px

เรื่อง : เทพอสูรบรรพกาล -Ancient Strengthening Technique
AST บทที่ 289 - การผสมผสานของเทคนิคการเคลื่อนไหว!


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 289 - การผสมผสานของเทคนิคการเคลื่อนไหว!

 

ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขาคิดว่ากงซุนเจี้ยนหวู่คือความงดงามอันยิ่งใหญ่ที่ไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเมื่อเขาตำหนิว่าเธอทางด้านจิตเล็กน้อย แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับซือเยี่ยที่ถูกเขาพูดใส่และเดินจากไป

 

ชิงสุ่ยกำลังตัดสินใจว่าเขาควรจะยอมรับคำท้าดีหรือไม่ เพราะความตั้งใจเดิมของเขาคือการไม่ทำตัวโดดเด่นจนเกินไปและไม่แสดงออกถึงความสามารถที่แท้จริงของเขาในช่วงต้น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ดูเหมือนว่าชางหวู่ย่าและเฟยหวู่จี้จะมีเจตนาที่จะให้เขาและหญิงสาวทั้งสองรวมทั้งคนรุ่นอื่นๆเป็นแกนเสาหลักของคฤหาสน์ของพวกเขา แต่ชิงสุ่ยมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับคฤหาสน์ดาราจันทราเท่านั้นและยังมีสังฆราชอยู่ในตระกูลกงซุนรวมทั้งผู้อาวุโสและผู้นำเหล่าสาวกอย่างกงซุนเจี้ยนหวู่อีกด้วย ตระกูลกงซุนน่าจะมีกองกำลังที่ซ่อนอยู่บ้างเช่นผู้พิทักษ์และผู้อารักขา

 

ในวังเทวโลกนั้นมีเหล่าสังฆราชอยู่เพียงไม่กี่คนและแต่ละคนก็แข็งแกร่งมาก โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่สนใจเรื่องภายในวังเทวโลกและจะเข้ามาแทรกแซงเฉพาะเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมากเท่านั้น

 

ชิงสุ่ยตัดสินใจทิ้งเรื่องที่ยุ่งยากเหล่านี้ทั้งหมดไปชั่วคราว อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองของชางหวู่ย่าและเฟยหวู่จี้และถือได้ว่าปลอดภัยมาก วัตถุประสงค์หลักของการที่เขาเข้าร่วมวังเทวโลกคือการเรียนรู้เทคนิคบางอย่างที่สมบูรณ์แบบและตอนนี้เขาก็ได้เรียนรู้บางอย่างแล้ว วัตถุประสงค์ของเขาอาจจะใกล้ประสบความสำเร็จ

 

เขารู้สึกดีต่อผู้ที่ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเมตตาและละเว้นทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามีคนให้ความเคารพนับถือเขาสักนิดเขาก็จะให้ความเคารพเช่นกัน ความเมตตาต้องได้รับการชำระคืนเสมอ เช่นเดียวกับอาจารย์เทพธิดาอีเย่เจี้ยนเก้อของเขา ถึงแม้ตอนนี้เขากำลังวางแผนทำแทนเธอเพื่อก้าวเข้าไปในสันเขาราชันย์ราชสีห์ในอนาคต

 

น่าเสียดายที่ชิงสุ่ยรู้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 20 ปี มีปัจจัยที่ไม่ทราบสาเหตุมากเกินไปในช่วงเวลานี้ เขาจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่หลังจากที่ได้สังหารผู้คนตระกูลเยียน? และถ้าเขาประสบความสำเร็จเขาจะได้แต่งงานหรือไม่? ถ้าเขามีบุตรชายและบุตรสาว บุคลิกภาพและลำดับความสำคัญของเขาก็จะเปลี่ยนไปหรือไม่? มีตัวแปรมากเกินไป! สำหรับครอบครัวของเขา มันยังคงเป็นอยู่แบบนี้หรือยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นหลั่งโลหิตกับอีเย่เจี้ยนเก้อ? แท้จริงเขาไม่รู้ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถทำนายอนาคตได้และไม่มีอะไรที่เป็นนิรันดร์

 

ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยฝึกฝนเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลและต่อด้วยกิจวัตรปกติของเขาเช่น การปรับแต่งระฆังสะท้านจิต การฝึกปรุงยา  และการตีเหล็กของเขา ฯลฯ นอกจากนั้นเขายังเพิ่มย่างก้าวอำพรางเมฆเข้าไปในกิจวัตรประจำวันของเขาด้วย ตอนนี้เขาเข้าใจสาระสำคัญของย่างก้าวอำพรางเมฆแล้ว เขาเหมือนกับปลาในน้ำเมื่อใช้มัน

 

การปรับปรุงของเก่าในขณะที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆและทำให้มันสมบูรณ์แบบ! ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนย่างก้าวอำพรางเมฆไปแล้วกี่ครั้ง เขาได้เข้าสู่สถานะที่เขาปิดกั้นการรบกวนจากภายนอกทั้งหมดและมุ่งเน้นไปที่ย่างก้าวอำพรางเมฆเท่านั้น คราวนี้ในขณะที่เขาก้าวเท้าด้วยย่างก้าวอำพรางเมฆ เขาใช้ก้าวขจัดวิญญาณโดยไม่ได้ตั้งใจเข้าไปด้วยกัน ทักษะทั้งสองไม่เพียงแต่จะไม่ปะทะกัน แต่เทคนิคทั้งสองกลับถูกรวมเข้าด้วยกันและทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับชางห่าย

 

ปากของชิงสุ่ยเปิดกว้างด้วยความตกตะลึง ความเร็วนี้ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับอาวุธลับที่เขาซ่อนอยู่ เขาจะสามารถจัดการกับคนที่ระดับการฝึกตนสูงกว่าเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่การหลบหนีก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน!

 

ชิงสุ่ยรู้สึกปิติยินดี เมื่อก่อนก้าวไร้วิญญาณของเขาไม่สามารถตามทันกับระดับการฝึกตนของเขาได้ จนกระทั่งมันพัฒนาขึ้นเป็นก้าวขจัดวิญญาณ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาเทคนิคการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆอีกเลย

 

ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าก้าวขจัดวิญญาณพัฒนาไปถึงระดับใดแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ฝึกฝนมันมาเป็นเวลานานแล้ว เขาไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบจนเมื่อเข้ามาเจอกับย่างก้าวอำพรางเมฆแห่งวังเทวโลก! อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่าก้าวขจัดวิญญาณจะสามารถรวมเข้ากันกับย่างก้าวอำพรางเมฆได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้ เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลถือได้ว่าเป็นศิลปะการฝึกฝนประเภทสนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่งในโลกใบนี้! การใช้สาระสำคัญของย่างก้าวอำพรางเมฆเป็นหลักในขณะที่ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากก้าวขจัดวิญญาณเป็นตัวสนับสนุนทำให้ความเร็วของเขาสามารถทะลุขีดจำกัดก่อนหน้านี้ได้และพุ่งไปถึงจุดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยยังไม่ทราบว่าก้าวขจัดวิญญาณของเขาอยู่ในระดับใด มันอาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างเช่นเดียวกับตอนกวางย่างก้าวและรูปลักษณ์พยัคฆ์ ตอนแรกเขาคิดว่าระดับขั้นสมบูรณ์เป็นจุดสูงสุดแล้ว แต่หลังจากที่เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกจากภาพวาดแกะสลักศิลาหินและภาพเขียนทั้งหมดเขา เขาก็ตระหนักว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

 

ดูเหมือนว่าระดับความกลมกลืนระหว่างสองเทคนิคการเคลื่อนไหวจะยังไม่สูงมากนัก ชิงสุ่ยใช้เวลาอีก 10 วันในดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขาโดยมุ่งเน้นไปที่เทคนิคดังกล่าว การทำงานอย่างหนักของเขาแลกมาซึ่งความรวดเร็วที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น "ฮ่าๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี" หลังจากการฝึกฝน ชิงสุ่ยได้พักผ่อนอยู่บนพื้นก่อนที่จะออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ

 

วันรุ่งขึ้นเมื่อชิงสุ่ยไปที่ลานสาธารณะเพื่อฝึกซ้อมตอนเช้า มีผู้คนอยู่หลายคนที่กำลังคุยเรื่องการท้าประลองที่เกิดขึ้นโดยคุณชายสองแห่งตระกูลกงซุนกับชิงสุ่ย แม้กระทั่งข่าวลือเรื่องที่ชิงสุ่ยเกี่ยวกับชางหวู่ย่าก็เริ่มแพร่กระจายไปโดยรอบ

 

"นั่นคือชิงสุ่ยคนที่บดขยี้กลุ่มของคุณชายสามแห่งตระกูลกงซุน เวลานี้บริเวณรอบๆอาจจะมีการแสดงที่น่าชมให้พวกเราได้ดูก็เป็นได้ ข้าสงสัยว่า ชิงสุ่ยจะยอมรับคำท้าจากคุณชายสองแห่งตระกูลกงซุนหรือไม่" มีผู้คนในฝูงชนพูดคุยด้วยความตื่นเต้น

 

"เขาจะไม่มีผู้ที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร เมื่อเขากล้าพูดไม่ดีกับแม่นางซือเยี่ย? แถมยังจัดการกับกลุ่มคนของคุณชายสามและแม้แต่ขู่ว่าจะหักขาของเขา เจ้าคิดว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านพลังที่ดีเช่นนั้นหรือ?" คนอีกผู้หนึ่งสุ่มตอบกลับมา

 

"ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นหลานชายที่หายตัวไปนานแล้วของสังฆราชชางหวู่ย่า" มีคนเสริมเพิ่มเติม

 

ชิงสุ่ยอยู่เงียบๆ

 

ชิงสุ่ยรู้ว่าหลังจากที่เขาถูกท้าทายโดยกงซุนเจี้ยนหยุ่น มันก็มีความที่เรื่องนี้อาจจะแพร่กระจายไปโดยกลุ่มของตระกูลกงซุน นี่คือการบังคับให้เขายอมรับคำท้า หลังจากเรื่องดังกล่าว เขาจะได้รับการรบกวนทางจิตใจจากสายตาของผู้คนภายนอกที่มองเขา? ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจพวกเขา เขาหันหน้าไปทางที่ดวงอาทิตย์ขึ้นขณะที่เขาหลับตาลงอย่างช้าๆ

 

 

เบิกญาณ!

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาพัฒนาเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ เขาเคยฝึกหมัดไทเก๊กและย่างก้าวอำพรางเมฆหลังจากที่เขาได้เข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยเข้าใจว่าการรับรู้ถึงข้อมูลเชิงลึกนั้นยังอยู่ห่างไกลจากการตรัสรู้ แต่ถึงกระนั้นผลจากข้อมูลเชิงลึกก็ยังช่วยเร่งความเร็วในการฝึกฝนและการฝึกตนขึ้นในระดับที่สูงมาก

 

เขาเคลื่อนไหวร่างกายไปตามเพลงหมัดไทเก๊กด้วยความเร็วที่ค่อนข้างช้ามากเมื่อเทียบกับวันก่อน มันถูกปกคลุมไปด้วยความลึกซึ้ง!

 

"มองไปที่ความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวสิ เมื่อเขาปล่อยหมัดออกไป ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะช้ามาก แต่กลิ่นอายที่แผ่ขยายออกมานั้นราวกับปล่อยหมัดออกมาถึง 10ครั้ง" บางคนถอนหายใจด้วยความชื่นชม

 

"เจ้าไม่เคยเห็นเขาในช่วงที่ปล่อยหมัดอย่างรวดเร็วมาก่อน ความเร็วในการโจมตีของเขาอย่างน้อยที่สุดก็เร็วราวกับฟ้าผ่า!"

 

-------------------------------------------------

 

หลังจากทานอาหารเช้านิดหน่อย ชิงสุ่ยก็มุ่งหน้าไปยังที่พักของชางหวู่ย่าและเมื่อเขามาถึง หญิงสาวทั้งสองก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับย่างก้าวอำพรางเมฆของพวกเธออยู่ พื้นที่ฝึกฝนที่จัดสรรไว้มีมากมายและให้ความรู้สึกสงบภายในสายลม จากระยะไกลนั้นภาพอันงดงามของหญิงสาวทั้งสองมีความสวยงามมาก ชางห่ายหมิงเยวี่ยดูเปล่งปลั่งมากขึ้นเมื่อเธอก้าวย่างและห่าวหยุนลิ่วลี่ก็ยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าปกติ

 

หลังจากได้เห็นท่าทางของชิงสุ่ยแล้ว ห่าวหยุนลิ่วลี่ก็โผล่เข้ามาหาด้วยรอยยิ้มและดึงชิงสุ่ยไปพร้อมๆกับเธอเพื่อร่วมกันฝึกฝน เครื่องหมายคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของเขา แต่เขาก็ปล่อยให้ตัวเองถูกดึงไป

 

"ลิ่วลี่ปรารถนาที่จะแข่งขันกับเจ้าด้วยความเร็ว" ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้ม

 

"แข่งขันด้านความเร็ว?" ชิงสุ่ยจ้องมองห่าวหยุนลิ่วลี่ด้วยความสับสน

 

"นางเพิ่งจะเข้าใจสาระสำคัญของ 'ความช้า' ในการก้าวย่างและรวมมันเข้ากับข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดของนางและแม้กระทั่งข้าก็ยังพ่ายแพ้ให้กับนาง" ชางห่ายหมิงเยวี่ยหัวเราะ

 

"อ่าาาาาา เจ้าต้องการแข่งขันกันอย่างไร" ชิงสุ่ยยิ้มกว้างและมองไปที่หญิงสาวทั้งสองที่กำลังเฝ้าดูเขาอย่างคาดหวัง

 

"จากที่นี่ไปถึงต้นสนตรงนั้น ลองดูว่าใครจะกลับมาก่อนกัน" ห่าวหยุนลิ่วลี่ชี้ไปที่ต้นสนขนาดใหญ่ประมาณสามร้อยเมตรเบื้องหน้า

 

"ตกลง เยี่วยเยี่วยเจ้าจะช่วยเป็นผู้ตัดสินได้หรือไม่? พวกเราจะเริ่มต้นเมื่อนางบอก"

 

ชิงสุ่ยและลิ่วลี่ยืนอยู่ที่แนวราบบนพื้นดินซึ่งมีเส้นขีดไว้โดยชางห่ายหมิงเยวี่ย เมื่อชางห่ายหมิงเยวี่ยประกาศเริ่ม ห่าวหยุนลิ่วลี่ก็รีบวิ่งออกไปด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเธอ

 

ชิงสุ่ยไม่รีบร้อนอะไร โดยเฉพาะเวลาที่เขาชื่นชมกับแก้มอันเต่งตึงของห่าวหยุนลิ่วลี่ที่กระปรี้กระเปร่า ก่อนที่เขาจะระเบิดพลังการเคลื่อนไหวออกมา ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้ย่างก้าวอำพรางเมฆเพียงอย่างเดียวและเขาก็ไม่ได้เข้าใจวิธีใช้ 'ความช้า' ของพวกเธอ แต่เขาใช้เทคนิคการรวมกันระหว่างก้าวขจัดวิญญาณและย่างก้าวอำพรางเมฆซึ่งส่งผลให้เกิดการระเบิดความเร็วจนพุ่งไปอยู่ข้างๆห่าวหยุนลิ่วลี่ ตราบเท่าที่เขาเหยียดมือออกเขาไป เขาก็สามารถกอดเธอเอาไว้ได้ในทันที

 

ห่าวหยุนลิ่วลี่ตกใจเป็นอย่างมาก เธอเริ่มวิ่งหลังจากชางห่ายหมิงเยี่วยพูดเพียงไม่กี่วินาที แต่ชิงสุ่ยกลับมาอยู่ข้างๆเธออย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงเคลื่อนไหวต่อไปในขณะที่ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความช้าเพื่อเติมเต็มความเร็วของเธอให้เต็มที่และนำเอาสาระสำคัญของย่างก้าวอำพรางเมฆเข้ามารวมด้วย

 

ชางห่ายหมิงเยวี่ยมีรอยยิ้มอันขมขื่นอยู่บนใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย จากสิ่งที่เธอเห็น ชิงสุ่ยใช้ก้าวทั่วไปของย่างก้าวอำพรางเมฆเท่านั้น ‘ก้าวทั่วไป’ เหล่านี้ถูกเรียกใช้เฉพาะเมื่อผู้ใช้ต้องการเดินทางในระยะทางไกลเท่านั้น มันเป็นขั้นตอนที่ยั่งยืนที่สุดในระยะทางไกลๆและใช้พลังงานน้อย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีบางอย่างที่แตกต่างกัน จากข้อสังเกตของเธอ ‘ก้าวทั่วไป’ ของชิงสุ่ยมีลักษณะคล้ายคลึงกับสาระสำคัญของ 'ก้าวช้าๆ' แต่ชางห่ายหมิงเยวี่ยก็ยังไม่รู้อย่างแน่นอนว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยใช้เป็นเพียง 'ก้าวทั่วไป' เพียงเท่านั้นหรือไม่!

รีวิวผู้อ่าน