px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 258 - หญิงสาวก็ยังคงเป็นหญิงสาว ความมหัศจรรย์ของย่างก้าวกระเรียนทะยาน


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 258 – หญิงสาวก็ยังคงเป็นหญิงสาว ความมหัศจรรย์ของย่างก้าวกระเรียนทะยาน

 

"เยวี่ยเยวี่ยไม่ต้องเป็นห่วง มาเถอะ ข้าจะกอดเจ้าเอาไว้..."

 

ชิงสุ่ยยังไม่ทันจะพูดจบ ชางห่ายหมิงเยวี่ยจะกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของชิงสุ่ย เขายืนนิ่งด้วยความตกใจ

 

ตอนแรกเขาเห็นว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยรู้สึกหดหู่จึงอยากจะทำให้เธอผ่อนคลาย แต่ใครจะคิดว่าเรื่องนี้แบบนี้จะเกิดขึ้น ชางห่ายหมิงเยวี่ยเกิดอาการสั่นเทาขณะอยู่ในอ้อมกอดของเขา หัวใจของชิงสุ่ยเองก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

 

ไม่ว่าเธอจะเข้มแข็งและโดดเด่นอย่างไร แต่เธอก็ยังคงเป็นหญิงสาวที่มีอารมณ์ความรู้สึกในแบบตามธรรมชาติของมนุษย์ เธอรู้ว่าสิ่งต่างๆจะไม่ง่ายเหมือนสิ่งที่ชิงสุ่ยพูดและคิดถึงความเป็นไปได้ที่ว่าบางสิ่งจะเกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเธอ มันทำให้หัวใจของเธอสับสนวุ่นวาย

 

เธอไม่ต้องการที่จะเผยความอ่อนแอต่อหน้าพ่อแม่ของเธอหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้พวกเขากังวลเกี่ยวกับเธอ ก่อนหน้านี้ต่อหน้าห่าวหยุนลิ่วลี่เธอเป็นดั่งอาจารย์จึงไม่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมาได้มากนัก แต่วันนี้เมื่อเธอได้พบกับชิงสุ่ย ถ้อยคำอบอุ่นและการปลอบโยนของเขาทำให้เธอเหมือนเห็นเงาของบิดาของเธอซ้อนทับอยู่ในตัวเขา เธอไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจของเธอได้อีกต่อไป เธอกอดชิงสุ่ยและปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดออกมา

 

ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาถึงความกดดันที่เธอต้องเผชิญ เขาเอื้อมมือออกไปและค่อยๆลูบหลังของเธอเพื่อช่วยให้เธอผ่อนคลาย

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยกอดชิงสุ่ยอย่างแนบแน่น ขณะที่ร่างกายของเธอยังคงสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ภายใต้การเคลื่อนไหวมือของชิงสุ่ยบนหลังของเธอ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นมา มันทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจ

 

"เยวี่ยเยวี่ย ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร จะไม่มีสิ่งเลวร้ายใดๆเกิดขึ้น" ชิงสุ่ยค่อยๆปลอบโยนโดยกระซิบข้างๆหูของเธอ

 

เธอเงยใบหน้างดงามของเธอขึ้นมา มันคล้ายกับน้ำฝนที่หยดลงบนดอกไม้อันงดงาม ดวงตาของเธอค่อยๆเต็มไปด้วยน้ำตาและมีสีแดงจางๆเจือปน เธอคงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนของเขาอย่างนี้...

 

ชิงสุ่ยอยู่ห่างจากความงดงามของชางห่ายหมิงเยวี่ยเพียงครึ่งนิ้วเท่านั้น ดอกไม้อันงดงามส่งกลิ่นหอมล่องลอยเข้าสู่จมูก อย่างไรก็ตามเห็นความเศร้าโศกของเธอก็ยังคงเหลืออยู่ เขาระงับอารมณ์ความปราถนาอื่นใดของเขาและกอดเธออย่างแนบแน่นมากขึ้น

 

กอดอันนุ่มนวลและอ่อนโยนของชางห่ายหมิงเยวี่ยที่มีต่อเขาพร้อมกับใบหน้าที่เอียงอายของเธอ ทำให้ชิงสุ่ยสีหน้าแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย

 

เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยเป็นเช่นนั้น ชางห่ายหมิงเยวี่ยก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่เธอจับไปบนใบหน้าของชิงสุ่ยก่อนที่จะผลักดันเขาออกไป ชิงสุ่ยกอดเธอไว้แน่นเกินไปและเธอก็รู้สึกราวกับว่ามีเหล็กกล้าคอยผลักดันอยู่ที่ท้องของเธอจากด้านล่าง

 

"ขอบคุณ ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าในช่วงชีวิตนี้" ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้มแย้มแจ่มใส รอยยิ้มนั้นทำให้ชิงสุ่ยสั่นสะท้าน เขาได้เก็บภาพนั้นเอาไว้ในสมองของเขาและประทับมันไว้ในความทรงจำ

 

เธอหมายความว่าอย่างไร? เธอมีลางสังหรณ์ว่าพวกเขาจะไม่สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้หรือไม่?

 

………………………………………………………………………….

 

ตอนนี้เขารู้สึกเป็นอิสระอย่างมากที่ไม่ได้ไปร้านตีเหล็ก เขาเดินกลับไปที่ห้องของเขา ชิงสุ่ยอยากจะเดินไปบนชั้นสอง แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะกลับไปฝึกฝนตามกิจวัตรประจำวันของเขาในทุกๆเช้า "ทีนี้ข้าก็จะมีเวลาในการฝึกฝนทักษะของข้าได้มากขึ้น"

 

รูปลักษณ์กระเรียน!

 

เขาได้บรรลุถึงความสำเร็จขั้นเริ่มต้น แต่ก็ยังไม่ได้ผ่านไปสู่ขั้นเพิ่มพูล แม้จะมีการฝึกฝนรูปลักษณ์กระเรียนอย่างสม่ำเสมอ

 

เขาเปิดใช้งานลมปราณรูปลักษณ์กระเรียนและย่างก้าวกระเรียนทะยาน ชิงสุ่ยรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อยในใจ เขานึกถึงชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ หลังจากนั้นสักครู่เขาก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นและหันไปมอง

 

ชิงสุ่ยชื่นชมความงามของพวกเธอขณะที่เขามองไปที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่ที่กำลังเดินอยู่ หญิงสาวทั้งสองคนสวมใส่ชุดเกราะและรองเท้าสีเขียวหยก มันทำให้เขาตกตะลึงกับความงามที่งดงามของพวกเธอ

 

ขาเรียวงามดั่งหยกกับรอยยิ้มจางๆและกลิ่นอายอันสง่างามที่พวกเธอมีทำให้ชิงสุ่ยเกือบจะน้ำลายไหล ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่สะโพกของพวกเธอที่กำลังพริ้วไหวไปกับสายลม

 

"ชิงสุ่ย เจ้าต้องการที่จะเห็นหมิงเยวี่ยในชุดเกราะของเธอหรือไม่? เธองดงามใช่หรือไม่!"

 

"สวยงาม งดงาม งดวงามมาก..."

 

ห่าวหยุนลิ่วลี่ไม่ได้พูดอะไร!

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยขยับตัวเธอไปหาชิงสุ่ย นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่เขาพึมพำคำว่างดงามออกมา "เมื่อมองไปที่การแสดงออกบนใบหน้าของเจ้า นี่หรือคนที่ผู้อื่นต่างยกย่อง?"

 

ชิงสุ่ยหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะได้สติกลับคืนมา พวกเธอรู้ว่าชิงสุ่ยกำลังฝึกฝนอยู่ พวกเธอต้องการให้ชิงสุ่ยแนะนำสั่งสอน เนื่องจากพวกเธอต้องการที่จะเพิ่มพลังให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

การฝึกฝนรูปลักษณ์หมีนั้นดูน่าเกลียดและเงอะงะ เมื่อหญิงสาวทั้งสองใช้เทคนิคนี้ชิงสุ่ยเกือบจะมีเลือดออกจากจมูก ใครจะคิดว่ารูปลักษณ์หมีในมือของพวกเธอจะสามารถแสดงความสง่างามและความสุขุมเช่นนี้ออกมาได้ มันต่างโดยสิ้นเชิงจากช่วงเวลาที่เขาได้ฝึกฝนเมื่อก่อนหน้านี้ หลวนหลวนด่าทอและฉีกเขาเป็นชิ้นๆด้วยคำพูดอันรุนแรงต่อการกระทำนั้น

 

บางครั้งชิงสุ่ยก็แนะนำพวกเธอและการสัมผัสทางร่างกายก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชิงสุ่ยต้องระงับความปรารถนาของเขาเอาไว้และแนะนำพวกเขาอย่างมืออาชีพ หลังจากนั้นเขาได้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบขั้นสมบูรณ์ของรูปลักษณ์พยัคฆ์  กวางย่างก้าว ตลอดจนรูปลักษณ์กระเรียนซึ่งเป็นจุดสูงสุดของระดับความสำเร็จขั้นเริ่มต้น

 

เมื่อทั้งสองคนได้ทำการฝึกฝนรูปลักษณ์กระเรียนแล้วเห็นได้ชัดว่าพวกเธอยังไม่ค่อยชำนาญในเรื่องนี้ พวกเธอคล้ายคลึงกับลูกกระเรียนขาวที่พยายามจะเรียนรู้วิธีการโผบิน ชิงสุ่ยรู้สึกถึงลมหายใจและกลิ่นอายของหญิงสาวทั้งสองคนที่เปลี่ยนไป

 

ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของเขาได้รับการปรับปรุงใหม่อีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะเขามีการฝึกตนแบบทวิบ่มเพาะด้วยกายานพเก้าของชิงห่านยี่

 

คนที่อยู่ลึกเกินไปจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนกับคนที่สังเกตจากภายนอก

 

ชิงสุ่ยเริ่มฝึกฝนรูปลักษณ์กระเรียนโดยไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการไหลเวียนของเลือดลื่นไหลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

หญิงงามทั้งสองหยุดลงเมื่อชิงสุ่ยทำการฝึกฝนรูปลักษธ์กระเรียนอย่างฉับพลัน เขาเป็นเหมือนดั่งเมฆที่ล่องลอยและสายน้ำลื่นไหล การร่ายรำของเขาช่างงดงาม

 

ในที่สุดชิงสุ่ยก็เข้าใจถึงสาระสำคัญของรูปลักษณ์กระเรียน เขาคำนึงถึงม่านกระเรียนขาวสยายปีกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่เขาจำลองท่าทางการสยายปีกของมัน

 

ตามธรรมชาติการไหลเวียนของลมปราณจะแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา ลมปราณจะถูกเสริมสร้างในขณะที่หายใจเข้าออก ชิงสุ่ยฝึกฝนอย่างไม่หยุดหย่อน เขาใช้ความเข้าใจในเรื่องย่างก้าวกระเรียนทะยานเข้ามาเสริม

 

หญิงสาวทั้งสองเห็นภาพเงาของชิงสุ่ยในหลายแห่ง แต่ร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เคลื่อนย้ายออกจากจุดเดิม ยิ่งชางห่ายหมิงเยวี่ยเฝ้าดูมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรู้สึกว่าชิงสุ่ยเคลื่อนไหวไปมาหลายต่อหลายครั้งอย่างรวดเร็วในขณะที่พวกเธอกระพริบตาจากจุดๆนั้น

 

เธอขยับตาและมุ่งความสนใจไปที่เขาทำให้เธอสามารถมองเห็นภาพการเคลื่อนไหวอันเรือนรางของชิงสุ่ยที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอได้ จากนั้นก็เขาเคลื่อนไหวกลับไปยังจุดเดิมในพริบตา ความเร็วของเขาเมื่อเทียบกับพ่อของเธอแล้วถือว่าต่างกันเพียงเล็กน้อย เธอไม่เพียงแต่จับการเคลื่อนไหวของชิงสุ่ย แต่เธอยังรู้สึกว่าเขาเหมือนจะเข้ามาสัมผัสหน้าอกของเธอเช่นกัน ในขณะนี้ชางห่ายหมิงเยี่วยได้ค้นพบว่าหัวใจของเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอเริ่มมีความอดทนที่แข็งแกร่งต่อกับชายหนุ่มคนนี้

 

ชิงสุ่เผยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ เขารู้ว่าถูกมองเห็นและในพริบตาเขาก็ขยับกลับไปยังจุดเดิมของเขา

 

ย่างก้าวกระเรียนทะยาน!

 

ชิงสุ่ยยังไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสามารถก้าวไปสู่ขั้นเพิ่มพูลของรูปลักษณ์กระเรียนได้ เขาตัวเบาขึ้น 20% และมันยังช่วยเพิ่มความเร็วขึ้นด้วย

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรูปลักษณ์กระเรียนของเขาได้รับการพัฒนาขึ้นไปพร้อมกับย่างก้าวกระเรียนทะยานและการเพิ่มขึ้นของอัตราการสูญเสียพลังก็ตามมาด้วยเช่นกัน เขาสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นได้สามครั้ง ถึงแม้ว่าอัตราการใช้พลังงานจะค่อนข้างสูง แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้บ่นอะไร เขาเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าความเร็วเป็นสิ่งที่ยั่งยืน

 

หลังจากประสบความสำเร็จ ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขมากและแนะนำให้หญิงสาวทั้งสองคนจนถึงเที่ยง หญิงสาวที่เหนื่อยล้ามองทางชิงสุ่ย ชิงสุ่ยไม่ได้หยุดเพื่อให้พวกเขามีเวลาพักผ่อน ตลอดทั้งเช้าจากเทคนิคกวางย่างก้าวไปจนถึงรูปลักษณ์กระเรียน พวกเธอเหนื่อยล้าอย่างเต็มที่ คนๆนี้ไม่ทราบถึงวิธีการดูแลหญิงสาวได้อย่างไร?

 

เมื่อมองไปที่เหงื่อบนใบหน้าของพวกเธอ ชิงสุ่ยก็หัวเราะออกมาโดนไม่สนใจท่าทีการเรียกร้องของพวกเธอ หลังจากนั้นเพื่อเร่งการเรียนรู้ของพวกเธอ เขาเปลี่ยนไปเป็นรูปลักษณ์พยัคฆ์และโจมตีใส่พวกเธออย่างจริงจัง ก่อนที่การโจมตีของเขาจะเข้าถึงตัว เขาได้เปลี่ยนกำปั้นให้เป็นการแตะเบาๆไปที่ร่างกาย เขาไม่ลืมที่จะใช้ประโยชน์จากร่างกายที่อ่อนล้าของพวกเธอ

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆและหญิงสาวทั้งสองคนก็กลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ชิงสุ่ยเองก็กลับไปเตรียมตัวเพื่ออาบน้ำ ด้วยเช่นกัน เขามีความมั่นใจในเทคนิคย่างก้าวกระเรียนทะยานมากขึ้น

 

ไม่นานสายลมและฝนก็มาเยือน เขาจะไม่กลัวอีกต่อไป เขาคิดถึงชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีม่วงและบรรพบุรุษอาวุโสที่ตาบอดของนิกายเทพกระบี่ที่ต้องการจะทำร้ายพวกเขา ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความโกรธอันเร่าร้อน ถ้าเขาเข้าใจถึงเทคนิคย่างก้าวกระเรียนทะยานอย่างลึกซึ้งก่อนหน้านี้เขาก็คงจะไม่ต้องกังวลกับชายวัยกลางคน

 

"จะดีแค่ไหนถ้าไม่มีเวลาจำกัดในดินแดนหยกยุพราชอมตะ" ชิงสุ่ยถอนหายใจตามด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น เขาไม่ควรจะโลภเช่นงูที่พยายามจะกลืนช้างทั้งตัว เขาควรจะพอใจกับการมีสิ่งต่างๆอันท้าทายที่ตัวเองมีอยู่แล้ว

 

เขายืนอยู่คนเดียวในห้องอย่างไร้จุดหมาย เขานึกย้อนไปถึงความทรงจำของเขา เขาคิดถึงท่านแม่ของเขาและสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ แม่คงจะกำลังกังวลเกี่ยวกับลูกชายของเธอซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 1,000 ไมล์ ซึ่งเขาก็คิดเช่นเดียวกันกับแม่ ชิงสุ่ยไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการมุ่งหน้ากลับสู่เมืองร้อยไมล์

 

หลังจากนั้นเขาก็คิดถึงคู่หมั้นของเขาสือฉิงจวง เขาสงสัยว่าเธออยู่ในหุบเขาเสาวธารร้อนระอุหรือไม่ มันเป็นเวลา 2 ปีแล้วตั้งแต่ที่เขาได้ติดต่อกับเธอครั้งล่าสุดและเขาก็ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นเช่นไร

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นการอดทนต่อการทดสอบของเวลา สิ่งต่างๆที่น่ากลัวหรือรุ่งเรืองนั้นหลังจากผ่านไป 10 ปี, 100 ปี, 1,000 ปี หรือ 10,000 ปี มันก็จะถูกฝังอยู่ภายในแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งเรียกว่าประวัติศาสตร์

 

สายรุ้งปรากฎขึ้นหลังพายุฝนผ่านพ้นไป ชิงสุ่ยไม่หวั่นกลัวต่อพายุที่จะมาถึง แต่เขาหวังว่าจะมีสายรุ้งที่งดงามหลังจากเรื่องนี้จบลง!

รีวิวผู้อ่าน