่าพร้อมท่าทางที่ไม่พอใจเล็กน้อย

 

"ข้าไม่ได้พูด! เจ้าพูดด้วยตัวเองนะ! "

 

"ชิงสุ่ย แล้วเจ้าสนใจคฤหาสน์ขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงกับลานอิสระภาพหรือไม่?" ชางห่าย หมิงเยวี่ยมองไปที่ชิงสุ่ยและแนะนำ

 

"ข้ากำลังคิดถึงที่นั้นเช่นเดียวกัน มันสะดวกมาก พวกเจ้าสามารถมาและพักที่นั่นได้อย่างง่ายด้วย "ชิงสุ่ย ยิ้มและพูด

 

ชิงสุ่ย มองเห็นคฤหาสน์จำนวนมากที่ประกาศขายอยู่ แต่ราคาพวกมันไม่ได้ถูกๆเลย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยไม่ค่อยกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเท่าไร ดังนั้นเขาเลือกสถานที่ที่ไม่ไกลจากร้านช่างตีเหล็กเท่าไร เขาได้พูดคุยตกลงเจรจากันเป็นเวลาไม่ถึงสองชั่วยามในการทำสัญญา

 

สิ่งที่เขาเลือกมาคือคฤหาสน์สุดหรูที่มีสามชั้น มีลานขนาดเล็กข้างหน้า และมีห้องสามห้องในแต่ละชั้น แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับเขา ชิงสุ่ยไม่ได้ความคาดหวังสูงกับบ้านของเขา เหตุผลที่เขาตัดสินใจจะออกจากบ้านของชางห่ายเป็นเพียงเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับมันเท่านั้น

 

เหตุผลที่ชิงสุ่ยเลือกสถานที่ที่ไม่ไกลจากบ้านของชางห่ายเท่าไร ไม่ใช่เพียงเพราะใกล้ร้านช่างตีเหล็กเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะนิกายกระบี่อมตะและอื่นๆ ทั้งหมดนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เขาตัดสินใจซื้อที่นี้

 

เขาได้เดินเข้าไปในคฤหาสน์ขนาดเล็กที่เขาเพิ่งซื้อมา พื้นปูด้วยหินอ่อนที่งดงามมาก ชั้นแรกมีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่พร้อมกับของประดับครบชุด เมื่อแสงแดดยามบ่ายส่องลงไปที่ห้องนั่งเล่น ภาพที่ปรากฏออกมาเหมือนกับว่าสถานตรงนั้นถูกปกคลุมสีทองที่สดใส

 

ทำไมเจ้าถึงต้องการย้ายออกไปละ? ไม่มีใครไล่เจ้าสักหน่อย ตอนที่เจ้าพักอยู่ที่บ้านของข้า " ชางห่าย หมิงเยวี่ยถามด้วยเสียงที่เบาหลังจากเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น

 

เขาคิดว่าว่าเธอยังค้างคาใจอยู่กับความจริงที่ว่าเขากำลังจะย้ายออกไป เป็นไปได้ไหมที่เธอไม่สามารถทนเห็นเขาย้ายออกไปได้? ชิงสุ่ยมองไปที่ ชางห่าย หมิงเยวี่ยอย่างงวยงง

 

"ทำไม เจ้ายังค้างคาใจกับเรื่องนั้นหรือ? ข้าก็แค่เกรงใจที่รบกวนครอบครัวเจ้ามาเป็นเวลานาน พวกเขาดูแลข้าเป็นอย่างดีปฏิบัติกับข้าเหมือนกับเจ้า แต่ความเป็นจริงข้าไม่เหมือนเจ้า ข้าไม่ใช่ลูกหรือลูกเขยของพวกเขาดังนั้นข้าจึงรู้สึกแย่มากๆ และอีกอย่างหนึ่งข้ารู้สึกอึดอัดที่ทำให้เจ้ารำคาญอยู่บ่อยๆ "ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขาและยิ้ม ขณะที่มองไปที่ชางห่าย หมิงเยวี่ยที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบนถัดไป

 

"ชิงสุ่ย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่กล้าพูดกับพี่หมิงเยวี่ย เช่นนี้" ลิ่วลี่ยิ้มและพูดกับเขา ก่อนที่เธอจะตาม หมิงเยวี่ยขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

 

ชิงสุ่ยได้มองขึ้นไปที่ก้นที่สวยงามของทั้งผู้หญิงสองคนขณะขึ้นบันได ชิงสุ่ยรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างก้อนกลมๆนั้นได้กระดอนขึ้นลงอย่างเบาๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเธอก้าวลงบนขั้นบันได ภาพนั้นดูน่ารักและมีเสน่ห์อย่างมาก มันทำให้พวกเธอดูเหมือนนางฟ้าที่กำลังเต้นอยู่บนก้อนเมฆในเวลานั้น

ชิงสุ่ยเดินตามขึ้นอย่างช้าๆ บันไดในอาคารหลังนี้ได้สร้างขึ้นจากไม้ ชิงสุ่ยได้มองไปที่บันไดซึ่งทำมาจากไม้ที่มีอายุกว่า100 ปี เขาสามารถมองออกได้เลยว่าไม้พวกนี้เป็นไม้คุณภาพต่ำกว่าไม้ในเก้าทวีปเท่านั้น พวกมันนั้นมีคุณภาพที่ดีกว่าไม้ทั่วไปในท้องตลาด

 

ข้างบนมีห้องนอน และห้องพักสำหรับแขกสองห้อง มีห้องน้ำขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับบันได จากนั้นพวกเขาก็ย้ายไปที่ชั้นสามซึ่งมีห้องนอนสองห้องและอีกห้องหนึ่งซึ่งคล้ายกับห้องเก็บของ

 

"เยี่ยมๆ, สถานที่แห่งนี้ดีจริงๆมันเหมาะสำหรับพวกเราทั้งสามคน!" ชิงสุ่ยยิ้มและพูด อย่างไรก็ตามหญิงสาวทั้งสองไม่ได้ตอบโต้อะไร พวกเธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังพูดอยู่กับตัวเอง!

 

หญิงสาวทั้งสองคนช่วยได้ ชิงสุ่ยทำความสะอาดห้องนอนของเขา มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างมาก

 

พวกเขาไม่ต้องการที่จะใช้เวลานานในการทำความสะอาด เขาถามว่าแผนการต่อไปของพวกเธอว่าจะทำอะไรต่อ ส่วนเขาได้บอกกับพวกเธอว่า เขาว่างแผนที่จะมุ่งหน้าไปที่ร้านช่างโลหะ และน่าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอยู่ที่นั้นในอนาคต

 

ฤดูร้อนใกล้จะมาถึง แต่อากาศในตอนนี้ยังไม่ได้ร้อนมากนัก สำหรับคนที่เดินในเส้นทางบ่มเพาะ และชิงสุ่ยที่ได้บ่มเพาะทักษะคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ความหนาวเย็นและความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมไม่ได้ส่งผลอะไรต่อพวกเขา

 

ชิงสุ่ยเห็นดวงตาของ ฮูยูที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและความหลงใหลที่จ้องมา ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดมากขึ้น เพียงแค่คิดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้เขาอึดอัดเป็นอย่างมาก

 

"พี่ชายยูข้าต้องขอโทษจริงๆ ข้าไม่ทราบว่าจะไปหาอุปการณ์ตีเหล็กในบริเวณใกล้เคียงและอุปกรณ์อื่นๆได้จากที่ไหน ข้าทำให้ท่านเดือดร้อนหรือไม่ "ชิงสุ่ย พยายามบีบรอยยิ้มที่อ่อนล้า เขาคิดว่าเขายังไม่ได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างชิ่นงานของเขา

 

"ไม่มีปัญหามันแค่เรื่อง ง่าย ๆ !"

 

ชิงสุ่ย ให้เงินฮูยู เก็บไว้บางส่วน เพื่อให้เขาสามารถซื้ออุปกรณ์ต่างๆมา หลังจากที่ยูจากไป ชิงสุ่ยได้หยิบค้อนออกมาและเริ่มฝึกซ้อมต่อ โดยใช้รูปแบบตีเหล็กพิเศษของเขา

 

ทักษะขึ้นรูปโบราณ เป็นการปลูกฝังเทคนิคที่ใช้ความร้อนของไฟเพื่อเตรียมวัสดุ ก่อนที่จะปล่อยมันเข้าสู่กองไฟ  ชิงสุ่ยได้ดำเนินการทักษะพันค้อนเขาตอกลงวัสดุที่ใช้ในการขึ้นรูปให้มีความหนาขนาดหนึ่งนิ้ว

 

เขาได้ใช้จิตใจ ความรู้และประสบการณ์ของเขาในการตีแต่ละครั้ง ด้วยความจริงที่ว่าแขนของชิงสุ่ยนั้นมีพละกำลังอันมหาศาลและยังมีความคล่องแคล่วจากทักษะหมัดอสูรสันโดษ ทำให้ประสบการณ์ของสำหรับเทคนิคการขึ้นรูปของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่ใช้ค้อนทุบลงไป 5000 ครั้ง ชิงสุ่ย ได้สงบจิต สงบใจของเขา เพื่อเรียกคืนความรู้สึกทั้งหมดที่ผ่านมา เขามองเห็นตัวเองใช่ค้อนฟาดไปมา ภาพเหล่านั้นได้เคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆ

 

การแสดงออกของที่มึนงงของชิงสุ่ย ทำให้ลูกค้าที่มาดูอาวุธตกอยู่ในอาการมึนงง จากนั้นพวกเขาก็จะแปลกใจเมื่อเห็นช่างเหล็กคนนี้ยกมือฟาดค้อนไปมาในอากาศ ลูกค้าไม่กี่คนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับภาพที่แปลกประหลาดที่พวกเขาพบเจอ พวกเขาได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายศีรษะ ขณะที่พวกเขาเดินออกจากไป!

 

ชิงสุ่ย ยังคงมุ่งหน้าไปฝึกทักษะพันค้อนกัมปนาทของเขา เมื่อครบ 100 ครั้งพยายามเขาจะจดจำกระบวนการและท่าทางนี้ทุกครั้ง ก่อนที่จะทำการปรับปรุงมันให้ดีขึ้น เทคนิคค้อนโบราณดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาฝึกฝนมันมากขึ้น

นี่คือทักษะพันค้อนที่ได้มาการปลดออกมาจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มใช้มันอย่างจริงจังแล้ว เขาได้เริ่มสังเกตเห็นความลึกซึ้งของศิลปะค้อนโบราณนี้และตระหนักว่ามันสามารถเพิ่มความแข็งแรงของเขาได้อย่างชัดเจน

 

ชิงสุ่ย รู้สึกว่าทักษะพันค้อนกัมปนาทนั้นสามารถใช้กับศัตรูได้ในการต่อสู้ได้ และมันยังเป็นทักษะค้อนที่อหังการที่สุด ยิ่ง ชิงสุ่ย คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากเท่านั้น

 

ต่อไปนี้ ชิงสุ่ย พยายามที่จะฟาดค้อนขนาดใหญ่ในอากาศ โดยที่ยังคงใช้ทักษะพันค้อนกัทปนาท แต่เพิ่มในพลังปราณของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ทันทีที่ใส่พลังปราณลงไปทำให้เกิดเสียงคล้ายเสียงของหมาป่าหรือเสียงคำรวญของวิญญาณออกมาได้ดังออกมา

 

หลังจากที่ฟาดไปมากลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ชิงสุ่ยสามารถยืนยันว่าชุดศิลปะค้อนนี้ไม่ใช่แค่เทคนิคของช่างทำโลหะที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่มันยังเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับสูงอีกด้วย ชิงสุ่ยรู้สึกประทับใจและประหลาดใจอย่างมาก เขาคิดว่าช่างตีเหล็กในสมัยโบราณนั้นอาจจะมีอำนาจมากมายในสมัยก่อน

 

นอกจากนี้ ชิงสุ่ยยังรู้สึกตื่นเต้นเพียงแค่คิดว่าช่างตีเหล็กในสมัยก่อนจะสามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะขั้นเทวะเซียนเทียนได้หรือแม้กระทั่งชั้นเทวะกษัตริย์ก็ไม่อาจจะสู้กับเขา

 

ชิงสุ่ย ได้ถลุงวัสดุก่อนที่จะเริ่มนำไปใช้งานในการสร้างกระบี่ที่มีผิวขรุขระ นี้นับเป็นครั้งที่สามในการทดลองสร้างมัน คราวนี้ชิงสุ่ยได้ทำการปรับปรุงและสร้างงานที่ดีขึ้นในการตอกของเขาแต่ละครั้ง ราวกับว่าเขาเข้าใจเทคนิคบางอย่างมาเป็นเป็นอย่างดี

 

คราวนี้ความเร็วของชิงสุ่ยได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ แต่แรงระเบิดแต่ละครั้งเมื่อค้อนกระทบลงไปบนชิ้นงาน กลับหน้าหวาดกลัวอย่างมาก ทุกสิ่งได้ถูกแสดงออกมาในการตีแต่ละของเขา แม้ค้อนที่ใช้จะเป็นของธรรมดารวมถึงกระบี่ผิวขรุขระก็เป็นของธรรมดา แต่เมื่อการผ่านการตีของชิงสุ่ยพวกมันได้ส่องประกายแสงสีทองจางๆออกมา

 

ความรู้สึกที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อนได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมอาวุธในบริเวณนั้น พวกเขาทั้งหมดจ้องที่การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติของช่างตีเหล็กหนุ่มคนนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่ากำลังมองไปที่ฉากที่สวยงามอยู่

 

"การเคลื่อนไหวของช่างตีเหล็กคนนี้น่าสนใจมากๆ" ผู้หญิงที่ไว้ผมทรงหางม้าพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

"ช่างตีเหล็กหนุ่มคนนั้นหล่อเหล่าจริงๆ ดูสิเขานั้นสง่างามเป็นอย่างมาก " หญิงสาวที่มีเสน่ห์กำลังมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยทีสมาธิอยู่กับงานของเขา ทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้างที่เกิดจากการพูดคุยของบริเวณนั้น เมื่อเขาฟาดค้อนลงไปแต่ละทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ราวกับว่าความอึดทั้งหลายในใจได้ถูกสลาย

 

หลังจากที่เขาฟาดค้อนลงไป999ครั้ง ชิงสุ่ยไม่ได้หยุดลงที่ตรงนั้นเพราะมันอย่างไม่สมบรูณ์เมื่อสังเกตุไปที่แสงที่ปรากฏออกมา ค้อนที่ 1000 ได้ตามลงไปโดยไม่ลังเลอยู่เลย

 

เมื่อฟาดครั้ง 1000 ลงไป เกิดประกายแสงสีทองที่สว่างกว่าเมื่อสองครั้งก่อนหน้า ชิงสุ่ยรู้ว่านี่เป็นการฟาดครั้งที่ 1000 ครั้งของพันค้อนกัมปนาท

 

เมื่อเขาเห็นแสงสีทองที่ปรากฏขึ้นมา ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความสุขและความประหลาดใจอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ได้รับสัญลักษณ์ลำดับที่ต่ำสุดของเทคนิคการขึ้นรูปโบราณมา

 

เขามองไปที่ดาบที่มีผิวขรุขระบนแท่น มันดูเป็นดาบที่คุณภาพที่ดีขึ้นกว่าเก่าอย่างมาก มันมีประกายแสงสว่างเล็กน้อย แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัด แต่มันก็ดูสวยงามอย่างมาก มันให้รู้สึกที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน

 

และสิ่งที่มันทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่มีทักษะพิเศษใดๆ แต่มันสามารถเพิ่มความรุนแรงได้หนึ่งในห้า!

 

เพิ่มความรุนแรง20ระดับ!

 

ความพยายามครั้งก่อน ๆ ของเขาสามารถความรุ่นแรงได้แค่2รับดับเท่านั้น เขาคิดได้แค่อย่างเดี่ยวหลังจากผ่านการพันค้อนกัมปนาทไปแล้ว คุณสมบัติของอาวุธที่สร้างขึ้นโดยทักษะพันค้อนกัมปนาทจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

เขามีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อเห็นความก้าวหน้าของเขาเอง เขานั้นไม่ได้กำหนดเป้าหมายของตัวเองให้สูงมากนักเพรามันอาจจะยากเกินไปจนทำให้เขาสิ้นหวัง ชิงสุ่ยไม่ได้คิดที่จะบรรลุขั้น 9 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล วันนี้เขาได้รู้ว่าทักษะพันค้อนกัมปนาทที่เขาใช้สามารถนำไปใช้ในการสู้รบได้จริง และมันก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าทักษะใดๆ

 

เข้าคิดว่าช่างตีเหล็กในสมัยก่อน อาจแข็งแกร่งอย่างมาก และ ชิงสุ่ยก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมากจากฝึกฝน  เพราะพวกช่างตีเหล็กต้องตีชิ้นงานเป็นหมื่นครั้งต่อวัน

 

ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาในใจของชิงสุ่ย และเขาตัดสินใจที่จะพัฒนาทักษะพันค้อนกัมปนาทนี้ให้ดีขึ้นในอนาคต มันจะไม่เพียง แค่ช่วยให้เขาสามารถสร้างอาวุธอุปกรณ์หรือสิ่งต่างๆ แต่มันจะสามารถใช้ในการสู้รบได้

 

ดาบที่มีผิวขรุขระอันแรกซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มได้สองระดับ มันจะเสริมพละกำลังเท่ากับ 20จิน นั่นหมายความว่าดาบเล่มนี้ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นยี่สิบระดับ มันก็จะเสริมพละกำลังเท่ากับ 200 จิน?

 

ก่อนหน้านี้ ชองสุ่ยไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับ แต่ตอนนี้เขาคำนึงถึงเรื่องนี้ มันทำให้เขานั้นตกอยู่ในสภาพที่มึนงง แม้ผู้หญิงที่อ่อนแอก็สามารถที่จะชนะกับคนที่แข็งแกร่งด้วยดาบเล่มนี้ ความแรงของ 200 จินไม่ได้ส่งผลต่อกับขั้นเทวะเซียนเทียนมากนัก แต่สำหรับหลายคนที่ยังไม่ถึงระดับ 6 ของปราณนักรบ มันอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ในโลกยังอยู่ในระดับ 6ของปราณนักรบ และต่ำกว่านั้น พวกที่หาของป่าก็มีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นถ้าใช้ดาบเล่มนี้ เขาไม่ต้องกังวลกับสัตว์ป่าธรรมดาๆอีกต่อไป

 

ไม่ว่าใครก็ตาม แท้กระทั้ง คนที่อยู่ในระดับเทวะเทียนเซียนหรือจุดสูงสุดของโฮว่เทียน ถ้าสามาเพิ่มพละกำลังได้อีก 200จิน มันก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงจะไม่มาสามารถเทียบกับผลไม้ที่เพิ่มพละกำลังได้ 500 จินก็ตาม แต่ผลละไม้พวกนั้นมันมีค่าอย่างมากและหายากมาก ต่างกับอาวุธเล่มนี้

 

ขณะที่เขาหยิบมันขึ้นมามันได้ถ่ายทอดของคลื่นความแข็งแกร่งเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้เขารู้สึกพอใจมาก เขายกศีรษะของเขาขึ้น ทำให้เขาเห็นว่ามีคนนับสิบคน กำลังจ้องมองมาที่เขา

 

ชิงสุ่ย มองกลับไปที่ฝูงชนนี้ด้วยความงงงวย

 

"ดาบเล่มนั้นราคาเท่าไหร่?" หญิงสาวที่รำรวยที่ไว้ผมหางม้าเดินขึ้นไปหาชิงสุ่ยและถาม!

 

ชิงสุ่ย มองไปที่สุภาพสตรีที่ผอมเพรียวและสง่างามในชุดนักรบที่มีแนวโน้มว่าเธออจะอายุต่ำกว่า 20 ปี เธอนั้นดูอ่อนเยาว์มาก แต่ยอกภูเขาสองลูกของเธอกับโตเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยค่อยชอบดวงตาที่เรียวยาวและแคบของนาง

"ไม่ได้ทำมาเพื่อขาย!" ชิงสุ่ยส่ายหัวและกล่าวว่า

 

"ไม่ขาย? เจ้าไม่ได้ทำมาเพื่อขายและเจ้าทำมาเพื่ออะไร? ระบุราคาของมันมา ข้าจะซื้อ "สุภาพสตรีที่มีผมหางม้าและสวมใส่ชุดนักรบกล่าวในขณะที่มองเข้าไปในดวงตาของชิงสุ่ย เธอไม่ลืมที่จะกระพริบตาที่เซ็กซี่ของเธอเล็กน้อย

 

มันไม่ดีทีเสน่ห์มากนัก ดวงตาของเธอดูแย่มากหากเปรียบเทียบกับลิ่วลี่, และนับประสาอะไรที่จะไปเทียบกับ หมิงเยวี่ย มันความให้รู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนราวกับฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

รีวิวผู้อ่าน