px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 286 – ความงดงามอันเป็นตำนานของนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา พลังอำนาจของพยัคฆ์


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 286 – ความงดงามอันเป็นตำนานของนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา พลังอำนาจของพยัคฆ์

 

"โอ้ ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะรวดเร็วได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันยังเชื่องช้าอยู่เลย! มันเป็นเพียงแค่การแสดงออกเท่านั้น!" มีคนพูดด้วยความประหลาดใจ

 

"ทำไมคนหนุ่มสาวในปัจจุบันจึงทำอะไรที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ เช่นออกมาข่มเหงผู้อื่น? แต่ข้าก็ชอบมัน"

 

"เมื่อความเร็วของข้าอยู่ในระดับเดียวกับเขา ข้าจะแสร้งทำท่าทางแบบนั้นตามที่นั่นที่นี่ มันจะต้องน่าทึ่งมากๆแน่"

 

ชิงสุ่ยพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินความคิดเห็นพวกนั้น

 

"เด็กสารเลว เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก? เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นกับคุณชายสามของพวกเราได้เยี่ยงไร เหล่าพี่น้องของพวกเราจะสอนบทเรียนให้กับเจ้า จัดการมัน!" เสียงของชายหนุ่มรูปร่างผอมดังออกมา

 

ชิงสุ่ยเกลียดเสียงแหลมขึ้นจมูกเช่นนี้มากที่สุด

 

หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่มผอมบางแล้ว ชายหนุ่มร่างกายกำยำกว่าสิบคนก็วิ่งเข้าไปหาชิงสุ่ย ในขณะที่ชายหนุ่มผอมบางยืนอยู่ด้านหลัง การแสดงออกบนใบหน้าของเขาตอนนี้ราวกับว่าเขากำลังเฆี่ยนตีสอบปากคำ เขายิ้มแย้มไปที่ชิงสุ่ย

 

ความชำนาญของชิงสุ่ยเกี่ยวกับแส้เดี่ยวไทเก๊กนั้นอยู่ในระดับที่สูงมากแล้ว เขากางขาออกและทำท่าทางคล้ายม้ายืน ขณะที่แขนทั้งสองข้างของเขาปล่อยไว้ด้านข้างลำตัวแบบหลวมๆ ความเร็วแขนของเขานั้นไม่เร็วนักแต่ตรงกันข้ามมันกลับช้ามากจนทุกคนสามารถติดตามการความเคลื่อนไหวของแขนได้

 

แขนของเขาเต้นเหมือนผีเสื้อที่บินอยู่ในสวนและบรรดาผู้ที่ทุกข์ทรมานจากเขาทั้งหมดจบลงด้วยการกระดูกหักพร้อมกับเสียงตะโกนอันทรมานและเสียงโห่ร้องอันเจ็บปวดที่เต็มไปทั่ว

 

ในพริบตาสิบคนที่วิ่งเข้าไปหาเขาทั้งหมดก็นอนกองอยู่บนพื้นดินอย่างทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บต่างๆ แล้วชิงสุ่ยก็เดินอย่างสงบไปหาชายหนุ่มผอมบางที่ยืนอยู่ด้านหลัง

 

"อั๊กกกกก!"

 

ชิงสุ่ยได้กระแทกกระดูกคางของชายหนุ่ม เลือดและเสียงกรีดร้องดังออกมา เมื่อเขาเริ่มหมดสติไป ชายหนุ่มคนแรกสังเกตท่าทีอย่างใกล้ชิด

 

ชิงสุ่ยยิ้มให้พวกเขาก่อนที่จะเดินจากไป ชายหนุ่มยังคงไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจ้องมองไปที่กลุ่มคนที่โดนชิงสุ่ยโจมตี พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถลุกขึ้นยืนได้ เขาคิดว่าอย่างน้อยที่สุดชิงสุ่ยจะต้องอยู่ในระดับที่ 5 ของผู้ฝึกตนปราณเทวะเซียนเทียน

 

"จำไว้ว่า ถ้ามีครั้งต่อไปข้าจะหักขาของเจ้าและขาทั้งสองขา" ชิงสุ่ยยิ้ม

 

"โอ้ มีคนกล้าที่จะข่มขู่คุณชายสามแห่งตระกูลกงซุนด้วยหรือ นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าดูชมอย่างยิ่ง" คนแปลกหน้าพูดออกมาความตื่นเต้น

 

แม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ได้ดัง แต่ชิงสุ่ยก็สามารถได้ยินเขาอย่างชัดเจนราวกับว่ากำลังยืนอยู่ข้างๆ!

 

หลังจากได้ยินเสียงนั้น ชิงสุ่ยหันมาพบกับชายคนหนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมยาวสีขาวของดาราจันทรา เขายิ้มขณะที่จ้องมองมาที่ชิงสุ่ย ชิงสุ่ยพยักหน้าเบาๆตอบรับก่อนที่เขาจะจากไป

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าชายคนนั้นเตือนเขา ดูเหมือนว่าตระกูลกงซุนจะมีสถานะในวังเทวโลก ชิงสุ่ยคิดถึงเสาหลักที่คอยสนับสนุนเขา ในคฤหาสน์ดาราจันทราเฟยหวู่จี้และชางหวู่ย่ามีสถานะสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลกงซุน ชิงสุ่ยไม่ได้กังวลมากนัก

 

ชิงสุ่ยสงสัยว่าชายคนนั้นกำลังเตือนสติเขาว่าตราบเท่าที่เขาไม่ได้แตะต้องใครจากตระกูลกงซุน เขาก็จะสบายดีไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะทำตัวเด่นจนเกินไปสำหรับตอนนี้ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ได้แตะต้องชายหนุ่มคนแรก

 

ตีสุนัขก่อนที่จะตีเจ้าของ! นี่เป็นสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอด

 

หลังจากออกจากพื้นที่ดังกล่าวและเดินไประยะทางหนึ่ง ชิงสุ่ยได้สังเกตเห็นชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่เดินมาทางเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเธอ ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและจ้องมองไปด้วยความหลงใหลนับครั้งไม่ถ้วน เขาเดินตรงไปยังคู่ของความงดงาม เขาไม่ทราบว่าพวกเธอมานานเท่าไรแล้วและพวกเธอได้เห็นฉากที่เขาจัดการกับขยะพวกนั้นหรือไม่?

 

"คนที่ไหลลื่นเหมือนปลาผู้นี้ ทำไมทักษะของเขาช่างยอดเยี่ยม? แม้แต่ผู้หญิงของเขาก็สวย แต่ความงามของพวกเธอก็หายไปหมดเมื่อเทียบกับนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา!" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น

 

"ใช่ ตอนแรกที่ข้ามองไปที่เสื้อคลุมของพวกนาง ข้าก็คิดว่าพวกนางเป็นนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา แต่เมื่อมองดูดวงตาของพวกเธอดีๆ มันหมือนจะขาดบางสิ่งบางอย่างไป" ชายบางคนตอบกลับขึ้นมาในทันที

 

เสียงของการสนทนาของพวกเขาเป็นเหมือนระเบิดในหูของชิงสุ่ย อะไร? นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆางดงามยิ่งกว่าชางห่ายหมิงเยวี่ย? ชิงสุ่ยคิดทันทีว่าใช่ผู้หญิงอันงดงามที่อยู่ในรูปที่เขาเคยเจอมาก่อนหรือไม่?

 

นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา? ผู้ที่มีอำนาจบัญชาการในคฤหาสน์เมฆา! คฤหาสน์เมฆาที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยและห่าวหยุนลิ่วลี่เข้าร่วม คฤหาสน์ที่รับเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น

 

"ชิงสุ่ย ทำไมเจ้าถึงไม่ได้มาหาพวกเราเลยในสองสามวันมานี้? และดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ค่อยเคารพเหล่าอาจารย์เลยนะ" ห่าวหยุนลิ่วหัวเราะ

 

"ฮ่าๆ ข้าค่อนข้างยุ่งมาก มาเถอะให้ข้าพาพวกเจ้าไปเรียนรู้อะไรบางอย่างที่มีประสิทธิภาพเถอะ อย่างไรก็ตาม เจ้าจะสามารถซึมซับมันได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของพวกเจ้าเอง" ชิงสุ่ยนำทางพวกเธอไปหลังจากที่เขากล่าวคำเหล่านี้ คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำพูดที่เฟยหวู่จี้เคยบอกกับเขาหรือ?

 

"โอ้ มันเป็นเทคนิคที่ทรงพลังเช่นนั้นหรือ? ทำไมเจ้าถึงได้ทำท่าทางลึกลับอย่างนี้?" ห่าวหยุนลิ่วลี่แลบลิ้นของเธอไปที่ชิงสุ่ย

 

"เจ้าจะรู้เมื่อเจ้าอยู่ที่นั่น" ชิงสุ่ยหัวเราะในขณะที่เขานำทางไปศิลาหินแกะสลัก

 

"เจ้าเคยพบนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆามาก่อนหรือไม่" ชิงสุ่ยกล่าวลวกๆขณะที่พวกเขากำลังเดิน

 

อาจจะเห็นความขบขันได้ในสายตาของชางห่ายหมิงเยวี่ย ขณะที่มันกลับเห็นได้อย่างชัดในสายตาของห่าวหยุนลิ่วลี่

 

"อ่า..... " ชิงสุ่ยถูจมูกอย่างเขินอายและรู้สึกอึดอัดมาก

 

"นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆาของพวกเราเป็นความงดงามอันยิ่งใหญ่ที่สุดและเทียบได้กับพี่สาวหมิงเยวี่ย เจ้าต้องการจะไปดูหรือไม่ บางที... เจ้าอาจจะมีโอกาสได้กอดนางเช่นกัน..." ห่าวหยุนหยอกเย้าชิงสุ่ย เธอมองเขาด้วยสายตาอันเย้ายวนและมีเสน่ห์

 

"อืมม ข้าถามดู ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด" ชิงสุ่ยรีบพึมพำตอบกลับ

 

"ชิงสุ่ย นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆาของพวกเราส่วมผ้าคลุมหน้า แต่ดวงตาของเธอดูงดงามยิ่งนักและคล้ายกับพี่สาวหมิงเยวี่ย ตอนแรกที่พวกเราเข้าไปในคฤหาสน์เมฆา หลายๆคนก็สงสัยว่าพี่สาวหมิงเยวี่ยก็คือนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆา" ห่าวหยุนหัวเราะคิกคัก

 

"ฮ่าๆ ข้าไม่กล้าเปรียบเทียบตัวเองกับนายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆาหรอก เธอดูราวกับว่าเป็นอมตะและสืบเชื้อสายมาจากสรวงสวรรค์" ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

ในช่วงเวลานี้ชิงสุ่ยเชื่อพวกเธอที่สุด จากเรื่องทั้งหมดชางห่ายหมิงเยวี่ยเป็นคนที่พูดเองกับปาก นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆาเป็นหญิงสาวในภาพหรือไม่? เพราะ... นายหญิงแห่งคฤหาสน์เมฆาสวมผ้าคลุมหน้าด้วยเช่นกัน.... เธอเป็นหนึ่งในสิบสองหญิงงามของจิตรกรผู้โด่งดังหรือไม่?

 

"ข้าไม่เชื่อว่าจะมีผู้หญิงที่สวยงามกว่าพวกเจ้าทั้งสองคน" ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาจ้องมองพวกเธอ แต่ท่าทีของเขาดูเหมือนจริงจังมาก

 

"มาเถอะ ไปดูภาพแกะสลักศิลาหินกัน! ใช้หัวใจของเจ้าสัมผัสถึงมัน!"

 

ทั้งสามคนมาถึงบริเวณด้านนอกของอนุสรณ์สถานศิลาหินศิลปะการต่อสู้ ชิงสุ่ยรีบเปลี่ยนหัวข้อก่อนที่ห่าวหยุนลิ่วลี่จะแกล้งเขาอีกครั้ง

 

"วิธีนี้ดูเหมือนจะคล้ายคลึงกับเทคนิคกวางย่างก้าว?" ห่าวหยุนลิ่วลี่หยุนถาม

 

"ลิ่วลี่ พวกเจ้าต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ของพวกมันก่อน หลังจากนั้นพวกเราค่อยกลับไปพูดคุยถึงเรื่องนี้กันอีกครั้ง" ชางห่ายหมิงเยวี่ยตอบ

 

“เอาล่ะ!”

 

ชิงสุ่ยได้ย้ายไปยังพื้นที่ที่มีศิลาหินที่แกะสลักภาพวาดพยัคฆ์และไปยังศิลาหินอันแรกที่เขาเห็นภาพพยัคฆ์ล่าเหยื่อของมัน

 

กรงเล็บของพยัคฆ์ขยายออกไป ขณะที่มันพุ่งไปสู่เหยื่อของมัน ชิงสุ่ยรู้ว่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขาแม้แต่พยัคฆ์ปกติทั่วไปก็สามารถปลดปล่อยพลังของตัวมันเองออกมาได้ถึง 2,000 จินด้วยการโจมตีเพียงขาเดียว ชื่อจักรพรรดิแห่งสัตว์อสูรไม่ได้ตั้งไว้อย่างไร้สาระแน่นอน!

 

มันมองลงไปด้วยความชิงชังที่เหยื่อของมัน ส่งเสริมให้โอกาสในชัยชนะของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก พยัคฆ์ตนนี้ยังไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายหรือไม่?

 

ภาพแกะสลักถัดไปมีชื่อว่า 'พยัคฆ์ฉีกกระชาก' มันแสดงให้เห็นว่าอุ้งเท้าของพยัคฆ์ซัดลงไปด้วยความโหดเหี้ยมเช่นเดียวกับกระบี่ขนาดยักษ์ ภาพวาดนี้เตือนชิงสุ่ยในมุมมองการใช้ในเคล็ดกระบี่พื้นฐาน เมื่อดวงตาของเขาเร่าร้อนด้วยการไตร่ตรอง ชิงสุ่จมดิ่งอยู่กับตัวเองอย่างรวดเร็วภายใต้ข้อมูลเชิงลึก ก่อนที่เขาจะย้ายไปภาพแกะสลักถัดไป หลังจากศึกษาหลายๆเรื่องแล้วเขาก็สรุปได้ว่าไม่ว่าจะเป็น พยัคฆ์ฉีกกระชาก ลมหายใจพยัคฆ์ พยัคฆ์ทะลายคีรี หรือพยัคฆ์ขยำ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ก็รวมอยู่ในพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ นั่นคือข้อสรุปที่สำคัญที่สุดที่เขาคิด

 

รูปลักษณ์พยัคฆ์ของเขา รูปแบบการสับของเขา ทั้งหมดอาจจะรวมอยู่ภายในพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์และจะทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง!

 

เขารู้เหลือบขึ้นมองและเห็นว่าผ่านไปแล้วครึ่งวันและพบว่าหญิงสาวอยู่ข้างๆเขา!

 

"ชิงสุ่ย เจ้าใช้เวลาสองสามวันที่ผ่านมาอยู่ที่นี่หรือ?" ห่าวหยุนลิ่วลี่ถาม

 

"ถูกต้อง"

 

"เจ้าไม่ได้เรียนรู้เรื่องอื่นๆเลยหรือ?"

 

"ข้าทำ ข้าใช้เวลาสองวันที่ผ่านมาเรียนรู้เพลงกระบี่เทวโลกจากผู้อาวุโสที่คอยมาสั่งสอน" ชิงสุ่ยหัวเราะและพอใจกับความอยากรู้อยากเห็นของลิ่วลี่

 

"ฮ่าๆ ไม่กี่วันมานี้พี่สาวหมิงเยี่วยและข้าได้ติดตามท่านอาจารย์อาวุโสชางหวู่ย่าไปและได้เรียนรู้ขั้นตอนของหมอกเมฆาและหลังจากที่ทำตามขั้นตอนของหมอกเมฆาจนเข้าใจแล้ว ท่านจะสอนฝ่ามือสังหารเทวอัสนีแก่พวกเรา และหลังจากนั้นก็จะเป็นเคล็ดคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์..."

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึง เทคนิคทั้งสองที่เขาต้องการเรียนรู้นั้นสอนให้อย่างง่ายดายแก่พวกเธอทั้งสองคน เมื่อไหร่ที่เขาจะสามารถเริ่มต้นเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ได้...

 

"ท่านอาจารย์อาวุโสบอกให้พวกเราพาเจ้ากลับไปพบเขา นั่นคือเหตุผลที่พี่สาวหมิงเยี่วยและข้ามาที่นี่ในวันนี้" ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวอย่างสนุกสนาน เธอรู้ว่าชิงสุ่ยเสียใจ เพราะเขาไม่สามารถเข้าถึงทั้งสองเทคนิคได้

 

"นี่เป็นความจริงหรือไม่?" ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความประหลาดใจ ความสุขเกิดขึ้นอย่างฉับพลันกับเขา

 

"ข้าเคยโกหกเจ้าหรือ? แต่เจ้าควรจะขอบคุณเรื่องนี้กับพี่สาวหมิงเยี่วย ถ้าไม่ใช่เพราะนางสัญญาว่าจะ.......”

 

“ลิ่วลี่!”

 

"โอ้ ข้าจะไม่พูดอะไร ข้าจะไม่พูดอะไรเลย" ห่าวหยุนลิ่วลี่รีบใช้มือปิดปากของเธอ

เขารู้สึกตกใจกับการบอกกล่าวอย่างฉับพลันที่เขามีโอกาสจะได้เรียนรู้เทคนิคที่สมบูรณ์นี้ เขาไม่ได้สังเกตเห็นการแสดงออกที่ขี้อายบนใบหน้าของหมิงเยี่วยและไม่ได้สังเกตเห็นว่าห่าวหยุนลิ่วลี่พูดอะไรออกมา

 

ในขณะที่ชางห่ายหมิงเยวี่ยสังเกตเห็นความรู้สึกของชิงสุ่ย เธอรู้สึกสับสนกับความยินดีและความผิดหวัง ยินดีเพราะเขาไม่ได้สังเกตเห็นและค่อนข้างผิดหวังกับมันเช่นกัน

รีวิวผู้อ่าน