px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 273 - ด่าทอ  สังหาร  แผนที่สมบัติ


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 273 - ด่าทอ  สังหาร  แผนที่สมบัติ

 

ชิงสุ่ยหันศีรษะไปมองชายที่จ้องมองมาที่เขา เขาไม่รู้จะทำเช่นไรได้แต่เสียวสะดุ้ง มันคือฟู๋ซิงจากตระกูลฟู๋และลูกชายของเขาพร้อมกับชายวัยกลางคนอีกสองคน เช่นเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนที่แข็งแรงสองคนจ้องมองมาที่พวกเขา สายตาอันแหลมคมและร้อนแรงของทั้งคู่กำลังมองมาที่หญิงสาวสองคน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟู๋หลงซึ่งกลายเป็นคนพิการเพราะชิงสุ่ย เขากำลังมองด้วยความเกลียดชังอันมหาศาลในสายตาของเขา อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ยังทำท่าทางฝืนยิ้มไปที่พวกเขา

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่สังเกตเห็นชิงสุ่ยหยุดเดิน พวกเธอจึงมองออกไปและก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมองเห็นถึงความอันตรายและความน่ารังเกียจที่มาจากสองพ่อลูกตระกูลฟู๋

 

ห่าวหยุนลิ่วลี่สวมผ้าคลุมปิดหน้าและเผยให้เห็นเพียงดวงตาอันเย้ายวนและงดงามเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากันของเธอกับชายวัยกลางคนที่แข็งแรงสองคน ชางห่ายหมิงเยวี่ยเหลือบมองพวกเขาและมองกลับมาที่ชิงสุ่ย

 

"ชิงสุ่ยเราจะทำอย่างไรกันดี?"

 

ชิงสุ่ยรู้สึกทึ่งกับความจริงที่ว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยยังสามารถพูดคุยกับเขาได้เหมือนปกติ เขาจำได้ว่าพวกเขาเคยแกล้งทำเป็นคู่ผัวเมียกันต่อหน้าพ่อลูกคู่นี้ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความหมายแล้ว

 

"น้องฟู๋หญิงสาวทั้งสองคนยังคงบริสุทธิ์ พวกเราพี่น้องแค่ต้องการหญิงสาวเหล่านั้นมาเป็นรางวัล ท่านคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม" ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือของชายที่นิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลากล่าว ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องการเจรจา แต่น้ำเสียงของเขาก็ดูหนักแน่น

 

เสียงของเขาไม่ได้ดังมาก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองได้ยิน!

 

แม้ว่าชิงสุ่ยจะมีความรู้สึกว่าหญิงสาวทั้งสองนั้นยังไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขา เมื่อเขาได้ยินคำพูดของชายคนนั้น หลังจากนั้นหญิงสาวทั้งก็ได้ยินมันเช่นกันด้วยเคยได้ยินประโยคนั้นด้วย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเหลือบมองอย่างเจ้าชู้ไปที่พวกเธอ

 

ชิงสุ่ยตระหนักว่าถึงแม้ว่าชางห่ายหมิงเยวี่ยจะปิดกั้นตัวเอง แต่เธอก็ไม่เคยจะปิดผนึกตัวเองไว้แน่นหนาเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ เขาก็เข้าใจเหตุผลหลักๆอย่างหนึ่งของมัน

 

จากเรื่องทุกอย่าง เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอเป็นอย่างมาก ทุกๆคำพูดที่คลุมเครือและการกระทำของเขาจะทิ้งร่องรอยเล็กน้อยที่ไม่สามารถทำลายได้ประทับไว้ในจิตวิญญาณของเธอ

 

ชิงสุ่ยบรรลุเป้าหมายของเขา ชางห่ายหมิงเยวี่ยจะไม่มีวันลืมเขาได้ แม้ว่าเธอจะปิดผนึกหัวใจของตัวเองมากขึ้น ชิงสุ่ยก็จะถูกผนึกเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย

 

ชิงสุ่ยหัวเราะ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ว่าเธอจะไม่จมดิ่งลงสุดขั้ว ตอนแรกเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องของชางห่ายหมิงเยวี่ย แต่หลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ ตอนนี้เขารู้ว่าตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เธอจะไม่สามารถปิดผนึกตัวเองได้อย่างสมบูรณ์

 

และบางครั้งชางห่ายหมิงเยวี่ยจะหลุดออกมาหาชิงสุ่ยโดยที่เธอไม่รู้ตัวว่ากำลังคิดถึงเขา เมื่อเธอระลึกถึงความทรงจำในอดีตที่ผ่านมา มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น

 

ฟู๋ซิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคนทั้งสอง จากเรื่องทุกอย่างชางห่ายหมิงเยวี่ยเป็นลูกสาวของรู่ตงและเป็นแผลเป็นที่ไม่มีรอยแผลเป็นอยู่ภายในหัวใจของเขาตลอดกาล

 

"ท่านลุงทั้งสอง โปรดอย่าสังหารเด็กสารเลวผู้นั้นได้หรือไม่? เพียงแค่เฆี่ยนตีเขาให้เกือบถึงตายเพื่อทำลายการฝึกตนของเขาและปล่อยให้หลานชายของท่านรับมือกับส่วนที่เหลือเถอะ" ฟู๋หลงลองร้องขอแก่ชายวัยกลางคนทั้งสอง เขาเกลียดชังชิงสุ่ยเข้ากระดูก

 

"เป็นความคิดที่ดี!" ชายวัยกลางทั้งสองมองไปที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่อย่างมักมากในกาม พวกเขาไม่ได้ละสายตาจากพวกเธอเลยตั้งแต่เริ่มต้น

 

ฟู๋ซิงขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น ความตั้งใจเดิมของเขาในการว่าจ้างทั้งสองนี้คือการสร้างปัญหาให้กับชางห่ายและภรรยาของเขา ในขณะที่ตัวเขาเองต้องการจะจัดการกับชิงสุ่ยเท่านั้น พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะสายเกินไปหรือแม้กระทั่งการได้รับข่าวการเสียชีวิตของชางห่ายและภรรยาของเขา ชางห่ายเป็นพี่ชายของเขาและเขาก็ตายไปแล้ว ผู้หญิงที่เขาเคยหลงใหลก็ตายไปด้วยเช่นกัน บุตรชายของเขาเองก็เป็นง่อยเพราะลูกสาวของพวกเขา

 

ตอนนี้พวกเขาเหลือทิ้งไว้แค่เพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้น เขาจะปล่อยให้เธอตกอยู่ในมือของชายทั้งสองที่มีความคิดวิปลาสเช่นนั้นหรือ? เธอคงจะถูกย่ำยีและฉีกเป็นชิ้นๆ ถ้าเธอตกอยู่ในมือของพวกเขา

 

"ท่านพี่ทั้งสองของข้า หญิงสาวคนนั้นเป็นคู่หมั้นของลูกชายข้า กรุณาปล่อยเธอไป พวกเขากำลังวางแผนที่จะแต่งงานกันภายในสิ้นปีนี้" ฟู๋ซิงกล่าวกับทั้งสองคนอย่างรอบคอบ

 

"เจ้าคิดว่าพวกเราตาบอดเช่นนั้นหรือ? นางกำลังมองมาไปที่พวกเจ้าด้วยความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้นางยังเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ตกลงไว้ พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าในวันนี้ เจ้าจะไม่มอบนางให้แก่พวกเราหรือ? ถึงแม้ความจริงที่ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคู่หมั้นของฟู๋หลง แต่หากว่าเธอเป็น พวกเราพี่น้องจะไม่สามารถขอยืมตัวนางมาสักสองวันได้เลยหรือ?" ชายวัยกลางคนทางด้านขวาที่เงียบสงบกล่าวอย่างหนาบเหน็บ เขากำลังมองไปที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่อย่างหิวกระหายราวกับว่าเขาไม่สามารถรอที่จะกินพวกเธอได้

 

การแสดงออกบนใบหน้าของฟู๋ซิงบิดเบี้ยว! เขาก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนความโกรธในดวงตาของเขา

 

เห็นสีหน้าที่ตกใจได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของฟู๋หลง เขารู้ว่าจริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้เกลียดเธอมากนักเมื่อรู้ว่าเธอยังไม่ได้แต่งงาน อย่างไรก็ตามความเกลียดชังของเขาต่อชิงสุ่ยกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

 

"พวกเจ้ามันก็แค่ลูกโสเภณี พวกเจ้ามันเศษสิ่งปฏิกูลของสุนัข พ่อของพวกเจ้าน่าจะยิงพวกเจ้าทั้งหมดให้ตายไปตั้งแต่โผล่ออกมาจากปากช่องคลอดของแม่เจ้า" ชิงสุ่ยไม่สามารถอดทนกับมันได้แล้วจริงๆ

 

.....................................................................

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่เหลือบมองไปที่ชิงสุ่ย แม้ว่ามันจะเป็นความโกรธเคือง แต่เขาจะหยาบคายได้อย่างไร...?

 

เสียงของชิงสุ่ยไม่ได้นุ่มนวลและพวกเขาก็อยู่บนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน ประโยคเดียวของเขาทำให้หลายๆคนถึงกับหันหน้ามามอง!

 

"พรสวรรค์ดังกล่าว มันอยู่ในความทรงจำและทำให้นึกถึงลูกชายหน้าตัวเมียอีกครั้ง"

 

"มันน่าประทับใจและรุนแรงมากกว่าปากของข้า..." ผู้หญิงอ้วนบ่นพึมพำ

 

"เด็กหนุ่มหล่อเหลาคนนั้น ข้ากำลังพิจารณาที่จะให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของข้า แต่ปากของช่างเป็นดั่งฆาตกรที่ฆ่าตัวเอง" หญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าตาหนาๆพูดล้อเล่น

 

ชายหนุ่มวัยกลางคนสองคนมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความโกรธ "ท่านพี่ ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับพวกเราพี่น้องตระกูลซานมาก่อนเลย" ข้าตั้งใจไว้ว่าจะปล่อยให้เจ้าตายอย่างครบชิ้นส่วน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าคงจะต้องได้ลิ้มรสชาติของสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายซะแล้ว"

 

ชิงสุ่ยไม่แม้แต่จะใส่ใจในคำขู่ของพวกเขา พวกเขาไม่ได้รู้จักชื่อของเขา ชิงสุ่ยเพิ่งเคยเดินทางผ่านมาที่นี่ เขาไม่สนใจพวกคนเลวในท้องถิ่นเช่นพวกเขา

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าทั้งสองพี่น้องตระกูลซานต่างก็มีระดับพลังที่สูงกว่าฟู๋ซิงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีพลังอยู่ในระดับปราณเทวะกษัตริย์ขั้นที่ 1 เท่านั้น อย่างไรก็ตามตัวตนของพวกเขาก็ไม่สามารถข่มขู่ชิงชุ่ยซึ่งใช้มือเดียวในการสังหารผู้อาวุโสหยิงและผู้อาวุโสซุนของนิกายเทพกระบี่ได้

 

ฟู๋ซิงนิ่งเงียบอยู่ในขณะนี้ เขารู้ว่าชายทั้งสองนั้นเป็นเหมือนหมาป่า การปล่อยพวกมันไปจึงง่ายกว่าการห้ามไว้และเขายังหวังให้ชิงสุ่ยฆ่าพวกมันทั้งสองคนในตอนนี้

 

"ชิงสุ่ย พวกเราควรจะทำอย่างไร?" ห่าวหยุนลิ่วลี่ถามเขาเบาๆ

 

"ไม่ต้องเป็นกังวลไป พวกมันก็แค่หมูสองตัวเท่านั้น พวกมันไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอก!" ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบ ในวันนี้ชิงสุ่ยไม่ควรจะมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับผู้ฝึกตนระดับปราณเทวะกษัตริย์ขั้นที่ 1  อย่างไรก็ตามการจัดการกับคนสองตนดูจะเป็นเรื่องที่ท้าทายนิดหน่อย แต่ชิงสุ่ยก็รู้ว่าเขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนระดับปราณเทวะกษัตริย์ขั้นที่ 1 ได้ในขณะที่ไม่ได้รับบาดเจ็บในระยะเวลาอันสั้น หากว่าเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของขั้นที่ 4 แห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล

 

ชิงสุ่ยได้เตรียมพร้อมที่จะกลับไปที่เมืองร้อยไมล์เพื่อใช้เวลา 2 ปีในการฝึกฝนให้บรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นที่ 4 แห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล จากนั้นเขาก็จะรู้ได้ว่าเขาจะมีโชคดีในการพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 5 หรือไม่ และในเวลาเดียวกันเขาจะฝึกการปรุงยาและควบคุมการฝึกตนของคนอื่นๆในตระกูลชิงอีกด้วย และในที่สุดเขาก็จะกลับไปยังอาณาจักรเยียนเจี้ยงกับแม่ของเขา

 

เมื่อพวกเขามุ่งหน้ามาที่วังเทวโลก เขากะว่าจะพยายามลองมองหาโชคในการเรียนรู้ทั้งฝ่ามือสังหารเทวอัสนีและการคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ที่ให้การป้องกันที่คุ้มค่าดั่งพระเจ้าด้วยเหรียญตราของพระราชวังเทวโลกซึ่งเขาได้รับมาจากชางห่าย

 

ชิงสุ่ยมีลางสังหรณ์ว่าตำแหน่งของชางห่ายที่วังเทวโลกไม่น่าจะต่ำต้อยและเทคนิคการป้องกันตัวของวังเทวโลกก็มักจะถูกเก็บเป็นความลับ ชิงสุ่ยรู้ว่าเทคนิคของชางห่ายหมิงเยวี่ยได้รับการชี้แนะมาจากแม่ของเธอแทนที่จะเป็นชางห่าย หากพิจารณาจากที่ชางห่ายรักลูกสาวของเขามาก มันจะเป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่ให้เทคนิคนั้นกับลูกสาวของเขา ถ้าหากว่ามันไม่ได้มีข้อจำกัดใดๆสำหรับเขา

 

คลื่นพลังอันแข็งแกร่งและช่างกดดันทำให้ชิงสุ่ยตื่นขึ้นจากกระบวนแห่งความคิด เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นชายสองคนถืออาวุธของพวกมันไว้ในมือ!

 

"ขวานทลายศิงขร!"

 

ชิงสุ่ยตระหนักว่าอาวุธของคู่ต่อสู้เป็นขวานคู่ทลายศิงขรขนาดมหึมา! ตั้งแต่ที่พวกมันแต่ละคนได้กวัดแกว่งขวานทั้งคู่นั้น เขาจึงคาดเดาว่าเทคนิคของพวกมันจะต้องเป็นแบบร่วมมือกัน

 

ภายใต้การจ้องมองที่ตื่นตระหนกของคนอื่นๆ ชิงสุ่ยหยิบกระบี่ดารายุพฆาตออกมา มันดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและหนักแน่น แต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าขวานทลายศิงขร

 

ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ากระบี่ดารายุพฆาตที่ดูแผ่วเบานี้จะมีน้ำหนักมากถึงประมาณ 2,000 จิน จริงๆแล้วอาจจะถึง 3,000 จินด้วยซ้ำไป ชิงสุ่ยได้ศึกษามันมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่ามันใช้วัสดุอะไรในการหล่อหลอมขึ้นมา

 

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน ความสามารถของชิงสุ่ยในการยกของหนักๆให้ราวกับว่ามันเบานั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก

 

คลื่นเสียงพยัคฆ์คำรามอันดุเดือดถูกปล่อยออกไปหาฝ่ายตรงข้าม ในขณะนี้เขาไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายลมปราณของเขาแต่อย่างใด เขาปลดปล่อยมันออกมาในเวลาเดียวกันกับที่คำรามออกไป

 

ถ้าพวกเขากำลังจะสู้กัน มันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะปล่อยให้ยืดเยื้อ!

 

ย่างก้าวกระเรียนทะยาน!

 

พี่น้องตระกูลซานได้วางแผนไว้ว่าจะแยกชิงสุ่ยออกจากหนึ่งในพวกเขา อย่างไรก็ตามทันทีที่ชิงสุ่ยได้กระจายกลิ่นอายลมปราณของเขาออกไป ชายทั้งคู่ก็เตรียมพร้อมป้องกันอย่างสุดความสามารถทันทีโดยใช้ประสบการณ์มากมายที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน

 

การแสดงออกบนใบหน้าฟู๋ซิงเปลี่ยนไปทันที "เด็กสารเลวคนนี้เติบโตขึ้นอย่างยอดเยี่ยมได้ในระดับนี้เพียงแค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ไม่ได้เห็นเขา ฟู๋หลงเคยคิดว่าเขาจะสามารถต่อกรกับเขาด้วยตนเองได้"

 

เขาส่งสัญญาณไปให้ฟู๋ซิง แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ค่อยๆเลือนหายไปในหมู่ฝูงชน

 

"ท่านพ่อ พวกเราจะปล่อยพี่น้องตระกูลซานไว้แบบนี้หรือ? พวกมันไม่ใช่คนดี" ฟู๋หลงนั่งอยู่บนหลังเหยี่ยวของเขาและพูดกับฟู๋ซิงอย่างกังวล

 

"พวกมันกำลังจะตาย แม้ว่าพวกมันจะรอดมาได้ แต่พวกมันจะไม่สามารถมาหาเรื่องกับพวกเราได้อีก "

 

ฟู๋หลงงุนงง...

 

ชิงสุ่ยสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับพี่น้องตระกูลซาน ขณะที่เขารีบพุ่งเข้าไปหาพวกมัน เขาหยิบเข็มเยือกเย็นออกมาด้วยมือข้างซ้ายของเขาหลังจากที่เขาโจมตีใส่พื้นที่ที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้อาวุธลับที่ซ่อนอยู่อย่างรวดเร็วและเร่งรีบ ไม่ใช่เพื่อต้องการสังหารศัตรูของเขา แต่เพื่อป้องกันตัวเอง เป้าหมายคือดวงตาของชายคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

 

ขณะที่ชิงสุ่ยสะบัดมันออกไป กระบี่ดารายุพฆาตก็โจมตีออกไปด้วยเช่นกันพร้อมกับกระบี่คลื่นสามสะท้านเต็มพลัง!

 

จุดประสงค์ของเข็มเยือกเย็นไม่ใช่การสังหารศัตรู แต่ต้องการทำให้พวกมันอ่อนแอลง ชิงสุ่ยรู้ว่าจะมีใครสามารถต้านทานกระบี่คลื่นสามสะท้านได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่

 

กระบี่ของเขารวดเร็วและบ้าระห่ำและมันโจมตีเข้าไปที่จุดอ่อนของขวานทลายศิงขร นั่นก็คือปลายขวาน! มันคือจุดที่มากที่สุดในการป้องกัน

 

ตูม ตูม ตูม! มีเสียงดังอย่างต่อเนื่องสามครั้ง!

 

ขวานทลายศิงขรหลุดออกจากมือของฝ่ายตรงข้าม เลือดไหลออกจากมุมปากของเขาและเล็บนิ้วหัวแม่มือก็เกิดการฉีกขาด เขาเดินโซเซไม่กี่ก้าว แต่ ชิงสุ่ยก็ยังเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างไม่ลดละและทะลวงไปข้างหน้าด้วยกระบี่ดารายุพฆาตของเขา

 

การทะลวงด้วยกระบี่จากดินแดนไร้ขอบเขต!

 

"อ๊ากกกกกก!" เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้น!

 

ชิงสุ่ยทำให้ช่องท้องของเขาได้รับเสียหายและเฉือนลงไปด้านล่างเล็กน้อย

 

ลูกอัณฑะของเขาถูกตัดออก!

 

เสียงกรีดร้องของความสิ้นหวังมาพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเขาก่อนที่เขาจะเป็นลม

 

ชิงสุ่ยรู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่แค่คนหยาบคาย แต่เขาก็เป็นคนที่ผิดศีลธรรมเพียงฟังคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ หากตัดสินจากอายุของเขา เขาคงจะได้กระทำบาปมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อก่อนหน้านี้ การใช้ชีวิตของเขาต่อจากนี้จะเป็นการลงโทษเล็กน้อย ตั้งแต่ที่เขาต้องการให้ชิงสุ่ยได้ลิ้มรสชาติในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย เขาก็อยากจะทำให้พวกมันได้ลิ้มรสได้เช่นกัน

 

“ท่านพี่! อ๊ากกกกกกกกกก! ข้าจะฆ่าเจ้า!" พี่ชายของเขาตะโกนใส่ชิงสุ่ย มันเป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกขบขันมาก

 

เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลในร่างกายของเขายังคงหมุนเวียนด้วยความเร็วที่รวดเร็วและเขาก็เข้าปะทะกับขวานที่คล้ายดั่งพายุ ชิงสุ่ยมองอย่างเกรี้ยวกราดไปที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระดับปราณเทวะกษัตริย์ข้างหน้าเขา ความโกรธที่เห็นได้ชัดสามารถมองเห็นได้ในดวงตาสีแดงเหล่านั้น

 

ชิงสุ่ยส่ายหัวและเขาฟาดฟันอย่างสง่างามไปที่ขาขวาของฝ่ายตรงข้ามทันทีราวกับว่ามันเป็นงูพิษ

 

ลูกเตะพยัคฆ์คำรณพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วตรงส่วนหัวของฝ่ายตรงข้ามและระเบิดขึ้นทันที ศัตรูที่อ่อนแอเหมือนกับพวกมันแทบไม่สามารถทนต่อสู้กับชิงสุ่ยได้ ถ้าพวกมันสองคนลงมือพร้อมกัร ชิงสุ่ยอาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย

 

กล่องผ้าไหมลายดอกหลุดออกจากร่างกายของฝ่ายตรงข้าม!

 

"โอ้ มีอะไรบางอย่าง" ชิงสุ่ยตระหนักว่าแม้ว่าเขาจะฆ่าคนไปเพียงไม่กี่คนแล้วก็ตาม แต่ทุกคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับปราณเทวะกษัตริย์ เขาลืมที่จะค้นดูศพของพวกมันเพื่อหาของล้ำค่า อย่างน้อยควรมีบางสิ่งที่มีค่าในตัวของผู้เชี่ยวชาญในระดับปราณเทวะกษัตริย์ ไม่ว่าจะยากจนเพียงใด อย่างน้อยพวกมันก็อยู่ในระดับปราณเทวะกษัตริย์ขั้นเริ่มต้น

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เคยสังหารผู้ที่อยู่ในระดับปราณเทวะกษัตริย์ไปไม่น้อย เขาหยุดนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้สังหารเจ้าเมืองธาราสวรรค์ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในระดับปราณเทวะเซียนเทียน

 

ชิงสุ่ยเปิดกล่องผ้าออกและค้นพบช่องทีแบ่งออกเป็นสามส่วนในนั้น สองส่วนเป็นขวดลายครามและอีกส่วนเป็นกระดาษที่พับอยู่.... แผ่นหนังสัตว์อสูร!

 

ชิงสุ่ยลองมองดูเพื่อว่าเขาจะค้นพบใบสั่งยาหรือเทคนิคการต่อสู้ หลังจากคลี่แผ่นหนังสัตว์อสูรออกแล้ว เขาก็พับมันเก็บไปอีกครั้ง

 

ชิงสุ่ยหยุดอ่านหลังจากได้เห็นสองคำแรก!

 

"แผนที่สมบัติ!"

รีวิวผู้อ่าน