px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 245 - ภัยร้ายของผู้ฝึกสัตว์อสูร ระฆังสะท้านจิต


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 245 - ภัยร้ายของผู้ฝึกสัตว์อสูร ระฆังสะท้านจิต

 

ชิงสุ่ยค่อนข้างสนใจในความงดงามของหญิงสาวที่อยู่ตรงกลาง รอยยิ้มมันเจือจางของเธอนั้นได้แทรกซึมเข้าสู่หัวใจของชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยกำลังถูกจับจ้องด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย มันเป็นไปด้วยความเป็นอึดอัด และแล้วก็มีคนนำสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเข้ามา

 

"ให้ตายเถอะ หยาง ล่าวซาน นี้เจ้านำกระดิ่งร้าวๆที่เป็นของบรรพบุรุษของเจ้ามาจริงๆหรือ!!"ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มีกระเป๋าอยู่ในมือ

 

"ไป๋ หลางไจ๋ นี่มันระฆังโบราณที่เป็นมรดกสืบทอดของตระกูลข้า หาใช่กระดิ่งร้าวๆดั่งที่เจ้าว่า"ชายหนุ่มตะโกนไปหยางล่าวซานด้วยความหงุดหงิด อาจเป็นเพราะเขากังวลว่าชิงสุ่ยอาจจะเชื่อในคำพูดของหยางล่าวซาน ซึ่งมันอาจดับความตั้งใจของเขาไป

 

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่เขามองไปยังชายหนุ่มทั้งสองคนโดยเฉพาะชายหนุ่มที่ตะโกนเรียกชื่อไป๋หลางไจ๋ ชิงสุ่ยรู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณที่เล็ดลอดออกมาจากกระเป๋าของชายหนุ่มคนนั้น มันเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์อย่างมาก

 

"นายท่าน โปรดอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของชายคนนั้น สมบัติของค่าถูกส่งต่อโดยรุ่นสู่รุ่นโดยบรรพชนของข้า  ท่านโปรดเอาไปดูเถิด ไม่ทราบว่าสิ่งนี้พอจะใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนกับกระบี่ของท่านได้หรือไม่?"หยาง ล่าวซานมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาที่จริงจัง

 

ชิงสุ่ยยิ้ม ในตอนนี้เขาต้องการที่จะดูสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าและเขาก็ค่อยกล่าวว่า "ตราบเท่าที่สิ่งของๆเจ้าเป็นของมีค่า ถ้าจะไม่ยอมให้เจ้าสูญเสียประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น"

 

"นายท่านโปรดรับไปตรวจสอบเถอะ" หยางล่าวซานหยิบกระเป๋าและส่งให้

 

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่เขารับกระเป๋าของหยางล่าวซานมอบไว้ในมือ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าสิ่งของในกระเป๋านั้นเป็นระฆังที่สามารถส่งเสียงกึกก้องได้

 

ชิงสุ่ยค่อยๆเปิดกระเป๋าและแล้วระฆังสีม่วงที่แสนปราณีตก็ปรากฏขึ้นบนมือ มันมีขนาดที่พอเหมาะและสามารถถือได้ด้วยมือเดียว สิ่งของชิ้นนี้ให้ความรู้สึกกึกก้องและลึกซึ้ง มันมีรูเล็กๆ 2 ข้างขนาดเท่าเม็ดถั่ว มีลูกบอลกลมอยู่ภายในเปล่งประกายแสงสีม่วงให้ความรู้สึกดั่งปีศาจ

 

กลิ่นอายที่ซับซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใน มันสามารถสั่นสะเทือนจิตใจได้โดยไม่ต้องสั่นระฆังเลย ชิงสุ่ยรู้สึกปลื้มปิติอย่างยิ่ง เขาเคยต้องการสิ่งของชิ้นนี้เพราะว่ามันคือ ระฆังสะท้านจิต สิ่งของที่เขารู้สึกคุ้นเคย

 

ระฆังสะท้านจิต!!!!!

 

การนใช้ระฆังสะท้านจิตคือการขับไล่สัตว์อสูร เพียงแค่สั่นระฆังมันก็สามารถปัดเป่าจิตวิญญาณที่อยู่ภายในร่างกายของสัตว์อสูรกระจัดกระจายออกไปได้ทันที

 

"นายท่าน มันเป็นอย่างไรบ้าง?"

 

ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของหยางล่าวซาน เขาพูดด้วยความสั่นเครือตลอดเสียงมันบ่งบอกได้เลยว่าชายหนุ่มคนนี้ลงในในศาสตราวุธชิ้นนี้อย่างแน่นอน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้รับศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้

 

เมื่อมองดูชายหนุ่มที่ซื่อตรงอายุประมาณ 30 ปี เขาดูเหมือนคนที่แข็งแกร่งแต่ฉันน่าเสียดายที่เขาไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธใดๆเลย จากการแต่งตัวดูเหมือนเขาจะเป็นเพียงนายพรานเท่านั้น

 

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งของชิ้นนี้ใช้ทำสิ่งใดและมีคุณค่าประมาณเท่าใด?" ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม

 

เมื่อชายหนุ่มหยางล่าวซานได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย เขาส่ายหน้าด้วยความงุนงง ความผิดหวังกําลังเติมเต็มเข้าสู่หัวใจ เขาเริ่มคิดว่าสิ่งของที่ไม่มีใครรู้วิธีใช้ชิ้นนี้คงจะไม่มีผู้ใดยอมแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรามากมายถึงขนาด 5 ล้านเหรียญเงิน

 

"เจ้าอย่าได้กังวล ข้าชอบระฆังเล็กๆชิ้นนี้ และข้าก็เคยกล่าวไว้แล้วว่าถ้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียประโยชน์แม้แต่น้อย ในชีวิตนี้เจ้าเคยคิดหวังว่าเจ้าจะสามารถทะลวงผ่านขั้นเทวะเซียนเทียนหรือไม่?"

 

คำพูดของชิงสุ่ยสร้างความตกตะลึงให้กับหยางล่าวซาน แม้แต่หญิงสาวที่อยู่ในร้านเองก็ยังตกตะลึง

 

"ข้าไม่รู้แม้แต่วรยุทธ ผมคงมิอาจฝึกฝนกลยุทธ์ต่างๆได้อย่างแน่นอนในชีวิตนี้ อย่างมากที่สุดในชีวิตนี้ข้าเคยหวังว่าข้าจะบรรลุระดับปานนักรบขั้นที่ 6 แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความหวัง นับประสาอะไรกับระดับเทวะเซียนเทียน มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน"

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงสุ่ย จึงหยิบกล่องใส่ยาเม็ดทลายอำนาจสวรรค์ออกมา และปิดผนึกมันเอาไว้ในขวดแก้ว เขารู้ดีว่ายาเม็ดนี้เปรียบดั่งยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์หากอยู่ในมือมนุษย์ธรรมดา แต่มันเป็นพิษภัยถ้าหากอยู่ในมือของผู้ฝึกตนที่เก่งกาจ

 

" ยาเม็ดนี้จะช่วยให้เจ้าบรรลุถึงขั้นสุดยอดของระดับปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 10  และมันจะสามารถทำให้เจ้าพร้อมต่อสู้ในทันที อย่างไรก็ตาม มันจะทำลายโอกาสในการที่เจ้าจะสามารถเข้าถึงระดับขั้นพลังปราณเทวะเซียนเทียน  ดังนั้นเจ้าควรพิจารณาให้รอบคอบ ถ้าหากเจ้าเลือกที่จะใช้มัน ก็จงรับมันไป แต่เจ้าจะต้องรู้เอาไว้ว่ามันเป็นตัวปิดกั้นอนาคตของเจ้า สำหรับศาสตราวุธ เจ้าสามารถเลือกทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการไปได้เลย" ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขณะที่เขามองไปทางหยางล่าวซาน

 

"นี่มันเรื่องจริงหรือ? มันช่างน่าอัศจรรย์มาก ข้าเคยได้ยินชื่อยาเม็ดนี้มาก่อน มันเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงอย่างมาก แม้ว่าข้าจะขายทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลของข้า ข้างก็คงไม่อาจซื้อมันได้"

 

"หยางล่าวซานเจ้าช่างเป็นคนที่โชคดีเสียนี้จริงๆ ถ้าไม่คิดเลยว่ากระดิ่งร้าวๆนั้นมันจะ……….."ชายหนุ่มที่ชื่อไป๋ หลางไจ๋จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

"ในอนาคต ข้าขอติดตามพี่ชายหยาง……"

 

หยางล่าวซานยืนราวกับคนไร้ความรู้สึกอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับชิงสุ่ยและเอื้อมมือไปหยิบขวดแก้วที่มีบรรจุยาเม็ดทลายอำนาจสวรรค์ และเปิดขวดพร้อมกับเทมันเข้าปาก!!!

 

ชิงสุ่ยรู้สึกคาดไม่ถึง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้เหลือบมองเลยว่ายาเม็ดทลายอำนาจสวรรค์มันมีลักษณะอย่างไร มันเป็นเพราะหยางล่าวซานใจร้อนหรือว่าเชื่อใจในตัวเขากันแน่…..?

 

ไม่เกิน 3 ลมหายใจหลังจากที่หลางล่าวซานกินยาเม็ดทลายอำนาจสวรรค์ แสงสีทองที่เปล่งประกายก็พุ่งกระจายออกมาจากร่างกายเขา มันเป็นภาพที่หาดูได้ยาก

 

เพียงชั่วอึดใจ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งก็กระจายออกมาจากร่างกายของหยางล่าวซาน ชิงสุ่ยยิ้มขณะชายตามองดูเขา เขารู้สึกได้ว่ายาเม็ดทลายอำนาจสวรรค์ได้ยกระดับการบ่มเพาะของเขาขึ้นไปสู่ระดับที่ 2  ของขั้นปราณบัญชาสวรรค์ มันทำให้ชิงสุ่ยมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงจากยาเม็ดชนิดนี้ ในเวลาเดียวกันยาเม็ดนี้ก็ได้บังคับให้เส้นลมปราณและจุดตันเถียนเปิดออกไปรับพลัง

 

และแน่นอน กระบวนการเหล่านี้ย่อมต้องสร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับผู้ที่ใช้มัน แต่ถ้าสามารถแลกมาซึ่งความแข็งแกร่ง ความเจ็บปวดเหล่านี้ย่อมน้อยกว่าเป็นพันเท่า

 

หยางล่าวซานรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจอันมหาศาลในร่างกาย เขารู้สึกปลื้มปิติยินดีจนมิอาจอธิบายความรู้สึกต่างๆของเขาออกมาได้ เขาคุกเข่าลงในทันทีและกล่าวคำขอบคุณชิงสุ่ย

 

แต่ชิงสุ่ยก็ได้ใช้มือข้างหนึ่งของเขาหยุดการกระทำของหยางล่าวซานเอาไว้ "เอาละ เลือกกระบี่ของเจ้าแล้วรีบไปซะ ทุกคนกำลังจ้องมองเจ้าอยู่"ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวคำพูด

 

หยางล่าวซานยิ้มพร้อมทั้งลูบศีรษะ จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบกระบี่ที่วางอยู่บนชั้นวางและรีบจากไป!!!!

 

เมื่อทุกคนเห็นว่าหยางล่าวซานได้รับผลตอบแทนที่เกินความคาดหมายจากการแลกเปลี่ยนเพียงแค่ "กระดิ่งร้าวๆ" ทั้งฝูงชนก็รีบกระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นและมองไปที่การกระทำที่กระตือรือร้นเหล่านั้น

 

ชิงสุ่ยมองดูหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนถือกระบี่ ดวงตาอันงดงามที่กำลังเปล่งประกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสนใจ

 

"ศาสตราวุธชิ้นนี้สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของได้อย่างนั้นหรือ?"หญิงสาวค่อยๆกล่าวออกมา

 

"อืม กระบี่เล่มนี้ย่อมดีกว่าของทั่วไป!!!"ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ

 

หญิงสาวมองดูศาสตราวุธที่อยู่ในมือจากนั้นก็มองไปที่ชิงสุ่ย " ข้ายังไม่อาจซื้อมันได้ในตอนนี้ แต่ถ้าหากถ้ามีเงินเพียงพอเมื่อไหร่ ข้าจะซื้อมัน"

 

"แท้จริงแล้ว เจ้าสามารถนำสิ่งของที่น่าสนใจมาแลกเปลี่ยนกับข้าเพื่อรับกระบี่เล่มนี้ไปได้ มันอาจจะเป็นหินอัญมณี แร่ ใบส่วนผสมยา หรือตราบเท่าที่ข้าสนใจอะไรก็ได้"ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้ม

 

"ใบส่วนผสม? ข้ามีอยู่ 1 ใบ แต่ข้าเคยนำมันไปให้นักปรุงยาหลากหลายคนดู แต่พวกเขาต่างบอกว่ามันไร้ประโยชน์ ดังนั้นไว้วันหน้าข้าจะเอามาให้เจ้าดู"

 

หลังจากกล่าวจบหญิงสาวก็เริ่มเผยเรียวแขนที่ขาวราวกับหิมะพร้อมทั้งเอากำไรออกมา เพียงวาบเดียวที่สะบัดมือ ชิงสุ่ยสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามันมีหินสีดำที่แสนมีค่าอยู่ในนั้น มันดีกว่าชิ้นที่แม่ของชางห่ายหมิงเยวี่ยมอบให้กับห่าวหยุนลิ่วลี่ ซึ่งมันอาจจะเป็นหินระดับ 3

 

หญิงสาวคนนั้นส่งมาให้กับชิงสุ่ย "ลองดูนี่สิ แล้วบอกข้าด้วยว่าข้าจะต้องเตรียมอะไรอีก ข้าต้องการกระบี่เล่มนี้"

 

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างข่มขืนพร้อมกับส่ายหน้าและมองไปที่หญิงสาวคนนั้น "สุภาพบุรุษย่อมไม่ฉกฉวยของรักของผู้อื่นเพียงแค่เจ้านำใบส่วนผสมยามาให้ข้าในภายหลัง ตอนนี้กระบี่เล่มนี้ก็จะเป็นของเจ้า"

 

ชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างมากที่เห็นผู้หญิงคนนี้ชื่นชอบกระบี่เล่มนี้มากจนถึงขั้นยอมแลกเปลี่ยนกับของสำคัญ ความประทับใจที่ชิงสุ่ยมีต่อหญิงสาวทรงปัญญายิ่งเพิ่มขึ้น

 

"เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหนีไปพร้อมกับดาบของเจ้าอย่างนั้นหรือ?"หญิงสาวไม่คาดคิดว่าชิงสุ่ยจะแสดงกิริยาง่ายๆ ตลอดเวลา

 

"ศาสตราวุธชิมิมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าเองก็หวังว่าหลังจากที่เจ้าได้ครอบครองมันเจ้าจะหนีจากข้า เพราะถ้าหากข้าเจอเจ้าในครั้งหน้า ข้าจะได้จับเจ้ามาเป็นแทนเงิน"ชิงสุ่ยมองไปที่ระฆังสะท้านจิตและกล่าวอย่างมีความสุข

 

"แล้วข้าจะนำมันมาให้เจ้าในภายหลัง!!" หลังจากกล่าวจบ หญิงสาวคนนั้นก็จากไปพร้อมกับกระบี่มรกต เขาไม่ได้ตำหนิคำพูดใดที่ชิงสุ่ยกล่าว หญิงสาว 2 คนที่มาจากนิกายสราญรมย์ก็เดินตามหลังเธอแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

 

ชิงสุ่ยยังคงจดจ่ออยู่กับระฆังสะท้านจิต ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่คือการสั่นสะเทือนจิตใจจนทำให้พวกสัตว์อสูรเหล่านั้นถึงกับสามารถแว้งกัดและโจมตีเจ้าของตัวเองได้ ชิงสุ่ยโหยหาสิ่งของชิ้นนี้มาตั้งแต่เขาได้รับวิหคเพลิง แม้ว่าเขาจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีวิหคเพลิง แต่เขาก็รู้ดีว่ายังมีสัตว์อสูรตนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าวิหคเพลิงของเขา และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเขาก็คงไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ดังนั้นการมีระฆังสะท้านจิตจึงถือว่าเป็นเครื่องป้องกันที่ดีชนิดหนึ่ง

 

ชิงสุ่ยรู้สึกถึงพลังที่อยู่ในระฆังสะท้านจิตมันช่างเหมือนกับดอกไม้แห่งชีวิต เขาจึงหยิบระฆังสะท้านจิตออกมาแล้วค่อยๆโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลถ่ายเทเข้าสู่มัน!!

 

"เออ? ข้าจะสามารถปรับแต่งมันได้หรือไม่นะ?"ชิงสุ่ย สังเกตเห็นว่าพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลเริ่มแทรกซึมเข้าสู่ระฆังสะท้านจิต

 

ชิงสุ่ยค่อนข้างปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากเขาสามารถผสมผสานระหว่างพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลกับระฆังสะท้านจิตได้ มันจะต้องกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งในอนาคตอย่างแน่นอน ชิงสุ่ยเองก็ยังคงโคจรพลังปราณต่อไป

 

หลังจากนั้น 15 นาที ชิงสุ่ยก็เริ่มตระหนักได้ว่ามันไม่อาจซึมซับพลังปราณได้อีกต่อไป นั่นก็หมายถึงว่าระฆังชิ้นนี้ได้ถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์แล้ว ชิงสุ่ยจึงเริ่มอยากรู้ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากที่ใช้ระฆังสะท้านจิตชิ้นนี้

 

ชิงสุ่ยเริ่มทำการสั่นระฆังสะท้านจิตเพียงเล็กน้อยๆ

 

"วู้ม วู้ม!!!!"

 

เสียงที่สั่นสะเทือนจิดวิญญาณคล้ายคลึงกับภาพพายุเข็มหมุดนับล้านเล่มสามารถบดขยี้สมองของผู้คนทั่วไปได้ในชั่วพริบตา มันไม่เหมือนกับเสียงของระฆังในตอนแรก หรือมันอาจเกิดจากพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลที่เขาถ่ายเทลงไป?

 

ขอบคุณสวรรค์ที่ช่วยให้ไม่มีใครอยู่ภายในร้านช่างตีเหล็กอย่างนี้ เพราะขนาดเสียงที่เล็ดลอดออกไปนั้น ทันทีที่มันออกสู่ถนนผู้คนบนถนนเกิดความวุ่นวายพร้อมกับเสียงกรีดร้องมากมายในทันที

 

รีวิวผู้อ่าน