px

เรื่อง : the city of terror เมืองแห่งความหวาดกลัว
Chapter 27 – หมู่บ้านมนุษย์ปลา


Chapter 27 – หมู่บ้านมนุษย์ปลา

เพราะแบบนั้นความกระหายในคะแนนวิวัฒนาการของ เว่ยเฉียวเฟ่ย จึงเพิ่มมากขึ้น
นอกจากการเปลี่ยนแปลงพวกนี้แล้ว ค่าแรงดันไฟฟ้ากับกระแสไฟฟ้าของสกิลพิเศษของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การใช้กับร่างกายมนุษย์ แรงดันไฟฟ้า 11 โวลต์นี้ถือว่าเพียงพอทำให้เจ็บได้ ส่วนกระแสไฟฟ้า 4 มิลลิแอมแปร์นี้ก็เพียงพอทำให้ตัวชาอย่างแรงได้
นี่ทำให้ เว่ยเฉียวเฟ่ย ได้วิธีโจมตีใหม่มา
วันนี้ เว่ยเฉียวเฟ่ย ได้เข้ากะกลางคืน  รุ่นพี่สองได้ให้ เว่ยเฉียวเฟ่ย พักในตอนเช้า จากมุมมองของ จางซีหลง  การทำงานทั้งคืนนั้นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ การฝืนฝึกไปนั้นไม่ได้ดีต่อร่างกายเลย
แต่ เว่ยเฉียวเฟ่ย ไม่คิดที่จะพักในช่วงนั้น หลังจากที่เลิกงานแล้ว เว่ยเฉียวเฟ่ย ก็ไปยังร้านแฟตมาม่าเพื่อซื้อไวน์
หลังจากที่กลับมาที่ห้องแล้ว เว่ยเฉียวเฟ่ย ก็กระดกไวน์ทั้งขวดลงไป ไม่นานที่เขานอนลงไปที่เตียง ความมึนก็เอาชนะเขาได้
เว่ยเฉียวเฟ่ย ขยี้ตาตัวเองแล้วลุกขึ้นมาจากเตียง ห้องนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
เขาได้มาที่โลกแห่งฝุ่นอีกครั้งแล้ว
เว่ยเฉียวเฟ่ย ไม่พอใจเล็กน้อยที่เขาต้องหลับแบบเมาๆถึงจะเข้ามาที่แห่งนี้ได้
ความอันตรายของการเข้ามาที่นี่แบบนี้มันสูง ถ้าเขาเมาที่นอกบ้านแล้วเข้ามายังโลกแห่งฝุ่นจากจุดนั้น เขาอาจจะถูกส่งไปเจอกับมอนเตอร์ที่ดุร้าย
มันเหมือนชายที่โผล่มาที่บ้านข้างๆเขา ในตอนที่ประมาทนั้นก็เพียงพอที่จะตกลงไปในปากเสือได้
 แต่ เว่ยเฉียวเฟ่ย ตอนนี้ไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้
มีอีกเรื่องที่แปลก ในตอนที่ชายคนนั้นตายไปในโลกแห่งฝุ่น มันไม่มีข่าวของชายคนนั้นในโลกจริงเลย
เว่ยเฉียวเฟ่ย เข้าใจว่าชายคนนั้นไม่ใช่คนรวย ดังนั้นหากเขาตายไปภายในห้องของตัวเอง เจ้าของห้องคงไม่ได้สนใจอะไรมากเท่าไหร่
เขาส่ายหน้าและสลัดความคิดที่มีในหัวทิ้งไป เขายกกระบองสองอันในมือขึ้นแล้วเดินไปที่สวน
ประตูตอนนี้ยังคงปิดสนิท  มันเหมือนเดิมกับตอนที่เขาปิดไว้ ดังนั้น เว่ยเฉียวเฟ่ย จึงสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย
ในตอนที่เขาถอนหายใจออกมานั้น เสียงของมนุษย์ปลาที่เคาะบางอย่างกับพื้นก็ดังขึ้นมาจากที่ถนน
มีมนุษย์ปลาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ?
นี่คือบางอย่างที่ เว่ยเฉียวเฟ่ย คิดไม่ถึง
ในช่วงนี้เขาไม่ได้ยินเรื่องผู้คนที่หายไป
จากความเข้าใจของเขา มนุษย์ปลาพวกนี้ได้ออกจากสถานที่ต่างๆเพราะพวกมันไม่อาจจะหาอาหารได้
แต่นี่เป็นจุดเดียวที่ชัดเจนในมุมมอง เว่ยเฉียวเฟ่ย
เว่ยเฉียวเฟ่ย ปีนขึ้นไปบนกำแพงเพื่อมองออกไป เขาเห็นว่ามีมนุษย์ปลาตัวหนึ่งใช้กระบองของมันเคาะไปตามของที่วางอยู่ตามท้องถนน  มนุษย์ปลาตอนนี้กำลังเดินไปอีกด้านของถนนก่อนจะหายไปจากสายตา เว่ยเฉียวเฟ่ย
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เว่ยเฉียวเฟ่ย ก็ลังเลไปเล็กน้อย ไม่นานเขาก็เปิดประตูรั้วของตัวเองก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ร้านแฟตมาม่าเพื่อเอาขนมปังและน้ำเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นเขาก็ได้มุ่งหน้าไปยังที่ที่มนุษย์ปลาหายตัวไป
มนุษย์ปลาไม่ได้เร็วนัก มันช้ากว่าคนเราที่เดินซะอีก ดังนั้นการไล่ตามมันจึงไม่ใช่เรื่องยาก
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาหงุดหงิดคือมนุษย์ปลานั้นจะหยุดทุกก้าวเพื่อมองหาเหยื่อไม่ก็ใช้กระบองฟาดไปรอบๆ  เว่ยเฉียวเฟ่ย ถึงกับหวังว่าเขาจะฆ่ามันที่นั่นได้ทันที
แต่ไม่ว่ามันจะช้ายังไงแต่มันก็เดินไปจนถึงจุดหมาย
ในตอนที่ เว่ยเฉียวเฟ่ย ไล่ตามมันอยู่นั้น มันก็ได้มีบึงที่กว้างปรากฏขึ้นในสายตาของเขา บึงแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยต้นอ้อสีเทา  อยู่ๆมนุษย์ปลาก็ดูดีใจขึ้นมาตอนที่มันไปถึงที่นั่นและเร่งความเร็วของมันขึ้น
ที่นี่คือบึงคุยที่โด่งดังและเป็นต้นกำเนิดของชื่อเมืองนี้
เว่ยเฉียวเฟ่ย เคยมาที่นี่และเคยมาเล่นที่นี่ตอนเด็กด้วย ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับมันดี
แต่บึงคุยตรงหน้าของ เว่ยเฉียวเฟ่ย ต่างจากที่เขารู้จัก
บึงคุยที่ควรจะอยู่ห่างจากถนนไป 3 กม.แต่ถนนมากกว่าครึ่งนั้นหายไปแล้วขยับไปใกล้บึงคุยกว่า 2 กม.
เป็นธรรมดาที่ เว่ยเฉียวเฟ่ย จะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของโลกจริงกับโลกแห่งฝุ่นได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น เว่ยเฉียวเฟ่ย จึงไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรกับสิ่งของแปลกๆที่ปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้
ไม่นาน เว่ยเฉียวเฟ่ย ก็พบหมู่บ้านข้างๆกับบึงในตอนที่ตามมนุษย์ปลามา
ทั้งหมู่บ้านนั้นมีพื้นที่ 1 ใน 3 เฮคเตอร์ ครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านอยู่บนน้ำ มีกระท่อมหญ้ามากกว่า 10 แห่งซึ่งสร้างขึ้นแบบหยาบๆ
หมู่บ้านแห่งนี้เงียบราวกับไม่มีใครอยู่ด้านในแต่มันมียามมนุษย์ปลาสองตัวที่ทางเข้าหมู่บ้าน ทั้งสองตัวถือฉมวกสีดำแล้วเดินลาดตระเวณอยู่ด้านนอก
มนุษย์ปลาสองตัวไม่ได้มีท่าทีอะไรกับการมาของมนุษย์ปลาอีกตัว พวกมันแค่มองหน้ากันก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าหมู่บ้านไป
มันเป็นเหมือนที่ผมคาดเอาไว้ หมู่บ้านปลาอยู่ใกล้ๆ
!
เว่ยเฉียวเฟ่ย ไม่ได้ลงมือโดยไม่คิด เขานอนลงที่ต้นอ้อข้างๆและคอยสังเกตุที่หมู่บ้านแห่งนั้น
เวลาได้ผ่านไปช้าๆ พระอาทิตย์ของโลกแห่งนี้ดูมืดกว่าโลกจริงแต่มันไม่ได้ส่องแสงที่นุ่มนวลเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ  มันร้อนและชื้นจน เว่ยเฉียวเฟ่ย รู้สึกอึดอัดอย่างมาก เหงื่อเริ่มหยดลงมาจากหัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ความอดทนคือคติประจำใจ
เว่ยเฉียวเฟ่ย ปาดเหงื่อที่หน้าผากตัวเองแล้วมองไปยังทิศทางนั้น
มนุษย์ปลานับไม่ถ้วนที่โผล่มาที่ผิวบึง มีหลายตัวที่ถือปลา, หลายตัวถือรากดอกบัวและอาหารอื่นๆแบบเดียวกัน พวกมันต่างก็พากันดีใจและตื่นเต้นในตอนที่ขึ้นฝั่ง
มนุษย์ปลาหลายตัวที่สูงเท่ากับเข่ารีบวิ่งออกมาจากกระท่อมหญ้ามุ่งหน้าไปหามนุษย์ปลาที่เพิ่งขึ้นจากน้ำแล้วทำการทักทาย ไม่นานมนุษย์ปลาทั้งหมู่บ้านก็พากันส่งเสียงเฮฮากันขึ้นมา
เสียงแปลกๆแต่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ปลาดังก้องไปทั่วราวกับว่าพวกมันคือคนที่ไม่รู้จักมารยาท
ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเวลาที่พวกมันกินข้าวกัน
มนุษย์ปลาพวกนี้ได้เอาหม้อขนาดใหญ่ออกมา พวกมันพากันต้มน้ำแล้วเอาอาหารทุกอย่างที่เอากลับมาโยนลงไปในหม้อ
พวกมันรู้ถึงวิธีจุดไฟซึ่งได้แยกพวกมันออกมา  มันเป็นพวกที่มีความฉลาดต่างจากสัตว์ธรรมดา
หากไม่นับความจริงที่ว่าพวกมันกินคน พวกมันก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิด สิ่งเดียวคือวัฒนธรรมของพวกมันเก่าไปหน่อย
แน่นอนเรื่องพวกนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรสำหรับ เว่ยเฉียวเฟ่ย เขาไม่ใช่พวกนักชีววิทยา เขาเป็นนักล่าตื่นเต้นจากการล่าครั้งที่แล้ว สิ่งเดียวที่เขาต้องคิดตอนนี้คือจะล่อเหยื่อของเขาออกจากหมู่บ้านแล้วฆ่าพวกมันทีละตัวยังไง
เว่ยเฉียวเฟ่ย ค่อยๆออกจากบึงคุยและกลับไปที่ถนน หลังจากที่มองไปรอบๆอีกครั้งเขาก็ได้ทำการเลี้ยวที่ข้างๆบึง ที่ที่เขาเดินไปถึงนั้นห่างจากหมู่บ้านมนุษย์ปลาไปไม่กี่กิโลเมตร

 

รีวิวผู้อ่าน