px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 241 - โรงเตี๊ยมทักษิณา


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 241 - โรงเตี๊ยมทักษิณา

 

เพียงแค่แสงวาปเดี๋ยว ภาพใน "ความฝัน"ก็อันตรธานหายไป ชิงสุ่ยและชิงห่านยี่ก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริง ภาพที่ชิงสุ่ยกำลังมองเห็นในตอนนี้ คือการเดินจากไปของชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่

 

1 วัน 1 คืนใน "ความฝัน" กินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ชิงสุ่ยและชิงห่านยี่ยังคงจับมือกันไว้แน่น เคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะนิรนามยังคงโคจรระหว่างร่างกายคนทั้งสองอย่างช้าๆ

 

เมื่อชิงสุ่ยฟื้นคืนความรู้สึก เขาก็พบว่าชิงห่านยี่กำลังเป็นไปด้วยความเขินอาย มันทำให้เขาเริ่มระลึกถึงภาพลามกอนาจารที่เขาได้ร่วมดูกับเธอ มันเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของเขาตื่นเต้นอย่างมาก

 

นอกจากนี้เท่าทั้งหมดยังเกิดจากตัวของเธอเองที่พยายามรุกเร้าชิงสุ่ยเพื่อให้เกิดภาพที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมันและตรึงตราลงไปในจิตใจของเธอ จนมันกลายเป็นภาพที่ไม่มีวันลืม

 

ชิงสุ่ยไม่เคยคาดหวังแม้แต่ในความฝัน ว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นคนถอดเสื้อผ้าเข้าออก เพียงแค่นึกถึงภาพที่มีเสน่ห์ในยั่วยวนใจของเธอ หัวใจของชิงสุ่ยก็สูบฉีดเลือดในทันที ทุกอย่างที่ปรากฏก่อนหน้านี้ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกที่ได้สัมผัสในโลกความเป็นจริง เพียงแค่ไม่เกิดการสูญเสียพรหมจารีในโลกความเป็นจริง มันเป็นการผสมผสานของจิตวิญญาณ ทำให้ก่อเกิดประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง

 

ชิงสุ่ยฟื้นคืนภาพแห่งความสุข มันเป็นภาพที่เขาได้ท่าทางต่างๆในการผสานระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกาย ทุกอย่างแม้จะเกิดขึ้นในความฝัน แต่เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่เขาพวกผมได้ เพียงแค่เขาคิดท่วงท่าต่างๆร่างกายความฝันก็จะปฏิบัติตาม มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจนไม่อาจหาคำอธิบายความรู้สึกของเขาได้ เขาจะเก็บความทรงจำที่ยอดเยี่ยมนี้ไว้ในใจตลอดกาล!!!

 

แต่ในชีวิตจริงตอนนี้แม้ว่าเขาได้เพียงจับมือกับชิงห่านยี่ แต่ก็เหมือนว่าทั้งสองคนนั้นไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว มันยิ่งทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นซึ่งคล้ายกับการที่พวกเขาได้มีความสัมพันธ์ต่างๆในโลกความเป็นจริง

 

"เจ้ามองเห็นสิ่งเดียวกับข้าใช่หรือไม่?"ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่มองไปยังใบหน้าของชิงห่านย่ี่ที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น

 

"อา!!!"เธอพยักหน้ายังเขินอาย ใบหน้าที่คุ้นเคย "ในโลกความฝัน" ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลก็ปรากฏขึ้น เธอกลอกกลิ้งดวงตาที่มีเสน่ห์ยังเขินอายโดยที่ไม่รู้จะมองไปทางไหน

 

" พวกเราควรไปหาอาหารกลางวันกินด้วยกัน เจ้าว่าไหม?" ชิงสุ่ยมองเห็นว่าชิงห่านยี่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เพราะรู้ดีว่าเธอนั้นอึดอัดอย่างมากเพราะภาพในความฝันนั้นเธอเป็นฝ่ายรุกคือผู้เดียว

 

"ชิงสุ่ย ข้าไม่ใช่แบบนั้นนะ!!!!"ดวงตาขนาดใหญ่ที่งดงามของชิงห่านยี่กำลังมองชิงสุ่ยคล้ายกับเธอกำลังจะร้องไห้ตลอดเวลา

 

ชิงสุ่ยมองไปที่ชิงห่านยี่ในตอนนี้เธอไม่หดหู่อีกอีกต่อไป ไปเขาก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนี้เธอได้รู้สึกอย่างไร เขารู้อย่างเดียวว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้ไม่เหมือนเดิม มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกเขาต้องพัวพันกันเช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน………

 

"เอาล่ะ พวกเราไปหาข้าวกินกันเถอะ"ชิงสุ่ยดึงมือของชิงห่านยี่

 

ชิงสุ่ยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ในทันทีในขณะที่เขาเดิน เขาก็ตระหนักได้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขามีความก้าวหน้าอย่างมากเป็นผลมาจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะ ของเหลวในจุดตันเถียนเติบโตขึ้นจนมีขนาดเท่าเมล็ดวอลนัท ซึ่งพลังที่ปลดปล่อยออกมานั้นสั่นสะท้านไปถึงหัวใจ

 

ชิงห่ายยี่จ้องมองชิงสุ่ยเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเขาหันมามองเธอ เธอก็รีบหันหน้าหนี

 

"โรงเตี๊ยมทักษิณา"ปรากฏขึ้นต่อหน้าชิงสุ่ยและชิงห่านยี่

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยมาเยือนโรงเตี๊ยมแห่งนี้ โดยปกติเขามักจะไม่ออกไปทานอาหารตามโรงเตียม เขารู้สึกว่ามันไม่อาจเปรียบเทียบกับแดงสุริยโลกได้  แต่ถึงกระนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงมีการสัญจรของผู้คนที่แน่นขนัด อาคารแห่งนี้สูงถึง 5 ชั้น

 

"คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง โปรดเชิญทางนี้!!!"

 

ชิงสุ่ยและชิงห่านยี่ เดินตามคนรับใช้หนุ่ม ซึ่งชิงสุ่ยได้เลือกที่นั่งที่อยู่ชั้นที่สูงที่สุด เพื่อให้เขาได้มองมุมถนนจากหน้าต่างผ่านมุมมองที่ดีที่สุด

 

พวกเขาอาหารจานเล็กจานน้อยหนึ่งในนั้นคือ หมูอบซึ่งเป็นอาหารที่ชิงสุ่ยโปรดปรานยามเมื่อเขาอยู่ในโลกใบก่อน ซึ่งอาหารที่นี่ลักษณะหน้าตาก็ไม่ต่างกับอาหารในโลกใบก่อนหลังเขาเลยแม้แต่น้อย

 

อาจเป็นเพราะที่นั่งชั้นบนมีราคาแพงกว่าที่นั่งชั้นล่าง ดังนั้นจำนวนคนจริงน้อยกว่ามาก ทัศนียภาพด้านบนนั้นทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นการสัญจรของมนุษย์จำนวนมากรวมถึงอาคารน้อยใหญ่ต่างๆได้อย่างชัดเจน

 

ชิงห่านยี่เจ็บริมฝีปากอันงดงามของเธอไว้อย่างแน่นสนิท ในบางครั้งเธอก็แอบมองชิงสุ่ย และเมื่อชิงสุ่ยรับรู้ถึงสายตาที่แอบมองมานั้น เธอจะหันกลับด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอที่มีเสน่ห์จะเริ่มกลายเป็นสิ่งพระอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยความละอายใจ

 

"เหมือนเจ้าจะชอบแอบมองข้าอยู่ลับๆ"ชิงสุ่ยหัวเราะและถามเมื่อเห็นชิงห่านยี่แอบมองเขาอีกครั้ง

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเธอนั้นยังคงเขินอาย มันคงเป็นเพราะเธอได้สัมผัสความฝันที่เกิด "ความสัมพันธ์ทางกาย" แม้ว่าจะไม่ใช่ประสบการณ์ทางเพศโดยตรง แต่มันก็คือการผูกพันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณซึ่งมันมีโอกาสเกิดขึ้นหนึ่งคู่ในแสนคู่เท่านั้น

 

"ชิงสุ่ย ร่างกายของเจ้าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังหยางใช่หรือไม่?" ชิงห่านยี่ ไม่ได้ตอบคำถามของชิงสุ่ย แต่เธอเลือกที่จะมองเขาแล้วถามคำถามออกมาแทน

 

ชิงสุ่ยไม่ได้คาดหวังว่าชิงห่านยี่จะถามคำถามเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ทราบคำตอบนี้ ก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาค่อนข้างมั่นใจนั่นคือพลังหยางในร่างกายของเขานั้นค่อนข้างมีพลังเป็นพิเศษ ซึ่งมันสามารถรองรับพลังหยินที่มากมายภายในกายของชิงห่านยี่ได้

 

"ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ข้เองก็ไม่มีแนวคิดที่ชัดเจนสำหรับคำว่าร่างกายที่อุดมไปด้วยพลังหยาง"ชิงสุ่ยมองไปที่ชิงห่านยี่ที่กำลังเขินอายและพยายามมองหน้าเขาเวลาเขาตอบ

 

" แล้วในชีวิตจริงของเจ้า เจ้าเคย………..ทำเช่นนั้นบ้างหรือเปล่า?"ชิงห่านยี่ หันมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ใบหน้าของเธอนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

 

"ทำอะไรรึ?"ชิงสุ่ยถามด้วยความงุนงง ตัวเขานั้นแอบยิ้มอยู่ในใจ คำตอบจะเป็นเช่นไรก็ไม่สำคัญถ้าหากเขาไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการแกล้งเธอ

 

"หรือว่าเจ้าไม่ได้บอกว่าถ้าหากมีกายของผู้ชายนั้นมีพลังหยางที่สูงมาก เขาสามารถจะกระทำเรื่องอย่างว่าจับหญิงสาวได้นานมากยิ่งขึ้นยังไงล่ะ? มันเหมือนกับใน"ความฝัน"ของพวกเรา มันดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถกระทำเรื่องอย่างว่าได้เป็นเวลานานอย่างมาก ถ้าฉันสงสัยว่าเจ้าควรจะมีร่างกายที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังหยาง"

 

"ไอ้เจ้าเด็กโง่ แม้ว่าพลังหยางในตัวของข้านั้นจะมีมากหรือไม่ก็ตาม และแม้ว่าข้ายังไม่เคยลองมัน แต่ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลยถ้าหากคาดคิดที่จะจะทำเรื่องอย่างว่าเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน"ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ

 

เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่มีการปิดบังใดๆในคำพูดของชิงสุ่ย ชิงห่านยี่ก็ยิ่งรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้น สายตาของเธอในตอนนี้นั้นเปลี่ยนแปลงเป็นการมองไปรอบรอบแทน มันยิ่งทำให้เธอดูน่ารักยิ่งขึ้นราวกับหญิงสาวที่กำลังจมดิ่งอยู่ในความรัก เสน่ห์ของเธอที่เพิ่มขึ้นยิ่งทำให้ทุกคนหลงใหล ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเธอนั้นดูน่ากินยิ่งกว่าอาหารทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องเป็นหญิงสาวที่ไม่เคยตกหลุมรักชายใดมาก่อน

 

"เอาละ เรากินอาหารกันก่อนเถอะ  เวลาของพวกเรายังเหลืออีกมากมายในอนาคต" ชิงสุ่ยส่งตะเกียบเงินคู่หนึ่งให้กับชิงห่านยี่

 

อาหารมากมายก่ายกองทุกว่างเต็มขึ้นโต๊ะ และด้วยความกระหายของชิงสุ่ยที่มีอยู่นั้น ก็สามารถตอบสนองทุกอย่างได้อย่างดี

 

"ข้ากำลังจะมุ่งหน้ากลับไปยังร้านตีเหล็ก ว่าแต่เจ้ากำลังจะกลับไปยังร้านขายยาสหัสวรรษหรือไม่?"หลังออกจากโรงเตรียมทักษิณา ชิงสุ่ยก็หันไปมองหน้าชิงห่านยี่พร้อมกล่าวถาม

 

"อืม!!!"

 

"เจ้าคงมีสิ่งที่ต้องทำสินะ ?" ชิงสุ่ยข่าว มันยิ่งทำให้ชิงห่านยี่มองเขาด้วยความงุนงง

 

ความรู้สึกอิ่มเอมใจปรากฏขึ้นในจิตใจของชิงห่านยี่ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยแสดงท่าทางอาการดังกล่าวมา มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและจิตใจของเธอก็ถูกเติมเต็มไปด้วยใบหน้าของชิงสุ่ย

 

" ในอนาคตข้าสามารถไปหาเจ้าได้หรือไม่?"ชิงห่านยี่เลียริมฝีปากขณะถาม  มันเป็นภาพที่ยั่วยวนใจอย่างมาก

 

"แน่นอนเจ้าสามารถมาหาข้าได้ และเจ้ามาหาข้าได้ที่ร้านตีเหล็กตลอดเวลา เพราะข้าคงไม่ไปไหน"ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ

 

"แม้ว่าข้าจะรอดพ้น แต่เจ้าก็ต้องระวังตัวจะนิกายเทพกระบี่ด้วย"

 

ชิงสุ่ยมองดูชิงห่านยี่จากข้างหลัง คืนนั้นเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ในทุกย่างก้าวที่เธอเดินเต็มไปด้วยความสง่างาม หลังจากนั้นร่างที่งดงามก็หายตัวไปท่ามกลางฝูงชน

 

กระบี่นภาสัมฤทธิ์ในตอนแรกนั้นถูกเตรียมเอาไว้สำหรับห่าวหยุนลิ่วลี่ จะดูเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เธอรีบจากไป เขาจึงมอบมันให้กับชิงห่านยี่ ชิงสุ่ยมุ่งหน้ากลับไปยังร้านตีเหล็กและเตรียมที่จะสร้างศาสตราวุธอีก 2-3 ชิ้น เขาหวังว่าคราวนี้มันจะมีคุณสมบัติที่เขากำลังมองหา

 

"เจ้ากินข้าวหรือยัง?"

 

"ข้ากินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้าง?"ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขามองไปที่ฮูยูที่กำลังจัดเตรียมอาหารใส่จาน ผู้ชายมักจะทำอาหารของตัวเองและรับประทานเพียงลำพัง ซึ่งตัวเขานั้นก็มักจะทำเช่นเดียวกัน

 

"อืม ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ยังมีบางส่วนที่ข้ากำลังทำความเข้าใจมันอยู่"ฮูยูคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างจริงจัง

 

" ข้าจะแนะนำเจ้าในภายหลัง ตราบใดที่เจ้าสามารถโคจรพลังปราณได้ เจ้าก็จะเริ่มเข้าใจเคล็ดวิชาในการสรรสร้าง ซึ่งหลังจากนั้นทุกอย่างจะไม่น่าเบื่อแน่นอน"ชิงสุ่ยยิ้มขณะหยิบค้อนขึ้นมาบนมือ

 

" ตลอดเวลาที่ข้าได้ฝึกฝนมัน ข้าไม่คิดว่ามันน่าเบื่อเลย"

 

หลังจากเขาหยิบชิ้นส่วนในการตีขึ้นมา เขาก็เริ่มกระแทกค้อนลงไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาต้องคอยพยายามควบคุมพลังเพื่อให้อยู่ในระดับที่พอดี นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด

 

ชิงสุ่ยฟาดค้อนลงไปอีกหลายหลายครั้ง ในทุกครั้งแม้ความเร็วแต่ยังดูช้า แต่มันค่อนข้างมั่นคงและเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ในขณะเดียวกันมันก็ให้ความรู้สึกลึกซึ้งอย่างมาก

 

"ไปกันเถอะ เราไปที่ลานว่างกัน ข้าจะช่วยเจ้าเติมเต็มในส่วนที่เจ้าไม่เข้าใจ"หลังจากนั้นไม่นาน ชิงสุ่ยก็หันไปกล่าวกับฮูยูที่กำลังทำความสะอาด

 

ทั้งสองคนเดินตรงไปยังลานว่างที่อยู่หลังบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยเดินเข้ามายังสถานที่เล็กๆแห่งนี้ มันมีความยาวและความกว้างประมาณ 7 ถึง 8 เมตร ทุกอย่างโล่งไปหมดไม่มีอะไรเหลืออยู่ มันเป็นพื้นที่ที่ดี แต่เสียดายที่มันเล็กเกินไป

 

ฮูยูค่อยๆแสดงรูปลักษณ์พยัคฆ์ออกมา ทั้งหมดเกิดจากการโคจรพลังปราณในรูปแบบพยัคฆ์ (พยัคฆ์คำราม) ผู้ฝึกตนในขั้นแรกนั้น หากเป็นผู้ฝึกฝนที่ไม่เคยมีการบ่มเพาะมาก่อน ผู้ที่มีความรู้มักเลือกใช้รูปลักษณ์พยัคฆ์ในการฝึกฝนเนื่องจากการเรียนแบบการโคจรพลังปราณแบบพยัคฆ์สามารถทำได้โดยง่าย

รีวิวผู้อ่าน