px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 242 - บรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่  ดอกไม้แห่งชีวิต


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 242 - บรรพบุรุษแห่งนิกายเทพกระบี่  ดอกไม้แห่งชีวิต

 

ชิงสุ่ยมองดูฮูยูที่กำลังฝึกฝนรูปลักษณ์พยัคฆ์ ถ้าเทียบสำหรับผู้ฝึกฝนเริ่มต้น เขาถือได้ว่าเป็นคนที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถสูงกว่าผู้อื่น อย่าลืมว่าฮูยูมันเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไร้การบ่มเพาะพลัง แต่เป็นโชคดีของเขา ที่เขามีโครงกระดูกที่แข็งแรงและกล้ามเนื้อของเขาก็มีความทนทานที่สูงมากเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

 

"อย่าใช้แรงโจมตีทั้งหมดของออกไป เจ้าจงเก็บพลังที่เหลือไว้อย่างน้อย 30 ส่วน"ชิงสุ่ยกล่าวอธิบาย

 

ชิงสุ่ยเริ่มทำการแสดงให้เห็นกระบวนท่ารูปลักษณ์พยัคฆ์เป็นจำนวน 3 ครั้งเพื่อแสดงคำชี้แนะ และอธิบายจุดแข็งของรูปลักษณ์พยัคฆ์

 

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดการฝึกซ้อม ฮูยูเริ่มสามารถเข้าใจได้ใกล้เคียงคำว่ารูปลักษณ์พยัคฆ์ นั้นคือการฝึกฝนท่าทางและรูปแบบก่อนที่จะผสมผสานมันครอบจิตวิญญาณ

 

หลังจากการฝึกฝนเสร็จสิ้น ชิงสุ่ยก็กลับเข้าไปยังร้านช่างตีเหล็กและเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาสรรสร้างของเขาเอง เพื่อเป้าหมายในใจเพียงเดียวน้ำหนักคือการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งในตัวของเขาเอง

 

ชิงสุ่ยเองยังคงไม่ทราบว่าภายในพื้นที่เมืองฝั่งทักษิณ ชื่อเสียงของร้านตีเหล็กของเขานั้นได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้จัดการกับคนที่มาจากนิกายเทพกระบี่เตือนพวกเขาต้องกลัวหัวหด มันจึงทำให้ทุกคนในพื้นที่แห่งนี้ต่างหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นหัวข้อสนทนาอย่างสนุกสนาน

 

ชิงสุ่ยที่พึ่งเปิดการค้าสลับที่แห่งนี้มาเป็นเวลาสั้นๆ แต่ผู้คนกลับเข้าออกร้านค้าแห่งนี้มากมาย ตัวของชิงสุ่ยมีความสุขอย่างมากแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อศาสตราวุธ แต่พวกเขามาที่นี่เพื่อขายวัสดุต่างๆเช่นอัญมณีตามที่ชิงสุ่ยได้ติดประกาศเอาไว้ ตามป้ายบอกทางที่อยู่ด้านนอกของร้านค้าแห่งนี้

 

"ช่างตีเหล็ก ไม่ทราบว่าท่านจะยอมจ่ายเท่าไหร่เพื่อสิ่งของสิ่งนี้"ผู้เยาว์คนหนึ่งวางวัตถุสีดำทมิฬไว้บนโต๊ะในขณะที่เขาเอ่ยถาม

 

ชิงสุ่ยไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับโลหะประเภทต่างๆ ซึ่งวัตถุแห่งนี้เขาเองก็ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาค้นพบเคล็ดวิชาฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์เขาก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆอย่าง

 

เขาเริ่มใช้เคล็ดวิชาฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำความเข้าใจองค์ประกอบต่างๆที่อยู่ในสสารชิ้นนี้ สมบัติที่ดีย่อมมี "พลังทางจิตวิญญาณ"อยู่ภายใน ยิ่งความแข็งแกร่งของพลังจิตวิญญาณมากเท่าไหร่สิ่งของชิ้นนั้นยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น แล้วเมื่อเขาเริ่มใช้เคล็ดวิชาฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆกับเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ มันยิ่งทำให้เขามองเห็นคุณค่าที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

 

" 100 เหรียญเงิน"ชิงสุ่ยกล่าว

 

รุ่นเยาว์ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตอบว่า "ตกลง ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าจะขายโลหะดำชิ้นนี้ในราคานี้"

 

เมื่อมองดูโลหะดำ ชิงสุ่ยก็รู้ดีว่าโลหะนำชิ้นนี้ย่อมต้องมีราคาสูงกว่า 100 เหรียญเงิน

 

แต่ทุกคนบริเวณนั้นถึงกับอ้าปากร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นราคาซื้อขายของชิงสุ่ยที่สูงมาก ทั้งๆที่ร้านค้าอื่นนั้นซื้อขายมันอยู่ที่ราคาเพียงแค่  80 เหรียญเงินเท่านั้น

 

"ท่านคิดจะซื้อทุกอย่างจริงๆหรือ?"เสียงในกลุ่มฝูงชนร้องตะโกนออกมา

 

เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างดีอายุประมาณ 30 ปี เขามีขนคิ้วที่หนาแต่ศีรษะของเขานั้นแทบโล่นจนไร้เส้นผม ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับมองมาทางชิงสุ่ย

 

"สิ่งที่ข้าได้เขียนเอาไว้บนป้าย อย่าได้กังวลว่าข้าจะไม่อาจหาเงินตรามาจ่ายสิ่งของ  สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าเป็นพิเศษข้าจะใช้สินค้าอื่นๆที่มูลค่าเทียบเท่าหรือสูงกว่าเพื่อแลกกับสินค้าเหล่านั้น ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ขายคนใดเสียประโยชน์จากการขายขอให้ข้าในแต่ละครั้งอย่างเด็ดขาด"

 

สายรูปร่างดีพยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงคำพูดที่จริงจังของชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลย "ช่างน่าเศร้าใจที่ข้าไม่ได้มีของเหล่านั้นเลย ถ้าหากข้ามีข้าคงจะรีบนำมันมาแลกเปลี่ยนกับท่าน"

 

"เออใช่ ข้ามีบางสิ่งบางอย่าง ที่ถ้าหากท่านได้เห็นท่านจะต้องรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมัน อย่าเสียเวลาพูดอีกเลย เดี๋ยวก็จะกลับมาและนำบางสิ่งบางอย่างมาให้ท่านดู!!!"

 

ชิงสุ่ยยิ้มตอบรับก่อนที่เขาจะหันไปมองดูวัสดุที่เขาสร้างขึ้นจากทำงานในช่วงต้น ในปัจจุบัน กระบี่มรกตที่อยู่ในร้านทั้งหมดซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กฮูยูเอสถูกขายไปจนหมดสิ้นแล้ว ลูกค้าบางรายในร้านของคาวมาณที่แห่งนี้เพื่อที่จะทดลองใช้กระบี่ ซึ่งในทุกครั้งชิงสุ่ยก็มักจะอนุญาตให้พวกเขาทดลองดู มันจึงยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

 

----------------------------------------------------------

 

ภายในนิกายเทพกระบี่!!!

 

"ท่านผู้นำ ครั้งนี้มันกล้าสังหารสาวกนิกายของเรากลางวันแสกๆต่อหน้าผู้คนมากมาย เหตุเราจึงยังปล่อยให้ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้เปิดเผยความเย่อหยิ่งในการดูหมิ่นสาวกนิกายเทพกระบี่ของเราอยู่?"ชายชราคนหนึ่งที่มีแก้มสีแดงและหนวดเคราสีขาวกำลังมองไปที่ชายวัยกลางคนในขณะที่เขากล่าว

 

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้สีม่วง ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนนั้นคลื่นพลังที่เปิดออกมานั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง เข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเจาะลึกสู่หัวใจของผู้ที่อยู่เบื้องล่าง ขอสวมชุดอาภรณ์ประดับด้วยลวดลายของดวงดาว ดวงตาของเขานั้นอยู่ท่ามกลางราวกับความเชื่อพระจันทร์ แม้ว่าตัวเขานั้นจะปลดปล่อยความรู้สึกเศร้าหมองคล้ำ จมูกตรงพร้อมกับริมฝีปากที่โค้งอย่างอ่อนโยนแสดงให้เห็นถึงความหยิ่งทะนง กล้ามเนื้อที่อัดแน่นยิ่งทำให้ตัวตนของเขาเด่นชัดขึ้น

 

"ผู้อาวุโสหยิง ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานชายของท่าน เด็กหนุ่มต่อหน้าข้านั้นเปรียบได้ดั่งเม็ดฝุ่นทราย แต่มันเป็นเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังของมันคือช่างห่าย มันคือชางห่าย ท่านรู้หรือไม่?"

 

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไร้อำนาจและไม่เต็มใจ ในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้นำนิกายเทพกระบี่ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่สูงที่สุดภายในเมืองฝั่งทักษิณ มันเป็นเพราะไอ้เด็กขยะที่คอยทำลายชื่อเสียงของนิกายจนทำให้นิกายต้องสูญเสียผู้อาวุโสไปถึง 2 คน

 

การสูญเสียผู้อวุโสนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่นิกายเทพกระบี่นั้นไม่ต้องการให้การสูญเสียผู้อาวุโสเกิดขึ้นโดยไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษของนิกายเทพกระบี่นั้นเคยสั่งไว้ว่าห้ามให้สมาชิกยุ่งเกี่ยวกับชางห่าย แต่ตัวของมันต้องหยุดเองก็ไม่เคยเกรงกลัวชายที่ชื่อชางห่ายเลย

 

"ชางห่าย? เขาเป็นคนทำให้ผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสฮูต้องพิกลพิการอย่างนั้นหรือ?"

 

"ถูกต้อง เป็นเขาเอง ชายผู้ที่ บรรพบุรุษของเราบอกย้ำไม่ให้พวกเราเป็นศัตรูกับเขา และจากกฎของนิกาย หลังจากที่ผู้อาวุโสเฟิงกลายเป็นคนพิกลพิการเขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งภายในนิกายทันที ส่วนตัวหลานชายของเขานั้นก็ถูกเนรเทศไปยัง "เกาะโลกธารา"

 

ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างสุภาพและเต็มไปด้วยความเคารพ "ทุกอย่างคงต้องให้บรรพบุรุษเป็นผู้ตัดสินใจ"

 

"ชางห่ายเอ้ย ชางห่าย ข้าอดทนกับเจ้ามาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว แม้ว่าเจ้าจะมาจากนิกายเทวโลก แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่ามีเช่นกันบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าไม่อาจทำลายได้ นอกจากนี้เจ้ายัง…………"

 

" ชือเอ๋อ เจ้ากลับไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง"

 

ผู้อาวุโสหยิงตั้งค่าลิมิตหลังจากได้ยินคำว่า "เกาะโลกธารา" หลังจากนั้นเขาก็ตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า "เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะทำให้ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอต้องเผชิญความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน ตอนนี้คนเบื้องนอกกำลังพูดกันอย่างสนุกปากในเรื่องเกี่ยวกับนิกายเทพกระบี่ของเรา คำติฉินนินทาในตอนนี้แผ่กระจายไปทั่วผืนนภาเรียบร้อยแล้ว"

 

"พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจในคำพูดของผู้อื่น แต่เราควรควบคุมคนภายในนิกายของเราให้ได้ ข้ารู้ว่าพวกเรานั้นมักจะทำตามใจของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าควรจะหาวิธีรับมือในผลพวงที่ตามมาจากการกระทำของพวกเจ้าด้วย"ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเศร้าโศกเสียใจ

 

ผู้อาวุโสหยิงหัวใจบีบเต้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน คลื่นพลังแห่งความฝันเหตุการณ์ที่ปลดปล่อยออกมาในตอนแรกนั้นแทรกซึมเข้าสู่ความกลัวในจิต

 

ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายอันทรงพลัง ซึ่งกำลังแสดงท่าทางหยิ่งยโสยกศีรษะขึ้นเงยมองท้องฟ้าสีคราม พร้อมทั้งถอนหายใจและเดินจากไป เสียงฝีเท้าของเขาสั่นสะเทือนไปทุกย่างก้าวแต่กลับเบาหวิวราวกับเดือนในห้วงอากาศ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาแต่ดูช้าแต่มันกลับรวดเร็วอย่างยิ่ง มันอาจเป็นเพราะทักษะการเคลื่อนไหวที่ลึกลับ

 

ในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าของห้องโถงจงถัง ทุกอย่างภายในห้องโถงจงถังถูกสร้างขึ้นด้วยสีดำโทนเทา เขายืนลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่งตรงหน้าทางเข้า ชายวัยกลางคนค่อยๆก้าวเข้าไปสู่ภายในห้องโถง ตรงกลางของห้องโถงนั้นมีบันไดที่ทอดยาวลงสู่เบื้องล่าง ซึ่งชายวัยกลางคนก็ค่อยๆเดินตามบันไดลงไป

 

หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่หนึ่งชายวัยกลางคนก็ลงไปถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นของอดีตผู้นำทั้งหมดในนิกายเทพกระบี่ สถานที่แห่งนี้คือ หอบรรพชนแห่งนิกายเทพกระบี่

 

"ท่านบรรพบุรุษ!!"

 

ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง

 

หลังจากนั้นความเงียบก็คืบคลานเข้าสู่บริเวณรอบๆตัวของชายวัยกลางคน และแล้วชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ

 

ชายชราคนนี้มีดวงตาสีฟ้าจางๆในมือของเขานั้นถือไม้เท้าทองคำหัวมังกร เส้นผมที่ขาวโพลนแสดงให้เห็นความน่าเลื่อมใสและคล้ายกับผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับ

 

"ท่านบรรพบุรุษ!!"ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงบนบริเวณฝ่าเท้าของชายชรา

 

" ชือเอ๋อ มันเกิดอะไรขึ้น?"ดวงตาของชายชราปิดลงราวกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ถ้าหากมีผู้ใดได้พบเห็นความอึดอัดเหล่านี้ จะพบว่าชายชราคนนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับไป๋ลี่จิงเว่ย ได้กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

แม้แต่รูปร่างหน้าตาของเขาก็ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีเมตตา

 

"ท่านบรรพบุรุษ ชือเอ๋อช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก ข้าทำให้ชื่อเสียงของนิกายเทพกระบี่ต้องมนหมองโดยที่ข้าไม่อาจยื่นมือเข้าไปทำอะไรได้เลย ชือเอ๋อขอให้ผู้ประสงค์ลงโทษข้าด้วยเถิด"

 

"ลุกขึ้น!!!"ชายชราค่อยๆจับแขนของชายวัยกลางคนเพื่อให้เขาลุกขึ้นมา

 

ใช้วัยกลางคนค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ความรู้สึกของเขาฟังอย่างละเอียด และอาจปรุงเสริมเติมแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อทำให้ชิงสุ่ยยิ่งดูไร้ความปราณีและโหดร้ายมากยิ่งขึ้น

 

"สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นสาวกหรือแม้กระทั่งผู้อาวุโส ข้าจะกักขังพวกมันทั้งหมดไว้ในเกาะโลกธารา"ชายชรากล่าวอย่างใจเย็น

 

หลังจากชายวัยกลางคนจากไป ร่างกายของชายชราก็ส่องแสงวาปและหายไปจากสายตาในทันที

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ชิงสุ่ยใช้เวลาช่วงบ่ายทั้งหมดในการหล่อหลอมกระบี่มรกตทั้ง 2 อัน เวลาทั้งหมดที่เขาใช้นั้นดูเหมือนว่าคุณภาพของมันจะเพิ่มพูนขึ้นจนใกล้เคียงกับกระบี่นภาสัมฤทธิ์ที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านี ไม่เพียงแค่นั้นกระบี่เล่มแรกยังดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเล็กน้อยคือมันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 30 ระดับ และเพิ่มพูนความทนทานอีก 20 ระดับ ส่วนกระบี่มรกตชิ้นที่ 2 มันมีประสิทธิภาพเหมือนกับกระบี่นภาสัมฤทธิ์ ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยค่อนข้างพอใจอย่างยิ่ง เขาเริ่มวาดฝันจินตนาการว่าถ้าหากเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติทั้งหมดจนเกิน 100 ระดับได้ หรืออาจจะถึง 1000 ระดับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถที่เพิ่มขึ้นในด้านความเร็ว มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน?

 

ในยามราตรีชิงสุ่ยยังคงกลับเข้าไปฝึกฝนในดินแดนหยกยุพราชอมตะแต่ไม่ทันไร เขาก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความแตกต่างบางอย่าง ซึ่งไม่มีเหตุผลใดๆรองรับ

 

ความรู้สึกเรื่องพลังภายใต้ดินแดนห้วงมิติเพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกทุกอย่างชัดเจนอย่างมากแม้กระทั่งทุ่งสมุนไพรที่เขาฝากเอาไว้กำลังสั่นเครือเพราะพวกมันกำลังดูดพลังปราณที่กระจายมากมายอยู่ในอากาศ

ใกล้ทะเลสาบผลึก ชิงสุ่ยข้อสังเกตเห็นต้นไม้สูงประมาณ 1 เมตร ลำตัวของมันนั้นมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ แม้ว่ามันจะค่อนข้างเล็กแต่มันกลับมีดอกสีโลหิตเบ่งบานสะพรั่ง ขนาดของดอกไม้นั้นคล้ายคลึงกับดอกไม้ที่บานจากต้นนิรนาม อย่างไรก็ตามดอกไม้สีแดงนี้ให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลัง!!!

 

ชิงสุ่ยรีบวิ่งไปดูที่หินศิลาจารึกพวกเขารู้ดีว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจะปรากฏขึ้นบนหินจารึกนี้ และเมื่อเขามาถึงเขาก็พบคำ 5 คำที่จารึกอยู่บนยิงจารึกนี้

 

"ดอกไม้แห่งชีวิต!!!!"

 

รีวิวผู้อ่าน