px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 283 – นางมาจากตระกูลเยียน ตระกูลเยียนจะต้องถูกสังหาร


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 283 – นางมาจากตระกูลเยียน ตระกูลเยียนจะต้องถูกสังหาร

 

ท้องฟ้ามืดลง ชิงสุ่ยเฝ้าดูฝูงชนที่เบาบางลงรอบๆตัวเขา หลายคนมีการเคลื่อนไหวอย่างน่าอัศจรรย์หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวอันน่าขบขัน

 

ชิงสุ่ยหัวเราะ บางคนอาจจะอายมากเกินไปและกลับไปเอง ตอนนี้มันก็ดึกแล้วและมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่รอบๆบริเวณนี้ แต่ละคนต่างก็อยู่ด้านหน้าของศิลาหินของพวกเขา ทุกคนหลีกเลี่ยงกันโดยเด็ดขาดแม้ว่าจะมีบางคนที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับศิลาหินของคนอื่นๆ

 

เมื่อพวกเขาเริ่มฝึกฝนเลียนแบบและฝึกซ้อมโดยดูรูปลักษณ์สัตว์อสูรที่แกะสลักไว้บนศิลาหิน ก็จะมีใครบางคนที่บังเอิญหรือแอบสังเกตความลับอยู่ไม่ไกล ในหมู่พวกเขาต่างก็เพียรพยายามและลากบั่นเรียนรู้พื้นฐานของการเลียนแบบรูปลักษณ์

 

ถ้าใครต้องการที่จะบรรลุถึงระดับเดียวกับชิงสุ่ย พวกเขาคงจะต้องมีการรับรู้ที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากชิงสุ่ยมีกการฝึกฝนเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรมาก่อน มันเรื่องยากสำหรับทุกคนที่จะบรรลุผลดังกล่าวภายในระยะเวลาสั้นๆ

 

เขาเดินไปทางที่พักของเขาพร้อมยิ้มและส่ายศีรษะ ถ้าเขาไม่ได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร เขาคงจะบรรลุถึงระดับปัจจุบันของเขาด้วยการฝึกฝนอย่างน้อยถึง 20 ปี นี่เป็นผลมาจากการที่เขาครอบครองทะเลแห่งปัญญาด้วยรูปลักษณ์ของหยินหยางและความเข้าใจในทั้งสองสิ่งนี้

 

เขาค่อยๆเดินกลับไป จิตใจของเขาเต็มไปด้วยภาพวาดแกะสลักบนศิลาหิน ชิงสุ่ยไม่ได้วางแผนที่จะใช้มันกับฝ่ายตรงข้ามของเขาหลังจากเขาเรียนรู้พวกมัน ศิลาหินจะช่วยให้เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรของเขาเพิ่มความสามารถขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้เทคนิคการสังหารของเขาได้แก่ เคล็ดวิชาศาสตราวุธเล้นลับ, ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน, กระบี่คลื่นสามสะท้าน และเทคนิคอื่นๆจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเทคนิคการเคลื่อนไหวต่างๆเหล่านี้แน่นอน

 

ลูกเตะพยัคฆ์คำรณ, พยัคฆ์ขยำ และการเคลื่อนไหวแบบหมี เทคนิคเหล่านี้จะมีพิษแฝงอยู่และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น บางครั้งมันก็เพียงพอที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ในทันที

 

เมื่อจิตใจของเขากำลังฟุ้งซ่านไป เขาก็มาถึงที่พักโดยไม่รู้ตัวและตระหนักว่าประตูห้องด้านล่างแง้มอยู่เล็กน้อย เขาพักค้างคืนเมื่อวานโดยไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติบ้างไหมในเช้าวันนี้

 

ชิงสุ่ยกำลังจะขึ้นไป แต่ประตูก็เปิดขึ้นและมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังออกมา ชิงสุ่ยตกใจเพราะเธอเป็นสาวสวยที่เคยมาหาเขาเพื่อขอคำชี้แนะเพลงกระบี่เทวโลก

 

เยี่ยนหลิงเก้อ!

 

"พี่ชายชิงสุ่ย!" ริมฝีปากอ่อนๆของเยี่ยนหลิงเก้อแยกออกเล็กน้อยขณะที่เธอยิ้มและทักทายชิงสุ่ย

 

"อืมม เจ้าพักอยู่ที่นี่หรือ?" ชิงสุ่ยถามด้วยความตกใจ

 

"ใช่ พี่ชายชิงสุ่ยก็พักอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?" เยี่ยนหลิงเก้อหันมาตกใจ เธอนั้นอยู่ที่นี่ตลอดเวลา

 

"ใช่ ข้าอยู่ห้องด้านบนของเจ้า!" ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ

 

"พี่ชายชิงสุ่ยจะต้องเพิ่งมาพักที่นี่เมื่อวานนี้แน่นอน!" เยี่ยนหลิงเก้อยืนอยู่ตรงหน้าชิงสุ่ยขณะที่เธอจบประโยค

 

เธออ่อนโยนและสง่างาม เธอสูงเพียงระดับคางของชิงสุ่ย ตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวคนนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ใบหน้าของเธอดูละเอียดลออและอ่อนเยาว์ แต่หน้าอกของเธอกลับกลมโตและอัดแน่นเต็มเสื้อผ้าของเธอ มันพองสูงแม้ว่าจะมองไม่เห็นภายใน แต่ก็คงคาดเดาได้ว่ามันไม่เล็กเลยทีเดียว

 

รอบเอวนุ่มนวลของเธอช่างเพรียวบาง ก้นอันกลมกลึง เรียวขาอันเรียวงามของเธอทำให้เธอดูอ่อนเยาว์และงดงามเป็นอย่างยิ่ง

 

"อืมม เจ้ารู้ได้อย่างไรล่ะ?" ชิงสุ่ยถามแม้ว่าเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้วและหญิงสาวก็ไม่ได้อยู่ที่ห้องของเธอเมื่อคืนนี้

 

"ข้าอยู่กับพี่สาว ‘ซือเยี่ย’ เมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่พี่ชายชิงสุ่ยจะเริ่มมาพักอยู่ที่ด้านบนห้องข้า" เยี่ยนหลิงเก้อหัวเราะเบาๆ

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าความสามารถของเยี่ยนหลิงเก้ออยู่ที่จุดเริ่มต้นของระดับปราณเทวะเซียนเทียน แต่กลับประสบความสำเร็จได้ในเพียงเท่านี้ ชิงสุ่ยมองไปที่เธออย่างใกล้ชิด

 

เธอดูคล้ายกับพี่สาวขายใบชาที่นครเยียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงจมูกและรูปร่างใบหน้าของเธอ คุณสมบัติเหล่านี้ของพี่สาวของเขาไม่ได้เหมือนแม่ของเธอเลย ชิงสุ่ยสังเกตเห็นนามสกุลของเธอคือเยียน มันดูเหมือนจะแปลกประหลาดที่พบหญิงสาวที่มีนามสกุลเยียนในวังเทวโลก

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยจ้องมองอย่างไม่ลังเลไปที่เยี่ยนหลิงเก้อ "บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ?"

 

เยี่ยนหลิงเก้อรู้สึกสับสนเล็กน้อยที่ได้ยินคำถามของชิงสุ่ยแต่เธอก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า "มันอยู่ที่อาณาจักรเยียนเจี้ยงในนครเยียน พี่ชายชิงสุ่ยมีปัญหาอะไรหรือไม่? ครอบครัวของข้าในนครเยี่ยนนั้นพอมีฝีมืออและอำนาจอยู่บ้าง ถ้าท่านเดินทางไปยังนครเยียนในอนาคตข้าจะดูแลท่านเป็นอย่างดี"

 

เธอบอกว่าครอบครัวของเธออยู่ที่อาณาจักรเยียนเจี้ยงในนครเยียน มีเพียงตระกูลเยียนเท่านั้นที่จะมีนามสกุลเยียนภายในนครเยียน เธอบอกว่าครอบครัวของเธอมีอำนาจ ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวด เป้าหมายเร่งด่วนที่สุดของเขาตอนนี้คือจัดการกับตระกูลเยี่ยนให้ราบคาบ!

 

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นและเดินจากไป ปล่อยให้เยี่ยนหลิงเก้อยืนมึนงงอยู่เล็กน้อย หลังจากรู้ว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของคนในตระกูลเยี่ยน ความรู้สึกดีๆของเขาที่มีต่อเธอหายก็หายไปในทันที

 

ชิงสุ่ยเดินเข้าห้องของเขาและล็อคประตู เขารู้สึกไม่ดี หญิงสาวคนนี้ทำให้เขานึกถึงตระกูลเยี่ยนอีกครั้ง การเจริญเติบโตของพวกขุนนางมักมีประวัติที่หลั่งไปด้วยเลือดและน้ำตาของครอบครัวอื่นๆเพิ่มขึ้นมากมาย

 

ชิงสุ่ยจะมอบบทลงโทษโดยการประหารชีวิตให้กับตระกูลเยี่ยน หลังจากที่ได้เห็นหญิงสาวที่ดื้อรั้นจากนครเยี่ยนและบุคคลที่เกี่ยวข้องจะไม่ได้รับการยกเว้น

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเยี่ยน แม้ว่าอาจจะเป็นน้องสาวต่างมารดาของเขา เขาคิดเสมอว่าเขามีมารดาเพียงคนเดียว เขาจะคืนให้เป็นร้อยเท่าพันเท่าสำหรับคนที่คอยช่วยเหลือแม่ของเขา แต่สำหรับคนที่ไล่ล่าเธอไม่ว่าใครก็ตาม อย่าได้คิดฝันว่ามันจะได้มีชีวิตอยู่แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลาเป็นสิบปีหรือตลอดชีวิต

 

ชิงสุ่ยเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อการแก้แค้นและวันนั้นก็มาถึงแล้ว!

 

ชิงสุ่ยพยายามอย่างหนักที่จะหยุดยั้งไม่ให้คิดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องหญิงสาวจากนคนเยียน ชิงสุ่ยไม่กล้าบอกมารดาของเขาว่าเขาจะเสียสละชีวิตเพียงเพื่อไปให้ถึงนครเยียน!

 

ความเพียรพยายามตลอดหลายปี ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือพี่สาว เขาก็พยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้น้อยลงในช่วงสองสามปีมานี้ ชิงสุ่ยต่อสู้เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดไปไกลและทิ้งมันไปชั่วคราว

 

ชิงสุ่ยเริ่มจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนหลังจากเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลในตอนนี้อยู่ในรอบที่ 94และจะบรรลุถึงรอบที่ 95 เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้ว่าหลังจากนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรอบที่ 99 มันจะเป็นอะไรที่ไม่ง่ายดาย มันยังคงมีอุปสรรคหลังจากเข้าสู่รอบที่ 95!

 

สำหรับเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 3 แห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลมันเป็นเพียงแค่พื้นฐาน แต่ก้าวขึ้นไปยังขั้นที่ 4 เป็นกุญแจสำคัญ ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยความสามารถและความรู้สึก แต่ยังต้องพึ่งโชคด้วย

 

ชิงสุ่ยถูกปิดกั้นโดยผนังของขั้นที่ 4 มาเป็นเวลาถึง 6 ปี มันจึงทำให้เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดกันจึงจะสามารถทำลายกำแพงของขั้นที่ 5 ไปได้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มันทำให้ชิงสุ่ยหมดกำลังใจ แต่เขาได้เตรียมการในระยะยาวไว้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบรรลุถึงขั้นที่ 4 ได้ภายในช่วงระยะเวลานี้ แต่เขาก็สามารถเพิ่มความสามารถของเขาผ่านเม็ดยาและเทคนิคเสริมต่างๆและอาจจะมีการพัฒนาในขณะที่เขาไม่รู้ก็เป็นได้

 

รูปลักษณ์พยัคฆ์!

 

ภาพวาดแกะสลักศิลาหินที่เขาเห็นในวันนั้นทำให้ชิงสุ่ยเข้าใจรูปลักษณ์พยัคฆ์มากขึ้น

 

ชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องนี้ในขณะที่พยายามค่อยๆนำมันมาใช้กับพยัคฆ์พิฆาต, ลูกเตะพยัคฆ์คำรณ, กรงเล็บพยัคฆ์ แม้แต่กรงเล็บหมีและท่วงท่ากระบี่

 

ชิงสุ่ยไม่ลืมที่จะฝึกฝนระฆังสะท้านจิต เขาใช้เวลาไปในทุกๆวัน เป็นเดือนๆนับจากเริ่มต้นการเดินทางมายังวังเทวโลก เขาบรรลุถึงระดับที่ 3 แล้ว!

 

มันสามารถใช้ประโยชน์ได้เวลาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

 

ระยะห่างของระฆังสะท้านจิตระดับที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 400 เมตร ยังคงมีคำอธิบายระบุมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้สัตว์อสูรบ้าคลั่งและโจมตีผู้ที่อยู่รอบๆมีน แต่ก็มีคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของสัตว์อสูรที่จะตกใจตายอย่างฉับพลัน!

 

ชิงสุ่ยมีความสุขกับความสามารถดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวิ่งไปยังพื้นที่รกร้างเพื่อทดลองกับสัตว์อสูร เขาค้นพบว่าโอกาสที่สัตว์ป่าจะตกใจนั้นต่ำกว่าระดับของสัตว์อสูรถึง 9 ใน 10 และหากใช้มันกับสัตว์อสูรก็จะมีอัตราความสำเร็จแค่ 4 ใน 5 ตัวเท่านั้น

 

เรื่องนี้ทำให้ชิงสุ่ยนึกถึงช่วงเวลาที่เขาใช้มันกับราชันย์เวหาเหยี่ยวทมิฬ มันกลับประสบความสำเร็จเพียงแค่เขาลองดู เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าโชคดีเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน การทดลองอีกหลายครั้งทำให้ชิงสุ่ยพบว่าอัตราความสำเร็จมีเพียง 20% และจะประสบความสำเร็จ 1 ครั้งในทุกๆ 5 ครั้ง

 

วันที่สองชิงสุ่ยไปที่ลานฝึกอีกครั้งเพื่อฟังการบรรยายของผู้อาวุโส แต่จู่ๆเขาก็เห็นว่าสถานที่เดิมของเขาถูกครอบครองโดย เยียนหลิงเก้อซึ่งตอนนี้กำลังยิ้มให้เขา

 

"พี่ชายชิงสุ่ย!"

 

ชิงสุ่ยพบว่ามันคมชัดมากพอที่จะได้ยินเสียงเรียกดังกล่าวและไม่รู้จะทำอย่างไร จึงถามเธอไปว่า "เมื่อตอนที่ข้าผ่านไปยังนครเยียนมีผู้หญิงคนหนึ่งจากตระกูลเยียนขายใบชาอยู่ เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับนางหรือไม่? ข้าประหลาดใจจริงๆ!"

 

เยียนหลิงเก้อนึกถึงเมื่อวานนี้ตอนที่ชิงสุ่ยแสดงท่าทางรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเยียนและดูเหมือนว่าเขาคิดว่าเธอเป็นคนใจร้าย

 

"ข้าไม่รู้ ข้าเป็นเพียงแค่เด็กน้อยและพี่สาวชิงชิงเองก็เช่นกัน... พี่ชายชิงสุ่ยดูเหมือนว่าท่านจะเป็นห่วงพี่สาวชิงชิงไม่น้อยเลยนะ!" เยียนหลิงเก้อถามด้วยความแปลกใจ

 

"เจ้าไม่สงสารนางบ้างหรือ เด็กหญิงตัวน้อยจากตระกูลเยียนที่ยิ่งใหญ่กลับต้องมาเป็นเด็กเร่ขายใบชาอย่างโดดเดี่ยวบนท้องถนน เธอถูกรังแกจากคนตระกูลเยียน ตระกูลเยียนทำมันลงไปได้อย่างไร?" ชิงสุ่ยตอบอย่างใจเย็น

 

เยียนหลิงเก้อถอนหายใจออกมา "ท่านไม่ทราบอะไรเลย ท่านมองเห็นแค่เพียงผิวเผิน ยังมีคนดีๆอยู่ภายในตระกูลเยียน" เธอด้วยสายตาให้ร้าย

 

"ฮ่าๆ มีอะไรเกิดขึ้นกับข้าบ้างล่ะ? และอย่ามองหาข้าอีกต่อไป ข้าไม่ได้รู้สึกดีกับตระกูลเยียน! "ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับหันเดินออกมา

 

เมื่อเยียนหลิงเก้อเห็นชิงสุ่ยทำอย่างนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาขณะเฝ้ามองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินออกไป!

 

"มีอะไรเกิดขึ้น? เขารังแกเจ้าหรือ? "เสียงอันอ่อนโยนดังขึ้น!

 

"พี่ชายสาวซือเยี่ย!" เยียนหลิงเก้อรีบเช็ดน้ำตาของเธอและร้องตอบด้วยเสียงที่ร่าเริงไม่เหมือนกับคนที่ร้องไห้

 

หญิงสาวแต่งตัวในชุดสีม่วงอ่อนเดินเข้ามาด้วยท่าทางอันมีเสน่ห์ ดวงตาของเธอเป็นสีดำและสีขาวโดดเด่นและน่าสนใจมาก

 

จมูกของเธอสูงเป็นพิเศษทำให้เธอดูติดตาและมีเอกลักษณะ ริมฝีปากสีแดงชุ่มชื่นของเธอปนไปด้วยความขมขื่นที่ซ่อนในแทนรอยยิ้ม

 

“อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ คนพาลผู้ใดทำร้ายเจ้า? "เสียงอ่อนโยนของสุภาพสตรีช่างเงียบสงบ มันทำให้คนสงบลงได้ง่าย

 

"ไม่ เขาไม่ได้ทำ" เยียนหลิงเก้อหัวเราะคิกคัก เธออยากจะร้องไห้ แต่เธอก็เช็ดน้ำตาของเธอให้แห้งเมื่อผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาและแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นไร

 

ชิงสุ่ยเปลี่ยนสถานที่ยืนของเขาและในขณะนั้นผู้อาวุโสก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลาน วันนี้เขาเดินต่อไปอีก 10 ก้าว ผู้อาวุโสสำรวจพื้นโดยรอบอย่างสงบ

 

"ข้าจะฝึกสอนให้แก่พวกเจ้า แต่หลังจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเองว่าจะเข้าใจมันได้หรือไม่? "ผู้อาวุโสกล่าวและเผยรอยยิ้มอันลึกซึ้ง

 

ผู้อาวุโสแสดงให้ดูขณะอธิบาย การเคลื่อนไหวสิบครั้งในวันนี้เห็นได้ชัดว่ามีพลังมากขึ้นและดุร้าย ชิงสุ่ยเพิ่งเข้าใจการใช้งานภาพวาดศิลาหินของพยัคฆ์และจิตรกรรมภาพเขียนพยัคฆ์เมื่อคืนนี้

 

ดังนั้นมันจึงดูเหมือนว่าเสียงสะท้อนภายในจิตใจของเขาดังกล่าวเป็นเหมือนการแสดงถึงความเข้าใจในคำอธิบายเทคนิคของเพลงกระบี่เทวโลกของผู้อาวุโส แม้ว่าเขาจะรู้ถึงคำอธิบายของผู้อาวุโสค่อนข้างมากแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกตรัสรู้และเข้าใจมากขึ้นเมื่อผู้อาวุโสอธิบายเสร็จสิ้น

รีวิวผู้อ่าน