px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 269 - ความคิดของหญิงสาว หมิงเยวี่ย เก้อโหลวที่สามารถก้าวสู่ระดับเซียนเทียน


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 269 - ความคิดของหญิงสาว หมิงเยวี่ย เก้อโหลวที่สามารถก้าวสู่ระดับเซียนเทียน

 

เมื่อเห็นผู้นำนิกายกระบี่อมตะที่กำลังตกลงมาจากท้องฟ้าภาพนั้นคล้ายกับดาวหางที่กำลังร่วงลงมา เสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังกลายเป็นบทเพลงที่ไพเราะที่สุดในหูของชิงสุ่ย

 

เขาก้มหน้าลงและมองไปที่ระฆังสะท้านจิตในมือของเขา เขานั้นมีความรู้สึกถึงความพึงพอใจอย่างมากจนที่ไม่อาจจะหาคำที่กล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ เขาหันศีรษะและมองไปที่สาวงามที่ไม่มีใครเทียบ หมิงเยวี่ยนั้นกำลังนั่งอยู่ข้างๆเขาและเธอจ้องมองที่เขาด้วยความงุนงง

 

ชิงสุ่ยสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในดวงตาคู่นั้น ขนตาสีดำที่ยาวและหนาทึบมันเรียงตัวกันอย่างงดงาม มันสวยงามมากจนทำให้ชิงสุ่ยตกอยู่ในภาวะตกตะลึง

 

ในขณะหมิงเยวี่ยที่กำลังพิงชิงสุ่ยอยู่ เขาสามารถรู้สึกถึงความนุ่มนวลและอ่อนโยนของเธอได้ แม้ว่าความรู้สึกเจ็บปวดที่เขากำลังประสบอยู่นั้นจะแสนสาหัสมากก็ตาม แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความที่อบอุ่นนั้นได้จากเธอ

 

นี้อาจจะถือได้ว่าเป็นความสุขในความเจ็บปวด

 

จากนั้นเขาก็มองไปทางลิ่วลี่ที่อยู่อีกด้านของเขา เธอนั้นกำลังมองมาทางเขา และยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส รอยแผลเป็นที่สะดุดตาทำให้เธอมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครและรอยแผลนั้นไม่ส่งผลต่อความงามของเธอแม้แต่น้อย

 

ในสายตาของเขาตอนนี้  ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะให้ลิ่วลี่มีความสุขเท่านั้น ในขณะที่ลิ่วลี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว ตราบเท่าที่ชิงสุ่ยยังชอบเธอ เธอไม่สนใจว่าในสายตาคนอื่นเธอจะเป็นอย่างไร

 

"เจ้าจะทำอะไรต่อไปจากนี้? เราควรไปที่พระราชวังเทวโลกหรือไม่? "หมิงเยวี่ยกับพยุงชิงสุ่ยให้เขานั่งลงอย่างช้าๆแล้วถามออกมา

 

"ข้าจะไม่ไปที่นั้น ข้าคิดว่าเราควรจะหาสถานที่เพื่อพักฟื้นก่อน หลังจากข้าฟื้นตัวแล้ว ข้าจะกลับไปถอนรากรากถอนโคนนิกายกระบี่อมตะ "ชิงสุ่ย แสดงความคิดบางอย่างและกล่าว  เขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ผ่านพ้นไปถ้าเขาไม่ได้ลงโทษพวกมันก่อน

 

"ชิงสุ่ย แม้ว่าตอนนี้นิกายกระบี่อมตะจะไม่มีใครที่สามารถต่อกรได้แล้ว แต่ก็ยังคงราชนิกูลจักรพรรดิอสูร และอีกหลายคนที่หวังจะครอบครองนิกายกระบี่อมตะนั้นอยู่ เจ้าคิดว่าพวกเราจะสามารถรับมือกับพวกเขาได้หรือ? "หมิงเยวี่ยขมวดคิ้วคู่งามของเธอเล็กน้อยขณะที่เธอมองไปในทางที่ไกลออกไป

ชิงสุ่ยตกอยู่ในภวังค์ เขาได้แสดงท่าทีที่มึนงงขณะมองไปทางหมิงเยวี่ย เขารู้สึกว่าในตอนนี้เธอสามารถไตร่ตรองเรื่องต่างๆได้ดีขึ้นและก้าวข้ามความโศกเศร้ามาได้แล้ว มันทำให้ความคิดของเธอนั้นคมชัดและถี่ถ้วนขึ้น เมื่อเธอรู้สึกถึงท่าทีของชิงสุ่ยในตอนนี้ เธอรู้สึกเขินอายอย่างมากและได้หลบสายตาของเขาแล้วมองไปรอบ ๆ

 

ชิงสุ่ยยังคงถูกดึงดูดจากการกระทำเล็กๆ น้อยๆที่น่ารักของเธอ ความงามของเธอช่างไร้ที่ติ!

 

"ไม่คิดว่า เยวี่ยเยวี่ยของเราจะมีช่วงเวลาที่น่ารักเช่นนี้เหมือนกัน ข้ามักจะคิดว่าเจ้าเป็นเทพธิดาที่จะมองโลกในแง่ลบมาตลอดซะอีก "ชิงสุ่ยยิ้มแย้มหลังจากตั้งสติกลับมา

 

ใบหน้าของหมิงเยวี่ย ได้เปลี่ยนเป็นสีชมพูปนแดง เธอไม่กล้าที่แม้จะหันไปมองที่ชิงสุ่ยในตอนนี้  จากนั้นครู่หนึ่งเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "ชิงสุ่ย ข้าอยากกลับไปที่บ้านเพื่อสร้างสุสานให้กับท่านพ่อและท่านแม่ของข้า"

 

เธอจำได้ว่าไม่มีใครมาเก็บศพของแม่ของเธอในตอนนี้ แม้ว่าเธอรู้ว่าพวกเขาไม่ควรที่จะกลับไปในตอนนี้  เธอนั้นรู้สึกเสียใจอย่างมากและไม่อาจละเลยมันไปได้

 

ส่วนพ่อของเธอนั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่ที่เลย ซากศพของเขาได้จางหายไปพร้อมแรงระเบิดที่มหาศาล แต่ในขณะก่อนที่บิดาของเธอจะตายลง เขาได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข  เนื่องจากเขานั้นสามารถฆ่าเฒ่าตาบอดลงได้แล้ว

 

เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าสว่างขึ้นอยู่เหนือเทือกเขา ชิงสุ่ยได้ให้วิหกเพลิงหาจุดที่จะลงจอด เนื่องจากเฒ่าตาบอกและผู้นำของนิกายอมตะเสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่มีภัยคุกคามต่อพวกเขาอีกต่อไป

 

"นั้นเราหยุดพักกันที่นี้กันก่อน ข้าต้องทำการฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมา แล้วเราจะกลับไปที่นั้นกัน?" ชิงสุ่ย ต้องการหาที่พักผ่อน เพราะเขาจะเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะและใช้เวลาครึ่งเดือนในนั้นเพื่อรักษาบาดแผลของเขา

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยได้มองไปที่ชิงสุ่ยเป็นระยะเวลานานก่อนที่เธอจะส่ายหัวของเธอ ในขณะนั้นดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา "ไม่ข้าจะกลับไปเอง เจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงเพราะข้าอีก "

 

ในขณะนั้นชิงสุ่ยปล่อยให้วิหกเพลิงลงจอดบนพื้นราบที่ยื่นออกมาจากหน้าผา ขณะที่เขาสังเกตเห็นว่ามีองุ่นและต้นไม้ต่างๆหนาแน่นอยู่บริเวณรอบ ๆ

 

“ท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าให้ข้าดูแลเจ้า แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงแค่ลำพังได้อย่างไร? "ชิงสุ่ยกล่าวอย่างนุ่มนวล

 

ได้ยินคำพูดของของชิงสุ่ย ความสุขของหมิงเยวี่ยได้จางหายไป เธอรู้สึกราวกับว่ามีน้ำเย็นสาดลงในใจของเธอ เธอไม่หยุดคิดได้ ว่าที่เขาทำนั้นเป็นตามความต้องการของพ่อแม่ของเธอหรือความปรารถนาของเขา

 

รอยยิ้มของเธอได้จางหายไปในช่วงขณะ ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาให้กับชิงสุ่ยอีกครั้งและกล่าว"ขอบคุณ!"

 

ชิงสุ่ย ไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของหมิงเยวี่ย เขานั้นถูกกอดอยู่ในอ้อมแขนของหมิงเยวี่ย ในขณะที่พวกเขาลงจากหลังของวิหกเพลิง ชิงสุ่ยสั่งให้วิหกเพลิงบินวนสำรวจรอบๆบริเวณนี้

 

ทั้งสามคนกำลังมองหาพื้นที่ที่ไม่สูงชันมาก และค้นหาบริเวณรอบๆ เพื่อที่จะหาจุดที่จะซ่อนตัว และสะดวกในการพักผ่อน “ตรงนั้นพอใช้ได้หรือไม่!”

 

"มีถ้ำเล็ก ๆ อยู่ที่นั่น!" ลิ่วลี่ชี้ไปที่จุดที่ถูกปิดกั้นโดยต้นสนสองสามต้น

 

"ทุกคนต้องระวังดีๆนะ อาจมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ข้างใน" ชิงสุ่ยเตือนพวกเธอและเรียกวิหกอัคคีกลับมา

 

ขณะที่ชิงสุ่ยและคนอื่น ๆ กำลังเดินเข้าไปในถ้ำ ตัดภาพไปที่ร้านขายยาของ ตระกูลชิงใน เมืองร้อยไมล์  มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น!

 

มีหญิงสาวที่สวยงามอยู่ที่นั้น เธอเป็นคนที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เธอความงามดังเทพธิดาที่ไม่มีใครเทียบได้! ความงดงามและบริสุทธิ์ของเธอนั้นเป็นสิ่งอัศจรรย์อย่างยิ่ง เธอเป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในตระกูลชิง เธอคือ หมิงเยวี่ย เก้อโหลว!

 

เธอกำลังแสดงรูปพยัคฆ์ในลานฝึกของตระกูลชิง โดยตัวเธอได้ปลดปล่อยทักษะพยัคฆ์คำรามออกมา  เธอสามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และมันได้นำเธอไปสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หมิงเยวี่ย เก้อโหลวไม่ได้ตระหนักถึงขอบเขตความสำเร็วจากการบ่มเพาะของเธอ

 

ตั้งแต่ต้นปีไม่มีใครอยู่ในตระกูลชิงเลย  แต่มีครั้งหนึ่งชิงหลัวได้มาพบกับเธอและบอกว่าเธอได้มาถึงระดับโฮว่เทียนแล้ว

 

แม้ว่าสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลชิงจะเคยคาดเดาถึงระดับของเธอกันมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาก็ยังประหลาดใจอยู่ดี ไม่มีใครคิดว่าคนที่ไม่เคยผ่านการบ่มเพาะมาเลยจะเข้าถึงระดับโฮว่เทียน ภายในเวลาสองปี ...

 

ตอนนี้ไม่มีใครในตระกูลชิงที่ไม่นับถือหมิงเยวี่ย เก้อโหลวด้วยความเคารพ เธอนั้นได้รับการปฏิบัติอย่างดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชิงอี้ และที่คนส่วนใหญ่ก็ทำเช่นนั้นก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงของชิงสุ่ย

 

ครั้งหนึ่งชิงหลัวเคยคิดว่าหมิงเยวี่ย เก้อโหลวที่มีลูกแล้วนั้นไม่ได้เหมาะสำหรับกับชิงสุ่ย แต่เขาได้ทอดทิ้งความคิดนี้ไปนานแล้วเมื่อได้พบเจ้ากับเด็กหญิงตัวน้อยทำให้เขาหลงคิดว่าเธอและคิดว่าเธอคือหลานแท้ๆของเขาเอง  ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ในตระกูลชิงก็ไม่มีใครที่จะสามารถโตแย้งกับชิงสุ่ยได้อีกแล้ว

 

นี่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับผู้แข็งแกร่ง ในชีวิตก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ยผู้ที่มีเงินจะมีความรู้สึกที่เหนือกว่าคนอื่นๆแม้แต่ในหมู่ญาติสหาย ตระกูลต่างๆในโลกของเก้าทวีปก็เช่นกัน มักจะนับถือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้มีที่มีอำนาจที่สุด!

 

ตอนนี้ในทุกเช้าสามารถพบเห็นสมาชิกรุ่นที่สามของตระกูลชิงจะมาร่วมฝึกรูปแบบพยัคฆ์กับหมิงเยวี่ย เก้อโหลว เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าเธอสามารถไปถึงขั้นระดับนี้ได้เพียงเพาะการฝึกรูปแบบพยัคฆ์เพียงอย่างเดียว  และเธอยังมีอนาคตที่สดใสมากรออยู่เพราะเธอนั้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สามารถก้าวไปสู่ระดับเซียนเทียนได้

 

ทุกคนในตระกูลชิงไม่สามารถหยุดคิดเรื่องนี้ได้ ได้แต่ต้องประหลาดใจกับหมิงเยวี่ย เก้อโหลว ในตอนแรกการเปลี่ยนแปลงของ ชิงสุ่ยทำให้พวกเขานั้นสนใจอย่างมาก แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นมีผู้เชี่ยวชาญ "เป็นอาจารย์ของเขา" แต่สำหรับหมิงเยวี่ย เก้อโหลวเธอนั้นพึ่งพาแค่ตัวเองเท่านั้น

 

ชิงฮู, ชิงหยู และชิงเป่ย ได้เรียกเธอว่าพี่สะใภ้อยู่บ่อยๆ ทำให้เธอเขินอายทุกครั้งที่เธอได้ยิน

 

"พี่ใหญ่ชิงสุ่ยนั้นเป็นคนแข็งแกร่งในการบ่มเพาะก็จริง แต่ข้าไม่เคยคิดว่าพี่สะใภ้ก็แข็งแกร่งแบบเดียวกัน นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ "ชิงหยูบ่นพึมพำ

 

"ใช่ๆๆ!" ชิงฮู และชิงเป่ยพยักหน้าเห็นด้วย

 

"พี่สะใภ้ได้ฝึกมาเป็นเวลานานแล้ว พวกเจ้าสังเกตเห็นอะไรบ้างไหม?" ชิงเป่ยถาม

 

จุดที่พวกเขาอยู่ค่อนข้างไกลจากที่หมิงเยวี่ย เก้อโหลวฝึกอยู่ เป็นเพราะพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความรำคาญให้การฝึกฝนของเธอ แม้แต่ลูกสาวของเธอ ก็ถูกนำไปดูแลโดยชิงอี้ในเวลานั้น สาวน้อยคนนี้สนิทสนมกับชิงอี้อย่างมาก เธอมักอยู่กับย่าของเธอทั้งตอนกลางวันและกลางคืน

 

"ข้าไม่เห็นอะไรเลย เจ้าเห็นอะไรหรือ "ชิงหยูถาม ชิงเป่ย

 

"ข้าคิดว่าพี่สะใภ้จะก้าวผ่านไปในระดับเซียนเทียนในเร็ว ๆ นี้"

 

ชิงเป่ย พูดออกมา คำพูดดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าตกใจมา!

 

"อะไรนะ? เซียนเทียน? แม้ว่าพี่งสะใภ้อยู่ในสูงสูดโฮว่เทียน แต่เธอมีประสบการณ์เพียงครึ่งปีเท่านั้น ขนาดท่านปู่ยังติดอยู่ที่นี้เป็นเวลาเกือบ 40 ปีเลย "ชิงหยูกล่าวด้วยความประหลาดใจ

"แล้วพี่ชิงสุ่ยละ ทุกคนนั้นมีความสามารถที่ต่างกัน เจ้าเคยเห็นใครที่สามารถเข้าสู่จุดสูงสุดของ โฮ่วเทียนในระยะเวลาเพียงสองปีบ้างมั้ยละ? "ชิงเป่ยยิ้มและพูด

 

" ในตอนนี้ปราณที่ระเบิดออกมามันมากเกินไป ข้าไม่รู้สึกว่ามันคือการฝึกซ้อมเลย "ชิงหยูยิ้มอย่างขมขื่นและพูด

 

"ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ... " ชิงฮูกล่าว

 

"ใช่ มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเรา  ที่สามารถมองดูความสำเร็จของคนๆหนึ่ง พวกเจ้าเคยเห็นความพยายามของพี่ใหญ่ชิงสุ่ยและพี่สะใภ้หรือไม่? วิธีการของพวกเขานั้นได้ทุ่มเท่ทุกสิ่งทุกอย่างและใช้ความมานะอย่างบ้าคลั่งในการบ่มเพาะของพวกเขา  พวกเจ้าสามารถทำได้แบบเดียวกันหรือไม่? "ชิงเป่ยถามสองคนที่ยื่นอยู่

 

ในช่วงสองปีที่ผ่านมาการบ่มเพาะของชิงเป่ยได้เพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับ 6 ของอาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า และชิงหยูได้ก็ได้อยู่ในระดับ 5ของอาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า ในขณะที่ชิงฮูเพิ่งผ่านมาอยู่ในระดับแรกได้ไปไม่นานมานี้

 

ตอนนี้ในรุ่นที่สามของตระกูลชิง  ชิงเป่ย เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั้งหมด แน่นอนยกเว้นชิงสุ่ย!

 

หมิงเยวี่ย เก้อโหลวได้แสดงรูปแบบพยัคฆ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเธอใช้  ทักษะกรงเล็บพยัคฆ์มันเป็นทักษะเดียวที่ชิงสุ่ยก็ไม่อาจสามารถเทียบกับเธอได้

 

ทักษะพยัคฆ์คำรามนั้นทรงพลังมากขึ้น ทุกๆครั้งจะมีการสะสมของพลังมากขึ้นก่อนปลดปล่อยออกมา และ"กรงเล็บกระชาก" ได้ลดการใช้พลังลงในการใช้แต่ละครั้ง

 

ชิงหยู, ชิงฮู และ ชิงเป่ย มองไปที่ หมิงเยวี่ย เก้อโหลวโดยไม่กระพริบ พวกเขารู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างเช่นเดียวกับที่ชิงเป่ยได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้

 

หมิงเยวี่ย เก้อโหลวไม่ทราบว่าเธอได้ใช้ทักษะ พยัคฆ์ฉีกกระชากมาแล้วกี่ครั้ง เธอนั้นสง่างามเมื่อแสดงรูปพยัคฆ์ที่สมบรูณ์แบบอกมา แม้ว่าชิงหยู และคนอื่นๆ จะเคยใช้มันมาบ้างแล้วแต่มันก็ไม่ได้งดงามเท่าที่เธอแสดงออกมา พวกเขาสามคนได้จ้องมองอย่างถี่ถ้วน ด้วยดวงตาที่เปิดกว้างที่กำลังจับจ้องมองดูการจู่โจมที่มือข้างขวาของหมิงเยวี่ย เก้อโหลว

 

มีปราณสีขาวไหลออกมามันยาวประมาณครึ่งฟุต มันนั้นคมเหมือนใบมีดและสามารถยืด หดตัวได้ หลังจากนั้น หมิงเยวี่ย เก้อโหลวก็ได้ใช้ทักษะทักษะกรงเล็บพยัคฆ์ ตามออกมา

 

ปราณเซียนเทียน นั้นเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่สามารถเข้าสู้อาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนได้  ในตอนนี้มันเป็นข้อพิสูจน์ หมิงเยวี่ย เก้อโหลวได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะในอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียนได้แล้ว ร่างกายของเธอได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

 

ทันใดนั้นมีปราณเซียนเทียนของหมิงเยวี่ย เก้อโหลวได้แพร่ออกไปมันได้ดึงดูดสมาชิกของตระกูลชิงอย่างมาก หมิงเยวี่ย เก้อโหลวได้หยุดอยู่กับที่ตอนนี้เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ความรู้สึกนี้คล้ายกับตอนที่เธอใช้เวลาร่วมกับชิงสุ่ยบนเตียง ช่วงเวลานั้นช่างวิเศษอย่างมาก

 

หมิงเยวี่ย เก้อโหลวรู้สึกเขิยอาย เธอไม่สามารถหยุดคิดถึงเรื่องของชิงสุ่ยได้ นี้ก็เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่เขาจากไป เธอไม่รู้ว่าในตอนนี้ตัวเธอได้ทำดีมากพอหรือยัง มันยังห่างไกลกับเขามากแค่ไหน เพื่อให้สามารถพบเขาอีกครั้ง นี้มันเป็นดังพรจากสวรรค์

 

"หมิงเยวี่ย เก้อโหลว ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยในที่สุดเจ้าก็เข้าสู่ระดับเซียนเทียน ได้แล้ว นี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ชิงสุ่ยไม่ได้อยู่ในที่นี้ ถ้าไม่งั้นเขาก็จะมีความสุขมากๆแน่  "ชิงอี้ได้จูงอวี้ช่างที่อายุใกล้ครบสี่ขวบเร็วๆนี้ยิ้มทักทาย

 

"ป้าชิง!" หมิงเยวี่ย เก้อโหลว ยิ้มและร้องไห้ออกมา

 

"ท่านแม่ ท่านแม่!" เด็กหญิงตัวน้อยตะโกนอย่างร่าเริง

 

หมิงเยวี่ย เก้อโหลวยิ้มและเอื้อมมือออกไปจับแก้มที่นุ่มนวลของ เด็กหญิงตัวน้อย

 

"ตระกูลชิงของเรามีคนอื่นที่อยู่ในระดับเซียนเทียนอยู่แล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้หรอกหมิงเยวี่ย เก้อโหลว  เจ้ามีเส้นทางที่สดใสรอเจ้าอยู่ในอนาคต  ข้าคิดเสมอว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นข้อยกเว้น แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชิงสุ่ยแล้ว แล้วเจ้าก็แทบจะไม่ต่างกัน "

 

"ไปกันเถอะ พวกเราจะทำอาหารที่ดีๆสำหรับมื้อกลางวันให้และเราจะจัดงานเฉลิมฉลองให้เจ้า แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ พวกเราไม่ทราบว่า ชิงสุ่ยอยู่ที่ไหนในตอนนี้! "ชิงอี้กล่าวขณะที่เธอมองไปที่สมาชิกรุ่นที่ 2 และ 3 ของตระกูลชิงที่รู้สึกเศร้าเมื่อพูดถึงชื่อของชิงสุ่ย

 

"ท่านพ่อไม่ต้องการข้าอีกแล้วหรอ? ท่านแม่ที่ท่านพ่อ ... "คำพูดของอวี้ช่างทำให้คนอื่นๆประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะสามารถจดจำชิงสุ่ยได้แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสองปีแล้ว

 

--------------------------------------------------

 

และในขณะนั้นได้ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของชิงสุ่ยได้ถูกพยุงด้วยหญิงสาวทั้งสองคนเข้าไปในถ้ำที่ลึกลับ!

รีวิวผู้อ่าน