ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 296 - ทำไมข้าต้องเกลียดเจ้า เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า การปรากฏตัวของดอกบัว
"ท่านลุงเยียน จงเยว่ของเจ้า เป็นพ่อของผู้หญิงคนนั้นหรือ?" ชิงสุ่ยจงใจถามว่าเพื่อต้องการความแน่ใจเล็กน้อยเยียน หลิงเก้อ
"อืมมมมมมมมน่าเสียใจที่เขาเสียชีวิตเมื่อพี่สาวชิงชิงอายุได้สิบขวบ!
"ผู้หญิงคนนั้นได้ขายใบชาอยู่ตามถนนตั้งแต่อายุสิบขวบหรือ?
"ไม่มีใครในในตระกูลดูแลนางเลยหรือ? "แล้วแม่ของนางละ?
"แล้วปู่ของนางล่ะ?" ชิงสุ่ยถามแบบงง ชิงสุ่ยรู้สึกว่าการเชื่อมโยงจากหลิงเก้อเป็นวิธีที่เร็วที่เขาจะเข้าใจเรื่องตระกูลเยียน
"ปู่ของนางไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเยียนมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เคยมีคนบอกว่าแม่ของพี่สาวชิงชิงอยู่ในที่ๆไกลมากๆ นี้เป็นเหตุผลที่พี่สาวชิงชิง อดทนมาเป็นเวลายาวนาน เพราะเธอเชื่อว่าแม่ของเธอจะกลับมาหาเธอ "
เยียน หลิงเก้อได้กล่าวออกมาพร้อมน้ำตา!
ชิงสุ่ย รู้สึกได้ว่าเยียน หลิงเก้อได้พูดออกมาจากใจจริง และดูเหมือนว่าเธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "พี่สาวของเขา”
ชิงสุ่ยยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เธอกำลังรออยู่ เขาไม่สามารถห้ามความคิดที่ต้องการจะมุ่งตรงไปตระกูลเยียนในทันที แต่เพราเหตุผลบางอย่างทำให้เขาปราบความคิดนี้ไว้
"ไม่นานหลังจากที่ท่านลุง จงเย่ว จากไปแล้วท่านหญิงเสี่ยวที่เป็นคนนั้นจากตระกูลเสี่ยว ก็ได้รับอำนาจอย่างรวดเร็วและได้ทำการควบคุมตระกูลเยียนบางส่วน แต่ผู้หญิงคนนี้ยังไม่พอใจกับเรื่องนี้ นางพึ่งพาการสนับสนุนจากตระกูล เสี่ยวและ นางนั้นพยายามโน้มน้าวท่านลุงใหญ่ของข้าอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วตระกูลเสี่ยว เป็นผู้ชักนำในการควบคุมของท่านลุงใหญ่และผู้หญิงคนนี้ที่มาจากตระกูลเสี่ยว "
เยียน หลิงเก้อโกรธอย่างมากอาจเป็นเพราะ ว่าเธอไม่อยากช่วยคนเหล่านั้นที่ได้รับความโหดร้ายและโหดเหี้ยมก่อนตายได้ ชิงสุ่ยเห็นญาติพี่น้องที่เขาไม่รู้จักตายลงในด้วยฝีมือผู้หญิงคนนี้
“ตระกูลเยียนไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรอ?”
"ตระกูลเยียนควรมีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่จงรักภักดีต่อตระกูล ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงปล่อยให้ผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำลายตระกูลเยียนละ ในขณะที่พวกเขาไม่ทำอะไรเลยหรอ? "
ชิงสุ่ย ตระหนักว่าสิ่งต่างๆนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด ก่อนหน้านี้เขาเตรียมพร้อมที่จะไปที่ตระกูลเยียนหลังจากที่เขาก้าวเข้าข้ามไปในระดับเทวะเซียนเทียนแล้ว ความคิดเกี่ยวกับมันทำให้เขารู้สึกว่าเขานั้นยังคงเป็นเด็กน้อยเท่านั้น
ตอนนี้เขารู้ สายสัมผัสของตระกูลเยียนนั้นไม่ดีเท่าที่ควร พวกเขานั้นห่างเหินกันอย่างมาก
"ท่านปู่ได้มอบตระกูลให้แก่ท่านลุงใหญ่ของข้าและจะไม่ออกมายุ่งเว้นเสียว่ามีประเด็นสำคัญๆจริง และถึง มีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่อาศัยอยู่ในตระกูลเยียน แต่ก็แปลก พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับคนบางคนจนไม่กล้าทำอะไร "หลิงเก้อกล่าวว่าด้วยความงวยงง
“ใครกัน?”
"ไม่ใช่ว่าตระกูลเยียนคือตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในเมืองเยียนหรอกหรือ" ชิงสุ่ยรู้สึกว่าคน ๆ นี้ต้องเป็นคนสำคัญอย่างแน่นอน
"เขาคือผู้นำตระกูลเสี่ยว เสี่ยวจือสุ่ย มีข่าวลือว่าเขาเป็นคนความสำคัญของนิกายๆหนึ่งและนิกายนี้ไม่ใช่ที่นิกายใดสามารถที่จะรุกรานได้ "หลิงเก้อกล่าวอย่างกังวล
“แล้วทำไมพี่สาวชิงชิงถึงต้อง ออกมาขายใบชาละ? หนุ่มสาวจาก ตระกูลเยียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้อย่างไร? "ชิงสุ่ย ตระหนักว่าจนถึงขณะนี้เขายังไม่เข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงถามออกไป
“เมื่อสี่ปีที่ผ่านมาพี่สาวชิงชิงอายุสิบหกปี อาวุโสหนุ่มของตระกูลเสี่ยว ต้องการให้พี่สาวชิงชิงไปเป็นนางสนมของเขาและ ท่านหญิงเสี่ยวก็ได้ตกลงกันในนามของเขา จากนั้นท่านหญิงก็ได้ไปตกลงกับรองผู้นำตระกูล แต่พี่สาวชิงชิงทำการต่อต้าน นางจึงเตะลงบนส่วนที่สำคัญที่สุดของอาวุโสหนุ่มของตระกูลเสี่ยว ก่อนที่จะนำมาซึ่งสาเหตุที่ทำให้นางต้องไปขายใบชา ... "
ชิงสุ่ย รู้ว่าเธอต้องเตะส่วนสำคัญของชายคนนั้น แต่เขารู้ว่าอาวุโสหนุ่มของตระกูลเสี่ยวยังคงปกติดี เพราะชิงสุ่ยได้เห็นเขาเมื่อมาถึงมหาทวีปเมฆามรกต
"แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?"
“หลังจากนั้นพี่สาวเสี่ยว ถูกไล่ออกมาโดยท่านหญิงเสี่ยว คนที่ต้องการให้เธอชีวิตเหมือนชีวิตของคนขอทานคนหนึ่ง เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอเคยมีชีวิตที่ดีมากแค่ไหนในอดีต เธอเคยได้เพลิดเพลินกับเสื้อผ้าที่ดีและ อาหารที่ดี พวกเขาหวังว่าเรื่องนี้จะทำให้พี่สาวชิงชิงเปลี่ยนความคิดของเธอ แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังพี่สาวชิงชิงจะยังคงใช้ชีวิตเช่นนี้เป็นเวลาสี่ปีมาแล้วไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน ก็ตาม"
ชิงสุ่ยก็ได้คิดถึงคนที่ชื่อ กั่วโผหลูในขณะที่ ชิงสุ่ย ไม่เคยเจอเขามาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยลืมชื่อของเขา เช่นเดียวกันชิงสุ่ยไม่มีทางลืมตระกูลเยียนและเสี่ยว ด้วยเนื่องจากนี้ไปตระกูลทั้งสองเป็นตระกูลที่เขาตั้งใจจะกำจัด
"ข้าหวังว่าเมื่อถึงวันนั้นมาถึง คนใจดีเช่นเจ้า จะไม่เกลียดข้า"ชิงสุ่ยกล่าวและยิ้มเบา ๆ
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นของชิงสุ่ย เธอกล่าวว่า "น้องชายชิงสุ่ยนั่นจะไม่เกิดขึ้นเป็นแน่ ข้าจะเกลียดเจ้าทำไม? " ชิงสุ่ยได้บอกล่าเธอก่อนที่จะถอนหายใจออกมาโดยไม่สามารถห้ามได้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาที่ควรใกล้ชิด
"วันหนึ่งเจ้าจะร้องไห้เพราะข้าและเจ้าเกลียดข้า เราควรที่จะไม่รู้จักกัน มันจะทำให้เจ้ารู้สึกแย่น้อยลง "ชิงสุ่ย ส่ายหัวและเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ
เขานึกถึงคำพูดของ หลิงเก้อ เขาคิดว่าตอนนี้ "พี่สาว" ไม่มีใครที่จะพึ่งพาอีกแล้ว ชิงสุ่ยเริ่มคิดว่าบ้างที่เยียน จงเย่วนั้นดีกับเธอและเขานั้นก็รักแม่ของชิงสุ่ยอย่างมาก แน่นอนเขาได้ดูแลลูกสาวของเขาอย่างดี ดูเหมือนว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ก็น่าเสียดายที่เขานั้นเสียชีวิตไปแล้ว คิดถึงเรื่องนี้ชิงสุ่ยก็อยากร้องไห้ออกมาอย่างฉับพลัน เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้
อาจเป็นเพราะเขาเกลียดพ่อของเขามากจนไม่สามารถระบายความเกลียดชังของเขาออกมา ...
สิ่งเหล่านี้ชั่งน้ำหนักหน่วงหัวใจของชิงสุ่ยอย่างมากราวกับว่าเป็นภูเขาขนาดใหญ่ได้ทับลงมาที่ใจของเขา การบ่มเพาะ มันสามารถช่วยให้เขาลืมทุกอย่าง โดยการมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะเท่านั้น
เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็คิดถึง เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ที่เขาละทิ้งมันไปนาน
นับตั้งแต่ที่เขาทะลวงเข้าสู่ชั้นที่ 4 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล เขาได้ละทิ้งการฝึกเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ในเวลาที่ชิงสุ่ยได้ก้าวเข้าสู่ปราณเทวะเซียนเทียน เขารู้สึกว่าข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของ เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า คือการทำหน้าที่ช่วยให้เขาสามารถช่วยในการบ่มเพาะเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาได้
คิดถึงเรื่องนี้ชิงสุ่ยได้ตระหนักว่ามีหลายๆอย่างหลายๆสิ่งที่สามารถส่งผลที่ไม่น่าเชื่อได้ในบางช่วงเวลา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะบ่มเพาะเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าของเขาต่อไปเพื่อที่จะบรรลุเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าขั้น 9
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ทักษะนี้เท่าไร แต่ชิงสุ่ย ก็ไม่ได้หยุดที่จะฝึกฝนมัน เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าเป็นจำนวนครั้งนับไม่ถ้วน
แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ของเขาแล้ว เขากลับตระหนักว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าของเขาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในบรรดาสมาชิกรุ่นสามของตระกูลชิง
ในขณะนี้ ปราณของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลที่แข็งแรงกว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า เริ่มค่อยๆหมุนเวียนไหลผ่านเส้นพลังปราณในรางก่ายของชิงสุ่ย มันได้แพร่ ปราณของเขาเข้าไปในเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า แต่ค่อยๆแพร่เข้าไปในเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะก่อนหน้านี้เขาได้ฝึกฝนทั้งสองด้วยกันมาก่อน
แต่คราวนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกันมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถระบุได้มันได้ เขาเพิ่งรู้สึกว่าก่อนหน้านี้มีหลายส่วนที่ดูเหมือนไม่ราบเรียบ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังไหลอย่างราบรื่นโดยปราศจากความต้านทานใด ๆ
ความรู้สึกคล้ายกับการกินไอศกรีมในช่วงฤดูร้อนที่แผดเผา มันทำให้รูขุมขนของเขาถูกชำระล้างออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยไม่รู้สึกแปลกใจ แต่รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ควรเป็น
ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่เขาประสบความสำเร็จในเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลและเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า ของเขาก็จะได้รับการพัฒนาในระดับที่ใกล้เคียงกัน คราวนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าแม้ว่าจะไม่มีการพัฒนาอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถบรรลุเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าจุดสูงสุดของระดับที่ 4 ได้ ย้อนกลับไป ชิงสุ่ยละทิ้งเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า หลังจากที่ไปถึงระดับที่ 4
คราวนี้การฝึกของชิงสุ่ยเป็นไปโดยราบรื่นและเขารู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังกำลังจะเปลี่ยนไป มันทำให้เขานั้นไม่รู้สึกตัว
ราวกับว่าเขาลืมเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั้งเวลา เขาไม่เคยคาดหวังที่เข้าไปในห้วงสมาธิ แม้กระทั่งตอนที่เขาเพิ่งฝึกเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า แต่มันกลับการเป็นว่าเขาได้เข้าไปในห่วงสมาธิโดยไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และทันใดนั้นเขาลุกขึ้นยืนด้วยขณะที่กำลังหลับตา มือของเขาได้สร้างเครื่องหมายดอกบัวออกมา มันเงียบมากจนไม่มีเสียงเกิดขึ้นในตอนนั้น
หลังจากที่สร้างมันขึ้นด้วยมือของเขา ชิงสุ่ยก็เปิดตาขึ้น ดอกบัวสีทองขนาดของอ่างล้างหน้าปรากฏตัวต่อหน้าเขา
มันคือดอกบัวที่มีเก้ากลีบ!
ชิงสุ่ยมองไปที่ดอกบัวสีทองที่เปล่งประกายระยิบระยับซึ่งอยู่ข้างๆตัวเขา มันนั้นสวยราวกับว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา มันนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง ชิงสุ่ยค่อยๆเอื้อมมือออกไปที่มัน
ชิงสุ่ยเอื้อมมือออกไปช้าๆเพราะกลัวว่ามันจะหายไปเมื่อเขาสัมผัสมัน!
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างเขากับดอกบัว เมื่อใช้มือสัมผัสกับดอกบัวสีทอง เขาสามารถใช้มือของเขาสัมผัสกับดอกบัวสีทองนี้ได้
"มันเป็นของหายาก!"
แม้ว่าเขาก็ยังประหลาดใจกับมัน มันเป็นอะไรที่หน้าพิศวงอย่างมาก มันนั้นดูโปร่งแสง!
ชิงสุ่ย ใช้การเชื่อมต่อที่เบาบางในการควบคุมดอกบัวอย่างช้าๆและเขาก็พบว่ามันสามารถนั้นเคลื่อนย้ายได้ มันเป็นเพียงพลังๆหนึ่งของเขามันคือ "พลังศักดิ์สิทธิ์" ที่เกิดในตันเถียนของเขา สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีอย่างมาก
เขาคิดว่าดอกนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อสามารถฝึกเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าไปถึงระดับที่ 7อาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ แต่เขาได้ฝึกเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าถึงระดับที่ 4อาณาจักรพลังปราณนักรบเท่านั้น!
"นี้ไม่ถูกต้อง!"
ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
สีของดอกบัว!
ดอกบัวนี้ควรจะเป็นสีขาว แต่ตอนนี้มันกับเป็นสีทอง ชิงสุ่ยยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงงและมองไปที่ดอกบัวซึ่งอยู่ข้างหน้าเขาที่เปล่งแสงจาง ๆออกมา
ชิงสุ่ยควบคุมการเคลื่อนไหวของดอกบัว แล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวมัน เกิดเสียงของดอกบัวได้ตัดผ่านอากาศออกมา
เขารู้สึกว่าดอกเบาสีทองที่อยู่ในการควบคุมที่สมบูรณ์ของเขานั้นเบามาก ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่ายิ่งเขาได้ถ่ายปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลลงไปที่มันมากเท่าไร มันยิ่งเบามากขึ้น แต่เขากับอ่อนแรงมากขึ้นเช่นกัน
มันเหมือนกับที่แม่ของเขาพูดว่ามันสามารถใช้สำหรับการโจมตีและการป้องกัน แต่มันก็มีข้อจำกัดถ้าใช้มันเป็นอาวุธมันจะถูกจำกัดในเรื่องระยะทาง มันไม่สามารถใช้ห่างออกสองเมตรจากที่เขายืน
หลังจากชิงสุ่ยตัดความสัมพันธ์ของเขากับดอกบัวสีทองสี แสงสีทองมันค่อยๆเลือนหายไป มันได้เลือนหายไปในอากาศ
นี่เหมือนกับการควบปราณเทวะเซียนเทียน!
เคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้า มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม?
ชิงสุ่ยไม่สามารถหยุดคิดได้ว่า นี่เป็นเพราะเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขา การที่เขาได้ประสบความสำเร็จของดอกบัว9กลีบมานั้น มันนั้นทำให้เขามีความสุขอย่างมาก เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของมัน
อืมมมม หนึ่งดอก?
ชิงสุ่ยสร้างมันขึ้นมาอีกครั้งและมีดอกบัวสีทองปรากฏออกมา จากนั้นเขาก็ควบคุมการเชื่อมต่อกับดอกบัวดอกนั้นและสร้างมันขึ้นมาที่อีกมือหนึ่ง
อีกดอกก็เป็นสีทอง!
...
เขาได้สร้างมันต่อไป ปรากฏว่าเขาสามารถสร้างมันได้แค่สี่ดอกเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถสร้างดอกที่ห้าออกมาได้ ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าระดับที่สี่ สามารถสร้างดอกบัวได้เพียงแค่4 ดอกเท่านั้น ในตอนนี้เขาต้องการทดลองดูว่าเขาสามารถควบคุมมันได้กี่ดอก
ชิงสุ่ยยิ้มออกมาเมื่อมองแถวดอกบัวสีทองที่วางเป็นแถวข้างหน้าเขา เพียงหนึ่งดอกก็สวยงามอย่างมากแล้ว และตอนนี้มันมีถึงสี่ พวกมันคล้ายดอกไม้เป็นร้อยๆดอกที่กำลังเบ่งบาน มันเป็นอะไรที่ที่สวยงามมาก!
ชิงสุ่ยพยายามที่จะควบคุมดอกไม้ทั้งสี่ดอก แต่เมื่อเขาเคลื่อนไหว ความเชื่อมโยงกับดอกบัวมันได้แตกออกไปสองดอก ในขณะที่เขาพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมอีกสองดอกที่เหลือ ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกว่ามันง่ายในการควบคุมเพียงหนึ่งดอกในก่อนหน้านี้ แต่การควบคุมสองดอกพร้อมกันมันยังคงเรื่องที่ยากสำหรับเขา ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ ชิงสุ่ยนั้นเป็นคนขยันหมั่นเพียร
ชิงสุ่ยค่อยๆค้นพบว่าการใช้พลังจิตวิญญาณ เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นไปได้ ซึ่งมันสามารถช่วยให้เขาสามารถทำอะไร สอง สามหรือแม้กระทั่งสี่สิ่งในครั้งเดียว ...